Ride to Raid
Group Blog
 
All Blogs
 

วิถีผู้กล้า ตอน "เลิกใช้ถุงมือทำสวนแล้วครับ มันดูไม่โปร"

สวัสดีครับ ผมรุตไรเดอร์ แต่ก่อนไม่ว่าาจะขี่จักรยาน หรือพาหนะประเภทใด ผมไม่เคยใส่ถุงมือมาก่อน เพราะเห็นว่าไม่จำเป็น

แต่จักรยานบางประเภท บางทีปลอกแฮนด์ออกแบบมาให้มีตุ่มยางที่ค่อนข้างคม ถ้าใช้มือเปล่าจับ มันจะเจ็บมือ จำเป็นต้องใส่ถุงมือรองไว้ด้วย

และสำหรับจักรยานล้อเดียวแล้ว แรกๆ ผมก็ไม่ได้ใส่ถุงมือ แต่จะมีปัญหา เวลามือเปียกเหงือ จะทำให้จับหูหิ้วหน้าอานไม่กระชับนัก


ถุงมือที่ผมใช้แรกๆ ก็เป็นถุงมือทำสวนธรรมดา ไม่ยึดติดครับ มีอะไรให้ใช้ก็ใช้


สำหรับจักรยานล้อเดียว ผมก็ใส่ถุงมือแค่ข้างเดียว เฉพาะข้างที่ใช้จับอานเท่านั้น พอดีผมถนัดจับด้วยมือซ้าย ก็เลยใส่ถุงมือเฉพาะข้างซ้ายเท่านั้น

ถุงมือทำสวนที่มีสองข้าง ก็สามารถน้ำมาใส่ให้เฉพาะมือซ้ายได้เลย เพราะถุงมือทำสวน ไม่มีข้างซ้ายข้างขวาอยู่แล้ว


เท่าที่ผมใช้งานมานาน ถุงมือทำสวนก็ใช้ได้ดีครับ แถมราคาถูก เพียงแต่ว่ามันดูไม่โปรเท่านั้น


แต่พอผมได้ลองถุงมือสำหรับขี่จักรยานโดยเฉพาะ ก็รู้สึกว่าติดใจ มันใส่ได้กระชับกว่า รองมือได้ดีกว่า

ยิ่งไปกว่านั้น มันยังดูโปรกว่าอีกด้วย


ตอนนี้ ผมเสพติดถุงมือไปแล้วครับ ผมใส่ตลอดเลย ไม่ว่าจะขับพาหนะชนิดใด

ขนาดขับรถ ยังใส่ถุงมือจักรยานเลยครับ ผมเืลือกแบบครึ่งนิ้ว เพราะว่ามันสะดวกกว่า เวลาหยับจับอย่างอื่น ไม่ว่ารับโทรศัพท์ หรือว่าจับปากกา

แล้วถุงมือจักยาน ด้านหลังมือ ออกแบบมาให้ระบายอากาศ ใส่แล้วไม่ร้อนมือ เหมือนกับถุงมือทำสวน


กลายเป็นคนบ้าถุงมือไปเลย มี 7 คู่แล้วครับ แต่ว่าเลือกที่ราคาอยู่ในช่วง 200-400 บาทเท่านั้น ไม่งั้นผมว่ามันแพงเวอร์ไป จะไ้ด้มีงบซื้อได้หลายๆ คู่ด้วย


เดียวนี้ แม้ขี่จักรยานล้อเดียว ผมก็ใส่ถุงมือสองข้างไปเลย เวลาจะเอามือขวามาจับอานบ้าง ก็ทำให้จับได้กระชับเหมือนมือซ้าย และถ้าเกิดพลาดพลั้งขึ้นมา มีเหตุให้มือต้องไปถูกับปูน แน่นอนว่า ถ้ามีถุงมือรองไว้ ช่วยได้เยอะเลยครับ

ชวนให้มาใส่ถุงมือ ก่อนขับขี่กันทุกคนครับ ดีครับ




 

Create Date : 22 พฤศจิกายน 2554    
Last Update : 22 พฤศจิกายน 2554 10:35:00 น.
Counter : 3086 Pageviews.  

