Group Blog
All Blog
--- อ อ ง อ อ ---






















ปีทีแล้ว อองออมีปัญหาเรื่องขาหลัง เดินไม่ค่อยไหวซึ่งเป็นปัญหาปกติของหมาพันธุ์นี้ เราก็ทำใจแล้วว่า คงต้องเหนื่อยกันไปสักพักใหญ่ ๆ

เราทำวีล แชร์ เผื่อเขาอยากใช้ขาหน้าพาตัวเองไปไหน ขาหลังที่ไม่ค่อยมีแรงจะได้พักบนล้อ อย่างน้อยก็เคลื่อนไหวได้เองโดยที่เราพาเดิน

เราทำแคร่สำหรับอองออเผื่อว่า วันไหนเขาเดินไม่ไหวแล้ว จะได้จัดที่นอนบนแคร่และเลื่อนไปไหนมาไหนได้ ไม่ให้นอนแซ่วอยู่กับที่ อย่างน้อยก็ได้ลากกันมาดูตะวันตกดินหน้าบ้านเหมือนที่เขาชอบ

ผ่านมาอีกครึ่งปี อองออไม่ชอบทั้งวีล แชร์และแคร่ เขาพยายามถัดก้น ลากตัวด้วยสองขาหน้า พาตัวเองไปมารอบ ๆ บ้าน ทำให้เกิดแผลที่สะโพก แต่โชคดีที่ยังกินยาได้ แผลค่อย ๆ ทุเลาลงเพราะจู่ ๆ เขาก็ลุกเดินได้อีก ลุกเองบ้าง บ่อยครั้งที่เราช่วยเอาผ้าสอดเข้าใต้ลำตัวช่วยพยุงขึ้น พยายามพาเขาเดินในทุกเช้าและเย็น ไม่อย่างนั้นเขาจะนอนอย่างเดียว ขาจะลีบและอ่อนแรงไปเรื่อย ๆ

แต่เราก็ต้องแล้วแต่เขาเพราะอองอออายุมากแล้ว อยู่กับเรามา 13 ปี ถ้าเทียบอายุกับคน เขาก็แก่มาก ๆ และไม่ค่อยแข็งแรง

90 % คือนอน ที่เหลือคือตื่นมากินหรือทักทายเราเท่านั้นซึ่งเราก็ไม่อยากรบกวน

กลางปีนี้อองออดูอาการย่ำแย่มาก ๆ เพราะเริ่มเดินไม่ได้อย่างแท้จริง กลางคืนเห่าหอน คร่ำครวญอย่างต่อเนื่อง ใหม่ ๆ เราก็เหนื่อย ล้าและรำคาญ หงุดหงิดมากเพราะต้องตื่นกลางดึกมาดูเขาว่าจะเอาอะไร เขาหิวตลอดเวลา อ่างอาหารและน้ำก็เอาไว้ใกล้ ๆ และที่สำคัญนอนทับอึและฉี่ของตัวเองทั้งคืน ทำให้ทุกเช้าของเราคือการช่วยกันอาบน้ำให้ อาบเหมือนคนคือทั้งเช้าและเย็นเพราะเลอะเทอะไปหมด พอสบายตัวเขาจะหลับได้

ฉันรู้สึกแย่มาก ๆ และเสียใจที่รำคาญเขา มานึกถึงตัวเองเวลาไปไหนมาไหนไม่ได้ บอกใครไม่ได้บ้าง อองออยังมีเราอยู่ เราแข็งแรงกว่าเขาเยอะ คนป่วยน่าสงสารทุกคน หมาป่วยก็เช่นกัน ฉันตั้งใจว่า จะไม่เป็นคนแบบนั้นอีก จะพยายามดูแลอองให้ดีกว่าเดิม

แต่ความกังวลของเรามีมากขึ้นเพราะเวลาเราไปไหน เราหาคนมาช่วยดูเขาตอนกลางคืนไม่ได้ ต้องบอกเพื่อนบ้านว่า หมาเราป่วย มันเห่าทั้งคืนก็ต้องขออภัยด้วย เราไม่อยากใช้ยานอนหลับหรือใส่ตะกร้อปาก สงสารเขาและก็เกรงใจเพื่อนบ้านด้วย โชคดีที่เพื่อนบ้านก็เลี้ยงหมา เขาเข้าใจและให้กำลังใจเรา จะช่วยดู ๆ ให้ช่วงที่เราไม่อยู่บ้าน

เกือบสี่เดือนที่อองออนอนอยู่บนแพมเพิร์ส ยกได้แต่หัว เราต้องช่วยกันยกตัวให้เขานั่งเอง เพื่อจะได้กินอาหาร ดูเขายิ้มแย้มแจ่มใส นัวเนียเวลาเราขยี้หัวและพูดคุยด้วย เราเองไม่รู้ว่าเขาจะอยู่สภาพนี้อีกนานแค่ไหน แต่เริ่มรับรู้ล่ะว่าเห่าแบบนี้คือหิว เห่าเสียงนี้คืออึคาก้น แม่รีบมาเช็ดออกเร็ว ๆ หรือเห่าแบบอยากให้พาออกไปดูผู้คนที่หน้าประตู

การมีแคร่ก็ดีไปอย่าง เราช่วยกันยกตัวขึ้นแคร่และลากไปหน้าบ้านได้ ดูเขามีความสุขดี ลูก ๆ ปิดเทอม ได้อยู่ดูแลช่วงที่อองออย่ำแย่ที่สุดและเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่ลูกได้ใช้เวลากับอองออด้วย สองสาวอาบน้ำให้อองออทุกวัน หาข้าวหาน้ำให้อองออกินเวลาฉันมาทำงาน

เดือนนี้เด็ก ๆ เปิดเทอมแล้ว เหลือเราสองคนที่ยังกุลีกุจอเรื่องหาแพมเพิร์ส ขับรถเข้าออกจากที่ทำงานเข้าบ้านเพื่อไปเปลี่ยนแพมเพิร์สให้เขา ต้องคอยให้เขากินอาหารและน้ำจนอิ่มก่อนและวางหมอนที่เขาชอบให้เวลานอน

