Group Blog
 
All blogs
 

Are you ready for another one? : คุณพร้อมจะมีลูกอีกคนหรือยังเอ่ย...


เป็นคำถามที่เราถามตัวเองมาตลอดตั้งแต่น้องซันเริ่มโตขึ้นเรื่อย ๆ ...เมื่อนึกถึงตอนที่เลี้ยงน้องซัน ช่วงแรกเกิด ถึง เกือบๆ 3 เดือน ด้วยความขาดประสบการณ์ ขาดผู้ช่วย เพราะตอนนั้น แม่อยู่โรงพยาบาลกะพ่อตลอด สามีก็ไปทำงาน ต้องอยู่โยงกะเจ้าตัวน้อยสองคน วันไหนเด็กงอแง กว่าจะได้กินข้าวเช้าก็บ่ายสอง น้ำท่าไม่ได้อาบ หน้ามัน หัวฟู บางวันเหนื่อยมากซะจนนั่งร้องไห้มันซะงั้นแหละ แล้วก็พร่ำบอกตัวเองว่า ไม่มีแล้ว คนเดียวพอแล้ว แค่นี้ก็จะตายแล้ว

แต่ตอนนี้เจ้าเด็กหัวไม้ขีด (เพื่อนตั้งให้ เพราะเลี้ยงลูกได้สะโอดสะโองมาก โดนประนามอีกน่ะ เฮ้อ) ก็โตขึ้นเรื่อย ๆ demand ในการเล่นก็สูงขึ้น ไอ้เราก็นะ อายุไม่น้อยแล้ว ทำงานบ้านเสร็จก็แทบสลบ ต้องมาเล่นต่อสู้ กาโอเรนเจอร์ อุลตร้าแมนกะลูกอีก ไม่ไหวๆ

เพื่อน ๆ ที่ลูกยั้วเยี้ย ก็แนะนำว่า มีอีกคนซิแก มันจะได้เป็นเพื่อนเล่นกัน แล้วลูกแกก็จะเอาแต่ใจน้อยลงด้วยนะ เพราะมีคู่แข่ง อืมมม... ฟังดูเข้าทีดีนะ แต่ถ้าต้องท้องอีก ต้องเลี้ยงลูกเล็กๆ อดหลับอดนอน ไหนจะค่านม ค่าแพมเพิส ค่าหมอ ค่าฝากเลี้ยง ค่าเทอมเจ้าซันอีก ถ้ามีสองก็ double ต้องสองเท่าทุกอย่าง
กรี๊ดดดดดดดด...............

ความคิดที่จะมีลูกอีกคนก็เลยวนเวียนสับสนจนถึงเดี๋ยวนี้แล......



พอดีไปอ่านเจอคอลัมน์นี้ใน MSN Lifestyle เห็นว่าน่าสนใจดี เลยลองแปลดูเล่นๆ....
Are you ready for another one?
By the BabyCenter Editorial Staff----BabyCenter.com

ใครก็ตอบคำถามนี้ไม่ได้นอกจากตัวคุณเอง แล้วมันก็ โอ๊ยยย ตอบยากชมัด....บางคนบอกว่า ตัดสินใจยากยิ่งกว่าตอนจะมีลูกคนแรกซะอีก ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลยจะมีลูกอีกคน อาจจะเป็นความเปลี่ยนแปลงในครอบครัวครั้งใหญ่เลยทีเดียว เมื่อจะมีลูกคนต่อๆ มา คุณก็ต้องคิดแล้วว่าจะมีผลกับการใช้ชีวิต การเงิน การงาน ความสัมพันธ์ และแน่นอน ผลกระทบกับลูกคนที่ 1 หรือ 2 หรือ 3 (โดยเฉพาะคนที่ 1) อย่างไรบ้าง และถ้าคุณเคยได้ยินเค้าว่าๆ กันมา ว่ามีลูกเพิ่มอีกคนในครอบครัว หมายถึงพ่อแม่จะต้องเหนื่อยขึ้นเป็นสองเท่า ก็คงจะเป็นจริงไม่ใช่น้อย

อ่านนี่ซะก่อนที่จะตัดสินใจต้อนรับสมาชิกใหม่เข้าบ้านอีกซักคน หลายความคิดเห็นตั้งแต่ หมอ นักวิชาการ เพื่อน ๆ และเพื่อนบ้าน จะแนะนำว่าเมื่อใดถึงจะเหมาะสมที่จะมีลูกอีกคนและครอบครัวขนาดไหนที่กำลังพอดีๆ ลองเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียกันก่อนที่จะฟังธงกันเถอะค่ะ...

When is the best time to have another ? : เมื่อไหร่ถึงจะดี ?
สำหรับหลายๆ คน การตัดสินใจจะมีเจ้าตัวแสบเพิ่มมาอีกหนึ่ง อยู่ที่ว่า “เมื่อไหร่” มากว่า “จะมีอีกดีหรือไม่ดีนะ” และไม่น้อยที่สงสัยว่า ลูกๆ ควรจะมีอายุห่างกันซักกี่ปี คำถามสำคัญก็คือ เป็นการดีที่สุดหรือเปล่าถ้าจะมีติดๆ กันไปเลย ลูกจะได้มีช่วงอายุที่ไม่ห่างกันมากเกินกว่าจะเล่นด้วยกันได้ หรือว่าควรจะเว้นสักช่วงนึงก่อน

นักวิจัยทั้งหลาย ก็พยายามหาคำตอบให้คุณพ่อคุณแม่ที่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเอาไงดี และในระหว่างที่ยังหาคำตอบที่แน่ชัดไม่ได้ว่า ผู้หญิงเราๆ ควรจะรอซักประมาณ 2-3 ปีก่อนจะคลอดน้องอีกหนดีมั้ย การศึกษาอีกมากมายรวมทั้งิหลายๆ ครอบครัวก็สนับสนุนว่า ควรจะรอก่อนซัก 2-3 ปีนี่แหละดีที่สุด สถาบัน Alan Guttmacher ศึกษาแล้วว่า ระยะห่างระหว่างการคลอดลูกคนที่ 1 กับลูกคนที่ 2 ของผู้หญิงอเมริกันคือประมาณ 30 เดือนโดยเฉลี่ย