วิถีผู้กล้า ตอน "ลองใช้รูที่ 1 ของขาจาน 7 รูมหัศจรรย์ อยากรู้ว่าจะเร็วแค่ไหน"

สวัสดีครับ ผมรุตไรเดอร์ ช่วงนี้ผมพยายามตื่นแต่เช้าทุกวันไปปั่นครับ เพราะช่วงเย็นบางทีมันไม่ว่าง เลยเลือกไปปั่นเอาตอนเช้า ตื่นแต่เช้า สักตี 5 ไม่ก็ตี 5 ครึ่ง จะได้ปั่นได้ทุกวัน

วันนี้ผมอยากจะไปลองปั่นขาจาน 7 รูมหัศจรรย์ของผม โดยใช้รูที่ 1 ระยะ 90mm ซึ่งค่อนข้างจะสั้นมากๆ อยากรู้ว่ามันจะหนักแค่ไหน อยากรู้ว่ามันจะเร็วแค่ไหนด้วยครับ ขาจาน 7 รูมัหศจรรย์ของผม ติดอยู่กับจักรยานล้อเดียวขนาด 26 นิ้ว ทั้ง 7 รู มีระยะดังนี้ครับ

90/107/125/145/165/187/210mm รูที่ 2 ถึง 7 ได้ใช้ไปหมดแล้ว ในปฏิบัิติการนอกสถานที่ครั้งที่ 5 พบว่าตอบสนองต่อการปั่นในสภาพพื้นที่ต่างๆ ได้ดีมาก


ตารางนี้ จะช่วยเทียบเป็นสัดส่วน ให้เห็นได้ว่า ขนาดล้อ กับขนาดขาจาน (crank) ขนาดใด ให้ค่าสัดส่วนเดียวกัน

ถ้าดูล้อ 26 นิ้ว จะพบว่า ถ้าใช้ระยะขาจาน 90mm จะให้สัดส่วนการปั่นอยู่ที่ 0.27 เทียบเท่าล้อ 36 นิ้ว ที่ใช้ขาจาน 125mm

แน่นอนว่า สัดส่วนเดียวกัน ค่าความเร็วเมื่อปั่นจริง ไม่เท่ากันหรอกครับ เพราะล้อใหญ่ ยังไงก็เร็วกว่า แต่ผมอยากรู้ในเรื่องของความหนืดเวลาปั่น ว่าที่ค่าสัดส่วน 0.27 นี้ มันจะหนืดแค่ไหน ปั่นไหวหรือไม่ ถ้าเราซื้อจักรยานล้อเดียวขนาด 36 นิ้วมา ซึ่งนิยมติดขาจานระยะ 150mm ไม่ก็ 125mm มาให้ เราจะปั่นมันไหวหรือไม่

ผมปั่นเดินทางบนถนนทุกวันนี้ ส่วนใหญ่ใช้ล้อ 29 นิ้ว ขาจาน 125mm ให้ค่าสัดส่วนการปั่นที่ 0.34 แรกๆ ก็ว่ามันหนืดเหมือนกัน โดยเฉพาะช่วงออกตัว ช่วงใช้ความเร็วต่ำ แต่พอปั่นๆ ไป ขาเราก็ชิน

ไม่แปลกหรอกครับ เพราะแรกเริ่มที่ผมได้ล้อ 29 มา ระยะขาจานมันให้มา 145mm ให้ค่าสัดส่วนการปั่นที่ 0.39 ยังแทบปั่นไม่ได้เลยครับ เพราะเรามือใหม่ แต่พอชำนาญแล้วมันก็ชิน


ล่าสุดน้ำก็ยังท่วมอยู่นะครับ แม้ฝนจะไม่ตกแล้ว แต่ระดับน้ำก็ยังสูงขึ้น จากการไหลมาสมทบของน้ำจากพื้นที่ที่สูงกว่า


มาตอนเช้าก็มีข้อดีหลายอย่างครับ อากาศดี ช่วยให้เวลาใน 1 วันของเรา รู้สึกว่านานขึ้น เพราะเราตื่นเช้า

