วิถีผู้กล้า ตอน "ใครขโมยรั้วศาลาของผมไป"
สวัสดีครับ ผมรุตไรเดอร์ผมยังอยู่ที่ดอยสุเทพนะครับ กับปฏิบัติการนอกสถานที่ครั้งที่ 5.3 ล้างแค้นดอยสุเทพต่อจากบล็อกก่อน service bike ของผม ถอดใจ ไม่อยากไปต่อ แต่พอได้นั่งพักหายใจ ดื่มน้ำก็ทำให้รู้สึกดีขึ้น จึงยอมไปต่อครับ แต่ผมก็ไม่รู้นะครับ ว่า service bike จะถอดใจอีกเมื่อไหร่ เพราะมันขึ้นเขาอย่างเดียวจริงๆเดินทางพิชิตความชันกันต่อเลยครับสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ผมไม่สนใจครับ เพราะวันนี้มาปั่นเป็นหลักตรงนี้ผมจำได้ดีครับ เลยทางเข้าน้ำตกไปอีกหน่อย จะมีศาลา ผมจำได้ดีเพราะครั้งแรกที่ผมมา ผมเหนื่อยมากเจอป้ายบอกระยะทางแล้ว อีก 9 กม. ถึงวัดพระธาตุ ถ้าจะไปภูพิงค์ ก็บวกอีก 4 กม.service bike ฟิตจริงๆ ไปก่อนแล้วผมยังปั่นด้วยระยะ crank 187mm นะครับ ปั่นสบายๆ ค่อยๆ ไต่ระดับความชันไปเรื่อยๆหมอกกำลังสวยเลยครับ อากาศสดชื่นมาถึงศาลาที่ผมจำได้ดีที่สุดแล้วครับ ศาลาแห่งนี้ ครั้งก่อนที่ผมมาพิิชิตดอยสุเทพ เป็นที่ที่ผมแอบมานอนพักเหนื่อยวัดระดับความสูงได้ 540 เมตร ผมไต่ระดับความสูงมาแล้ว 220 เมตรและตอนนี้เวลา 7.22 น. ใช้เวลาเดินทางมาแล้วเกือบ 1 ชั่วโมงจอดรถไว้ริมถนนนี่แหละ ศาลาที่ผมเคยมาแอบนอน จะอยู่ลึกเข้าไปเล็กน้อยคันหนึ่ง 26er MTB อีกคันก็ 26er MUni (วงการล้อเดียว เขาไม่ใช้ MTU เขาใช้ย่อว่า MUni อ่านว่า มิวนิ ย่อมาจาก Mountain Unicycle)อ่าว มาคราวนี้ ศาลาของผมเปลี่ยนไปมาก รั้วเหล็กหายไปไหน//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=mysteriousslave&month=02-2011&date=20&group=4&gblog=6นี่เป็นลิง (ค์) ของบล็อกเก่า ครั้งที่ผมมาพิชิตดอยสุเทพครั้งแรก ผมจำได้ดี รั้วยังมีอยู่ เพราะผมมาแอบนอนหลบๆ หลังรั้วนี้ กลัวคนเห็นว่าหมดสภาพครั้งเก่าก่อน วัดความสูงตรงนี้ได้ 550 เมตรแฮะ ต่างจากครั้งนี้ 10 เมตร เครื่องเอเรอร์นะเนี่ยรั้วเหล็กหายเกลี้ยงเลยครับ แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะมาคราวนี้ ผมไม่ต้องแอบนอนแล้ว แรงยังเหลือพักบ่อยหน่อยก็แล้วกันครับ เดี๋ยว service bike ถอดใจ
