Ride to Raid
Group Blog
 
All Blogs
 

วิถีผู้กล้า ตอน "ใครขโมยรั้วศาลาของผมไป"

สวัสดีครับ ผมรุตไรเดอร์

ผมยังอยู่ที่ดอยสุเทพนะครับ กับปฏิบัติการนอกสถานที่ครั้งที่ 5.3 ล้างแค้นดอยสุเทพ

ต่อจากบล็อกก่อน service bike ของผม ถอดใจ ไม่อยากไปต่อ แต่พอได้นั่งพักหายใจ ดื่มน้ำก็ทำให้รู้สึกดีขึ้น จึงยอมไปต่อครับ แต่ผมก็ไม่รู้นะครับ ว่า service bike จะถอดใจอีกเมื่อไหร่ เพราะมันขึ้นเขาอย่างเดียวจริงๆ


เดินทางพิชิตความชันกันต่อเลยครับ


สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ผมไม่สนใจครับ เพราะวันนี้มาปั่นเป็นหลัก

ตรงนี้ผมจำได้ดีครับ เลยทางเข้าน้ำตกไปอีกหน่อย จะมีศาลา ผมจำได้ดีเพราะครั้งแรกที่ผมมา ผมเหนื่อยมาก


เจอป้ายบอกระยะทางแล้ว อีก 9 กม. ถึงวัดพระธาตุ ถ้าจะไปภูพิงค์ ก็บวกอีก 4 กม.


service bike ฟิตจริงๆ ไปก่อนแล้ว


ผมยังปั่นด้วยระยะ crank 187mm นะครับ ปั่นสบายๆ ค่อยๆ ไต่ระดับความชันไปเรื่อยๆ


หมอกกำลังสวยเลยครับ อากาศสดชื่น


มาถึงศาลาที่ผมจำได้ดีที่สุดแล้วครับ ศาลาแห่งนี้ ครั้งก่อนที่ผมมาพิิชิตดอยสุเทพ เป็นที่ที่ผมแอบมานอนพักเหนื่อย


วัดระดับความสูงได้ 540 เมตร ผมไต่ระดับความสูงมาแล้ว 220 เมตร

และตอนนี้เวลา 7.22 น. ใช้เวลาเดินทางมาแล้วเกือบ 1 ชั่วโมง


จอดรถไว้ริมถนนนี่แหละ ศาลาที่ผมเคยมาแอบนอน จะอยู่ลึกเข้าไปเล็กน้อย

คันหนึ่ง 26er MTB อีกคันก็ 26er MUni (วงการล้อเดียว เขาไม่ใช้ MTU เขาใช้ย่อว่า MUni อ่านว่า มิวนิ ย่อมาจาก Mountain Unicycle)


อ่าว มาคราวนี้ ศาลาของผมเปลี่ยนไปมาก รั้วเหล็กหายไปไหน

//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=mysteriousslave&month=02-2011&date=20&group=4&gblog=6
นี่เป็นลิง (ค์) ของบล็อกเก่า ครั้งที่ผมมาพิชิตดอยสุเทพครั้งแรก ผมจำได้ดี รั้วยังมีอยู่ เพราะผมมาแอบนอนหลบๆ หลังรั้วนี้ กลัวคนเห็นว่าหมดสภาพ

ครั้งเก่าก่อน วัดความสูงตรงนี้ได้ 550 เมตรแฮะ ต่างจากครั้งนี้ 10 เมตร เครื่องเอเรอร์นะเนี่ย


รั้วเหล็กหายเกลี้ยงเลยครับ แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะมาคราวนี้ ผมไม่ต้องแอบนอนแล้ว แรงยังเหลือ

พักบ่อยหน่อยก็แล้วกันครับ เดี๋ยว service bike ถอดใจ




 

Create Date : 13 ตุลาคม 2554    
Last Update : 13 ตุลาคม 2554 11:44:12 น.
Counter : 791 Pageviews.  