แต่ข้อเสียคือมันขี่เกียจตื่นนี่แหละครับ


ล้อ 26 ของผมวันนี้ เริ่มปั่นมาด้วยขาจานระยะ 125mm ให้ค่าสัดส่วนการปั่นที่ 0.38 ก็ถือว่าลื่นสบาย แต่เมื่อเทียบกับความเร็วของล้อ 29 นิ้วแล้ว เป็นรองมากทีเดียว


เบื่อศตรูตลอกกาลจริงๆ


แต่ขาจานระยะ 125 กับล้อ 26 นิ้วนั้น หนืดไปสำหรับปั่นในทาง single track แบบนี้นะครับ โดนทรายเข้าไปล้มเลย

ควรจะใช้ระยะขาจานที่ 145 หรือ 165mm จะเหมาะสมกว่า ขาจานที่ยาวขึ้น จะช่วยให้เรามีแรงปีนข้ามหลุมบ่อได้ง่าย มีแรงลุยความหนืดของทรายได้ดีกว่า แต่ว่าผมขี้เกียจเปลี่ยนบ่อย เพราะระยะทางมันไม่ไกลก็จะออกถนนใหญ่แล้ว


ล้มเบาะเปื้อนเลย ทำไงดี อยากได้ผ้าขี้ริ้วมาก จะเอามือ หรือเสื้อตัวเองเช็ดก็ไม่อยากเปื้อน จะเอาใบไม้เช็ดก็ไม่สะอาดเท่าผ้า


โห เนรมิตรได้ดั่งใจ ผ้าขี้ริวมาแล้ว


สะอาดละ ไปต่อได้


พอปั่นมาถึงถนนใหญ่ จุดที่จะลองระยะขาจาน 90mm ผมก็หยุดเปลี่ยนตำแหน่งบันได จาก 125mm


ไปที่ 90mm รูแรกสุดเลย


crank ยาวเท่าเดิม แต่บันไดอยู่ลึกเข้ามาก ปลาย crank มันยื่นยาวน่ากลัวเหมือนกัน กลัวมันตีตาปลา

แต่พอปั่นดูจริงๆ มันก็แค่เฉี่ยวๆ นะครับ ไม่โดน ขยับเท้าหน่อยก็ปั่นได้ปกติ


ขาจานสั้นๆ มันจะช่วยให้เราซอยเท้าได้ไวขึ้น เพราะเส้นรอบวงในการซอยเท้าของเรามันสั้นลง ผมนับจังหวะการซอยเท้าของผมไว้แล้วครับ เทียบกับเวลา 1 นาที


ถ้าซอยเต็มที่ นับได้ 143 rpm (จริงๆ ไวกว่านี้ได้อีก แต่ไม่กล้า กลัวเอาไม่อยู่)
ซอยปกติ จะได้ประมาณ 115 rpm

ค่าที่ได้ สามารถนำมาคำนวณความเร็วของจักรยานล้อเดียวได้ไม่ยากครับ โดยหาค่าเส้นรอบวงของล้อ ด้วยสูตร c=22d/7 (22/7 คือค่าพายนั่นแหละครับ พอดีไม่รู้พิมพ์ยังไง ส่วน d ก็คือเส้นผ่านศุนย์กลางของยาง)

c= 22x0.66m/7 = 2.07m ได้เส้นรอบวงยาง 26 นิ้ว ประมาณ 2.07m นั่นก็คือ ปั่น 1 รอบ ไปได้ไกล 2.07 เมตร

ใน 1 นาที ปั่นได้ 115 - 143 รอบ ก็ไปได้ไกล 115x2.07 - 143x2.07
ไปได้ไกลประมาณ 238 - 296 เมตร

ถ้า 60 นาที (1 hr) ก็ไปได้ไกล 238x60 - 296x60
ไปได้ 14280 - 17760 เมตร

ก็จะได้ความเร็วออกมาประมาณ 14 - 18 km/hr
14 km/hr คือความเร็วปั่นสบายๆ
ส่วน 18 km/hr คือสปีดเต็มที่ ปั่นได้ไม่นานหรอกครับ