วิถีผู้กล้า ตอน "ปฏิบัติการนอกสถานที่ ครั้งที่ 5.3 ล้างแค้นดอยสุเทพ"
สวัสดีครับ ผมรุตไรเดอร์ จั่วหัวกระทู้ดูหนักสักหน่อย จริงๆ ไม่มีอะไรมากครับ ดอยสุเทพมันก็อยู่ของมันดีๆ แต่ผมหาเรื่องเองความแค้นที่มีจากครั้งก่อนที่มาพิชิต มีดังนี้ครับ1) ผมเหนื่อยมาก ถึงกับต้องนอนหมดแรงหน้าซีด เหตุเพราะอากาศร้อนด้วย และอุปกรณ์ไม่พร้อมด้วย ตอนนั้นมากับขาจาน 4 รู ปรับได้ยาวสูงสุดแค่เพียง 165mm ทำให้ต้องออกแรงปั่นมาก2) ผมไม่สามารถปั่นผ่านโค้งหักศอกสุดท้าย ก่อนขึ้นถึงหน้าวัดพระธาตุได้ ตรงจุดนั้นเป็นเหมือนกับบอสใหญ่ ที่ผมต้องจัดการกับมันให้ได้ แต่ก็ทำไม่สำเร็จ จูงเอาครับมาครั้งนี้ ผมต้องทำให้ได้มาแต่เช้าเลยครับคราวนี้ อากาศจะได้ไม่ร้อน คราวก่อนมาตอนบ่ายอากาศร้อนเริ่มเบาๆ ด้วยระยะ crank 145mm กับทางราบ ช่วงหน้า มช. ไปจนถึงสวนสัตว์วัดระดับความสูงได้ 315 เมตรจากระดับน้ำทะเล ที มช. ตอนนี้เวลา 6.21 น.จอดรถไว้แถวๆ ในป่า หน้า มช. นั่นแหละครับ เตรียมอุปกรณ์ต่างๆ พร้อมแล้ว ก็ออกปฏิบัิติการกันเลยกำลังจะออกจากประตูหน้า ม. ครับคราวนี้ผมมี service bike ตามมาด้วยครับ จะได้ช่วยถ่ายรูปให้ได้เราจะเริ่มสตาร์ทอย่างเป็นทางการที่หน้า มช. นะครับ จะได้เหมือนกับครั้งแรกที่ผมมาพิชิตดอยสุเทพระดับความสูงประมาณ 320 เมตร จากระดับน้ำทะเล เริ่มเดินทางเวลาประมาณ 6.30 น.เอ๋ มาจิ๊ดเดียว ความสูงเพิ่ม 5 เมตรเลยเหรอ เครื่องเอเรอร์น่าดูหลักฐานว่ามาเช้าจริงครับ ไม่มีการเมคเหตุการณ์มาครั้งนี้ ผมไม่ตื่นเต้นมากเหมือนครั้งแรก เพราะเคยผ่านมาแล้ว เพียงแต่ครั้งนี้จะมาทำให้ดีกว่าเดิม แถมอุปกรณ์พร้อมกว่าเดิมนึกว่ามาด้วยกันผมจำได้ดี ทุกโค้ง ทุกความชัน เพราะผมได้ลงไปสัมผัสมาแล้ว ในครั้งแรกพอมาถึงหน้าสวนสัตว์ ต้องหยุดปรับระยะ crank ทันนี้ครับ เพราะต่อจากนี้ ทางจะชันต่อเนื่องจาก 145 mm ปรับเป็น 187 mm รู้ที่ 6 ทันทีครับยังนะครับ ผมยังไม่ใช้รูที่ 7 นะครับ อันนี้เก็บไว้เป็นไม้ตายครับ 187mm กับล้อ 26 นิ้ว คิดว่าเอาอยู่ครับหน้าสวนสัตว์ วัดระดับความสูงได้ 330 เมตร ตอนนี้เวลา 6.40 