Group Blog
 
All blogs
 

ตามเสียงหัวใจ - คาราบาว


ตามเสียงหัวใจ


ศิลปิน - คาราบาว





ไม่มีใครมองถนนที่วางอยู่ข้างหน้า
แล้วตั้งคำถามว่ามันจะพาไปที่ใด
แต่เมื่อฉันกอดเธอ ฉันเห็นทุกหนแห่ง
ที่ถนนจะพาไป

ถ้าใครยังรอยังคอยให้ใครมากำหนด
โลกเราวันนี้ก็ชวนรันทดในหัวใจ
หันมองไปทางใด ไม่มีใครอยากฝัน กันอีกต่อไป

* ไม่คิดตามเขาเมื่อเรารู้ว่า เรามาถูกทาง
อย่ามองย้อนหลัง โว้โว้.. จับมือกันไว้

** ไปขับขี่สายลมกันเถอะ
บนถนนสายเก่าคืนนี้
ตามเก็บฝันของเรากันเถอะ
ปล่อยทิ้งวางทุกอย่างตรงนี้
เมื่อหัวใจของเราร้องเรียก
ถ้าเราไม่ออกไปตอนนี้
เราอาจไม่มีวันรู้ว่า
รักและฝันของเราคุ้มค่าเพียงไร

แม้มีคนทักว่ารักและฝันนั้นอันตราย
คล้ายก้าวเข้าหากองไฟร้อนรุ่มและหลุมพราง
จะสนใจไม่ทำไมตราบสุดท้ายปลายทาง
คือฉันและเธอ

ซ้ำ * , **


ฟังเพลงนี้แล้วโดนใจ บางครั้งเรามาถึงทางแยกของชีวิต ก็ต้องเลือกไปสักทางหนึ่ง หนทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ แต่เมื่อเลือกที่จะเดินมาทางนี้แล้ว ก็ต้องพร้อมที่จะรับมือกับทุกอย่างที่จะเข้ามา

เนื้อเพลงเยี่ยมมาก





 

Create Date : 22 กันยายน 2550    
Last Update : 6 พฤศจิกายน 2552 1:57:32 น.
Counter : 3670 Pageviews.  

คิดถึงเหลือเกิน - มาลีวัลย์ เจมีน่า


***ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บ BlogGang.com ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้

ห้ามทำ
- การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้
- การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น

สามารถทำได้
- เผยแพร่เนื้อเพลง โดยต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน
- การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง (ร้องคาราโอเกะ, bloggang ร้องเพลง) โดยต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน***


เนื่องจากประกาศดังกล่าว เจ้าของบล็อคจึงต้องขอเอาเพลงออก เหลือไว้แต่เนื้อเพลงนะจ้ะ

คิดถึงเหลือเกิน


ศิลปิน - มาลีวัลย์ เจมีน่า

ไกลอาจจะไกลแสนไกล
อาจจะไกลจนสุดสายตา
เราห่างกันอาจจะไกลสุดฟ้า
อาจจะเกินที่จะพบกัน

แต่ความห่างไกลไม่เคยห้ามใจ
ที่ยังคิดถึงส่งไปให้ถึงใจเธอ
อยากจะบอกเธอ
คิดถึงเธอเหลือเกิน

ยังไม่ลืมที่ได้เคยใกล้กัน
ไม่ลืมวันและคืนนั้นเลย
ยังไม่ลืมที่เราคุ้นเคย
ที่เราผูกพันก่อนจากกัน
จนไกลแสนไกล

แต่ความห่างไกลไม่เคยห้ามใจ
ที่ยังคิดถึงส่งไปให้ถึงใจเธอ
อยากจะบอกเธอ
คิดถึงเธอเหลือเกิน

แต่ความห่างไกลไม่เคยห้ามใจ
ที่ยังคิดถึงส่งไปให้ถึงใจเธอ
อยากจะบอกเธอ
คิดถึงเธอเหลือเกิน
อยากบอกเธอ คิดถึงเธอเหลือเกิน


คิดถึงกันให้เต็มที่เลยนะ




 

Create Date : 14 กันยายน 2550    
Last Update : 6 พฤศจิกายน 2552 1:58:01 น.
Counter : 632 Pageviews.  