นี่คือผลสรุปจากการวิจัยถึงช่วงระยะเวลาที่เหมาะสมที่จะมีลูกอีกซัก 1 (หรือ 2 หรือ 3... )
จากการศึกษาวิจัยโดย New England Journal Report of Medicine ที่เพิ่งจะได้รับการตีพิมพ์เมื่อเร็ว ๆนี้ พบว่า การที่คุณแม่ๆ รอประมาณ 18-23 เดือน หลังจากที่คลอดบุตรคนล่าสุด ก่อนที่จะตั้งครรภ์คนต่อไป ดูเหมือนว่าจะดีทึ่สุดต่อสุขภาพของทารก คุณหมอพบว่า 40% ของทารกที่เกิดหลังจากที่มารดาเพิ่งคลอดบุตรคนล่าสุดน้อยกว่า 6 เดือน (ก็คือลูกคนล่าสุดที่เพิ่งคลอดอายุยังไม่ถึง 6 เดือนคุณแม่ก็ท้องอีกแย้ว เพราะคุณพ่อขยัน) มีแนวโน้มว่าจะคลอดก่อนกำหนด หรือน้ำหน้กต่ำกว่าเกณฑ์
และการตั้งครรภ์หลังจากบุตรคนล่าสุดมากกว่า 10 ปีจะมีความเสี่ยงในการคลอดก่อนกำหนดมากกว่าเป็นสองเท่า

การวิจัยที่คล้าย ๆ กันนี้ ที่ University of California,San Francisco พบว่า ระยะห่างที่เหมาะที่สุดที่จะมีลูกคนต่อ ๆ ไปคือ 24-35 เดือน การตั้งครรภ์ที่เร็วกว่าช่วงเวลาดังกล่าว มีความเป็นไปได้สูงที่ทารกจะมีน้ำหนักแรกคลอดต่ำ คุณหมอคาดเดาว่า มารดาอาจจะต้องการเวลาที่จะหายจากอาการเครียดและต้องการบำรุงร่างกายให้แข็งแรงหลังจากการคลอดบุตรครั้งที่ผ่านมา

Jeannie Kidwell ศาสตราจารย์ ที่ศึกษาเรื่องเกี่ยวกับครอบครัว ที่ University of Tennessee ที่เมือง Knoxville กล่าวว่า ช่วงเวลาที่ลูกคนแรกอายุน้อยกว่า 1 ขวบ หรือ มากกว่า 4 ขวบเป็นช่วงเวลาที่ดีเลิศในแง่ของ ความสัมพันธ์ของเด็กๆ กับพ่อแม่ การชิงดีชิงเด่นกับพี่น้อง และการนับถือตนเอง (self-esteem) ของเด็กๆ Jeannie เชื่อว่า เด็กที่อายุน้อยกว่า 1 ขวบ จะยังไม่มีเซ้นส์เรื่องของสถานะภาพของตนเอง และ เด็ก ที่อายุมากว่า 4 ขวบจะไม่ค่อยต้องการความสนใจจากพ่อแม่มากเท่าเดิม และเริ่มจะรู้จักใช้ชีวิตด้วยตนเองได้แล้ว




เราต้องพิจารณาอะไรบ้างเมื่อจะต้องตัดสินใจ

คงไม่ต้องปฏิบัติตามหลักวิชาการเสมอไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีความรักและความปรารถนาที่อยากจะมีลูกเข้ามาเกี่ยวข้อง มีอีกหลายปัจจัยที่เราควรจะต้องนำมาพิจารณาหากความคิดคุณกำลังสับสนวุ่นวาย ว่าจะดีไหมหากมีสมาชิกในบ้านเพิ่มขึ้นอีกซักคน

ลูก (หรือ ลูกๆ) ของคุณอายุเท่าไหร่กัน
ไม่มีคำตอบที่ถูกหรือผิด ถึงแม้ว่าผลวิจัยจะชัดเจนว่า ไม่ควรจะตั้งครรภ์ถ้าลูกคนแรก (หรือคนล่าสุด) ของคุณ อายุยังไม่ถึง 6 เดือน มองได้สองมุม บ้างก็บอกว่า ยิ่งลูกโตเท่าไหร่ยิ่งดี เพราะคุณจะได้ใช้เวลากับลูกๆ มากขึ้น และลูกๆ จะได้เข้าใจหรือสามารถพูดคุยกับคุณได้ว่า หากมีน้องอีกคน จะเกิดความเปลี่ยนแปลงอะไรกับพวกเขาบ้าง บ้างก็คิดว่า ถ้าลูกๆ อายุไล่เลี่ยกัน จะได้เป็นเพื่อนเล่นกันได้ และคุณเองก็ไม่ต้องเสียเวลาเลี้ยงลูกเล็กๆ อยู่ร่ำไป ลองฟังคุณแม่ๆ ทั้งหลายก่อนตัดสินใจ

- “ ลูกชายฉันสองคนอายุห่างกันสามปีครึ่ง ซึ่งฉันคิดว่ากำลังดีเลยค่ะ” คุณแม่ซูซาน ดับบลิว ตอนนี้ทำงานเป็นผู้บริหารที่บริษัทสิ่งพิมพ์แห่งหนึ่งกล่าว “พอลูกคนโตเลิกใช้แพมเพิส เจ้าคนเล็กก็เกิดพอดี ซึ่งฉันว่าเป็นความคิดที่เริ่ดมากที่จะมีลูกอีกคน เพราะอายุห่างกันพอสมควร ลูกๆ ก็เลยไม่ค่อยทะเลาะกันเท่าไหร่ แล้วก็เล่นกันอย่างสนุกสนาน”

- “ลูกสองคนแรกของฉันอายุห่างกันสามปีครึ่ง ทำให้ฉันมีเวลากับลูกคนแรกพอสมควร” คุณแม่เจเน็ท แอล ซึ่งตอนนี้เป็น นักเขียนโฆษณาและกำลังจะมีลูกคนที่ 3 กล่าว “ยิ่งโตเท่าไหร่ยิ่งดีค่ะ เพราะว่าลูกๆ จะเป็นตัวของตัวเองและสามารถปรับจิตใจและอารมณ์ได้ดีพอที่จะรับมือกับน้องเล็กๆ ฉันยังคิดเลยว่า ลูกคนที่สองกับคนที่สามห่างกันน้อยไปหน่อย แค่สองปีเท่านั้น เหนื่อยนะคะ ที่ต้องเลี้ยงลูกเล็กๆ ที่ยังอึฉี่เองไม่เป็นพร้อมๆ กัน ตั้ง 2 คน ฉันเป็นห่วงสุขภาพตัวเองด้วย เพราะต้องใช้เวลากับเจ้าตัวเล็กทั้งสองมากเหลือเกิน”