วิถีผู้กล้า ตอน "ปฏิบัติการนอกสถานที่ ครั้งที่ 5.3 ล้างแค้นดอยสุเทพ"

สวัสดีครับ ผมรุตไรเดอร์ จั่วหัวกระทู้ดูหนักสักหน่อย จริงๆ ไม่มีอะไรมากครับ ดอยสุเทพมันก็อยู่ของมันดีๆ แต่ผมหาเรื่องเอง

ความแค้นที่มีจากครั้งก่อนที่มาพิชิต มีดังนี้ครับ

1) ผมเหนื่อยมาก ถึงกับต้องนอนหมดแรงหน้าซีด เหตุเพราะอากาศร้อนด้วย และอุปกรณ์ไม่พร้อมด้วย ตอนนั้นมากับขาจาน 4 รู ปรับได้ยาวสูงสุดแค่เพียง 165mm ทำให้ต้องออกแรงปั่นมาก

2) ผมไม่สามารถปั่นผ่านโค้งหักศอกสุดท้าย ก่อนขึ้นถึงหน้าวัดพระธาตุได้ ตรงจุดนั้นเป็นเหมือนกับบอสใหญ่ ที่ผมต้องจัดการกับมันให้ได้ แต่ก็ทำไม่สำเร็จ จูงเอาครับ

มาครั้งนี้ ผมต้องทำให้ได้


มาแต่เช้าเลยครับคราวนี้ อากาศจะได้ไม่ร้อน คราวก่อนมาตอนบ่ายอากาศร้อน

เริ่มเบาๆ ด้วยระยะ crank 145mm กับทางราบ ช่วงหน้า มช. ไปจนถึงสวนสัตว์


วัดระดับความสูงได้ 315 เมตรจากระดับน้ำทะเล ที มช. ตอนนี้เวลา 6.21 น.


จอดรถไว้แถวๆ ในป่า หน้า มช. นั่นแหละครับ เตรียมอุปกรณ์ต่างๆ พร้อมแล้ว ก็ออกปฏิบัิติการกันเลย


กำลังจะออกจากประตูหน้า ม. ครับ



คราวนี้ผมมี service bike ตามมาด้วยครับ จะได้ช่วยถ่ายรูปให้ได้


เราจะเริ่มสตาร์ทอย่างเป็นทางการที่หน้า มช. นะครับ จะได้เหมือนกับครั้งแรกที่ผมมาพิชิตดอยสุเทพ

ระดับความสูงประมาณ 320 เมตร จากระดับน้ำทะเล เริ่มเดินทางเวลาประมาณ 6.30 น.

เอ๋ มาจิ๊ดเดียว ความสูงเพิ่ม 5 เมตรเลยเหรอ เครื่องเอเรอร์น่าดู


หลักฐานว่ามาเช้าจริงครับ ไม่มีการเมคเหตุการณ์


มาครั้งนี้ ผมไม่ตื่นเต้นมากเหมือนครั้งแรก เพราะเคยผ่านมาแล้ว เพียงแต่ครั้งนี้จะมาทำให้ดีกว่าเดิม แถมอุปกรณ์พร้อมกว่าเดิม


นึกว่ามาด้วยกัน


ผมจำได้ดี ทุกโค้ง ทุกความชัน เพราะผมได้ลงไปสัมผัสมาแล้ว ในครั้งแรก

พอมาถึงหน้าสวนสัตว์ ต้องหยุดปรับระยะ crank ทันนี้ครับ เพราะต่อจากนี้ ทางจะชันต่อเนื่อง


จาก 145 mm ปรับเป็น 187 mm รู้ที่ 6 ทันทีครับ

ยังนะครับ ผมยังไม่ใช้รูที่ 7 นะครับ อันนี้เก็บไว้เป็นไม้ตายครับ 187mm กับล้อ 26 นิ้ว คิดว่าเอาอยู่ครับ


หน้าสวนสัตว์ วัดระดับความสูงได้ 330 เมตร ตอนนี้เวลา 6.40 น. แล้วครับ มัวแต่โอ้เอ้อยู่


ขึ้นมาถึงบริเวณรูปปั้นครูบาฯ ได้อย่างสบายครับ ด้วยระยะ crank 187mm บวกกับร่างการผมฟิตดีแล้วด้วย ได้พัก 2 วันหลังจากปฏิบัิติการครั้งที่ 5.1 และ 5.2


อากาศเย็นดีครับ มาตอนเช้า วัดอุณหภูมิทั้งทริปนี้ ได้ที่ประมาณ 28-30 องศา จากนาฬิกาที่แขนผม คิดว่าอุณหภูมิจริงๆ น่าจะลบด้วย 5 โดยประมาณ


ที่สถาณีควบคุมไฟป่า วัดระดับความสูงได้ 380 เมตร เวลา 6.49 น.