ข้างหน้าเป็นสะพานข้ามทางรถไฟ ดีเหมือนกัน จะได้ลองปีนเนินดู ขาจานระยะ 90mm จะขึ้นไหวไหม


ขึ้นได้ครับ ผมจึงได้ข้อสรุปว่า สำหรับเนินทั่วๆ ไป ขาจานสั้นๆ ก็ขึ้นได้ เพราะมันไม่ได้ขึ้นต่อเนื่องยาวนาน และไม่ได้ชันมหาโหด เหมือนกับขึ้นดอย


ขาลงก็ไม่ยากครับ หน่วงขาได้

สรุปการปั่นจักรยานล้อเดียวขนาด 26 นิ้ว ขาจานยาว 90mm พบว่า

1) ขาจานสั้นๆ ซอยเท้าได้ไวดี
2) ขาจานสั้น ออกตัวยาก หยุดลำบาก เวลาปั่นเสียพลังงานมากกว่า ปวดเมื่อยขามากกว่า
3) ทำความเร็วได้แค่ 14 km/hr เทียบกับพลังงานที่เสียไปอาจจะไม่คุ้มนัก เพราะใช้ล้อ 29 นิ้ว ปั่นสัก 100 rpm ก็จะได้ความเร็วพอๆ กันแล้ว ยิ้งถ้าใช้ล้อ 36 นิ้วไปเลยจะดีกว่า การเพิ่มความเร็วของจักรยานล้อเดียวโดยเพิ่มขนาดของล้อ จะเป็นทางเลือกที่เหมาะกว่าลดขนาดของ crank
4) ขาจานสั้น กับการปั่นขึ้นเนินทั่วๆ ไป ก็ยังทำได้ แต่ต้องออกแรงเพิ่มสักหน่อย
5) ขาจานสั้น ไม่สามารถใช้กับทางวิบากได้ เพราะมันให้แรงปีนข้ามหลุมบ่อได้น้อย ควบคุมยาก
ุ6) เอาเข้าจริงๆ แล้ว ล้อ 26 นิ้ว ผมก็รู้สึกว่าเล็กไป สำหรับการปั่นบนถนนใหญ่ มันเหมาะกับ off road มากกว่า กับการปั่นถนนใหญ่ ควรเป็นล้อ 29 ไม่ก็ 36 นิ้ว จะให้ความเร็วที่น่าพอใจมากกว่า

นั่นก็เป็นข้อสรุปที่ผมพบจากการทดลองปั่นครับ




 

Create Date : 24 ตุลาคม 2554    
Last Update : 14 พฤศจิกายน 2554 22:20:32 น.
Counter : 1306 Pageviews.  

วิถีผู้กล้า ตอน "เห่อหมวกใหม่ แล้วปั่นไปลุยน้ำท่วม"

สวัสดีครับ ผมรุตไรเดอร์ วันนี้จะมาน้ำเสนอเรื่อง หมวกกันน๊อคจักรยานแบบแข็ง (hard hat bike helmet)


เปลือกนอกของมัน จะเป็นพลาสติกหนา และแข็งกว่าหมากจักรยานทั่วไป ที่เป็นพลาสติกบางๆ แปะติดกับโฟม มีรูระบายอากาศ (ต่างจากหมวกของมอเตอร์ไซค์ที่ไม่มีรูระบายอากาศเลย และน้ำหนักเบากว่าหมวกกันน๊อคมอเตอร์ไซค์)

ชั้นกลางจะเป็นโฟมหนา

และชั้นในสุด จะเป็นแผ่นฟองน้ำนุ่มๆ จะได้ใส่สบาย

หมวกแบบนี้ จะต้องเลือก size ให้พอดีกับหัวของผู้ใส่นะครับ เพราะมันไม่มีที่ให้ปรับระดับอะไร มีแต่คลอบที่หัว แล้วรัดคางเลย ต้องไปลองที่ร้านดีที่สุด