อาการของอองออเริ่มหนักอาทิตย์สุดท้าย อย่าว่าแต่กินยาเลย กินน้ำเองก็ไม่ได้ เราต้องค่อย ๆ ใช้ไซริ้งค์ป้อนน้ำแต่ก็ไหลออกปาก ปากเริ่มแข็ง ตาเลื่อนลอย เริ่มกลืนน้ำไม่ได้แล้ว เข้าใจอย่างยิ่งว่า อองออคงอยู่ไม่ถึงหนาวนี้แน่ ได้แต่ลูบหัว บอกลากันทุกเวลาที่เข้ามาดู ล่ำลาทั้งก่อนเข้านอนด้วยเพราะกลัวเช้ามาแล้วเขาจะไปทั้งที่ภาวนาให้เขาหลับสบาย ๆ ทุกคืน

อองออนอนนิ่งมาหลายวัน ไม่หือไม่อือ สัญญาณของชีวิตคือท้องที่หน้าท้องที่กระเพื่อมขึ้นลงอย่างแผ่วเบา เมื่อวาน ฉันเช็ดอึเปลี่ยนแพมเพิร์สให้ก่อนออกมาทำงานตอนบ่าย เห็นอองออน้ำตาไหล ยังบอกเลยว่า ไม่ไหวก็หลับไปเถอะ สงสารมาก รู้ว่าทรมานมาก แผลกดทับลึกจนถึงกระดูกทั้งสองข้าง ทำแผลให้ทุกวัน พลิกตัวไปมาก็รู้ว่าเจ็บ นอนท่าไหนก็คงเจ็บ อองออเจ็บมาก ฉันรู้แต่เขาไม่มีแรงเห่าบอกเราเหมือนเดิม

ฉันกลับเข้าไปเปลี่ยนแพมเพิร์สให้อองอออีกทีตอนห้าโมง มองที่พุงเขาอย่างแรกว่ายังมีลมหายใจหรือเปล่า สัญญาณการมีชีวิตล่องลอยไปแล้ว น้ำตาไหลทั้งที่รู้ว่าวันนี้ต้องมาถึง ได้แต่ลูบหัวและปิดตาให้เขา ไม่ต้องทรมานกันอีกต่อไปแล้ว

ฉันเตรียมใจที่จะรับมือกับอองอออยู่แล้ว คิดว่าต้องเกิดขึ้นสักวัน สงสารที่เขาทรมานมากแต่เราก็จะไม่เข้าไปตัดสินหรือหยุดลมหายใจเขาด้วยตัวเอง ฉันไม่ค้างคาใจอะไรเพราะได้ดูแลเขาจนถึงวันสุดท้ายแล้ว

13 ปีที่เราอองอออยู่กับเรา เขาเป็นหมาเอ๋อ ๆ ที่เรารักและเราก็รักความเป็นธรรมชาติของมัน ปากเหม็น ตะกละและชอบอึ ฉี่ เรี่ยราด สอนก็ไม่ได้ซึ่งหมาตัวอื่น ๆ ก็ไม่เป็น แต่เราก็หยวน ๆ เพราะมันเป็นหมาเรา รักแบบที่มันเป็น เลี้ยงกันไป

ตอนนี้อองออคงไปวิ่งเล่นกับคิมมิมบนสวรรค์แล้วล่ะ เขาเป็นสัตว์เลี้ยงตัวที่สามที่ฉันฝังร่างของเขาที่บ้าน คิมมิม อองออและสีตรัง ไม่นับสีนวล แมวตัวแรกของแม่ที่ฉันรัก

เช้านี้ยังไม่ค่อยชิน เพราะเปิดประตูจะไปเปลี่ยนแพมเพิร์ส จุดยากันยุงและเปิดพัดลมให้เขา อุปกรณ์การดูแลอองออยังอยู่ กลิ่นเหลือค้าง
สงสารแต่ไส้อั่ว เพื่อนรักของเขานี่แหละ ฉันบอกลุงอั่วแล้วว่าอองออไม่อยู่แล้วนะ เขาคงจะคิดถึงอองออมากเพราะคลุกคลีกันทุกวัน คู่นี้เขารักกันมานาน ก็ไม่รู้ว่าหมาจะเป็นโรคซึมเศร้าหรือเปล่า

ฉันยังไม่เข็ดเรื่องการเลี้ยงหมาหรอกนะ เพียงแต่ตอนนี้อยากพักเพราะเหนื่อยจริง ๆ โชคดีที่ไม่รู้สึกผิดหรือค้างคาใจอะไร ได้ดูแลอองอออย่างเต็มที่แล้ว ยังรักและรู้สึกคิดถึงเขา ยิ่งเห็นภาพก็ยิ่งคิดถึง ไม่ร้าวรานใจเพราะเข้าใจความเป็นจริงของชีวิต

แต่กับการเตรียมตัวเตรียมใจบางอย่างก็ยากอยู่ แม้ว่าเข้าใจสัจธรรมของชีวิต ก็ยังอยากให้เวลาเดินช้า ๆ และไม่อยากให้วันนั้นมาถึงจริง ๆ












พักให้สบายนะอองออ คิมมิมมีเพื่อนแล้วนะ

ขอบคุณค่ะ
ภูพเยีย
16 สิงหาคม 2560


















Create Date : 16 สิงหาคม 2560
Last Update : 16 สิงหาคม 2560 9:47:33 น.
Counter : 734 Pageviews.