ตลอดเวลา - พงษ์สิทธิ์ คัมภีร์


ตลอดเวลา

ศิลปิน - พงษ์สิทธิ์ คัมภีร์





พักสายตา เถอะนะคนดี
หลับลง ตรงนี้ ที่ที่มีแต่เราสองคน
ผ่านเรื่องราวผ่านงานผ่านคน
สับสน หลายความ
บางเวลาต้องการสักคน
ไว้คอย ปลอบใจ เข้าใจ พูดคุย

ความรักเอยงดงามอย่างนี้
จนชั่ว ชีวี โหยหาความรักไม่เคยพอ
อยากให้เธอเคียงข้างอย่างนี้
บอกรัก อีกที อยู่ใกล้กัน ตลอดเวลา

* พัก กาย พักใจ หลับตา ฝันดี
รัก เอย รักที่ เข้าใจ ถึงกัน

(*,*,*)


ฟังแล้วอยากไปทะเล ขอไปแบบ 2 คนพ่อบ้านแม่บ้านนะ แบบมีตัวยุ่ง 2 ตัวพันแข้งพันขาไม่เอานะ สงสัยคงได้แต่ฝัน




 

Create Date : 05 กันยายน 2550    
Last Update : 6 พฤศจิกายน 2552 1:58:35 น.
Counter : 809 Pageviews.  

หนี้รัก - มาลีวัลย์ เจมีน่า


***ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บ BlogGang.com ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้

ห้ามทำ
- การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้
- การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น

สามารถทำได้
- เผยแพร่เนื้อเพลง โดยต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน
- การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง (ร้องคาราโอเกะ, bloggang ร้องเพลง) โดยต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน***


เนื่องจากประกาศดังกล่าว เจ้าของบล็อคจึงต้องขอเอาเพลงออก เหลือไว้แต่เนื้อเพลงนะจ้ะ

หนี้รัก


ศิลปิน - มาลีวัลย์ เจมีน่า

หากจะรักแล้ว รักใคร ก็จง รักเถิด
ความรักบรรเจิด พริ้งเพริด หนักหนา
ชีวิตคนเรา นั้นสั้น เหลือคณา
อย่า รอ ช้า ปล่อยเวลาให้ผ่านเลยไป

หากมีหนี้แล้ว ขอให้ เป็นหนี้ รักเถิด
ดอกเบี้ยที่เกิด คือพลังรัก พิไล
รักเธอเสมอ รักเธอ จากดวงใจ
ยอดพิศมัย หลอมอยู่ใน กาย เธอ

หากวันใด ที่แสงทองของ ชีวิตผ่าน
โลกตระการ จะมืดครึ้ม หมองเหม่อ
วาระนั้น จะได้อดีตไฟรักปรนเปรอ
หล่อเลี้ยง บำเรอ ต่อชีวิตให้ชื่น บาน

หากเป็นหนี้แล้ว ขอให้ เป็นหนี้ รักเถิด
หนี้รักบรรเจิด พริ้งเพริด แสนหวาน
รักกันเสมอ แม้เวลา ผัน ผ่าน
สองเราสราญ เพราะหนี้รัก สลักใจ


เรื่องย่อละคร "หนี้รัก"

เวลาโพล้เพล้ใกล้อาทิตย์จะลาโลก บ้านสวนเมืองนนท์เหมือนถูกสาปให้นิ่งสงัด…มีแต่เพียงลมหายใจคุณปู่ที่กำลังจะจากไป ไหวโรยรินเพื่อสั่งลา“วุฒิ”(ไพโรจน์ สังวริบุตร) ลูกชายคนเดียวให้ดูแล ครอบครัวของเขาให้ดี พร้อมถามหา“นุช” หลานสาววัยเยาว์ให้มาหา… แต่ในขณะนั้น นุชกลับเล็ดลอดหนีทุกคนไปเล่นริมน้ำแล้วพลัดตกน้ำไป…คุณปู่สิ้นใจไปโดยไม่ทันเห็นหน้านุช และบ้านสวนเมืองนนท์เกือบจะเกิดโศกนาฏกรรมเป็นครั้งที่สอง ถ้า “ลุงแสม(สีเทา), ลุงช่วย(ถนอม นวลอนันต์), ลุงมี(บังเละ)” สามเฒ่าข้าเก่าของ “คุณย่า” ช่วยนุชไว้ไม่ทัน..