-“ลูกๆ ทั้งสามคนของฉันห่างกันประมาณ 1 ปีครึ่ง และถึงมันจะเหน็ดเหนื่อยมากๆ ที่ต้องเลี้ยงลูกเล็กๆ พร้อมๆ กันสามคน แต่ก็สนุกดีค่ะ” คุณแม่บาบาร่า เอ็ม ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคชรากล่าว “ลูกๆ น่ารักมากและสนิทสนมกันดี ฉันกลายเป็นเด็กคนที่ 4 ของบ้านไปเลยค่ะ ได้ความรู้สึกของครอบครัวใหญ่จริงๆ”




ลูกอีกคนจะเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิตของคุณอย่างไร
- หน้าที่ประจำของคุณกับลูกๆ (ที่เกิดมาแล้ว) เข้าที่เข้าทางหรือยัง
- คุณมีระบบระเบียบที่ดีในการดูแลเด็กๆ หรือยัง
- ทุกคนได้นอนยาวตลอดทั้งคืนใช่มั้ย
- บางทีคุณกับสามีอาจจะเริ่มมีเวลาให้กันและกันอีกครั้งแล้วก็ได้
- หรือว่าคุณเองได้กลับไปทำงานและก็รู้สึกดีๆ อีกหน เหล่านี้เป็นข้อควรพิจารณาเมื่อคุณอยากจะมีลูกอีก ระลึกไว้ว่า การเลี้ยงเด็กแรกเกิดจะเอาเวลาและชีวิตของคุณไปจนหมด ไตร่ตรองให้ดีว่าคุณมีเวลาและกำลังพอหรือไม่ และลูกๆ พร้อมที่จะเป็นพี่ ๆ หรือยัง ไม่แน่ หลังจากคิดไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้วคุณอาจตัดสินใจจะมีลูกแค่คนเดียว

สถานะภาพทางการเงินคุณเป็นอย่างไร
ในตอนแรกเราอาจคิดว่า เงินไม่ใช่ทุกอย่าง แต่เมื่อต้องเลี้ยงดูครอบครัว คุณอาจจะเริ่มฉุกใจคิด ลองพิจารณาดูว่า การเลี้ยงเด็ก 1 คนต้องใช้เงินประมาณ 9000$ ต่อปี (ประมาณ 400,000 บาท เมืองไทยคงไม่ถึงมั้ง) ไหนจะเสื้อผ้า ค่าบ้าน หาหมอ (ประมาณการอย่างต่ำ โดยทั่วไปในหลายๆ ส่วนของอเมริกา) คุณต้องตั้งงบประมาณต่อเดือนให้เกินๆ ไว้นิดหน่อยก่อนที่จะตั้งครรภ์อีกรอบ

การพิจารณาสถานะการณ์การงานด้วยก็สำคัญเช่นกัน คุณแม่ๆ หลายคนไม่สามารถทำงานทั้งเต็มเวลาและนอกเวลาได้อีกต่อไปเมื่อมีลูกคนที่ 2 และ 3 ตามมา

ถ้าลาออกจากงานค่าใช้จ่ายจะพอมั้ย หรือว่า จะฝากเลี้ยงหากอยากจะทำงานต่อไป ซึ่งก็มีค่าใช้จ่ายอีกนั่นแหละ

-“ลูกสาวฉันจะ 4 ขวบแล้วค่ะ และฉันก็ยังไม่มีลูกอีก เพราะเป็นห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหลายทั้งปวง” คุณแม่ สเตฟานี เอ็น อาจารย์วิทยาลัยกล่าว “ตอนมีลูกคนแรกเราก็ไม่ได้มีเงินมากเท่าไหร่ เราถึงได้รู้ว่ามันเป็นยังไงเมื่อไม่มีเงินจะจ่ายค่าโน่นค่านี่ จึงอยากจะเตรียมตัวให้พร้อมกว่านี้ก่อนที่จะมีลูกอีกคน เรื่องเงินเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องพิจารณา เพราะฉันไม่มีเวลาเลี้ยงลูกเอง ต้องฝากเลี้ยง อีกเรื่องที่สำคัญคือ เรื่องงาน ฉันเลี้ยงลูกแรกเองในขวบปีที่หนึ่ง และก็อยากทำอย่างเดียวกันกับลูกคนที่สอง เราอยากมีลูกอีกแต่ยังไม่แน่ใจว่าเมื่อไหร่ ตอนนี้เริ่มจะรู้สึกว่าช้าไปซะแล้ว”



คุณอายุเท่าไหร่
โชคไม่ดีที่การตั้งครรภ์ต้องมีอายุเข้ามาเกี่ยวข้อง ถ้าหากคุณอายุ 38 แล้ว และอยากมีลูกอีก ช้าไป 3 ปีแล้วค่ะแต่ก็ไม่ช้าเกิน แต่ถ้าหากคุณอายุน้อยกว่า 30 ไม่มีปัญหาเรื่องสุขภาพที่เป็นอุปสรรคต่อการตั้งครรภ์ อาจจะรอไปอีกสักหน่อยก้ได้ ผู้หญิงจำนวนไม่น้อยยังสามารถตั้งครรภ์ได้ตอนอายุ 40 ต้นๆ แต่เมื่ออายุ 35 ความสมบูรณ์ทางร่างกายก็จะลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ ลองพูดคุยกับสามีเกี่ยวกับอายุของคุณ หลายๆ คู่กำหนดไว้เลยว่าจะตั้งครรภ์และหยุดการมีลูกเมื่อตัวเองอายุเท่าไหร่

คุณกับคู่ของคุณเห็นพ้องต้องกันหรือไม่
บางทีคุณอยากมีแต่คู่ของคุณไม่อยากมี กว่าจะตกลงกันได้นั้นเป็นเรื่องยาก อันดับแรกต้องจับเข่าคุยกันว่าอีกฝ่ายคิดอย่างไรเสียก่อน อาจจะจบเรื่องไม่ได้ในครั้งแรก แต่คุณทั้งสองจะเข้าใจในเรื่องเดียวกันมากขึ้น การพูดคุยกับเพื่อนฝูง ญาติพี่น้องก็อาจจะช่วยได้



แล้วใจคุณล่ะ ว่ายังไง
ลองนั่งนิ่งๆ พร้อมกับกระดาษปากกา เขียนผลที่จะได้และผลที่จะเสียหากมีลูกอีกคน แต่หากใจคุณอยากมีลูกอีกคนจริง ก็มีซิ บ้านคุณอาจจะสดใสมีชีวิตชีวามากกว่าเดิมก็ได้นะ ใครจะรู้ นอกจากตัวคุณเอง จริงมั้ยคะ

Fact-checked by the BabyCenter Editorial Team and approved by our Medical Advisory Board



อ่านจบแล้วก็ยังคิดไม่ตกอยู่ดี แหง่ววววว.....