น. แล้วครับ มัวแต่โอ้เอ้อยู่ขึ้นมาถึงบริเวณรูปปั้นครูบาฯ ได้อย่างสบายครับ ด้วยระยะ crank 187mm บวกกับร่างการผมฟิตดีแล้วด้วย ได้พัก 2 วันหลังจากปฏิบัิติการครั้งที่ 5.1 และ 5.2อากาศเย็นดีครับ มาตอนเช้า วัดอุณหภูมิทั้งทริปนี้ ได้ที่ประมาณ 28-30 องศา จากนาฬิกาที่แขนผม คิดว่าอุณหภูมิจริงๆ น่าจะลบด้วย 5 โดยประมาณที่สถาณีควบคุมไฟป่า วัดระดับความสูงได้ 380 เมตร เวลา 6.49 น.ตอนนี้ผมไต่ระดับความสูงมาแล้ว 60 เมตรครับservice bike ตามมาไกลๆช่วงเช้าๆ แบบนี้ รถแทบไม่มี ปั่นได้อย่างมีสมาธิครับไม่รู้ว่าตาน้ำ หรือท่อแตก จะหยุดดูดีๆ ก็กลัวเสียความต่อเนื่องในการปั่นผมวัดค่าสัดส่วนของการปั่น ด้วยการนำระยะความยาว crank มาหารด้วย รัศมีของล้อ ล้อ 26 นิ้ว มีรัศมีอยู่ที่ 330mmครั้งแรกที่ผมมาดอยสุเทพ ใช้ระยะ crank 165mm/330mm = 0.50ผมได้ลองปั่นเองกับตัว ก็รู้ว่ามันไม่เพียงพอ สำหรับการปีนเขาที่ทางชันต่อเนื่องครั้งนี้ใช้ 187mm/330mm = 0.57 ได้สัดส่วนเพิ่มขึ้นมา 0.07 หรือ 7% ช่วยได้เยอะครับ ปั่นลื่นขึ้น เบาแรงขึ้นดอยสุเทพ เป็นเส้นทางที่น่าปั่นนะครับ ถนนมันกว้าง จักรยานจะได้ปั่นได้ปลอดภัยมาถึงศาลาแรกแล้วครับ ศาลานี้ ผมให้ชื่อเอง ว่าศาลาลังเลใจ ในครั้งแรกที่ผมมา ผมจำได้ดีเลยครับ ผมเหนื่อยมาก เหงื่อตก หายใจหอบ น้ำเกือบหมดขวด ต้องซื้อน้ำขวดใหม่ที่นี้แหละครับในใจตอนโน้น ครุ่นคิดทันทีว่า จะไปต่อดี ไม่ไปต่อดีเหตุการณ์นี้ เกิดกับ service bike ของผมซะแล้ว เริ่มลังเล เอาไงดี เหนื่อยจัง จะไหวเหรอเนี่ยศาลาวังบัวบาน ไว้สำหรับมือใหม่ได้ตัดสินใจ จะกลับก็ยังไม่สาย จะไปต่อก็ยังอีกไกลที่ศาลานี้ วัดระดับความสูงได้ 445 เมตร เวลา 7.01 น.ผมไต่ระดับความสูงมาแล้ว 125 เมตร และเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป service bike จะยอมไปต่อกับผมหรือไม่ โปรดติดตามตอนต่อไปนะครับ
วิถีผู้กล้า ตอน "ปฏิบัติการนอกสถานที่ ครั้งที่ 5.2 พิชิตดอยแท่นพระ"