ลุงแสม ลุงมี ลุงช่วย พานุชไปเก็บละมุดในสวน ทำให้นุชได้เจอกับ “รังสี” หรือพี่ “ตุ่ม” เด็กชายวัยสิบขวบ ลูกชายข้าหลวงที่แวะมาเที่ยว พี่ตุ่มล้อนุชด้วยความเอ็นดู แต่นุชกลับโกรธและรู้สึกไม่ถูกชะตากับพี่ตุ่มเลย นุชจึงเปิดฉากสงครามย่อย ๆ ด้วยลูกละมุดจนทั้งสองฝ่ายเลอะเทอะ จนกระทั่งนุชอายุถึงเกณฑ์ไปโรงเรียน นุชได้รู้จักกับ “อธิติ” (หนูอ้น) เพื่อนคนแรกในชีวิต เพราะนุชช่วยหนูอ้นให้พ้นจากการรังแกของ “แกละ” จอมเกเร หนูอ้นมักจะพูดชื่นชมพี่ชายต่างสายเลือดของตัวเองเสมอ ทำให้นุชพลอยชื่นชมไปด้วย แล้วความจริงก็ปรากฏในวันที่ หนูอ้นไม่สบายและพี่ตุ่มมารับ นุชแทบช็อคเมื่อรู้ว่าคู่แค้นในอดีตคือพี่ชายคนดีของหนูอ้น นุชยังผูกใจเจ็บพี่ตุ่มอยู่ จนวันที่ลุงมี จากไปด้วยโรคท้องร่วง พี่ตุ่มเป็นคนปลอบใจให้นุชรู้จักกับการพลัดพรากชั่วนิรันดร์นี้ จากนั้น พี่ตุ่มก็เหมือนแขกประจำบ้านสวนเมืองนนท์ และมิตรภาพของทั้งสองเจริญเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นความผูกพันที่ยากจะลบเลือน

การพลัดพรากที่ยิ่งใหญ่ของนุชเกิดขึ้น เมื่อแม่(เพ็ญพักตร์ ศิริกุล) ของเธอจากไปอย่างไม่มีวันกลับ พ่อตัดสินใจให้นุชไปเรียนโรงเรียนประจำในกรุงเทพฯ นุชกลับเข้าใจว่าไม่มีใครรัก และแผลงฤทธิ์จนทุกคนอ่อนใจ จนพี่ตุ่มมาและบอกให้นุชเข้มแข็ง ทำตัวให้มีค่า เพื่อรอวันที่เขากลับมาจากการไปเรียนต่อเมืองนอก นุชให้สัญญาว่าจะไปเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯ ตามที่พี่ตุ่มขอร้อง

เวลาผ่านไป 12 ปี นุช(คัทลียา แมคอินทอซ)กลายเป็นสาวสวย บัณฑิตใหม่จากคณะอักษรศาสตร์ ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมานุชไม่เคยกลับไปที่บ้านสวนเลย เมื่อนุชกลับไปถึงบ้านสวน จึงได้รู้ว่า..ย่า(พิศมัย วิไลศักดิ์) กำลังป่วยหนัก แต่ห้ามไม่ให้ใครส่งข่าวเพราะกลัวนุชจะกังวล นุชต่อว่าทุกคน ท้ายที่สุดย่าก็สิ้นใจอยู่ในอ้อมแขนนุช นุชเสียใจมาก “จินตนา” (อำภา ภูษิต) ภรรยาใหม่ของพ่อพยายามปลอบโยนเอาใจนุชกลับมึนตึงใส่ แต่ความน่ารักน่าสงสารของ “กุ้ง” น้องชายต่างมารดาก็ทำให้ทิฐิของนุชลดลงไป

เช้าวันใหม่พออรชุนตามมา พี่ตุ่มกลับบอกให้อรชุนมาจัดการดูแลนุชแทนและขอตัวกลับไป นุชได้แต่มองตามน้อยใจ อรชุนพานุชและครอบครัวไปอยู่ที่บ้านเช่าของเขา นุชจำยอมแต่สัญญาว่าจะจ่ายค่าเช่าให้อรชุนจนครบ พ่อของนุชตัดสินใจขายบ้านสวน เพื่อนำเงินมาซื้อบ้านใหม่ นุชเสียดายแต่จำใจต้องยอมรับ

พี่ตุ่มมาตามนุชไปเยี่ยมหนูอ้น หนูอ้นขอร้องให้นุชช่วยเลี้ยงตาหนูให้สักระยะ เพราะตอนนี้อาการโรคหัวใจกำเริบ นุชขัดคนป่วยไม่ได้ ความน่ารักน่าชังของตาหนูทำให้กำแพงในใจของนุชพังทลายลงไปได้ พี่ตุ่มถือโอกาสมาเยี่ยมตาหนูที่บ้านนุชเสมอ นุชทำใจอย่างหนักที่ต้องใกล้ชิดพี่ตุ่ม จนกระทั่งหนูอ้นอาการโคม่าเธอขอร้องให้นุชช่วยดูแลพี่ตุ่มและตาหนูลูกของเธอด้วย เพราะเธอรู้มาตลอดว่า พี่ตุ่มรักนุชแต่เธอเองก็อดที่จะเห็นแก่ตัวไม่ได้เพราะเธอเองก็รักพี่ตุ่มเช่นกัน นุชอึ้งนึกไม่ถึง หนูอ้นคะยั้นคะยอให้นุชรับปากก่อนที่จะจากไปอย่างสงบ