ตอนนี้ผมไต่ระดับความสูงมาแล้ว 60 เมตรครับ


service bike ตามมาไกลๆ


ช่วงเช้าๆ แบบนี้ รถแทบไม่มี ปั่นได้อย่างมีสมาธิครับ


ไม่รู้ว่าตาน้ำ หรือท่อแตก จะหยุดดูดีๆ ก็กลัวเสียความต่อเนื่องในการปั่น


ผมวัดค่าสัดส่วนของการปั่น ด้วยการนำระยะความยาว crank มาหารด้วย รัศมีของล้อ ล้อ 26 นิ้ว มีรัศมีอยู่ที่ 330mm

ครั้งแรกที่ผมมาดอยสุเทพ ใช้ระยะ crank 165mm/330mm = 0.50

ผมได้ลองปั่นเองกับตัว ก็รู้ว่ามันไม่เพียงพอ สำหรับการปีนเขาที่ทางชันต่อเนื่อง

ครั้งนี้ใช้ 187mm/330mm = 0.57 ได้สัดส่วนเพิ่มขึ้นมา 0.07 หรือ 7% ช่วยได้เยอะครับ ปั่นลื่นขึ้น เบาแรงขึ้น


ดอยสุเทพ เป็นเส้นทางที่น่าปั่นนะครับ ถนนมันกว้าง จักรยานจะได้ปั่นได้ปลอดภัย


มาถึงศาลาแรกแล้วครับ ศาลานี้ ผมให้ชื่อเอง ว่าศาลาลังเลใจ ในครั้งแรกที่ผมมา ผมจำได้ดีเลยครับ ผมเหนื่อยมาก เหงื่อตก หายใจหอบ น้ำเกือบหมดขวด ต้องซื้อน้ำขวดใหม่ที่นี้แหละครับ

ในใจตอนโน้น ครุ่นคิดทันทีว่า จะไปต่อดี ไม่ไปต่อดี


เหตุการณ์นี้ เกิดกับ service bike ของผมซะแล้ว เริ่มลังเล เอาไงดี เหนื่อยจัง จะไหวเหรอเนี่ย


ศาลาวังบัวบาน ไว้สำหรับมือใหม่ได้ตัดสินใจ จะกลับก็ยังไม่สาย จะไปต่อก็ยังอีกไกล


ที่ศาลานี้ วัดระดับความสูงได้ 445 เมตร เวลา 7.01 น.

ผมไต่ระดับความสูงมาแล้ว 125 เมตร และเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป service bike จะยอมไปต่อกับผมหรือไม่ โปรดติดตามตอนต่อไปนะครับ




 

Create Date : 12 ตุลาคม 2554    
Last Update : 12 ตุลาคม 2554 15:42:37 น.
Counter : 1623 Pageviews.  

วิถีผู้กล้า ตอน "ปฏิบัติการนอกสถานที่ ครั้งที่ 5.2 พิชิตดอยแท่นพระ"

สวัสดีครับ ผมรุตไรเดอร์ ในวันเดียวกัน เช้าไปห้วยตึงเฒ่า เย็นก็ต่อด้วยการขึ้นดอยแท่นพระเลยครับ


เริ่มเดินทางออกจากหลัง ม.แม่โจ้ครับ

ผมว่าจะไม่ไปกับปฏิบัติการครั้งนี้อยู่แล้ว เนื่องจากเหนื่อยมากจากตอนเช้าที่ปั่นไปห้วยตึงเฒ่า ขายังตึงๆ อยู่เลย


แต่ว่าปฏิบัติการครั้งนี้ ระยะไม่ไกล แล้วมีการขึ้นดอยด้วย เป็นโอกาสที่ดี ที่ผมจะได้ทดสอบขาจาน 7 รูมหัศจรรย์ของผม และเป็นการซ้อม เพื่อเตรียมตัวไปล้างแค้นกับดอยสุเทพด้วยครับ