สวัสดีครับ ผมรุตไรเดอร์ ในวันเดียวกัน เช้าไปห้วยตึงเฒ่า เย็นก็ต่อด้วยการขึ้นดอยแท่นพระเลยครับเริ่มเดินทางออกจากหลัง ม.แม่โจ้ครับผมว่าจะไม่ไปกับปฏิบัติการครั้งนี้อยู่แล้ว เนื่องจากเหนื่อยมากจากตอนเช้าที่ปั่นไปห้วยตึงเฒ่า ขายังตึงๆ อยู่เลยแต่ว่าปฏิบัติการครั้งนี้ ระยะไม่ไกล แล้วมีการขึ้นดอยด้วย เป็นโอกาสที่ดี ที่ผมจะได้ทดสอบขาจาน 7 รูมหัศจรรย์ของผม และเป็นการซ้อม เพื่อเตรียมตัวไปล้างแค้นกับดอยสุเทพด้วยครับรอบนี้มาเหลืองทั้งรถ ทั้งคนรั้วฟาร์มของ ม.แม่โจ้ครับก็ขึ้นไปทางเส้นเดียวกันกับไปห้วยโจ้เลยครับผ่านห้วยโจ้ก่อน แล้วเลยไปอีก ก็จะไปดอยแท่นพระครับ นี่ไงมีป้ายเชิญชวนแล้วผ่านค่ายลูกเสือข้างหน้าจะเป็นทางชันมาก เพื่อตรงขึ้นไปยังอ่างเก็บน้ำห้วยโจ้ ผมเดินทางมาด้วย crank ระยะ 125mm จำเป็นต้องปรับ ไม่งั้นปีนไม่ไหวแน่ครับปรับเป็น 187mm เลยครับ ในใจตอนนั้น คิดว่าเอาอยู่แต่ว่าไม่สำเร็จครับ หมดแรงก่อน จูงเอาตอนแรกที่ผมคิดว่าเอาอยู่ เพราะเคยมาครั้งก่อน ใช้ระยะ crank 165mm (ตอนนั้นผมมีแค่ 105/125/145/165mm Tetrahole crank) ปั่นเกือบขึ้นได้สำเร็จแต่วันนี้ ใช้ 187mm ก็ยังไม่ได้ ลืมนึกไปว่า ข้าผมล้าสะสมมาตั้งแต่ตอนเช้าครับพ้นทางชันมาได้แล้วค่อยขี่ต่อตอนนี้ผมอยู่บริเวณสันเขื่อนแล้วครับ จะเห็นว่ามีนักปั่น มาปั่นออกกำลังกายมากมายน้ำในอ่างเก็บน้ำไม่สวยหรอกครับตอนนี้ น้ำมันแดงจากตะกอนดินเลยอ่างเก็บน้ำไป ป่าจะทึบร่มรื่นดีมากนักปั่นเจ้าถิ่นบอกว่า เลยฤษีนี้ไป ทางจะชันมาก ผมก็ไม่ได้คิดอะไร ผมปั่นมาเรื่อยๆ ช้าๆ ด้วย crank ระยะ 187mm เพราะขี้เกียจเปลี่ยนบ่อย เดี๋ยวก็เจอทางชันอีก และคิดว่า 185mm นี้ น่าจะพอเพียง ไม่น่าจะมีทางที่ชันเท่าตรงบริเวณทางขึ้นอ่างเก็บน้ำแล้วแต่ว่าปั่นไปปั่นมา มันหนืดขึ้นเรื่อยๆ ครับนี่ผมต้องใช้ท่าไม้ตาย ใช้รูที่ 7 ระยะ 210mm ซึ่งกะเตรียมไว้พิชิตดอยสุเทพอีกครั้งตั้งแต่ดอยแท่นพระเลยหรือนี่พอผ่านมาแล้ว ผมมานั่งนึกดู ทางมันอาจจะไม่ไกลนัก แต่มันชันมากจริงๆ บวกกับขาตัวเองล้าสะสมใช้ท่าไม้ตายแล้ว ยังไม่รอดเลยครับ หมดแรงหมดแรงจริงๆ เหนื่อยสุดๆ ยืนเก็กหล่อพักเหนื่อยก่อน คิดอยู่ ว่าจะทำัยังไงต่อไปดีจริงๆ แล้ววันนี้ที่ผมมา อุปกรณ์ผมพร้อม แต่ร่างกายผมเองที่ไม่พร้อม