1 comment
--- น ก เ ดิ น ด ง ? ? ? ---










เช้านี้งัวเงียมาก ตื่นสายกว่าปกติ เดินออกไปหลังบ้านจะไปให้อาหารแมวแต่เหลือบไปเห็นนกเดินดงอกส้มมาซุกอยู่ในต้นตีนตุ๊กแก ตกใจมากนี่มันฤดูหนาวแล้วเหรอ กระซิบเรียกคนที่บ้านให้ดูด้วยกันก่อนวิ่งเข้าไปเอากล้องถ่ายรูป

เก็บภาพนกเดินดงไว้หลายภาพ นกกับต้นตีนตุ๊กแกบนรั้วนี่ไม่ธรรมดานะ แต่หันไปเจอนกช้อนหอยอีก กรี๊ด.. มาได้ไงเนี่ย ดูปากเล็ก ๆ กำลังหาอาหารบนลำเหมืองสามตัว ดีใจมากเพราะเป็นนกที่อยากเจอตัวเป็น ๆ มานาน

นกเดินดงยังไม่ไปไหนแต่เห็นนกเขาสองตัวใส่กระโจมอกอาบน้ำกันอยู่ สักครู่ นกกระจิ๊ดสีคล้ำ คิ้วดำหนามาร้องใกล้ ๆ มั่นใจแล้วว่านกอพยพเริ่มมากันแล้ว จึงจับภาพนกกระจิ๊ดต่อ กดไปหลายภาพ

สักพัก นกกระจิ๊ดกระโดดลงน้ำในลำเหมือง ทำท่านั่งขัดสมาธิเพชร ตัวกลมมาก ลอยน้ำฉันกรี๊ดในใจอีกรอบ คิดว่าจะเอาภาพนี้ไปฝากเพื่อนดู นกนั่งขัดสมาธิได้ด้วย แล้วจากนั้นเขาเปลี่ยนท่า เป็นยกขาข้างนึงเหมือนเล่นสกีบนน้ำ คิดไปคิดมา นกเด็ก ๆ ก็มีพฤติกรรมเหมือนเด็กนี่แหละ แต่เพิ่งเคยเห็นท่าพิศดารเป็นครั้งแรก ตื่นเต้นมาก(เสียงสูง) อยากอวดลงเฟซบุ๊กที่สุดถ้าไม่สะดุ้งตื่นเสียก่อน...

#สงสัยกินเยอะไปหน่อย







Create Date : 31 กรกฎาคม 2560
Last Update : 31 กรกฎาคม 2560 13:05:17 น.
Counter : 721 Pageviews.

1 comment
--- ที่ ห้ อ ง พิ เ ศ ษ ---







วันที่ 9 เราตั้งใจว่าจะไปรับพ่อกลับบ้าน หลังจากที่ฉันวิ่งเทรลงานโคลัมเบียจบ บึ่งรถออกจากงาน ไม่ทันเก็บภาพหรือพักกินข้าวดี เหมือนมีลางสังหรณ์อะไรในใจ เหมือนใจจะสงบระหว่างวิ่งเพราะฉันต้องมีสมาธิอยู่กับก้าววิ่งของฉัน เหมือนหลุดออกจากโลกของความจริงไปชั่วขณะ ไม่อย่างนั้นจะสะดุดและล้ม อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แม้ลึก ๆ รู้อยู่ว่า ความจริงบนโลกจริงกำลังรอฉันอยู่

ฉันเปิดมือถือหลังจากครึ่งวันผ่านไปแล้ว ใช่..ฉันพกมันระหว่างทางวิ่งเผื่อฉันจะหลงทางกลางป่าอีกจะได้ติดต่อทีมงานหรือสามีได้

น้องสาวไลน์บอกสั้น ๆ ว่า พ่อไม่ค่อยดี ตอนนี้กลืนอะไรไม่ได้แล้ว มีอาการชักอีกรอบ

ฉันโทรเข้ามือถืออา เขาร้องไห้ พยายามรายงานฉันเท่าที่เขาจะบอกได้ เขาพูดซ้ำ ๆ ว่า ไม่รู้จะทำยังไง มันกลับตาลปัตร ทั้งที่วันนี้ดูแล้วน่าจะกลับบ้านได้ อาป้อนอาหารแต่เช้า ได้คำที่สอง อาหารล้นจากปาก เอาน้ำให้จิบก็ดูดอะไรไม่ขึ้น เท่ากับว่า อาการทางสมองกำเริบ สั่งการอะไรไม่ได้ และยิ่งกว่านั้น ซีกขวาขยับไม่ได้ อาร้องไห้ พูดแต่ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว

ฉันได้แต่ปลอบใจ ทำใจดี ๆ ไว้นะคะ อาการแบบนี้เราต้องเจออยู่แล้ว พ่อข้ามสเต็ปนี้ไปไม่ได้ มันอาจจะยุ่งยากสักหน่อยตอนแรก แต่อาทำดีที่สุดทุกอย่างมาตลอดอยู่แล้ว ไม่มีใครมาตำหนิใครอะไรตอนนี้หรอก ดูแลตัวเองไปก่อน ตอนนี้ต้องรายงานหมอและรอฟังว่าจะทำอย่างไรต่อไป

พ่อพูดไม่ได้แล้วนะ อาไม่รู้ว่า เขายังจำได้หรือเปล่า อารายงานแพทย์ไปแล้ว

ฉันนึกไม่ออกหรอกว่า สายตาพ่อเลื่อนลอยหรือยังรู้สึกอยู่ เพราะอาการเหล่านี้มันจะไป ๆ มา ๆ หากไม่รู้สึกตัวเลย ก็เป็นไปได้ทั้งนั้น แม้รู้ว่า อาการนี้ต้องเจอแบบนี้แน่นอน แต่ก็ต้องทำใจเพราะสงสารพ่อมาก