รอบนี้มาเหลืองทั้งรถ ทั้งคน


รั้วฟาร์มของ ม.แม่โจ้ครับ


ก็ขึ้นไปทางเส้นเดียวกันกับไปห้วยโจ้เลยครับ


ผ่านห้วยโจ้ก่อน แล้วเลยไปอีก ก็จะไปดอยแท่นพระครับ นี่ไงมีป้ายเชิญชวนแล้ว


ผ่านค่ายลูกเสือ


ข้างหน้าจะเป็นทางชันมาก เพื่อตรงขึ้นไปยังอ่างเก็บน้ำห้วยโจ้ ผมเดินทางมาด้วย crank ระยะ 125mm จำเป็นต้องปรับ ไม่งั้นปีนไม่ไหวแน่ครับ


ปรับเป็น 187mm เลยครับ ในใจตอนนั้น คิดว่าเอาอยู่


แต่ว่าไม่สำเร็จครับ หมดแรงก่อน จูงเอา

ตอนแรกที่ผมคิดว่าเอาอยู่ เพราะเคยมาครั้งก่อน ใช้ระยะ crank 165mm (ตอนนั้นผมมีแค่ 105/125/145/165mm Tetrahole crank) ปั่นเกือบขึ้นได้สำเร็จ

แต่วันนี้ ใช้ 187mm ก็ยังไม่ได้ ลืมนึกไปว่า ข้าผมล้าสะสมมาตั้งแต่ตอนเช้าครับ


พ้นทางชันมาได้แล้วค่อยขี่ต่อ


ตอนนี้ผมอยู่บริเวณสันเขื่อนแล้วครับ จะเห็นว่ามีนักปั่น มาปั่นออกกำลังกายมากมาย


น้ำในอ่างเก็บน้ำไม่สวยหรอกครับตอนนี้ น้ำมันแดงจากตะกอนดิน


เลยอ่างเก็บน้ำไป ป่าจะทึบร่มรื่นดีมาก


นักปั่นเจ้าถิ่นบอกว่า เลยฤษีนี้ไป ทางจะชันมาก ผมก็ไม่ได้คิดอะไร ผมปั่นมาเรื่อยๆ ช้าๆ ด้วย crank ระยะ 187mm เพราะขี้เกียจเปลี่ยนบ่อย เดี๋ยวก็เจอทางชันอีก และคิดว่า 185mm นี้ น่าจะพอเพียง ไม่น่าจะมีทางที่ชันเท่าตรงบริเวณทางขึ้นอ่างเก็บน้ำแล้ว


แต่ว่าปั่นไปปั่นมา มันหนืดขึ้นเรื่อยๆ ครับ


นี่ผมต้องใช้ท่าไม้ตาย ใช้รูที่ 7 ระยะ 210mm ซึ่งกะเตรียมไว้พิชิตดอยสุเทพอีกครั้งตั้งแต่ดอยแท่นพระเลยหรือนี่

พอผ่านมาแล้ว ผมมานั่งนึกดู ทางมันอาจจะไม่ไกลนัก แต่มันชันมากจริงๆ บวกกับขาตัวเองล้าสะสม


ใช้ท่าไม้ตายแล้ว ยังไม่รอดเลยครับ หมดแรง


หมดแรงจริงๆ เหนื่อยสุดๆ ยืนเก็กหล่อพักเหนื่อยก่อน คิดอยู่ ว่าจะทำัยังไงต่อไปดี


จริงๆ แล้ววันนี้ที่ผมมา อุปกรณ์ผมพร้อม แต่ร่างกายผมเองที่ไม่พร้อม ไปโดนตัดกำลังจากห้วยตึงเฒ่าเสียก่อน

ยังไงก็ไม่ยอมแพ้ครับ ลุยต่อ

แต่ผมจำเป็นต้องงัดกระบวนท่าวิทยายุทธ์พิชิตความชันขั้นสูงออกมาใช้

กระบวนท่านี้เรียกว่า ซิกแซ็กครับ

ถ้านึกภาพไม่ออก ดูคลิปประกอบได้

ทำแบบนี้เลยครับ ไม่มีทางเืลือกจริงๆ ทางก็ชัน ขาก็ล้า

กระบวนท่านี้จะใช้ได้ดี ต้องถนนว่างนะครับ ไม่มีรถ ถ้ามีรถจะเสียสมาธิ ดีไม่ดีรถจะชนเอา