 

Create Date : 21 ตุลาคม 2548    
Last Update : 21 ตุลาคม 2548 22:38:05 น.
Counter : 1524 Pageviews.  

...แม่ของฉัน...







พูดหวานๆ ไม่เป็นนะแม่...

แต่ทุกอย่างที่ทำอยู่ตอนนี้...

หนูก็ทำให้แม่นั่นแหละ...ตอบแทนที่แม่เลี้ยงหนูมาไง...

น่านะ...เป็นอันว่ารู้กัน...

ว่า "หนูรักแม่จ๊ะ"






 

Create Date : 10 สิงหาคม 2548    
Last Update : 16 สิงหาคม 2548 10:32:07 น.
Counter : 554 Pageviews.  

Meet Joe Black : รักที่ตัวตน (ตอนจบ)

มาต่อกันที่บทสนทนาของบิล แพริชกับ โจ ตอนที่ทั้งสองคนคุยกันนี่หนังมาถึงตอนสุดท้าย เป็นวันเกิดของบิลและเป็นวันที่โจ (ในฐานะยมทูต หุหุ) จะต้องพาตัวบิลไปแล้ววว ไปไหนกันน้า... เพื่อนฝูง ญาติพี่น้องกำลังสนุกสนานกับงานวันเกิดที่จัดอย่างยิ่งใหญ่ และก่อนหน้าที่โจจะคุยกับบิล ซูซานก็มีโอกาสได้บอกกับโจว่าเธอกำลังหลงรักผู้ชายคนนึง แต่ว่า...เธอไม่รู้จักเขาเลวว่าเขาเป็นใครมาจากไหน...

Joe : How are you doing?
โจ : เป็นยังไงบ้าง

Parrish : What the hell do you care?
แพร์ริช : นายจะสนใจหาอะไร

Joe : I was just asking, Bill
โจ : ผมก็แค่ถามน่า บิล

Parrish : You 'want to know', I'll tell you. You are
looking at a man who tonight is not about
to walk through the Valley of the Shadow
of Death, he's galloping into it. And the
same time, the buinsess he built with his
own hands and his own head is being
commandeered by a couple of cheap
pirates. And, oh yes, I almost forgot, my
daughter's fallen in love with death.

แพร์ริช : ถ้าอยากจะรู้ ก็จะบอกให้ฟัง นายกำลังพูดอยู่
กับคนที่ต้องไปหมู่บ้านแห่งความตายคืนนี้ ไม่
ใช่ เดินไปนะ แทบจะควบม้าเข้าใส่เลยละ ยัง
ไม่พอธุรกิจที่สร้างมากับมือกำลังจะถูกไอ้
พวกโจรสลัดกระจอกๆ ยึดไป อ้อ เกือบลืม
ลูกสาวก็ดันไปหลงรักยมทูตซะอีก

Another Moment
ครู่นึงต่อมา

Joe : --And I'm in love with your daughter.
โจ : ผมรักลูกสาวคุณ

Parrish : Say again?
แพร์ริช : ว่าไงนะ

Joe : I'm in love with your daughter, and I'm taking
her with me tonight.
โจ : ผมรักลูกสาวคุณและคืนนี้ผมจะพาเธอไปด้วย

Parrish is stunned.
แพร์ริชนิ่งอึ้ง

Parrish : You're what?
แพร์ริช : นายจะทำอะไรนะ

Joe : I think you heard me, Bill.
โจ : ผมว่าคุณได้ยินที่ผมพูดแล้วนะบิล

Parrish :You're not taking Susan anywhere. And
what the hell does that mean anyway?
แพร์ริช : นายห้ามพาเธอไปไหนทั้งนั้น แล้วที่นายพูดมัน
หมายความว่าไง (วะ)

Joe doesn't answer for a moment.
โจเงียบไปซักครู่

Parrish (cont'd) : I thought we had a deal.
แพร์ริช : ฉันคิดว่าเราตกลงกันแล้วซะอีก

Joe : I'm sorry, Bill--
โจ : ผมขอโทษ บิล

Parrish : Susan is my daughter, she has a
wonderful life ahead of her and you're
going to deprive her of it and your're
telling me you're sorry? Well, I'm sorry,
apology not accepted.

แพร์ริช : ซูซานเป็นลูกสาวฉัน เธอมีชีวิตที่สดใสรออยู่ข้าง
หน้า แต่นายกำลังจะคร่าชีวิตเธอ นายจะมา
ขอโทษหาอะไร เอากองไว้ตรงนั้นเถอะ

Joe : I love her,Bill. She is all that I ever wanted,
and I've never wanted for anything because
I've never wanted anything before, if you can
understand.

โจ : ผมรักเธอนะบิล อันที่จริงผมก็ไม่เคยต้องการอะไร
เลย ซูซานเป็นสิ่งแรกที่ผมมีความรู้สึกอยากจะครอบ
ครอง ถ้าคุณจะเข้าใจผมบ้าง

Parrish : How perfect of you -- to take whatever
you want because it pleases you.
It's not love.
แพร์ริช : นายวิเศษมาจากไหนหรือ ถึงได้คิดว่าจะต้องได้
ทุกอย่างที่นายพอใจ นั่นมันไม่ใช่ความรักหรอก

Joe : Then what is it?
โจ : แล้วมันคืออะไรกัน (ละเว้ย)

Parrish : Some aimless infatuation in which, for the
moment, you feel like indulging. It's
missing everything that matters.

แพริช : ก็แค่ความหลงไหลได้ปลื้มชั่วครู่ชั่วยาม นายมัน
เอาแต่ใจ ความรักมีอะไรมากกว่านั้น

Joe : Which is what?
โจ : อะไรล่ะ

Parrish : Trust, responsibility, taking the weight, for
your choices and feelings and spending
the rest of your life living up to them. And
above all, not hurting the object of your
love.