ไปโดนตัดกำลังจากห้วยตึงเฒ่าเสียก่อนยังไงก็ไม่ยอมแพ้ครับ ลุยต่อแต่ผมจำเป็นต้องงัดกระบวนท่าวิทยายุทธ์พิชิตความชันขั้นสูงออกมาใช้กระบวนท่านี้เรียกว่า ซิกแซ็กครับถ้านึกภาพไม่ออก ดูคลิปประกอบได้ทำแบบนี้เลยครับ ไม่มีทางเืลือกจริงๆ ทางก็ชัน ขาก็ล้ากระบวนท่านี้จะใช้ได้ดี ต้องถนนว่างนะครับ ไม่มีรถ ถ้ามีรถจะเสียสมาธิ ดีไม่ดีรถจะชนเอาการปั่นซิกแซ็ก มันจะเพิ่มระยะทาง แต่มันจะช่วยลดระดับความชันลงมาได้ เมื่อใช้ท่านี้แล้ว ไม่ว่ากำลังขาจะมากจะน้อย ขึ้นดอยได้ทุกคนครับถ้ากำลังขามากก็ซิกแซ็กน้อยหน่อย ถ้ากำลังขาน้อยก็ซิกแซ็กมากหน่อยในที่สุดก็เห็นประตูวัดนี่แหละครับ หน้าตาดอยแท่นพระแวะพักเยี่ยมชมวัดสักพักว่าจะเก็บแรงไว้ลงดอย มีคนมาขอให้ปั่นโชว์อีก แต่ก็ไม่เป็นไรครับ จัดให้ เอาแต่ท่าเบสิกพอ โชว์มากเดี๋ยวหมดแรงขาลง ผมประเมินว่า น่าจะใช้ระยะ crank ที่ 145mm น่าจะพอจักรยานล้อเีดียว เวลาลงเขา มันฟรีไม่ได้เหมือนสองล้อครับ ขึ้นก็เหนื่อย ลงก็ต้องใช้ขาหน่วงล้อไว้ด้วย ไม่งั้นล้อจะหมุนไปอย่างรวดเร็วตามความชัน สุดท้ายจะเอาไม่อยู่การเพิ่ม หรือลดความยาว crank ทำได้ด้วยการพอประแจเบอร์ 15 ไปด้วยเสมอ เพื่อขันน๊อตบันไดเข้าออก เปลี่ยนไปใส่ตามรูที่เราต้องการแต่ก็ประเมินผิดอีกแล้วครับ ขาลง ลืมไปว่า ดันไปปั่นโชว์ แรงขาไม่เหลือพอหน่วงล้อ ล้อมันจะไปก่อนคนครับ เอาไม่อยู่จริงๆ เลยต้องเพิ่มความยาว crank เป็น 165mm ระหว่างทาง ถึงจะเอาอยู่สองล้อไหลลงมาก่อนอย่างรวดเร็ว เร็วจนเกือบแหกโค้งด้วยซ้ำ (สองล้อกล่าว) แต่ผมเพิ่งจะกระย็องกระแย็งตามลงมาได้ฟ้ามามืดตรงอ่างเก็บน้ำห้วยโจ้พอดี ถัดจากนี้ก็เก็บภาพอะไรไม่ได้แล้วครับ ปั่นกลับอย่างเดียวในภาพ หมาสายตาอาฆาตมาก ก็มันเดินไม่ดูมาตัดหน้าผม ผมก็เกือบจะชนมันให้ คนยิ่งขาล้าๆ อยู่ด้วย ขี้เกียจเบรกจบวันนี้ บาดเจ็บกล้ามเนื้อขาไปเลย เช้าห้วยตึงเฒ่า เย็นดอยแท่นพระ แต่ปฏิบัติการนอกสถานที่ ครั้งที่ 5 ของผม ยังไม่จบนะครับ ยังมีอีกแผนล้างแค้นดอยสุเทพต้องเลื่อนออกไปก่อน เนื่องจากอาการบาดเจ็บ ขอพักปั่น 2 ล้อก่อนก็แล้วกันมีเหลือจักรยานพับให้ปั่น