ตื่นแต่เช้า ไปเห่อหมวกใหม่

หมวกจักรยานแบบ hard hat นี้ จะนิยมใช้กับพวก BMX ไม่ก็ skateboard ซึ่งเป็นกีฬาที่มีโอกาสจะล้มหัวกระแทกได้

ผมว่ามันเหมาะกับจักรยานล้อเดียวด้วย และผมก็ชอบทรงมัน และชอบที่มันเป็นหมวกกันน็อคได้จริงๆ ถ้าเกิดเหตุให้ต้ัองหัวฟาดพื้นขึ้นมา ผมว่าหมวกแบบ hard hat จะช่วยเราได้จริง ไม่เหมือนหมวกจักรยานทั่วไป ที่บอบบางกว่ามาก


น้ำหนักของหมวกแบบ hard hat จะหนักกว่าหมวกจักรยานทั่วไป แต่ก็ไม่หนักมาก ประมาณสักครึ่งกิโลได้


ต่อไปนี้ ไม่ว่่าจะสภาพเส้นทางโหดแค่ไหน ก็ไม่ต้องกลัวหัวกระแทก (จริงแล้วมันก็ไม่ได้ล้มง่ายขนาดนั้นนะครับ)


ข้อเสียอีกนิดของหมวก hard hat คือมันจะระบายอากาศไม่ดีเท่าหมวกจักรยานทั่วไป แต่ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นแล้ว ก็ไม่มีปัญหา


เส้นทางข้างหน้า ห้ามผ่านครับ น้ำท่วมสูงเกินกว่ารถยนต์จะผ่านได้


เมื่อทางปิด ถนนก็โล่ง สวรรค์ของจักรยานเลยครับ


่ตอนแรกก็ไม่คิดจะไปหรอกครับ ขี้เกียจเท้าเปียก แต่ไหนๆ ก็มาแล้ว ลองดูดีกว่า


น้ำท่วมลึกเกือบครึ่งล้อได้ ล้อ 29 นิ้ว ระยะ crank 150 mm ลองฝ่าด่านน้ำท่วมดู หนืด ปั่นยากเหมือนกันครับ น้ำลึก จังหวะที่เท้าลงต่ำสุด เท้าเราก็จมน้ำอยู่ดี

เทคนิคคือ ปั่นไปช้าๆ เกาะเส้นกลางถนนไว้เลย เพราะที่ขอบถนนจะลึกกว่า และเส้นกลางถนน สีจะออน จะช่วยเป็นแนวให้เรามองเห็นพื้นได้ง่าย ถ้าไม่มีเส้น บางทีมีหลุมซ่อนอยู่ กับถนนดำๆ แถมมีน้ำอำพรางไว้ ตกหลุมไปก็เรียบร้อยเลย


น้ำมันไหลจากซ้ายไปขวาซะด้วย ทำให้ล้อเราเป๋ไปกับแรงพัดของน้ำ ก็ต้องคอยควบคุมให้มันกลับมาทางซ้าย

ถ้ากรณีปั่นในน้ำแบบนี้ แล้วมีรถ หรือเรือ มาสร้างคลื่นใส่ ก็เรียบร้อยเช่นกัน แต่ครั้งนี้ไม่มีใครมาสร้างคลื่นรบก่วนครับ เลยสามารถปั่นมาได้ตลอดรอดฝั่ง


ปฏิบัติการทุกครั้งต่อไป ผมจะใช้หมวกแบบ hard hat เสมอครับ เพราะมันเหมาะกับจักรยานล้อเดียวของผม และเป็นหมวกที่ช่วยกันกระแทกได้จริง แถมไว้ใส่ขี่มอเตอร์ไซค์ก็ได้ครับ เพราะมันก็คือทรงเดียวกับของมอเตอร์ไซค์นั่นเอง

ส่วนหมวกจักรยานที่ผมเคยใส่ ก็ไว้ปั่นสองล้อ




 

Create Date : 23 ตุลาคม 2554    
Last Update : 23 ตุลาคม 2554 12:04:27 น.
Counter : 3834 Pageviews.  