แพร์ริช : ความไว้เนื้อเชื่อใจ การเลือกที่จะรับภาระ ความ
รับผิดชอบทุกสิ่งทั้งร้ายและดีไปตลอดชีวิต
เหนือสิ่งอื่นใด ไม่ทำให้คนที่เรารักเจ็บปวด

Joe: So that's what love is?
โจ : นี่น่ะหรือความรัก (แปลเว่อร์มะ)

Parrish : Multiply it by infinity and take it to the
death of forever and you will still have
barely a glimpse of what I am talking
about

แพร์ริช : ต่อให้คูณด้วยแสนด้วยล้าน นายก้ไม่มีวันเข้าใจ
ซักกระผีกนึงของที่พูดมาทั้งหมดนี่หรอก

Joe : Those were my words, Bill.
โจ : นั่นมันคำพูดของผมนะ บิล
(บิลถามว่าความตายคืออะไรเมื่อตอนต้น ๆ เรื่อง
โจตอบเป็นประโยคบนน่ะ บิลเลยเอามาย้อนซะ)

Parrish : Well, they're mine now.
แพร์ริช : ตอนนี้เป็นของฉันแล้ว (นิ)

Joe is silent for a monment, cogitating.
โจเงียบไปครู่นึง รำพึงว่า

Joe : Susan wants to come with me. She says
she's in love with me.
โจ : ซูซานต้องการไปกับผม เธอบอกว่า เธอรักผม

Parrish : With you?! Who is 'you'? Did you tell her
who you are?
แพร์ริช : รักนายเนี่ยนะ นายเป็นใคร นายบอกเธอหรือ
เปล่าว่านายเป็นใคร

Joe : No.
โจ : เปล่า

Parrish : Does she know where she's going?
แพร์ริช : แล้วเธอรู้มั้ยว่านายจะพาเธอไปไหน

Joe doesn't answer.
โจไม่ตอบ

Parrish : Susan went, in whatever way she did for
the poor sonofabitch whose body you
took, and everything else since has been
aftermath. You say you love her but you
don't know what love is. She 'loves' you
but she doesn't know who you are. You
make a deal, you're breaking it -- the
bottom line is Joe, you're conducting a
Great Romance under false pretenses.

แพร์ริช : ----- นายบอกว่านายรักเธอ แต่นายไม่รู้ว่ารักคือ
อะไร เธอ 'รัก' นายแต่เธอไม่รู้ว่านายเป็นใคร
นายสร้างข้อตกลง แล้วก็ยกเลิกซะ เรื่องของ
เรื่อง โจ นายกำลังสร้างนิยายรักน้ำเน่าจากการ
เสแสร้ง
(โอ๊ยยาก ใครแปลดีกว่านี้แนะนำหน่อยเต๊อะ)

Joe : I don't like what you're saying.
โจ : ผมไม่ชอบที่คุณพูดเลย

Parrish : I don't expect you to.
แพร์ริช : ก็ไม่ได้หวังจะให้ชอบ

Joe : Are you threatening me?
โจ : คุณขู่ผมหรือไง

Parrish : I certainly hope so -- I loved Susan for
the moment she was born, and I love her
now, and every minute in between, and
what I dream of is a man who will
discover her and she will discover a man
who will love her, who is worthy of her
who is of this world, of this time and has
the grace and compassion and fortitude to
walk beside her as she makes her way
through this beautiful thing called life.

แพร์ริช : ก็ทำนองนั้น ฉันรักซูซานตั้งแต่นาทีแรกที่เธอ
เกิดมา ฉันฝันว่าผู้ชายที่ได้พบเธอ จะรักในคุณ
ค่าของเธอ ใครก็ได้ที่มีคุณความดี และความ
อดทนที่จะเดินเคียง คู่ไปกับเธอผ่านสิ่งที่งดงาม
นี้ สิ่งที่เรียกว่า ชีวิต


Parrish is beginning to reach Joe.
แพร์ริช เดินมาใกล้โจ

Joe : Are you telling me I can't be part of it?
โจ : คุณกำลังบอกว่าผมไม่ใช่ผู้ชายคนนั้นใช่มั้ย

Parrish : Why did you come in here and tell
me, Joe? You are the Biggest Shot of all,
you don't have to ask my permission, but
that's what you're doing. You know why?
Because you've somewhere, somehow,
developed into a good guy, and you know
this is all wrong...I don't know what
you're going to do -- how can this be
love? She doesn't know who you are.
Why don't you tell her?
Try it out on her? See what happens.
Reveal everything there is to know about
yourself and let the chips fall where
they may.

แพร์ริช : นายเข้ามาบอกฉันทำไมล่ะ โจ
นายมันผู้ยิ่งใหญ่ไม่ใช่หรือ นายจะทำอะไรไม่
เห็นต้องขออนุญาตฉันนี่ แต่นี่นายกำลังขอ รู้มั้ย
ว่าทำไม ไม่ว่าจะด้วยอะไร นายกลาย
เป็นคนดีซะแล้ว และนายก็รู้ว่าที่นายกำลังทำนี่
มันผิด ฉันไม่รู้ว่านายจะทำอะไร แต่นี่...มันจะ
เป็นความรักไปได้ยังไงกัน ซูซานไม่รู้ว่านายเป็น
ใคร ทำไมนายไม่บอกเธอเล่า ลองดูซิ เปิด
เผยตัวตนที่แท้จริงของนายให้เธอรู้ซิ ให้มันรู้ไป
ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

Joe has received what Parrish has said.
โจรับสิ่งที่แพร์ริชพูด

Parrish : Okay? I've given my best shot
I wish I could tell you to sleep on
it but...
แพร์ริช : ฉันชี้ทางสว่างให้นายแล้ว หวังว่า
นายคงจะเก็บเอาไปนอนคิด แต่ก็...

Parrish lets his words drift into silence,
he shrugs, Joe regards him.
แพร์ริชทิ้งท้ายไว้อย่างนั้น เขายักไหล่ โจโค้งนิดๆ ให้เขา



พอจะอ่านรู้เรื่องกันมั้ยนี่ ไอ้ที่แปลน่ะ มีบางอันที่แปลแบบรวบความ แล้วบางอันทีวงเล็บบ่นๆ ไว้น่ะ แปลไม่ได้ง่ะ
อ้อ บางบทก็ให้น้องสาวช่วยแปล คุณเธอคลั่งใคล้หนังเรื่องนี้มากๆๆๆ จำได้ทุกคำพูด อย่างตอนที่แพร์ริชย้อนโจ ว่า "Multiply it by infinity..." เนี่ยให้น้องแปล การแปลบทภาพยนต์ต้องดูหนังไปด้วยอ่ะค่ะ เค้าเรียกว่า ดูหน้าหนัง (ภาษานักแปลนะคะ ตามที่อาจารย์หม่อมอัญชลี ยุคล ณ อยุธยา สอน) จะได้แปลได้ใจความมากขึ้น

ตอนจบเรื่องนี้เป็นไง ใครดูแล้วคงจะรู้ เอาว่าใครที่ยังไม่ได้ดู แล้วอยากรู้ ให้ไปหาแผ่นมาดูซะ... เดี๋ยวจะไม่ตื่นเต้ลล..คิคิคิ



อ่านมาซะนาน ประเด็นมีอยู่นิดเดียวแหละค่ะ "หากจะรักใครซักคน ขอให้รักในสิ่งที่เขาเป็น การเป็นคนรักกัน ต้องไม่มีอะไรปิดบัง และต้องไว้ใจซึ่งกันและกัน"

พูดง่ายทำยากเนาะ

คุณล่ะ ปิดบังอะไรคนที่คุณรักไว้หรือเปล่า หุหุหุหุ




 

Create Date : 27 กรกฎาคม 2548    
Last Update : 4 สิงหาคม 2548 16:23:59 น.
Counter : 5430 Pageviews.  