อาทิตย์นี้เปลี่ยนคนมาเฝ้าพ่ออีก คงเหมือนที่ฉันคิดไว้แต่แรกนั่นแหละว่า น้องอาจจะไม่ตามพ่อไปที่บ้านเรา แต่เหตุการณ์มันยุ่งไปกว่านั้นเพราะน้องให้แม่ของเธอมาแทน และพ่อก็ไล่แม่ของเธอด้วยความไม่ถูกชะตากันหรือไร ฉันไม่รู้ได้ ได้แต่เสียใจแต่ไม่รู้จะทำอย่างไร เหมือนกับตัดขาดน้องที่เคยดูแลไปด้วย น้องคนนี้พ่อชอบมาก เธอน่ารักและจิตใจดี แต่เธอก็มีทางไปของเธอ คนเราอยากออก รั้งอย่างไรก็ไม่เป็นผลเพราะเธอให้เหตุผลไปแล้ว ก็ได้แต่อวยพรให้โชคดีและขอบคุณที่ช่วยดูแลพ่อให้เราเกือบเดือน

อาต้องหาคนมาช่วยใหม่ ไลน์บอกฉันก่อนหน้านี้ ฉันก็หาคนให้ไม่ได้ การหาผู้ดูแลคนป่วยไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งพาข้ามจังหวัดไปด้วยก็ยิ่งไม่ง่าย ไปแล้วเขาจะอยู่ได้สักกี่วัน ที่สำคัญจะเข้ากับอาได้หรือเปล่า บางทีอย่างนี้ เขาต้องเลือกเอง ถึงอย่างนั้น เราก็ถามหาคนดูแลผู้ป่วยกันอยู่ เพราะอาดูแลพ่อคนเดียวไม่ไหวแน่

จากเหตุการณ์วันนี้ ทำให้การอยู่โรงพยาบาลของพ่อยืดออกไปอย่างไม่มีกำหนด เพราะยังต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ มีการดูดเสมหะทุกครึ่งชั่วโมง อาต้องจัดการเอง แทบไม่ได้นอนกันเลยทีเดียว เป็นห่วงว่า อาจะทรุดไปก่อนพ่อ

อาได้ผู้ช่วยดูแลคนไข้ซึ่งเป้นผู้ใหญ่และเคยทำงานด้านนี้มาก่อน เก่งครบเครื่อง ใจเย็น มีน้ำใจและเป็นผู้ใหญ่มาก เข้าใจอาการคนไข้และคนดูแล แต่อาก็บอกว่า ป้าเขาทำเตียงไม่เป้น ไม่เรียบร้อย ฉันละสะอึก นึกไม่ถึงว่า เรื่องเล็ก ๆ แค่นี้ถึงกับไม่เอาจนต้องหาคนใหม่ แต่ก็อย่างที่รับรู้มาตลอด เราได้แต่รับฟัง เขาแค่เล่าให้ฟัง เมื่อได้ตัดสินใจไปแล้ว ก็ต้องหาคนมาช่วยใหม่

ญาติทางพ่อรีบมากันเพราะอาโทรฯไปบอกอาการของพ่อ คนที่มาด่วนกว่าคนอื่นคืออาสาลี่เพราะอาเป็นน้องสาวที่พ่อรักมากที่สุดคนหนึ่ง เขามีกันสองพี่น้อง และบรรดาอาที่เป็นน้องของพ่อก็ทยอยกันมากอีก แต่ละคนรักพ่อกันทั้งนั้น เห็นสภาพก็เข้าใจ เพราะอาของฉันคนหนึ่งเคยดูแลย่าและอาซึ่งเป็นน้องของพ่ออีกคน จนจากไปคามือมาหลายคนแล้ว เข้าใจสภาพแบบนี้ดี จึงต้องย้ำกันเรื่องการมีสติ ถึงเวลากินก็ต้องกิน จะพูดว่าไม่หิวหรือไม่อร่อยไม่ได้ อายุขนาดนี้แล้ว กินอะไรก็ไม่อร่อย จะเศร้าโศกตอนนี้ก็ยังเป็นไม่ได้เพราะเราต้องดูแลตัวเองให้เข้มแข็งยามนี้ เกิดเจ็บป่วยไปอีกคนจะแย่

ใจเราก็อยากให้อยู่ในการดูแลของแพทย์ อาจะได้พักบ้าง เพราะบางอย่างเราต้องขอความช่วยเหลือจากทีมแพทย์มากกว่าเอาพ่อมาดูแลเอง การอยู่ที่โรงพยาบาล อย่างน้อยเป็นอะไรก็ใกล้ทีมแพทย์มากกว่า อันนี้ได้แต่คิด ทุกอย่างก็ต้องแล้วแต่อาจะตัดสินใจ เราก้าวก่ายไม่ได้

อาการของพ่อก็ทรง ๆ อยู่แบบนี้ ตายังไม่เลื่อนลอย ญาติทุกคนมาก็เฮฮากันไป ผ่อนคลายความตึงเครียดให้คนไข้และคนเฝ้าไข้ แต่อาอาจจะไม่มีอารมณ์จะสนุกด้วย... ก็พอเข้าใจนะ แต่เหตุการณ์แบบนี้ เราต้องรู้ว่า ควรวางใจไว้ตรงไหน จะได้ไม่บั่นทอนตัวเองและคนใกล้ บางทีเราก็ไม่รู้จะเข้าหน้าอย่างไรจึงจะสบอารมณ์

เสาร์นี้ เราต้องพาลูก ๆ ไปทำธุระให้เสร็จก่อนเปิดเทอม วันอาทิตย์ สามีฉันไปทำงาน จึงไม่ได้ไปเยี่ยมพ่อ แต่น้องสาวฉันไป เธอวีดีโอคอลให้ฉันกับพ่อ