วิถีผู้กล้า ตอน "พิชิตภูพิงค์ สร้างสถิติการไต่ระดับความสูงไว้ที่ 1000 เมตรพอดิบพอดีเกิน"

สวัสดีครับ ผมรุตไรเดอร์ กลับมาพบกับผู้รักการเล่นกีฬา แบบ Outdoor extreme sport ในตอนสุดท้ายของปฏิบัติการนอกสถานที่ ครั้งที่ 5.3 ล้างแค้นดอยสุเทพ และแถมด้วยการมาให้ถึงภูพิงค์


ระหว่างทาง หยุดรอ service bike


ก็ยังดี ที่ service bike ยังมีแรงเข็นรถ


พักกันอีกแป๊บ ก็เดินทางต่อครับ ใกล้จะถึงแล้วหละ


ตอนแรกที่ผมเห็นป้ายนี้ ผมก็คิดในใจอยู่เหมือนกัน ว่าจะบอกทำไม ที่ผ่านมามันไม่ชันหรืออย่างไร

แต่พอปั่นผ่านมาก็เข้าใจ มันชันพิเศษนั่นเอง (แต่ก็ไม่ชันเท่าโค้งหักศอกหน้าวัดพระธาตุนะครับ)

แถมโค้งนี้ ผมได้ปั่นวงนอกด้วย แบบนี้ช่วยได้เยอะ ถ้าได้ปั่นวงในจะยาก


ใกล้เข้าไปอีกครับ อีกแค่ 200 เมตรเท่านั้น ต่อจากนี้ไป ทางจะแคบแล้วครับ


อันนี้เป็นภาพเส้นทาง ที่ผมปั่นขึ้นมา

service bike ยังไม่มาเลย ผมเลยเดินกลับลงไปช่วย เพราะทางมันชันเป็นพิเศษ


จะได้ลองปั่น MTB ขึ้นดอยสุเทพครั้งแรกในชีวิตดูบ้าง หนืดแน่นอนครับ

แต่สองล้อ ดีกว่าล้อเดียวหลายอย่าง

1) มีเกียร์ให้ทด ถ้าชันจริงๆ ก็ทดเกียร์ต่ำที่สุดเท่าที่มี แต่ล้อเดียว 1:1 เท่านั้น ผ่อนแรงได้ด้วยการใช้ crank ให้ยาวขึ้น แต่ยังไงก็ต้องปั่นในอัตรา 1:1

2) มีแฮนด์ไว้ให้เราจับเพื่อยืนขย่ม ใช้น้ำหนักตัวเข้าช่วยในการปั่น

3) มีฟรี การปั่นถอยหลัง หรือน้ำหนักจากเท้าหลังที่กดลงบันได ไม่มีผลหน่วงล้อ แต่กรณีล้อเดียวนั้นเป็น fixed gear ที่ปั่นถอยหลังได้ น้ำหนักเท้าหลัง มีผลในการหน่วงล้อ

แต่ล้อเดียวก็ดีที่เบากว่าเท่านั้นเองครับ ล้อเดียวที่ผมขี่มา หนัก 6 kg


เท้าไปเยอะ แต่ล้อไปช้า ตามสไตล์การปั่นขึ้นเขา

ลองเป็น service bike ดูครับ เหนื่อยเหมือนกัน


ในที่สุดก็มาได้ครบทั้ง 3 ล้อ


ระหว่างทางสู่หน้าพระตำหนัก


ถึงแล้ว


เก็บสถิติกันเลย

ผมออกจากหน้า มช. ความสูง 320 เมตร เวลาประมาณ 6.30
ตอนนี้อยู่หน้าพระตำหนัก ความสูง 1315 เมตร เวลาประมาณ 12.30

สรุป ผมไต่ระดับความสูงมาได้ 995 เมตร ทำเวลาไป 6 ชั่วโมง

ระยะทางจากหน้า มช. มาที่ภูพิงค์ น่าจะอยู่ที่ประมาณ 14-15 km
ถ้าหารดู ผมทำความเร็วเฉลี่ยได้ประมาณ 2.33-2.5 km/hr