Meet Joe Black : รักที่ตัวตน

เมื่อ 2-3 สัปดาห์ก่อนได้ดูหนังเรื่อง Meet Joe Black อีกเป็นรอบที่ 3 แล้วมั้ง คือบางทีก็ได้ดูตอนต้นเรื่องมั่ง กลางเรื่องมั่ง หรือใกล้ๆจบ ปะติดปะต่อกันไปเรื่อยๆ ครั้งสุดท้ายนี่ได้ดูและฟังบทอย่างจริงๆ จังๆ ถึงกับนั่งน้ำตาซึม



ใครที่เคยดูแล้วคงจะพอทราบๆ ว่าเนื้อเรื่องเป็นยังไง
ดารานำก็มี แบรด พิท แอนโทนี่ ฮอปกิ้นส์ แคลร์ ฟอร์ลานี่ เรื่องย่อๆ ก็มีอยู่ว่า

วิลเลี่ยม แพริช (แอนโทนี่ ฮอปกินส์) นักธุรกิจผู้ร่ำรวย กำลังป่วยด้วยโรคหัวใจ และรู้ตัวว่ากำลังจะตาย
วันนึงลูกสาวของบิล ชื่อ ซูซาน (แคลร์ ฟอร์ลานี่) (คนชื่อวิลเลี่ยม มักจะเรียกชื่อเล่นๆ ว่า บิล หรือ ชื่อโรเบิร์ตก็จะเรียก บ๊อบ เป็นต้น) ได้พบกับหนุ่มหล่อแปลกหน้า (แบรด พิท) ที่ร้านกาแฟแถวๆ บ้านและรู้สึกประทับใจเขาทันที พอแยกจากกันเจ้าหนุ่มนั่นก็ถูกรถชน ร่างของเขาถูกครอบครองโดยยมทูต ยมทูตในร่างแบรท พิท มาเตือนบิลว่าเค้ากำลังจะตายเร็วๆ นี้ แล้วนะ (ดีมั้ยเนี่ยมีคนมาคอยเตือน ) โจเข้ามามีส่วนพัวพันกับครอบครัวแพรริช โดยบิลแนะนำว่าเป็นเพื่อนนักธุรกิจด้วยกัน ชื่อ Joe Black ซึ่งเป็นชื่อที่คิดขึ้นมาอย่างกะทันหัน นามสกุลแบล็ค ช่างเหมาะกับยมทูตจริงจริ้งงง ซูซานถึงกับช๊อคเมื่อพบว่าหนุ่มแปลกหน้าที่เธอพบเมื่อตอนเช้ามานั่งกินข้าวเย็นร่วมโต๊ะกับครอบครัว แต่ก็นะ ถูกอกถูกใจเขาแล้วนี่ ทั้งโจและซูซานก็หลงรักซึ่งกันและกัน โดยที่ซูซานไม่รู้เลยแม้ซักกะติ๊ด ว่าเธอไม่ได้รักชอบกับหนุ่มแปลกหน้าที่เจอที่ร้านกาแฟหรอก แต่เป็นยมทูตต่างหาก
ส่วนบิลก็อยากจะใช้เวลาที่เหลืออยู่กับลูกและครอบครัวให้มากที่สุด และถือโอกาสใช้ช่วงเวลานี้สอนให้โจได้รู้จักชีวิตของมนุษย์ดีขึ้นไปด้วย ทั้งเรื่องความเป็นอยู่ การอยู่ร่วมกันในสังคมและความรัก



บทสนทนาในหนังหลายตอนประทับใจมาก ขอยกมาซักตอนก่อนก็แล้วกันนะคะ
อย่างที่ตั้งหัวเรื่องไว้ว่า "รักที่ตัวตน" บทสนทนาตอนที่ยกมานี่ เป็นตอนที่ ควินซ์ ซึ่งเป็นลูกเขย (แต่งงานกับอลิสันพี่สาวของซูซาน) คุยกับโจ ซึ่งสงสัยใคร่รู้อย่างจริงจังว่าความรักมันคืออะไร มันยังไงกันแน่ ก็โถ เป็นยมทูต จะเคยรักใครมั้ยนั่น



เราถอดความเอง สำนวนอาจจะยังไม่ดีมาก กำลังอยู่ช่วงฝึกฝีมือ อิอิ แสดงความเห็นได้นะคะ สำหรับท่านที่เก่งการแปล แต่ห้ามลอก หุหุ

QUINCE
C'mon, have a drink. You look like
you need one bad as me

JOE
Do I? I'm a little confuse

QUINCE
Confused, huh? About what?

JOE
Love

QUINCE
'Love'? Oh, man, I've got troubles
of my own.

JOE
You love Allison, don't you?

QUINCE
Oh yes, I do.

JOE
How did you meet?

QUINCE
I was a world-class loser and she
was a happy, little rich girl --
and for some reason she took me in.

JOE
But she loves you?

Quince smiles, nods embarrassedly.

JOE (cont'd)
How do you know?

QUINCE
Because there's nothing we don't
know about each other and it's okay.
I mean the deeper, darkest secrets
-- they don't matter.

JOE
'The deepest, darkest secrets --'?

QUINCE
Yeah, it's like you know every inch
of each other's souls
-- and then you're free.

JOE
What do you mean 'free'?

QUINCE
Free to love each other. Com-
pletely. Totally. No fear.