พ่อมองหน้าฉัน เรามองตากัน พ่อจำฉันได้แม้จะพูดอะไรไม่ได้อีกแล้ว ฉันพาพ่อดูรอบ ๆ ร้านขายยาของเรา พ่อเคยมาอยู่กับฉันทั้งวัน ดูฉันขายของ ลูกของพ่อเป็นแม่ค้านี่นา
ฉันคุยกับพ่อไปเรื่อย ๆ พ่อจำได้หรือเปล่า เก้าอี้ตัวนี้ที่พ่อมานั่งเฝ้าหนูขายยาทั้งวัน ม้านั่งตัวนี้พ่อก็มานั่งแล้ว หน้าบ้านเรา พ่อก็เคยมานั่งอ่านหนังสือพิมพ์ ตอนนี้ไม่ขายแล้วนะเพราะเราปิดร้านบ่อย ขายไม่ดี คนไม่ค่อยอ่านหนังสือกัน เขาก็ใช้มือถือกันตลอดแบบนี้แหละ แต่ดีมากตอนนี้นะ ได้เห็นพ่อใกล้ ๆ เหมือนอยู่ใกล้กันเลย จากนั้น ฉันก็พูดอะไรไม่ออก เอาแต่ร้องไห้ น้องสาวก็ต้องขอหยุดการคอลเพราะพ่อน้ำตาไหลพราก เขาร้องไห้จนหน้าแดงกล่ำ ความสุข ความรัก ความคิดถึง ทุกอารมณ์ปะปนกันหมด น้องสาวบอกว่า พ่อกลั้นสะอื้นกลัวพ่อหายใจไม่ทัน

ฉันยังไม่อยากวางเลย แต่ก็จำต้องวาง ได้แต่บอกว่า คิดถึงพ่อนะ ฝันเห็นบ้านเก่าเราที่หัวรถไฟด้วย พ่อจำได้ใช่มั้ย น้องสาวก็บอกว่า ยิ่งพูด พ่อก็ยิ่งร้องไห้ ต้องจับหน้าอกเขา เขาสะอึกสะอื้น ฉันบอกรักพ่อไปไม่รู้กี่ครั้ง ทุกคำที่พูดให้พ่อได้ยินซ้ำ ๆ แต่ความหมายมันมากกว่าคำพูดนี้อีก พ่อรู้ว่าเรารักพ่อ ฉันได้แต่บอกให้พ่อนอนหลับสบาย ๆ ไม่ต้องกังวลอะไร เราสวดมนต์ภาวนาให้พ่อนอนหลับสบาย ๆ และมีความสุขทุกวัน


น้องสาวโทรมาคุยกับฉันหลังจากวางสายไปสักพัก บอกว่า คอลไปหาลูก ๆ ของฉันบ้าง พ่อจะได้เห็นลูกหลานทุกคน เจ้าแฝดของฉันกำลังมาสก์หน้า พ่อเห็นก็หัวเราะจนหน้าแดงก่ำอีกรอบ อยากพูดแต่ก็พูดกับหลานไม่ได้ แต่เขาจำได้ เท่านี้แหละที่พ่อรอ

น้องฉันว่า พ่อคิดถึงพวกเราอยู่เป็นทุน ยิ่งมาหาและได้เห็นทุกคนในที่ที่พ่อเคยมา เขาทั้งรักและคิดถึงเรามากขึ้น ที่เขาร้องไห้เหมือนกับรู้ว่า เวลาของเขาเหลือน้อยเต็มทีที่จะอยู่กับลูก ๆ เราเข้าใจตรงกันจริง ๆ พ่อร้องไห้ไม่หยุดหลังจากที่เราคุยกัน

ฉันยังฝันอยากให้พ่อมาใช้ชีวิตครั้งสุดท้ายที่บ้านฉัน ฉันจะพาพ่อดูตะวันยามเช้า พาเดินเล่นรอบสระน้ำยามเย็น ดุพระอาทิตย์ตกด้วยกันยามเย็น ฉันฝันอะไรมากมาย ฝันมาตั้งแต่เด็ก อยากให้เราอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา โตมาก็ฝันอยากมีเวลาส่วนตัวกับพ่อบ้าง อยากคุยกันพ่อลูก อยากให้พ่อเป็นตัวของตัวเอง แสดงออกถึงความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลอย่างตรงไปตรงมาบ้างเสียที ไม่ต้องเก็บกดมากแบบนี้ ไม่ต้องเป็นคนกลางตลอดเวลาหรอก แต่ทุกอย่างมันก็แค่ในฝัน เรามีเวลาที่จะทำแบบนั้นน้อยครั้งมาก แต่ก็รู้สึกพิเศษที่ได้เจอพ่อทุกครั้ง ไม่อยากคิดเลยว่า วันที่ฉันพาพ่อไหว้พระที่วัดม่วงจะเป็นวันสุดท้ายที่เราจะได้ไปไหนด้วยกันแบบนี้อีก พ่อมีความสุขมากที่ได้กินข้าวที่ร้านกุ้งเป็น

พ่อกินข้าวอร่อยมาก ดูเจริญอาหารหรือเพราะกินกับลูก ฉันเข้าข้างตัวเองตลอดสินะ จากนี้ เราไปไหว้พระด้วยกัน ซื้อมะขามเทศที่พ่ออยากกินและซื้อข้าวหลามข้างทางกลับบ้าน พ่อกินของที่เราซื้อมาทุกอย่าง ถึงบ้าน พ่อก็นอนหลับเพราะเหนื่อย แต่ฉันรู้ว่าพ่อมีความสุขมาก

ตอนเช้า พ่อตื่นแต่เช้ามานั่งรอไปกินอาหารเช้าที่ร้าน ข.ไข่ กับเรา พ่อกลัวว่าฉันจะรีบกลับเชียงใหม่โดยไม่ลา เนื่องจากฉันรู้ว่าพ่อตื่นราว ๆ เก้าโมงเช้าทุกวัน

ร้านอาหารเช้าร้านนี้เป็นร้านธรรมดา พ่อไม่ค่อยมานานแล้วหลังจากป่วย เพราะพ่อไม่ค่อยอยากเจอใคร พ่อพูดไม่ได้ พูดอะไรก็เกรงเขาจะฟังไม่รู้เรื่อง พ่อชอบกินชานมร้อน
สตูว์หมู ขนมปัง เราอยากให้พ่อมาด้วยอยู่แล้วแต่ฉันเกรงใจอาเพราะกลัวพ่อไม่สบาย แต่พ่ออยากมากับเรามาก นี่ก็คงเป็นครั้งสุดท้ายของเราเช่นกันสินะ