การปั่นซิกแซ็ก มันจะเพิ่มระยะทาง แต่มันจะช่วยลดระดับความชันลงมาได้ เมื่อใช้ท่านี้แล้ว ไม่ว่ากำลังขาจะมากจะน้อย ขึ้นดอยได้ทุกคนครับ

ถ้ากำลังขามากก็ซิกแซ็กน้อยหน่อย ถ้ากำลังขาน้อยก็ซิกแซ็กมากหน่อย


ในที่สุดก็เห็นประตูวัด



นี่แหละครับ หน้าตาดอยแท่นพระ


แวะพักเยี่ยมชมวัดสักพัก


ว่าจะเก็บแรงไว้ลงดอย มีคนมาขอให้ปั่นโชว์อีก แต่ก็ไม่เป็นไรครับ จัดให้ เอาแต่ท่าเบสิกพอ โชว์มากเดี๋ยวหมดแรง


ขาลง ผมประเมินว่า น่าจะใช้ระยะ crank ที่ 145mm น่าจะพอ

จักรยานล้อเีดียว เวลาลงเขา มันฟรีไม่ได้เหมือนสองล้อครับ ขึ้นก็เหนื่อย ลงก็ต้องใช้ขาหน่วงล้อไว้ด้วย ไม่งั้นล้อจะหมุนไปอย่างรวดเร็วตามความชัน สุดท้ายจะเอาไม่อยู่


การเพิ่ม หรือลดความยาว crank ทำได้ด้วยการพอประแจเบอร์ 15 ไปด้วยเสมอ เพื่อขันน๊อตบันไดเข้าออก เปลี่ยนไปใส่ตามรูที่เราต้องการ


แต่ก็ประเมินผิดอีกแล้วครับ ขาลง ลืมไปว่า ดันไปปั่นโชว์ แรงขาไม่เหลือพอหน่วงล้อ ล้อมันจะไปก่อนคนครับ เอาไม่อยู่จริงๆ เลยต้องเพิ่มความยาว crank เป็น 165mm ระหว่างทาง ถึงจะเอาอยู่


สองล้อไหลลงมาก่อนอย่างรวดเร็ว เร็วจนเกือบแหกโค้งด้วยซ้ำ (สองล้อกล่าว) แต่ผมเพิ่งจะกระย็องกระแย็งตามลงมาได้


ฟ้ามามืดตรงอ่างเก็บน้ำห้วยโจ้พอดี ถัดจากนี้ก็เก็บภาพอะไรไม่ได้แล้วครับ ปั่นกลับอย่างเดียว

ในภาพ หมาสายตาอาฆาตมาก ก็มันเดินไม่ดูมาตัดหน้าผม ผมก็เกือบจะชนมันให้ คนยิ่งขาล้าๆ อยู่ด้วย ขี้เกียจเบรก

จบวันนี้ บาดเจ็บกล้ามเนื้อขาไปเลย เช้าห้วยตึงเฒ่า เย็นดอยแท่นพระ แต่ปฏิบัติการนอกสถานที่ ครั้งที่ 5 ของผม ยังไม่จบนะครับ ยังมีอีก


แผนล้างแค้นดอยสุเทพต้องเลื่อนออกไปก่อน เนื่องจากอาการบาดเจ็บ ขอพักปั่น 2 ล้อก่อนก็แล้วกัน


มีเหลือจักรยานพับให้ปั่น ดีกว่าไม่มี แบบนี้ค่อยง่ายหน่อย


ช่วงนี้เจ็บกล้ามเนื้อขาอยู่ครับ ปั่นวอร์มเบาๆ ด้วยสองล้อไปก่อน


สองล้อ มันสนุกตอนลงเนินนี่แหละครับ ไม่ต้องปั่นก็ได้


จากซ้ายไปขวา เสือภูเขา เสือขด (จักรยานพับ) และเสือไบ (จักรยานไฮบริด)


พักเสือเดี่ยว ปั่นเสือขด


เสือขด แม้จะล้อ 16 นิ้ว single speed แต่ก็ไม่เป็นรองเสือภูเขานะครับ ตามทันสบาย




 

Create Date : 11 ตุลาคม 2554    
Last Update : 12 ตุลาคม 2554 15:45:01 น.
Counter : 1733 Pageviews.  