ดีกว่าไม่มี แบบนี้ค่อยง่ายหน่อยช่วงนี้เจ็บกล้ามเนื้อขาอยู่ครับ ปั่นวอร์มเบาๆ ด้วยสองล้อไปก่อนสองล้อ มันสนุกตอนลงเนินนี่แหละครับ ไม่ต้องปั่นก็ได้จากซ้ายไปขวา เสือภูเขา เสือขด (จักรยานพับ) และเสือไบ (จักรยานไฮบริด)พักเสือเดี่ยว ปั่นเสือขดเสือขด แม้จะล้อ 16 นิ้ว single speed แต่ก็ไม่เป็นรองเสือภูเขานะครับ ตามทันสบาย
วิถีผู้กล้า ตอน "เข็ดขยาดไปเลย กับปฏิบัิติการปั่นเที่ยวกับ MTB"
สวัสดีครับ ผมรุตไรเดอร์ ต่ิอจากบล็อกที่แล้ว พอปั่นชมอ่างเก็บน้ำ้ห้วยตึงเฒ่าเสร็จ ก็เดินทางกลับครับสิ่งที่แตกต่างกันมาก ระหว่างจักรยานล้อเดียว กับจักรยานสองล้อ คือล้อเดียวนั้นไม่มีฟรีครับ ขาเราต้องปั่นตลอดเวลาที่ล้อหมุนพอขากลับเป็นทางลงเนิน สองล้อแทบไม่ต้องปั่นอะไรมาก ไปลิ่วเลยหายไปกันหมดเลย ปล่อยผมกระย็อกกระแย็กอยู่คนเดียวแถวๆ นั้น มีทำทางไว้ให้วิ่ง และปั่นออกกำลังกายอีก ตอนแรกผมว่าจะรอแล้ว แต่ไหนๆ ก็มาแล้วไปก็ไป ใช้ crank ระยะ 107mm ครับได้จังหวะต้องรีบไปก่อนครับ เดี๋ยวไม่ทันชาวบ้านตอนนี้ขาผมล้ามาก เนื่องจากปั่นมาไกลแล้วปั่นด้วยความอดทนหมดรอบซะที วนกลับมาที่เดิมแล้วก็ต้องเดินทางกลับแม่โจ้ครับ แต่ว่า UV เริ่มแรงแล้ว (แม้แดดไม่ออก) ต้องเสริมด้วยหมวกไอ้โม่ง เดี๋ยวหน้าดำขากลับรถเริ่มเยอะแวะพักกินข้าวเช้าครับ ดีเลยจะได้พักยาวหน่อย เมื่อยขามากๆร้านนี้อร่อยนะครับ แม่จะอยู่ในซอกซอยก็ตามกินเสร็จก็เดินทางต่อครับ แดดเริ่มออกแล้ว ร้อนเชียวผ่านส่วนดราก้อนบอลแวะชมวิวริมน้ำปิงที่เดิมขามาตอนเช้ามืด ตอนนี้สว่างแล้ว เห็นชัด น้ำเยอะ แดงด้วยแวะกินกาแฟอีกเอากลองพม่ามาทำโต๊ะ แปลกดีครับ ไม่เคยเห็นแต่ชาเย็นรสชาติไม่ผ่านเดินทางกลับโดยสวัสดิภาพทุกคนครับแต่ผม เหนื่อยมากครับ วันนี้ผมปั่นจักรยานล้อเดียวไปกว่า 37 km แล้วเป็นการปั่นแบบสปีดตลอดเวลาด้วยครับ เพราะต้องตามให้ทัน MTBผมไม่เจ็บกล้ามเนื้อขามานานแล้วนะครับ ตั้งแต่สมัยหัดจักรยานล้อเดียวใหม่ๆ ปีกว่ามาแล้ว วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งครับ ที่ทำผมเจ็บกล้ามเนื้อขาขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งผมรู้ดีแต่แรกแล้วว่า