สภาวะคือ ปั่นไปพักไปเป็นระยะๆ แล้วช่วง 2 กิโลเมตรสุดท้าย ทำความเร็วได้เท่าคนเดิน เพราะ service bike หมดแรง

เจ็บใจจัง ทำไมตัวเลขระดับความสูงมันไม่เป็น 1320 จะได้ลงตัว


เลี้ยวเข้าซอย หาของกินเลยครับ


ผมกินข้าวซอยครับ อร่อยมาก


ส่วน service bike ของผม จัดหนัก ด้วยผัดผักรวมมิตรราดข้าว



อิ่มหนำสำราญแล้ว ค่อยมาถ่ายรูปเป็นที่ระรึก

ว่าครั้งหนึ่ง 2 คน 3 ล้อ ได้เดินทางขึ้นมาถึงพระตำหนักภูพิงค์แล้ว


ตรวจสอบระดับความสูงดูอีกที อ้าว ได้ 1320 เมตรแล้ว

งั้นเอาค่านี้แหละ มันลงตัวดี จากหน้า มช. สูง 320 มาถึงภูพิงค์ สูง 1320 ผมจะได้จำง่ายๆ ว่า ผมได้เคยทำสถิติการไต่ระดับความสูง ด้วยจักรยานล้อเดียวได้ 1000 เมตรพอดี คราวหน้า ถ้าทำได้สัก 1005 ก็ถือว่าทำลายแล้ว (นาฬิกาผม วัดละเอียดได้แค่ทีละ 5 เมตรนะครับ)

จบภารกิจคราวนี้ เลขสวยดีครับ


แถม

จากนั้น ผมก็รับหน้าที่เป็น service bike นำจักรยานสองล้อลงเขาไปเอารถครับ


ผมไม่เคยขี่จักรยาน down hill มันขนาดนี้มาก่อนเลยครับ ไม่ต้องปั่นเลย ไหลลงอย่างเดียว เร็วซะด้วย ระวังแหกโค้งอย่างเดียว มือคุมที่เบรกไว้ให้ดีๆ


ลงเร็วจนผมไม่กล้าถ้ายรูป ต้องใช้สองมือกำแฮนด์ให้มั่นๆ เกือบแหกโค้งหักศอกหน้าวัดพระธาตุนั่นแหละ

แนะนำเลยครับ คอจักรยาน ต้องลองมาขี่ลงดอยสุเทพดูครับ มันมาก ถนนมันกว้างด้วยครับ ปลอดภัยกว่า


แล้วผมก็รับหน้าที่เป็น service car ต่อ เพื่อไปรับนักปั่นกลับบ้าน

เป็นอันจบภารกิจโดยบริบูรณ์ครับ

ตอนนี้ปฏิบัติการนอกสถานที่ด้วยจักรยานล้อเดียวของผม มี 5 ครั้งแล้ว

1) ตรัง-ปราณบุรี
2) ปากเซ-สี่พันดอน
3) ดอยสุเทพ-ปาย-แม่โจ้
4) ป่าหินงาม
5) ห้วยตึงเฒ่า-ดอยแท่นพระ-ภูพิงค์
ุ6) จะเป็นที่ไหน ยังไม่รู้เลยครับ แต่ว่าอยากไปภูกระดึง




 

Create Date : 20 ตุลาคม 2554    
Last Update : 20 ตุลาคม 2554 12:06:47 น.
Counter : 1413 Pageviews.  

วิถีผู้กล้า ตอน "ตกใจเลยครับ โดนแขกดักกลางทาง"