ฝันสุดท้าย ฉันรู้ว่าเป็นไปไม่ได้หรอกที่พ่อจะมาอยู่กับฉันที่ไชยปราการ แต่ฉันก็หวังเหมือนตอนเด็ก ๆ ฉันรู้ว่า ตลอดเวลาที่พ่อสบายดีหรือพ่อป่วย พ่อคิดถึงพวกเราตลอด ความจริงเราคิดถึงกัน แต่เราพูดกันน้อยมาก ช่วงหลัง ๆ พ่อจะใช้ไอแพด ส่งนั่นนี่มาให้ฉันดูทุกวัน พ่อมีเฟซบุ๊ก เห็นการเคลื่อนไหวของลูก ๆ ทุกคน พ่อมีไลน์และส่งไลน์หาเราทุกวัน รู้สึกใกล้กันขึ้น ใกล้กว่าเสียงในโทรศัพท์ แต่พ่อก็ยังใช้โทรศัพท์มาหาเราเป็นประจำ ความรักไม่เคยขาดตอน ยังคงลึกซึ้งอยู่ภายในแม้จะไม่เอ่ยออกมาบ่อย ๆ

ช่วงที่พ่อป่วยหลัง ๆ มานี้ เราพยายามคิดเรื่องดี ๆ ส่งกระแสความสุข ความห่วงใยและความรักมาเฝ้าไข้พ่อเสมอ เดี๋ยวศุกร์นี้เราก็จะได้เจอกันนะพ่อ รักพ่อนะ...


16 กรกฎาคม 2560








Create Date : 17 กรกฎาคม 2560
Last Update : 17 กรกฎาคม 2560 15:15:35 น.
Counter : 1728 Pageviews.

0 comment
--- บ้ า น ---















หลังจากเลาะฝ้าเพดานที่บ้านเพราะปลวกกินจนพรุน ปุปะน่าเกลียดไปทั่ว ถ้าไม่รื้อออก มันคงเห็นเป็นสวนสนุกที่มีชั้นไม้และหนังสือให้กินจนพุงกาง กินสลับกับฝ้าเพดานที่เกิดมาก็เพิ่งเคยเห็นความร้ายกาจของมันนี่แหละ พวกมันคงสนุกที่ได้เปลี่ยนบรรยากาศการกิน แต่ฉันไม่สนุกด้วย ไม่ว่าจะมองในแง่ไหนยกเว้นต้องทำใจและปล่อยวาง อะไรที่เสียไปแล้วก็แล้วไป แต่ไม่ได้ถอดใจในการที่จะรักษาหนังสือหรือซื้อมาอ่านและเก็บสะสมเหมือนเดิม


ทุกคนในบ้านรู้ดีว่าฉันรักหนังสือ บางครั้งสามียังเคยพูดให้เพื่อน ๆ เขาฟังว่า ฉันรักหนังสือมากกว่าเขาเสียอีก ไม่ใช่หรอกนะ เขาคือทุกสิ่งทุกอย่างของฉัน เขาให้ความรัก
ความมั่นคงในความรู้สึก ให้ความเข้มแข็งและยืนในที่ที่ของฉันได้อย่างสงบและมีความสุขเสมอมา

แต่คนเราต้องมีเพื่อน หนังสือเหมือนเพื่อนที่มีหลากหลายอุปนิสัยให้อ่าน บางเล่มฉันรู้สึกสนิทสนมมากเป็นพิเศษ บางเล่มก็เพิ่งทำความรู้จักกัน เพื่อนใหม่ โลกใบใหม่ของเขานำความตื่นเต้น อยากรู้ อยากเข้าใจในสิ่งที่เราไม่คุ้นเคย เราดีใจและมีความสุขที่แอบรู้จักเขาโดยที่เขาไม่รู้ตัว เผลอทึกทักเป็นเพื่อนสนิทหรือคนรักไปซะงั้น แทบไม่มีเล่มไหนที่ทำให้เรารู้สึกชิงชังอย่างจริงจัง อาจจะแค่ไม่ชอบ ไม่ใช่ ไม่ได้หมายความว่าไม่ดี เพียงแต่หนังสือเล่มนั้นอาจไม่เหมาะกับเรา และหลายต่อหลายครั้ง ฉันก็เทใจให้เพื่อนเก่าที่เคยรักและรักมากกว่าเดิมเมื่อนำมันขึ้นมาอ่านใหม่อีกครั้งหรือครั้งแล้วครั้งเล่า เราเรียกว่า มิตรภาพยั่งยืนหรือยังคงอยู่ได้หรือเปล่านะ เป็นมิตรภาพที่สัมผัสได้จริง อิ่มเอมใจไม่ว่าเพื่อนจะรู้หรือไม่ว่าเรายังรักเธอเหมือนเดิม ต่างกับมิตรภาพบนโลกจริง ระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ มันต้องเกิดขึ้นทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือต่อให้รักกันมากแต่วันหนึ่งก็อาจไม่ใช่ ทุกอย่างราวกับบรรจุลงในโลกธรรมแปดทั้งสิ้นไม่ว่าเราจะรู้สึกกับวัตถุ สิ่งของหรือคนที่เคยรักใคร่ชอบพอ แต่วันหนึ่งก็อาจไม่ใช่ เอาอะไรแน่นอนกับมนุษย์


สำหรับหนังสือที่ไม่ใช่ เราทำได้แค่วางและไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศให้ใครทราบว่ามันไม่ดีตรงไหน เราอาจจะไม่อิ่มกับมันในเวลานั้นแต่มันอาจจะเหมาะกับคนส่วนใหญ่อีกหลาย ๆ คนในโลก เราไม่ได้อ่านเพื่อทำงาน แต่อ่านเพื่อพักผ่อน ทำความรู้จักและดื่มด่ำกับรสมือของผู้เขียนที่ได้บรรยายเรื่องราวอย่างละเอียดลออไว้ในนั้น เป็นโลกที่น่าพิศวงและมีเสน่ห์ไม่มีที่สิ้นสุด เรื่องราวในหนังสือมาจากชีวิตมนุษย์ซึ่งมีความหลากหลายให้หลงใหลสารพัด