วิถีผู้กล้า ตอน "เข็ดขยาดไปเลย กับปฏิบัิติการปั่นเที่ยวกับ MTB"

สวัสดีครับ ผมรุตไรเดอร์ ต่ิอจากบล็อกที่แล้ว พอปั่นชมอ่างเก็บน้ำ้ห้วยตึงเฒ่าเสร็จ ก็เดินทางกลับครับ


สิ่งที่แตกต่างกันมาก ระหว่างจักรยานล้อเดียว กับจักรยานสองล้อ คือล้อเดียวนั้นไม่มีฟรีครับ ขาเราต้องปั่นตลอดเวลาที่ล้อหมุน


พอขากลับเป็นทางลงเนิน สองล้อแทบไม่ต้องปั่นอะไรมาก ไปลิ่วเลย


หายไปกันหมดเลย ปล่อยผมกระย็อกกระแย็กอยู่คนเดียว


แถวๆ นั้น มีทำทางไว้ให้วิ่ง และปั่นออกกำลังกายอีก ตอนแรกผมว่าจะรอแล้ว แต่ไหนๆ ก็มาแล้วไปก็ไป ใช้ crank ระยะ 107mm ครับ


ได้จังหวะต้องรีบไปก่อนครับ เดี๋ยวไม่ทันชาวบ้าน


ตอนนี้ขาผมล้ามาก เนื่องจากปั่นมาไกลแล้ว


ปั่นด้วยความอดทน


หมดรอบซะที วนกลับมาที่เดิม


แล้วก็ต้องเดินทางกลับแม่โจ้ครับ แต่ว่า UV เริ่มแรงแล้ว (แม้แดดไม่ออก) ต้องเสริมด้วยหมวกไอ้โม่ง เดี๋ยวหน้าดำ


ขากลับรถเริ่มเยอะ


แวะพักกินข้าวเช้าครับ ดีเลยจะได้พักยาวหน่อย เมื่อยขามากๆ


ร้านนี้อร่อยนะครับ แม่จะอยู่ในซอกซอยก็ตาม


กินเสร็จก็เดินทางต่อครับ แดดเริ่มออกแล้ว ร้อนเชียว


ผ่านส่วนดราก้อนบอล



แวะชมวิวริมน้ำปิงที่เดิมขามาตอนเช้ามืด ตอนนี้สว่างแล้ว เห็นชัด น้ำเยอะ แดงด้วย


แวะกินกาแฟอีก


เอากลองพม่ามาทำโต๊ะ แปลกดีครับ ไม่เคยเห็น


แต่ชาเย็นรสชาติไม่ผ่าน


เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพทุกคนครับ


แต่ผม เหนื่อยมากครับ วันนี้ผมปั่นจักรยานล้อเดียวไปกว่า 37 km แล้วเป็นการปั่นแบบสปีดตลอดเวลาด้วยครับ เพราะต้องตามให้ทัน MTB

ผมไม่เจ็บกล้ามเนื้อขามานานแล้วนะครับ ตั้งแต่สมัยหัดจักรยานล้อเดียวใหม่ๆ ปีกว่ามาแล้ว วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งครับ ที่ทำผมเจ็บกล้ามเนื้อขาขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง

ผมรู้ดีแต่แรกแล้วว่า จักรยานล้อเดียวของผม ยังไงก็ปั่นสู้ MTB ไม่ได้ เพียงแต่อยากรู้ในรายละเอียดว่า มันจะสู้ไม่ได้ขนาดไหน

ได้ข้อสรุปแล้วครับว่า ในขณะที่ MTB ปั่นสบายๆ เข้าควงเท้า 1 รอบ ผมต้องควงเท้าตัวเอง 3-3.5 รอบ และในจังหวะที่เป็นทางลงเินินนั้น จักรยานสองล้อจะสามารถไหลลงไปได้เลย แต่ล้อเดียวทำไม่ได้ ต้องปั่นตลอดเวลา

เข็ดเลยครับ ไม่เอาอีกแล้ว ถ้าจะไปครั้งหน้าจริงๆ ต้องใช้สองล้อเหมือนกัน ไม่ก็ให้ผมมีจักรยานล้อเดียวขนาด 36 นิ้วก่อน รับรองว่าผมจะกลับมาสู้กับ MTB ใหม่แน่นอนครับ

แล้วพบกันอีกบล็อกหน้าครับ




 

Create Date : 10 ตุลาคม 2554    
Last Update : 10 ตุลาคม 2554 14:50:22 น.
Counter : 1344 Pageviews.  