ควินซ์
มาดื่มกันไหมล่ะ ดูเหมือนว่าคุณก็อยากดื่มมากพอๆ กับผม

โจ
งั้นหรือ ผมรู้สึกสับสนนิดหน่อยน่ะ

ควินซ์
สับสนเรื่องอะไรล่ะ

โจ
ความรักน่ะซิ

ควินซ์
ความรัก โธ่...ผมเองก็มีปัญหาเหมือนกัน

โจ
คุณรักอลิสันใช่ไหม

ควินซ์
แน่นอน

โจ
คุณเจอกันได้ยังไง

ควินซ์
ผมน่ะเป็นไอ้คนไม่เอาไหนแบบสุดๆ
แต่อลิสันเป็นผู้หญิงที่รวยและมีความสุข
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่เธอก็เลือกผม

โจ
แต่เธอก็รักคุณไม่ใช่หรือ

ควินซ์ยิ้มอย่างกระดาก

โจ
แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าเธอรักคุณ

ควินซ์
เพราะเราไม่มีความลับต่อกันน่ะซิ
ผมหมายถึงความลับที่ไม่สามารถแพร่งพรายให้
ใครรู้ได้ มันไม่ใช่ปัญหาสำหรับเรา

โจ
ความลับที่บอกใครไม่ได้เลยน่ะหรือ

ควินซ์
ใช่ เรารู้จักตัวตนของกันและกัน ทุกแง่ทุกมุม
เลยทำให้เรารู้สึกเป็นอิสระ

โจ
หมายความว่ายังไง “เป็นอิสระ”

ควินซ์
อิสระที่จะรักกันอย่างแท้จริงโดยปราศจากความกลัวใดๆ



Clair Forlani




ลองอ่านดูเล่นๆ ก่อนนะคะ อีกบทนึงจะเป็นตอนที่ บิลคุยกับโจ เรื่องความรักอีกนั่นแหละแต่ลึกซึ้งกว่า เดี๋ยวแปลเสร็จแล้วจะเอามาลงต่อ...





 

Create Date : 21 กรกฎาคม 2548    
Last Update : 4 สิงหาคม 2548 16:20:41 น.
Counter : 24104 Pageviews.  

ไปเที่ยวเกาะกูด (ตอนจบ)



หายไปเดือนนึงพอดี๊พอดี มาเล่าต่อ ต้องระลึกชาติกันหน่อย ชักจะลืมๆ ไปแล้ว

ถึงไหนแล้วนะ อ๋อ....

เย็นวันแรกที่ไปถึง หลังอาหารเย็นพวกหนุ่มๆ สาวๆ ก็จั่วไพ่กัน ส่วนพวกแม่ๆ ก็เข้าห้องตบยุงรอสามี เค้าลืมไปน่ะ ว่าเอาลูกเมียมาด้วย ทั้งจั่ว ทั้งดริ๊งค์กันเพลิ้นนนนน

แต่งวดนี้สามีเราดี๊ดีอ่ะ (อันที่จริง พี่แกเมาเรือ) เปิดทีวีดูยังไม่สามทุ่มเลยพี่แกคร่อกฟี้ไปแล้ว ว้า....เพื่อนๆ ถึงกับแซว

"เฮ่ย เมียเอ็งดุมากเหรอวะ รอเล่นไพ่อยู่ไม่เห็นมา"

อุ๊ยยยย อิชั้นน่ะ เป็นภรรยาที่เข้าอกเข้าใจสามีมากที่สุดแล้วล่ะค่า
ไปไหนมาไหน กลับดึกดื่นไม่เคยบ่นร๊อกกก....ฮึ่มมๆๆๆๆ

คืนแรกก็หลับเป็นตายค่ะ เมื่อย เหนื่อย อิ่ม...

เมฆฝนในทะเล




หนูเกรซเบะแย้ววววว....



เช้าวันที่สอง ต้อนรับวันใหม่ด้วย ข้าวต้มทะเล หอมๆๆๆ
อร่อยอีกละ
เน้นหนักไปทางปลาหมึกอ่ะ กุ้งไม่ค่อยมี เซฟคอสมั้ง....
ชา กาแฟ ไมโล ขนมปังปิ้ง เนย แยม ไม่อั้น...

ระหว่างที่กินข้าวเช้า เจ้าของก็บรรยายถึงโปรแกรมวันนี้ว่ามีอะไรบ้าง หลังอาหารเช้า ใครที่อยากไปดำน้ำดูปลาเนโม่ ก็ให้ลงชื่อไว้

มีการอธิบายว่าต้องปฏิบัติตนอย่างไรก่อนและระหว่างการดำน้ำ
ก็จะมีทั้งท่านที่ว่ายน้ำเป็นและไม่เป็น
พวกที่ว่ายไม่เป็นก็ให้เกาะกัน
ไปเป็นแถวๆ ตรงนี้ ท่านๆ อาจจะได้เจอประสบการณ์ เอลนิลโญ่
คือ น้ำร้อนขึ้นโดยกระทันหัน
เอ่อ...กรุณาเห็นใจคนที่ตามหลังท่านมา ปวดฉี่ให้อั้นไว้ก่อน....

หรือบางทีก้มหน้าก้มตาดำอยู่ เงยหน้ามาอาจจะไม่ได้เห็นเนโม่ แต่เป็นปลาห้าหัวแทน

ห้ามเข้าใกล้เกาะบริเวณนั้นเกินกี่เมตรจำบ่ได้ เพื่อเป็นการรักษาสภาพแวดล้อม และปะการังบริเวณนั้น

ถ้าโดนหอยเม่นตำ มันจะฝังอยู่ในเนื้อ ต้องรีบ เอาหินทุบๆ ให้มันแตก วิธีแก้พิษต้องเอาปัสสาวะราด เพราะมันมีแอมโมเนีย
ถ้าท่านมัวแต่ลังเลว่าจะเอาปัสสาวะใครดี
ทีมงานเกาะกูดคาบาน่าคงต้องรีบเข้าไปช่วย ไม่งั้นจะถอนพิษไม่ทัน ดังนั้น อย่าลังเล..... ฯลฯ

ถ่ายผ่านกระจกบนเรือ



โชคดีที่เราไม่ได้ไปดำน้ำกะเค้าด้วยอ่ะ แต่พาเด็กๆ
ไปเล่นน้ำทะเลแทน น้ำลง มีหาดทรายให้นั่งเล่น แต่คลื่นลมยังแรง
มองเห็นเรือที่จอดอยู่โยนขึ้นโยนลง สูงมากกก ยังคิดอยู่ว่า มันจะขึ้น
เรือกันยังไงว้า คลื่นแรงขนาดนั้น......