ในงานสวดศพหนูอ้น…นุชและพ่อได้รับการต้อนรับอย่างเสียไม่ได้จากญาติ ๆ ของหนูอ้นเพราะทุกคนคิดว่านุชคือต้นเหตุการตายของหนูอ้นเพราะต้องการแย่งพี่ตุ่มไปจากหนูอ้น นุชทนไม่ได้เลยประกาศกับทุกคนว่า เธอกำลังจะแต่งงานกับอรชุน ทำให้พี่ตุ่มเสียใจมากขอรับตาหนูคืนไปและลางานอย่างไม่มีกำหนด นุชเองก็ทำงานอย่างซังกะตาย อรชุนย้ำถามเรื่องแต่งงานแต่นุชบ่ายเบี่ยง อรชุนจึงบอกว่าเขารู้มาตลอดว่านุชรักใคร และขอให้นุชยอมรับใจตัวเอง

ตาหนูไม่สบาย ถูกส่งตัวมาที่กรุงเทพฯ พี่ตุ่มตัดสินใจพาตาหนูมาฝากเลี้ยงไว้กับนุชอีกครั้ง นุชเห็นแก่คำสัญญาที่เคยให้ไว้กับหนูอ้นจึงรับปาก พี่ตุ่มกลับมาทำงานเหมือนเดิม และแสดงความยินดีกับอรชุนที่จะได้แต่งงานกับนุช อรชุนเลยบอกว่าเขากับนุชเป็นได้แค่เพื่อนที่ดีต่อกันเท่านั้น หัวใจของนุชมีพี่ตุ่มเพียงคนเดียว พี่ตุ่มรีบไปหานุชที่บ้านด้วยความดีใจ แต่นุชก็ยังใจแข็งไม่ยอมรับ

ขณะนั้น กุ้งอุ้มตาหนูลงบันไดมาแล้วเสียหลักล้ม นุชรีบวิ่งเข้าไปรับตัวตาหนูกับกุ้งไว้ ทำให้เธอบาดเจ็บหมดสติไปในห้วงแห่งความเป็นความตาย นุชได้ตระหนักว่า ผู้ที่ครองหัวใจของเธอเอาไว้ ไม่ว่ายามหลับหรือตื่นมีเพียงคนเดียวเท่านั้น ทำให้นุชรู้ว่าไม่อาจจะปฏิเสธหัวใจตัวเองต่อไปได้อีก ในที่สุด หนี้รักของเธอก็ได้รับการชดใช้ ด้วยหัวใจรักที่มั่นคงของเธอและคนที่เธอรัก





 

Create Date : 29 สิงหาคม 2550    
Last Update : 6 พฤศจิกายน 2552 1:59:35 น.
Counter : 3142 Pageviews.  

อสงไขย - The Sis, ลาวม่านแก้ว


อสงไขย

ศิลปิน - The Sis




ปล่อยความคิดถึง ปลิวไปในอากาศ
ล่องลอยหัวใจสะอาด ลอยไปแสนไกล
กรุ่นกลิ่นบุหงา พัดมาด้วยรักจากใจ
เพียงหวังให้ถึงใคร คนที่รอคนนั้น

ส่งความคิดถึง ปลิวไปในอากาศ
คิดถึงใจจะขาด เธออาจไม่เข้าใจ
แค่อยากให้รู้ ไม่ได้ต้องการสิ่งใด
เธอไม่ต้องคืนใจ ถ้าเธอไม่ต้องการ

ฝากเป็นเพลง ให้ลอยเล่นลมไป
ล่องลอย ผ่านไปถึงเธอ
แม้จะเนิ่นนาน ยังรักเธอ
ตราบนาน อสงไขยเวลา

หากเพลงคิดถึง ที่ปลิวไปในอากาศ
เพียงถ้ามันพลั้งพลาด ไปไม่พบเธอ
ให้บทเพลงนี้ ล่องลอยเรื่อยไปเสมอ
รอซักวันที่เจอ คนที่เขาต้องการ

ฝากเป็นเพลงให้ลอยเล่นลมไป
ล่องลอย ผ่านไปถึงเธอ
แม้จะเนิ่นนาน ยังรักเธอ
ตราบนาน อสงไขยเวลา