สวัสดีครับ ผมรุตไรเดอร์ ผมยังอยู่ระหว่างทางมุ่งสู่พระตำหนักภูพิงค์นะครับ


ตอนนี้ service bike ก็เดินจูงจักรยานเอาอย่างเดียวแล้วหละครับ

ส่วนผมยังอยากจะปั่นอยู่ สิ่งที่ทำได้ก็คือ ปั่นไปก่อน แล้วหยุดรอครับ

ไม่รู้ว่าทางมันจะชันไปไหน จะถึงอยู่แล้ว ก็ไม่ถึงซะที รู้สึกว่ามันไกลเหลือเกิน


ใจชื้นขึ้นมาอีกเล็กน้อย ถึงลานจอด ฮ. แล้วครับ

ถ้าถึงลานจอด ฮ. แสดงว่าใกล้จะถึงแล้ว


ที่ลานจอด ฮ. นี่ วัดระดับความสูงได้ 1215 เมตร ตอนนี้ก็ใกล้ 11.30 น. แล้ว รวมๆ ผมก็เดินทางมา ใช้เวลาไปประมาณ 5 ชม. แล้วครับ จากหน้า มช.


ถ่ายรูปตรงโน้น ตรงนี้ รอ service bike ไปด้วย

พอ service bike จูงมาถึง ก็พักอีกแป๊บ แล้วก็เดินทางกันต่อ โดยผมปั่นไปก่อน แล้วไปรอข้างหน้าเหมือนเดิมครับ


อย่าลืมนะครับ เวลาขึ้นจักรยาน ในพื้นที่ที่มีความชัน ให้หันหน้าขวางความชันครับ จะขึ้นได้ง่าย


ลุยต่อครับ


เดี๋ยวก็ต้องถึงจนได้หละ


พอไปได้สักพัก ก็ต้องหยุดรอ service bike ครับ เดี๋ยวจะเดินตามไม่ทัน

แต่ว่ารอนาน service bike ยังไม่มาสักที ผมเลยปั่นย้อนลงไปดู เป็นห่วงว่าจะเกิดเรื่อง

แต่กลับเป็นผมเองครับ ที่เกิดเรื่อง โดนแขกจอดรถปาดดักกลางทางขาลง แล้วลงมากันหลายคนด้วย พูดก็ไม่รู้เรื่อง


"อีนี่ ขี่ด้ายยางงาย *@#&^+_$%^#@$%" ไม่รู้พูดอะไร

ถามรู้เรื่องแต่ว่า มาจากประเทศอินเดียแท้ๆ เลย

พูดเสร็จ ก็ถกโสร่ง นั่งยองๆ ฉี่ใส่ข้างทางให้ผมดูซะด้วยอีก (อะไรกันนี่) เคยได้ยินแต่เขาพูด เพิ่งเจอกับตัวก็คราวนี้หละครับ อยากจะถ่ายรูปตอนเขานั่งฉี่เหมือนกันนะ แต่เกรงใจ ไว้ทีเผลอก่อน

ในภาพ จะเห็น service bike ของผม จูงรถอยู่ไกลๆ


รอดตัวไป นึกว่าจะโดนแขกปล้นซะแล้ว

เดินทางต่อครับผม ยิ่งใกล้ เหมือนยิ่งไกลจริงๆ จะถึงก็ไม่ถึงสักที

แล้วพบกับตอนจบ ของปฏิบัติการนอกสถานที่ ครั้งที่ 5.3 ได้ในตอนหน้านะครับ จะจบสวยหรือไม่ อย่างไร แค่ไหน บล็อกหน้ามีข้อสรุปครับ




 

Create Date : 19 ตุลาคม 2554    
Last Update : 19 ตุลาคม 2554 13:01:05 น.
Counter : 752 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  

RouteRaideR
Location :
อุบลราชธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




จักรยาน มีล้อเดียว มันเสียวล้ม
ต้องเพาะบ่ม หมั่นฝึกฝน จนคล่องแข็ง
จะได้ขี่ กระโดดเด้ง เร่งหลบแซง
แม้หลุมแอ่ง อุปสรรค กล้าเิผชิญ

ขี่เก่งแล้ว ก็ค่อยออก ไปเที่ยวเล่น
ปั่นแล้วเป็น เหมือนบินลิ่ว ปลิวลมเหิน
นั่งตัวตรง ไม่มีแฮนด์ เป็นส่วนเกิน
ชมวิวเพลิน ผจญภัย ไม่เบื่อเลย

by RouteRaideR
Friends' blogs
[Add RouteRaideR's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.