หนูเกรซกลัวทะเลจ้า



จริงๆ ด้วยแหละ เพื่อนๆ บ่นอุบ ว่าคลื่นใส้ ขนาดกินยาแก้เมาแล้วนะ
เรือโคลงมาก มีคนอาเจียนกันหลายคน ถึงฝั่งหน้าซีดหน้าเซียวกันไปตามๆ ไอ้ชูชีพมันก็รัดซะ มันต้องรัดเป้าอ้อมมาข้างหลังด้วยอ่ะ

พวกผู้ชายเค้าบ่นกันพึม "ปวดไข่ว่ะ"
ผู้หญิงก็ไม่น้อยหน้า "เออ ปวดจิ๋มเหมือนกัน"

ไม่ได้ทะลึ่งน้า.....

แต่ได้เห็นปะการัง กะปลาเนโม่ด้วยอ๊ะ อิจฉา...

เล่นน้ำกันจนถึง 11 โมง ก็รีบขึ้นไปรอกินอาหารกลางวัน
ไม่ค่อยตะกละเล้ยยยย....ก็มันหิวนิ....

อิ่มหนำสำราญกันอีกตามเคย ที่นี่เลี้ยงอาหารไม่อั้นจริงๆ
พวกเล่นน้ำทะเลกันมา กินแบบลืมตายเลยเชียว.....

น้ำตกคลองเจ้า




อิ่มแล้ว พวกผู้ชายมันก็ไปรำพัดกันอีกละ เด็กๆ เริ่มงอแง อิ่มแล้วก็ง่วงเป็นธรรมดา....ไปนอนกะลูก นอนๆ อยู่เค้าดับไฟอ่ะ ร้อนนนน
อยากไปเดินทะเลก็ไปมะด้ายยย

ลูกหลับ

สามีหนีไปเล่นไพ่

นอนอ่านหนังสือตรงระเบียงหน้าบ้าน ลมเย้น เย็น ม่อยไปหน่อยนึง....



ปูเสฉวน






อีกมุมนึงของเกาะกูดคาบาน่า





ตื่นมาก็เล่นน้ำ เด็กๆ เล่นทรายหนุกหนานตามเคย
วันนี้ไม่มีอะไร พักผ่อนตามอัธยาศัย

อาหารค่ำ สนุกสนานมาก ประกาศผลวอล์คแรลลี่ ที่เราไม่ได้ร่วม
ดูหนุ่มๆ สาวๆ เค้าเฮฮากันก็เพลินดี นึกถึงเราตอนเป็นวัยรุ่น.....

โอ๊ย ไม่เอา แก่ๆๆๆๆ....

น่า... นะ... แต่งงานแล้วมันก็สุขไปอีกแบบ.....

เอาล่ะ ได้เวลาอาหารค่ำ....

เพียบค่ะเพียบ งานนี้ ปู ปู ปู กินกินหายอยากเลยอ๊ะ เสิร์ฟแบบ non-stop ต้มยำก็อร่อย ปลาหมึกทอดก็เยี่ยม....

ไอ้พวกผู้ชายนี่มันกินกันราวกับยัดนุ่นยัดหมอนจริงๆ
วางหาย วางหาย.... ไปอดอยากปากแห้งจากไหนกันมาเนี่ย...

เอาล่ะ กินเสร็จก็แยกย้าย....น้องซันตามพ่อไปห้องหนุ่มๆ ทำไรกันมั่งก็ไม่รู้ คงจะตั้งวงตามเคย ไม่ครีเอทเลยอ่ะ

ไอ้เราก็ไม่รู้จะเม้ากะใครดี ไปนอนรอในห้อง... แอบกลัวผีเล็กน้อย เมื่อไหร่มันจะมากันซะทีวะ ดีนะมีทีวีเป็นเพื่อน....
บ้านก็อยู่หลังสุดท้าย มองไปทางไหนก็มืดๆ
จินตนาการบังเกิดอีกละ.....

ในที่สุดสามีกับลูกสุดที่รักก็กลับมา เฮ้อออออ.....

คิดพ่อน้องซันว่าจะกลับไปเล่นไพ่อีก ไม่ค่ะ คร่อกไปอีกแล้ว

นอนดีกว่า....พรุ่งนี้กลับบ้านแล้ว...

เวลาแห่งความสุข ผ่านไปรวดเร็วจริงๆ.....

เช้าวันสุดท้าย....

วันนี้เจ้าของก็มาบรรยายระหว่างอาหารเช้าตามเคย....

เค้าพาไปดูการอนุรักษ์หอยมือเสือ เปิดวีดีโอน่ะ...
ใครแอบจับไปขายจะโดนปรับตัวละ 300 หรือ 500 เนี่ยแหละ จำไม่ได้....

เจ้าของกล่าวขอบคุณ แจ้งกำหนดการวันนี้....ขึ้นเรือประมาณ 10โมงเช้า...

ระหว่างรอก็มีการถ่ายรูปหมูตามเคย....

พวกเราก็ถ่ายกันเรื่อยเปื่อย....

ซันนี่โชว์ปะการัง บอกว่า ชื่อบอย





แบรด พิด กะลังคุยกะซันนี่เป็นภาษาไทย แต่ซันนี่เขิน เพราะพูดภาษาอังกฤษไม่เป็น




บนเรือ ขากลับ (เกาะไรก็ไม่รู้)




ขากลับก็เตรียมใส่ขาสั้นลุยน้ำเต็มที่ ก็ไม่ได้ลุย เค้าพาไปขึ้นอีกท่านึง เป็นเหมือนคลองน่ะค่ะ พวกที่มีลูกได้สิทธิพิเศษ นั่งรถกระบะไป หนุ่มๆ สาวๆ ต้องเดินไปจ้า ซัก 10 นาทีก็ถึง

มีลูกก็ดีอย่างนี้แหละ (ดีเป็นบางที) .....

ทะเลเรียบดี นับว่าเป็นโชคดี เหมือนเดิมค่ะ ชั่วโมงครึ่ง ถึงฝั่ง

ขึ้นรถทัวร์กลับบ้าน ถึงกรุงเทพโดยสวัสดิภาพ ประมาณทุ่มนึง...



ผู้ใดสนใจอยากจะไปเที่ยว เกาะกูดคาบาน่า
ลองคลิกเข้าไปเยี่ยมชมเวปไซต์ของเค้าค่ะ จะได้ทราบราคา และโปรแกรมทัวร์เกาะกูด ไม่ได้ค่าโฆษณานะเนี่ย....

เอาล่ะ เล่าจบซะที ไม่งั้นมันค้างคาใจ...




 

Create Date : 30 มิถุนายน 2548    
Last Update : 1 กรกฎาคม 2548 10:41:37 น.
Counter : 619 Pageviews.  

1  2  3  

sunnine
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]









Friends' blogs
[Add sunnine's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.