แม้จะเนิ่นนาน ยังรักเธอ
ตราบนาน อสงไขยเวลา


จากบทประพันธ์ของ "ว.วิจฉัยกุล" นักเขียนในดวงใจของหลาย ๆ คน มาสู่ละครที่ประทับใจหลาย ๆ คนไม่แพ้กัน เพลง "อสงไขย" เป็นเพลงประกอบ "แต่ปางก่อน" ในเวอร์ชั่นของศรราม เทพพิทักษ์ กับ แอน ทองประสม

หลายคนฟังชื่อเพลงแล้วก็สงสัยว่า "อสงไขย" แปลว่าอะไร ดิฉันเลยไปหาข้อมูล เมื่ออ่านความหมายแล้วก็ต้องหวนกลับไปคิดว่า การที่รักใครสักคนตราบชั่ว "อสงไขย" คงจะรักมากล้นเหลือคณา

ดิฉันขอแถมเรื่องย่อ และเพลง "ลาวม่านแก้ว" ไว้ในนี้ด้วยเลยแล้วกันนะคะ

***************

เรื่องย่อ "แต่ปางก่อน"

พ.ศ. 2490 “ราชาวดี” สาวน้อยวัย 17 ปี เมื่อจบการศึกษาแล้วก็ได้เดินทางมาที่โรงเรียนกุลนารี เพื่อสมัครเป็นครูตามความประสงค์ของมารดาที่ล่วงลับไปแล้ว “กาบทอง” อาจารย์ใหญ่ประจำโรงเรียนรับราชาวดีเข้าเป็นครูด้วยความเต็มใจ เพราะเธอกับแม่ของราชาวดีเคยรู้จักกันมาก่อน นับแต่ก้าวแรกที่ราชาวดีเหยียบย่างเข้ามาในเขตโรงเรียนซึ่งเป็นวังเก่าก็รู้สึกแปลก ๆ เพราะเหมือนมีใครตามเธออยู่ห่างๆ และยิ่ง “ถวิล” เพื่อนสนิทของเธอเล่าถึงความน่ากลัวของเสด็จในกรมฯ และท่านชายรังสิธรผู้เป็นโอรสและเจ้าของวัง ซึ่งล่วงลับไปแล้ว ยิ่งทำให้ราชาวดีสนใจวังนี้มากขึ้นไปอีก คืนแรกที่ราชาวดีเข้าพัก เธอก็ได้ฝันถึงวังอันรโหฐาน และเพลงไทยเดิมที่ชื่อ “ลาวม่านแก้ว” อันแสนไพเราะ และชายหนุ่มที่เรียกเธอว่า “เจ้านางน้อย” แต่ไม่ทันได้เห็นหน้าผู้ชายคนนั้นราชาวดีก็สะดุ้งตื่นเสียก่อน

ราชาวดีต้องการหาคำตอบว่าสิ่งที่เธอฝันนั้นคืออะไร จึงแอบเข้าไปในวังซึ่งถูกทิ้งร้างมานานจนทรุดโทรม ที่นั่นราชาวดีได้พบกับ “จางวางจัน” ข้ารับใช้เก่าแก่ของเสด็จในกรมฯ ราชาวดียิ่งแปลกใจมากขึ้น เมื่อจางวางจันเรียกเธอว่า “เจ้านางน้อย” เหมือนผู้ชายคนนั้นในฝันของเธอ จางวางจันชวน ราชาวดี ไปที่ ตำหนักริมน้ำแต่เธอปฏิเสธ ระหว่างเดินทางกลับราชาวดีรู้สึกเหมือนมีใครบางคนดึงดูดเธอให้ตามเขาไปโดยไม่รู้ตัว ราชาวดีรู้สึกตัวอีกทีก็พบว่ายืนอยู่หน้าบ้านสีขาว ราวบ้านในเทพนิยาย เธอรู้ทันทีว่านี่คือตำหนักริมน้ำที่จางวางจันชวนเธอมา กาบทองพาราชาวดีไป กราบหม่อม “พรรณราย” เจ้าของโรงเรียน ทำให้ได้พบกับ “ม.ร.ว. จิรายุส” ลูกชายของหม่อมและ “สวรรยา” คู่หมั้น ทุกคนประหลาดใจที่ราชาวดีหน้าตาเหมือนเจ้านางน้อยไม่มีผิดเพี้ยน ราชาวดีหาโอกาสปลีกตัวไปที่ตำหนักริมน้ำบ่อยครั้ง จนได้พบกับผู้ชายผู้เป็นเจ้าของตำหนัก เธอรู้สึกสนิทคุ้นเคยเหมือนรู้จักกันมานาน ชายคนนั้นให้ราชาวดี ดูรูปเจ้านางน้อยที่อยู่ในตำหนัก ทำให้ราชาวดีถึงกับหมดสติไป เพราะภาพที่เห็นช่างเหมือนตัวเธอราวคน ๆ เดียวกัน