จักรยานล้อเดียวของผม ยังไงก็ปั่นสู้ MTB ไม่ได้ เพียงแต่อยากรู้ในรายละเอียดว่า มันจะสู้ไม่ได้ขนาดไหนได้ข้อสรุปแล้วครับว่า ในขณะที่ MTB ปั่นสบายๆ เข้าควงเท้า 1 รอบ ผมต้องควงเท้าตัวเอง 3-3.5 รอบ และในจังหวะที่เป็นทางลงเินินนั้น จักรยานสองล้อจะสามารถไหลลงไปได้เลย แต่ล้อเดียวทำไม่ได้ ต้องปั่นตลอดเวลาเข็ดเลยครับ ไม่เอาอีกแล้ว ถ้าจะไปครั้งหน้าจริงๆ ต้องใช้สองล้อเหมือนกัน ไม่ก็ให้ผมมีจักรยานล้อเดียวขนาด 36 นิ้วก่อน รับรองว่าผมจะกลับมาสู้กับ MTB ใหม่แน่นอนครับแล้วพบกันอีกบล็อกหน้าครับ
วิถีผู้กล้า ตอน "ปั่นเล่นรอบอ่างเก็บน้ำ ห้วยตึงเฒ่า"
สวัสดีครับ ผมรุตไรเดอร์ ตอจากบล็อกก่อนหน้า ตอนนี้พวกเราเดินทางมาถึงห้วยตึงเฒ่าแล้วครับเราจะพบคนรักสุขภาพมากมาย มาวิ่ง มาปั่นสภาพเส้นทางโดยรวม ไม่ค่อยมีความชัน ทำให้ปั่นได้ไม่ยากครับพอใกล้ถึงตัวเขื่อน ทางก็ชันตามปกติ แต่ถือว่าไม่ชันมากเหมือนที่อื่น ปั่นง่ายครับบรรยากาศดีครับ มาแต่เช้าบรรยากาศอ่างเก็บน้ำ วันนี้ฟ้าปิดด้วยครับ เหมาะมากกับการปั่น แดดไม่มีปั่นอ้อมอ่างเก็บน้ำไป ก็จะมีศาลาให้พักชมวิวน้ำมันขึ้นสูงมาก ปลามารอกินอาหารปฏิบัติการครั้งนี้ ผมมากับ 90/107/125/145/165/187/210 mm Heptahole crank 7 รูมหัศจรรย์ส่วนใหญ่สำหรับทริปนี้ ใช้รู 107 mm เพื่อจะได้ปั่นเร็วทันเพื่อน ในภาพจะใส่บันไดไว้ที่ 125 mm ปรับตอนมาถึงห้วยตึงเฒ่า เพราะผมคิดว่าช่วงขึ้นสันเขื่อนมันจะชัน กลัวใช้ 107 mm จะหนืดเกินไป ปั่นขึ้นเนินลำบาก บวกกับปั่นไปชมวิวไป ไม่จำเป็นต้องใช้ความเร็วมากแล้วสำหรับระยะ 90 mm รูในสุด ผมยังไม่กล้ใช้าครับ กลัวเอาไม่อยู่ที่ความเร็วสูงส่วนระยะอื่นที่ยาวกว่านี้ อย่าหวังไปใช้เลยครับ ยิ่งช้าไปอีก ไม่ทันเพื่อนแน่นอนดีหน่อย ที่เป็นการปั่นไป พับชมวิวไป ไม่งั้นไม่ไหวแน่หายเหนื่อยแล้วก็ไปต่อ มีทางให้ปั่นรอบอ่างเก็บน้ำได้เลยครับมีจังหวะออกนำ รีบนำไปก่อนเลยครับ ไม่งั้นไม่ทันชาวบ้านเขาเสือเดี่ยว เสือไบ และเสือภูเขาภาระกิจปั่นตาม MTB ของผม ยังไม่จบนะครับ โปรดติดตามตอนต่อไป