วิถีผู้กล้า ตอน "ปั่นเล่นรอบอ่างเก็บน้ำ ห้วยตึงเฒ่า"

สวัสดีครับ ผมรุตไรเดอร์ ตอจากบล็อกก่อนหน้า ตอนนี้พวกเราเดินทางมาถึงห้วยตึงเฒ่าแล้วครับ


เราจะพบคนรักสุขภาพมากมาย มาวิ่ง มาปั่น


สภาพเส้นทางโดยรวม ไม่ค่อยมีความชัน ทำให้ปั่นได้ไม่ยากครับ



พอใกล้ถึงตัวเขื่อน ทางก็ชันตามปกติ แต่ถือว่าไม่ชันมากเหมือนที่อื่น ปั่นง่ายครับ


บรรยากาศดีครับ มาแต่เช้า



บรรยากาศอ่างเก็บน้ำ วันนี้ฟ้าปิดด้วยครับ เหมาะมากกับการปั่น แดดไม่มี


ปั่นอ้อมอ่างเก็บน้ำไป ก็จะมีศาลาให้พักชมวิว


น้ำมันขึ้นสูงมาก ปลามารอกินอาหาร


ปฏิบัติการครั้งนี้ ผมมากับ 90/107/125/145/165/187/210 mm Heptahole crank 7 รูมหัศจรรย์

ส่วนใหญ่สำหรับทริปนี้ ใช้รู 107 mm เพื่อจะได้ปั่นเร็วทันเพื่อน ในภาพจะใส่บันไดไว้ที่ 125 mm ปรับตอนมาถึงห้วยตึงเฒ่า เพราะผมคิดว่าช่วงขึ้นสันเขื่อนมันจะชัน กลัวใช้ 107 mm จะหนืดเกินไป ปั่นขึ้นเนินลำบาก บวกกับปั่นไปชมวิวไป ไม่จำเป็นต้องใช้ความเร็วมากแล้ว

สำหรับระยะ 90 mm รูในสุด ผมยังไม่กล้ใช้าครับ กลัวเอาไม่อยู่ที่ความเร็วสูง

ส่วนระยะอื่นที่ยาวกว่านี้ อย่าหวังไปใช้เลยครับ ยิ่งช้าไปอีก ไม่ทันเพื่อนแน่นอน


ดีหน่อย ที่เป็นการปั่นไป พับชมวิวไป ไม่งั้นไม่ไหวแน่


หายเหนื่อยแล้วก็ไปต่อ มีทางให้ปั่นรอบอ่างเก็บน้ำได้เลยครับ


มีจังหวะออกนำ รีบนำไปก่อนเลยครับ ไม่งั้นไม่ทันชาวบ้านเขา


เสือเดี่ยว เสือไบ และเสือภูเขา


ภาระกิจปั่นตาม MTB ของผม ยังไม่จบนะครับ โปรดติดตามตอนต่อไป




 

Create Date : 09 ตุลาคม 2554    
Last Update : 9 ตุลาคม 2554 9:05:00 น.
Counter : 1336 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  

RouteRaideR
Location :
อุบลราชธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




จักรยาน มีล้อเดียว มันเสียวล้ม
ต้องเพาะบ่ม หมั่นฝึกฝน จนคล่องแข็ง
จะได้ขี่ กระโดดเด้ง เร่งหลบแซง
แม้หลุมแอ่ง อุปสรรค กล้าเิผชิญ

ขี่เก่งแล้ว ก็ค่อยออก ไปเที่ยวเล่น
ปั่นแล้วเป็น เหมือนบินลิ่ว ปลิวลมเหิน
นั่งตัวตรง ไม่มีแฮนด์ เป็นส่วนเกิน
ชมวิวเพลิน ผจญภัย ไม่เบื่อเลย

by RouteRaideR
Friends' blogs
[Add RouteRaideR's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.