เมื่อฟื้นจากสลบก็พบว่าตนเองได้เข้ามาอยู่ปี พ.ศ.2453 ในสภาพเจ้านางน้อย ราชาวดีได้พบกับท่านชายใหญ่หรือ “ท่านชายรังสิธร” ซึ่งนั่นก็ทำให้เธอหมดสติไปอีกครั้ง เมื่อได้สติขึ้นมา คราวนี้ราชาวดีพบว่าตัวเองนอนสลบอยู่บนเตียง โดยมีบรรดาครูรุมล้อมด้วยความห่วงใย ถวิลเล่าให้ราชาวดีฟังว่าจางวางจันพบเธอนอนสลบอยู่ในสวนหน้าวัง ราชาวดีสารภาพว่าเธอแอบเข้าไปที่ตำหนักริมน้ำ ราชาวดีได้พบวิญญาณท่านชายใหญ่อีกครั้งในงานประจำปีของโรงเรียน โดยเธอได้บรรเลงไวโอลินเพลง “ลาวม่านแก้ว” ทำให้ท่านหญิงวิไลเรขา ป้าแท้ๆ ของจิรายุส ขวัญผวา เพราะก่อนหน้านั้นวิไลเรขาเคยเป็นคู่หมั้นของท่านชายใหญ่ตามความเห็นชอบของผู้ใหญ่ แต่ท้ายที่สุดท่านชายใหญ่ก็ขอถอนหมั้นกับเธอ แล้วไปแต่งงานกับเจ้านางน้อย ส่วนเพลง “ลาวม่านแก้ว” เป็นเพลงที่ท่านชายใหญ่แต่งให้เจ้านางน้อย และถูกนำมาบรรเลงในวันแต่งงาน วิไลเรขาเกลียดราชาวดีเพราะคิดว่าเป็นเจ้านางน้อยกลับชาติมาเกิดเพื่อจองเวรกับเธอ ดังนั้นวิไลเรขาจึงแกล้งให้ราชาวดีมาอยู่รับใช้ช่วงปิดเทอม ราชาวดีถูกวางยาให้ป่วยทีละน้อย เหมือนที่วิไลเรขาเคยทำกับเจ้านางน้อยในอดีต

จิรายุสนำตัวราชาวดีส่งโรงพยาบาลโดยด่วน ซึ่งก็ทำให้วิไลเรขาโกรธมากจนป่วยหนัก ก่อนที่วิไลเรขาจะสิ้นลมเธอได้บังคับให้จิรายุสเต่งงานกับสวรรยา และหลังการแต่งงานจิรายุสก็หย่าขาดจากสวรรยา โดยมีลูกชายด้วย 1 คน คือ “จิราคม” ราชาวดีตัดสินใจลาออกจากการเป็นครูแล้วกลับมาที่อุดรฯ โดยมีวิญญาณ ของท่านชายใหญ่ติดตามมาเป็นกำลังใจ กระทั่งคืนหนึ่งท่านชายได้มาบอกลาเธอ ราชาวดีเสียใจที่จะไม่ได้พบท่านชายแล้ว แต่ถ้าเป็นการ จากลาเพื่อได้พบกันใหม่ราชาวดีก็ยินดี จากนั้นเธอก็ตัดกิเลสทางโลกเข้าวัดบำเพ็ญกุศล ราชาวดีป่วยหนัก เมื่อถวิลไปเยี่ยมก็พบเพียงร่างไร้วิญญาณของเธอ หลังจากนั้นถวิลก็คลอดลูกคนที่สอง เธอตั้งชื่อว่า “อันตรา” กาบทองมาเยี่ยมถวิลที่บ้านและได้พบกับอันตราก็ถึงกับอึ้งไป เพราะอันตรามีหน้าตาเหมือนราชาวดีเหลือเกิน อันตราอาสามาส่งกาบทองที่บ้าน ทำให้เธอได้พบกับจิรายุส เมื่อจิรายุสได้พบอันตราก็รู้สึกเอ็นดู