นี่คือทัศนะหนึ่งของฉันเท่านั้น แค่รู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ชอบอ่านหนังสือ มันทำให้มีโอกาสสำรวจชีวิตด้านในที่เคยเคว้งคว้าง โดดเดี่ยว ไร้ที่ยืน จนรู้จักที่ที่ตัวเองพอใจและอบอุ่น มั่นคงขึ้น หนังสือให้ความรู้ ความรู้สึก นึก คิด จินตภาพ ขัดเกลาด้านใน เจียระไนใจเราให้ค่อย ๆ ดีขึ้น มันมีอิทธิพลกับฉันขนาดนั้นจนอยากให้คนที่เรารักได้รับแบบนี้บ้าง อยากให้ลูก ๆ เป็นเด็กรักการอ่านเหลือเกิน


เขาสอนให้ลูกอ่านหนังสือกันอย่างไรนะ ฉันไม่เคยสอนพวกเขาจริงจัง นอกจากอ่านหนังสือให้เห็นเป็นปกติ เล่าถึงหนังสือที่อ่านแล้วชอบให้พวกเขาฟัง หากมีพลังในการเล่าบ้าง เขาคงจะหยิบขึ้นมาเอง ด้วยตัวเขาเอง จากนั้นก็ให้สิ่งที่มีในตัวเขาเลือกและเป็นไปตามธรรมชาติของเขาอย่างแท้จริง เพียงแต่อาจจะเสียดายถ้าเขาไม่รักการอ่าน...ก็เท่านั้น

น่าอัศจรรย์ใจเรื่องหนึ่งคือ ช่วงหลังมานี้ สามีบอกว่า หาหนังสือให้เขาอ่านก่อนนอนด้วย เขาอยากอ่านก่อนนอนวันละบทก็ยังดี ฉันจึงเริ่มเล่มนี้ ชายชื่ออูเว


เมื่อเหตุเกิดกับหนังสือในบ้านก็เป็นเรื่องที่ต้องแก้ไข อาจจะไม่รีบเร่งแต่ก็ไม่อาจปล่อยไว้นาน เราเปิดฝ้าเพดานไว้เกือบสามปีแล้ว แต่ละปียังต้องเผชิญกับปลวกเป็นระยะ ๆ เราจ้างบริษัทกำจัดปลวกเป็นรายปี เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เพราะเริ่มทำบ้าน ช่างไม่ได้แนะนำหรือจัดการให้แต่แรก เราเองก็ไม่รู้ว่าจำเป็นต้องวางท่อน้ำยากันปลวกรอบบ้านด้วย ยิ่งผ่านนานวัน ต้นไม้ยิ่งเติบโต ฤดูฝนเป็นช่วงที่ปลวกมากับที่ชื้นแฉะ ฉีดยาก็จะละลายไปน้ำฝนหรือเปล่านะ แต่เราก็ฉีดยากำจัดปลวกกันทุกฤดู


ถึงเวลาที่ต้องปิดฝ้าเพดานแล้ว หาช่างมาทำค่อนข้างยาก งานเล็ก ๆ แบบนี้อาจจะไม่คุ้มค่าเสียเวลาเขา ช่วงนี้เป็นช่วงที่เข้าสวนเก็บลิ้นจี่ ลำไยกันด้วย ช่างฝีมือก็เป็นชาวไร่ชาวสวนเป็นส่วนใหญ่ เราต้องรู้จักรอ

ครั้นพอถึงเวลาทำก็ใช้เวลาจริง ๆ สองวันเต็ม จากนั้นก็รอช่างมาทาสี รอแล้วรอเล่าก็ไม่มีใครมาทำให้ บ้านเลอะเทอะ ขนย้ายข้าวของไว้มุมหนึ่ง เราอยากให้เสร็จเรียบร้อยแต่เราก็เร่งช่างไม่ได้

เมื่อคืนเราคิดว่า ทาสีกันเองเลยมั้ย งามไม่งามก็บ้านเรา จะได้จัดบ้านให้เข้าที่เสียที คิดแบบนั้น เราก็ลงมือทำ


ดูเหมือนจะไม่ยาก เปิดกูเกิ้ลดูวิธีทาสีบ้านเองอย่างไร

เขาบอกว่า



1. เลือกสีว่าจะเป็นอคริลิกแบบด้านหรือกึ่งเงา ถ้าผิวไม่เรียบก็ควรใช้แบบสีด้าน จะได้ไม่สะท้อนเงาโชว์ความขรุขระ

2. ใช้กระดาษกาวปิดส่วนที่เป็นขอบหน้าต่างหรือไม้ เผื่อสีเลอะ

3. ต้องลูกกลิ้งและแปรงทาสี ใช้ลูกกลิ้งที่เป็นโฟมจะง่ายกว่าแบบผ้า เพราะเวลากลิ้งสีไม่กระเด็น บริเวณที่ลูกกลิ้งเข้ามุมไม่ได้ ก็ใช้แปรงทาสี

4. ทาสีรองพื้นก่อน ถ้าเป็นห้องนอนและหน้าฝน ก็ใช้สูตรน้ำหรือสูตรที่มีกลิ่นฉุนน้อย เพราะอากาศชื้นระบายกลิ่นได้ช้า

5. ทาสีจริง 2 รอบ รอให้สีแห้งสัก 1 ชั่วโมงค่อยทารอบสอง

6. พยายามทาให้เสร็จในครั้งเดียว กลิ้งสีให้เป็นเนื้องานเีดียวกัน เพราะแม้แต่สีถังเดียวกัน พอกลิ้งรอบใหม่ ก็จะเห็นรอยคราบสีต่างกัน