อันตราชอบตำหนักริมน้ำของจิรายุสมาก เธอพยายามขอ ซื้อแต่ไม่สำเร็จ เพราะจิรายุสตั้งใจเก็บไว้มอบให้จิราคมในวันแต่งงาน อันตรามักจะไปที่ตำหนักริมน้ำบ่อย ๆ จนได้เจอจิราคม ทั้งคู่รู้สึกเหมือนมีกระแสไฟอ่อนๆ แล่นพล่านไปทั้งตัว อันตราตกใจรีบหนีออกมา แต่ทั้งคู่ก็ต้องมาพบกันอีกครั้งในงานราตรี จิราคมเดี่ยวเปียโนเพลง “ลาวม่านแก้ว” ซึ่งอันตราโปรดปรานมาก เพราะแม่ของเธอเคยร้องให้ฟังตอนเธอเด็ก ๆ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว จิรายุสไปทาบทามอันตรามาเป็นสะใภ้ พร้อมกับเปรยว่า การรอคอยของท่านชายใหญ่ และเจ้านางน้อยสมควรจะจบสิ้นลงได้แล้ว

อุปสรรคต่าง ๆ ได้ผ่านพ้นไป ทั้งคู่เข้าสู่พิธีวิวาห์ และสัญญาต่อกันว่าจะดูแลกันไปจนแก่เฒ่าท่ามกลางบรรยากาศหวานละมุนของเสียงเปียโน เพลง “ลาวม่านแก้ว” ที่จิราคมเซอร์ไพรส์เจ้าสาวในวันแต่งงาน


ลาวม่านแก้ว (orchestra)



ลาวม่านแก้ว (ขับร้องกับเปียโน)


***************

อสงไขย คืออะไร

อสงไขย คือ การบอกจำนวนหรือปริมาณทั่วๆ ไปที่ไม่ได้เจาะจงว่าจะเป็นหน่วยของอะไร, เช่น หากใช้ระบุปริมาณเมล็ดถั่ว ก็ใช้ว่า มีถั่วเป็นจำนวน 1 อสงไขยเมล็ด เป็นต้น แต่ในพระพุทธศาสนามักจะใช้กล่าวถึง ระยะเวลาที่พระโพธิสัตว์สร้างสมบารมีมาเพื่อเป็นพระพุทธเจ้า โดยนับหน่วยเวลาเป็นอสงไขยกัป

อสงไขยเป็นปริมาณหรือจำนวนที่มีการกำหนดที่นับประมาณมิได้ ซึ่งมีอุปมาเปรียบเทียบเอาไว้ว่า ฝนตกใหญ่อย่างมโหฬารทั้งวันทั้งคืน เป็นเวลานานถึง 3 ปี ไม่ได้ขาดสายเลย จนกระทั่งน้ำฝนท่วมเต็มขอบจักรวาล ซึ่งมีระดับความสูง 84,000 โยชน์ หากว่ามีใครสามารถนับเม็ดฝนที่ตกลงมาตลอดทั้ง 3 ปีได้ นับได้เท่าไร นั่นคือจำนวนเม็ดฝน 1 อสงไขย

อนึ่ง คำว่า อสงไขย นั้น มาจากภาษาบาลี ว่า อ + สงฺเขยฺย (สันสกฤต : อ + สํขฺย) หมายถึง นับไม่ได้ หรือนับไม่ถ้วน นั่นเอง พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542ระบุจำนวน ของอสงไขย ไว้ว่า เท่ากับ โกฏิ ยกกำลัง 20

การคำนวณความยาวนาน

1. สมมุติมีกล่องใบหนึ่ง กว้าง 100 โยชน์ ยาว 100โยชน์ และ สูง 100 โยชน์ ในเวลา 100 ปี ให้เอาเมล็ดผักกาด 1 เมล็ด ใส่ลงไปในกล่องนั้น ทำอย่างนี้จนเมล็ดผักกาดนั้นเต็มเสมอเรียบปากกล่อง นั้นละจึงเท่ากับ 1 กัป

2. (บางตำรากล่าวว่า กว้าง 1 โยชน์ ยาว 1 โยชน์ สูง 1 โยชน์) วิเคราะห์คำนวณ 1 โยชน์ = 16 กิโลเมตร ดังนั้นกล่องใบนี้มีปริมาตร = 1600X1600X1600 = 4,096,000,000 ลูกบาศก์กิโลเมตร ประมานว่า เมล็ดผักกาด มีขนาด .5 มิลลิเมตร 1 กิโลเมตรเทียบเป็นมิลลิเมตรได้ดังนี้ 10X100X1000 = 1,000,000 มิลลิเมตรจะได้ 1 กิโลเมตรใช้เมล็ดผักกาดเรียงกัน = (1,000,000)/0.5 = 2,000,000 เมล็ด

3. ดังนั้น 1600 กิโลเมตรใช้เมล็ดผักกาดเรียงกัน =(1600X2,000,000 = 3,200,000,000) เมล็ด ถ้าเป็นปริมาตร คือ (กว้าง x ยาว x สูง) ต้องใช้เมล็ดผักกาดทั้งหมด คือ (3,200,000,000X3,200,000,000X3,200,000,000 = 32,768,000,000,000,000,000,000,000,000 เมล็ด)

4. ใน 100 ปี ใส่เมล็ดผักเพียง 1 เมล็ด ดังนั้นต้องใช้เวลาทั้งหมดคือ 32,768,000,000,000,000,000,000,000,000X100 =3,276,800,000,000,000,000,000,000,000,000 ปี

5. จึงได้เวลา 1 กัป ประมาณ สามล้านสองแสนเจ็ดหมื่นหกพันแปดร้อยล้านล้านล้านล้าน ปีประมาณ 3.3 X 10 ยกกำลัง 30 ปี

6. 1 อสงไขยกัปมีกี่กัปนั้นเป็นจำนวนที่แน่นอน คือ 1 ตามด้วยเลข 0 จำนวน 140 ตัว หรือ 1 X 10 ยกกำลัง140 กัป

วิธีนับอสงไขย

การนับอสงไขยให้เทียบเอาดังนี้

1. สิบ สิบหน เป็น หนึ่งร้อย
2. สิบร้อย เป็น หนึ่งพัน
3. สิบพัน เป็นหนึ่งหมื่น
4. สิบหมื่น เป็น หนึ่งแสน
5. ร้อยแสน เป็นหนึ่งโกฏิ
6. ร้อยแสนโกฏิ เป็น หนี่งปโกฏิ
7. ร้อยแสนปโกฏิ เป็น หนึ่งโกฏิปโกฏิ
8. ร้อยแสนโกฏิปโกฏิ เป็น หนึ่งนหุต
9. ร้อยแสนนหุตเป็น เป็น หนึ่งนินนหุต
10. ร้อยแสนนินนหุต เป็น หนึ่งอักโขเภนี
11. ร้อยแสนอักโขเภนี เป็น หนึ่งพินทุ
12. ร้อยแสนพินทุ เป็น หนึ่งอพุทะ
13. ร้อยแสนอพุทะ เป็น หนึ่งนิระพุทะ
14. ร้อยแสนนิระพุทะ เป็น หนึ่งอหหะ
15. ร้อยแสนอหหะ เป็น หนึ่งอพพะ
16. ร้อยแสนอพพะ เป็น หนึ่งอฏฏะ
17. ร้อยแสนอฏฏะ เป็น หนึ่งโสคันธิกะ
18. ร้อยแสนโสคันธิกะ เป็น หนึ่งอุปละ
19. ร้อยแสนอุปละ เป็น หนึ่งกมุทะ
20. ร้อยแสนกมุทะ เป็น ปทุมะ
21. ร้อยแสนปทุมะ เป็น หนึ่งปุณฑริกะ
22. ร้อยแสนปุณฑริกะ เป็นหนึ่งอกถาน
23. ร้อยแสนอกถาน เป็น หนึ่งมหากถาน
24. ร้อยแสนมหากถาน เป็น หนึ่งอสงไขย

จำนวนอสงไขย

อสงไขย มี 7 อสงไขย คือ

1. นันทอสงไขย
2. สุนันทอสงไขย
3. ปฐวีอสงไขย
4. มัณฑอสงไขย
5. ธรณีอสงไขย
6. สาครอสงไขย
7. บุณฑริกอสงไขย

***************


ข้อมูลจาก //th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%82%E0%B8%A2 และ //www.yenta4.com/entertainment/show_lakorn2.php?id=102




 

Create Date : 19 กรกฎาคม 2550    
Last Update : 6 พฤศจิกายน 2552 2:00:12 น.
Counter : 2204 Pageviews.  

1  2  3  4  5  

Sunny Shiny Day
Location :
WA United States

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




"โลกสอนมนุษย์ว่าทุกสิ่งต้องมีการเปลี่ยนแปลง แต่โลกก็กลับสอนให้มนุษย์ผูกพัน"

โดยพระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต
Custom Search

Free Blog Content

WeatherBug
Your weather just got better.
Friends' blogs
[Add Sunny Shiny Day's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.