ที่สำคัญ คือ ลงทุนซื้อสีที่มียี่ห้อ ตระกูล shield ทั้งหลายได้ทุกยี่ห้อ


นี่คือสิ่งที่เราหามาจากอินเทอร์เน็ต แต่เขาไม่ได้บอกว่าต้องบริหารคอ แขน ไหล่เอาไว้ด้วย อ้อ..อันนี้เขาละไว้ ให้ใช้เซ้นส์ของเราเอง

แล้วความยากง่ายก็รู้เมื่อลงมือทำ จะว่ายากก็ไม่ยากเกินความสามารถ แต่ก็ไม่ง่ายเพราะขาดทักษะและความชำนาญ ทุกอย่างจะรู้จากประสบการณ์ของเราเองทั้งนั้นแม้จะมีข้อแนะนำอย่างนั้นอย่างนี้มากมาย แต่รู้ไว้บ้างก็ดีกว่าทำอะไรแบบไม่มีการวางแผน อย่างน้อยก็ย่นเวลาได้เยอะ เสียแต่ เมื่อยคอมาก สีหยดนอกผ้าใบที่กางไว้เต็มพื้นที่บ้าง ฉันระวังหนังสือในชั้นหนังสืออย่างเดียว(เห็นแก่ตัวไปนิดนะ) เอาผ้าใบคลุมไว้ก่อนเลย ห่วงมากกว่าคนทาจะเมื่อยคอเสียอีก (อิอิ อันนี้พูดเล่นนนนน )

บ้านเรามีคุณชายอเนกประสงค์ เขาแก้ไขปัญหาจุกจิกเล็ก ๆ น้อย ๆ ในบ้านได้หมด ได้อย่างดีด้วย แต่เขาไม่ได้เก่งเรื่องทาสีบ้านแต่เขาก็ทำได้ดี ดูไม่เรียบกริ๊บเพราะสีขาวที่ทา แม้จะเบอร์เดียวกัน แต่บ้านเรา 16 ปีแล้วนะ สีขาวเดิมก็ไม่ขาวเหมือนเดิมแม้เราเลือกสีเบอร์เดิมมาทา มันก็ไม่กลืนกัน ช่างมัน เพราะเราพอใจและดีใจที่ได้ช่วยกันทาจนเสร็จ จากนี้จะได้จัดบ้านให้เรียบร้อยเสียที

ต้อนรับเพื่อนได้เหมือนเดิมแล้วนะ ยกเว้น ปลวก !






















































































































ขอให้มีความสุขทุกท่านนะคะ
ขอบคุณค่ะ
ภูพเยีย
29 มิถุนายน 2560
























Create Date : 29 มิถุนายน 2560
Last Update : 30 มิถุนายน 2560 10:10:09 น.
Counter : 1323 Pageviews.

2 comment
--- ที่ ห้ อ ง พิ เ ศ ษ ---

























ลุงส่วนกับพี่กุ้งมาเยี่ยมพ่อที่นี่ ...ห้องเดิม

'ยังไม่ได้กลับบ้านรึ เราก็หลงไปที่บ้าน'
'ยางงงง นี่เข้าสัปดาห์ที่ 7 แล้วค่ะ ยังกลับไม่ได้เลย
รอบนี้อยู่นานกว่าทุกครั้ง'
'กินเองได้หรือยัง'
'ได้นิดหน่อยพี่ แต่กินแบบนี้ไม่พอ ต้องให้ทางสายเพิ่ม'

'นี่ลูกสาวพี่หาญ นี่ลูกเขย'อาแนะนำ
'คนที่อยู่ไชยปราการใช่มั้ย ได้ยินแต่ชื่อ ไม่เคยเจอตัว'

จากนั้นลุงก็นั่งเงียบ ๆ พี่กุ้งกับอาคุยกันเรื่องเด็กที่มาช่วยดูแลพ่อกับแม่ที่บ้าน
ลุงส่วนเป็นสัตวแพทย์เหมือนพ่อ รุ่นนี้เหลือกันไม่กี่คน อีกคนที่ฉันรู้จักคือลุงชูศักดิ์ อยู่เชียงใหม่ ลูกสาวลุงเป็นพยาบาลที่สวนดอก เรียนรุ่นเดียวกับฉัน ลุงเคยเอาช่อดอกไม้มาให้ฉันวันรับปริญญา จึงมีโอกาสกราบสวัสดีท่านวันที่พ่อมาด้วย แต่การป่วยครั้งนี้ ลุงมาเยี่ยมพ่อไม่ได้เพราะลุงเพิ่งผ่าตัดหัวใจ เดินทางไกลไม่ได้ ได้แต่ฝากเยี่ยม

พี่กุ้งรำพึงให้อาฟังว่า คนดูแลพ่อแม่จะลาออก ให้เหตุผลว่า เขาต้องการห้องส่วนตัว แต่บ้านเธอไม่มี

อาว่า งั้นก็ปล่อยไปเถอะ เราก็ไม่มีเหมือนกัน

ฟังแล้วฉันสะดุ้ง ลอบมองหน้าสามี แอบกังวลในใจ หากพ่อกลับบ้านได้ แล้วเด็กที่มาช่วยดูแลพ่อยามนี้ต้องการความเป็นส่วนตัวบ้างล่ะ บางทีก็จำเป็นนะ ไม่ใช่สิ จำเป็นมาก เราต้องมีที่ทางให้เขาเป็นสัดส่วนเหมือนกัน หากไม่ได้น้องไปช่วยแล้วใครจะช่วย คนเรายากจะหยั่งใจได้ น้องที่ดูแลพ่อน่ารักมาก เป็นเด็กมีน้ำใจ ไม่ขี้เกียจและเป็นไม้เป็นมือให้อาได้ ที่สำคัญ พ่อก็ชอบน้องคนนี้มากด้วย พวกเราคุยกันถึงน้องตลอดว่า เสียดายถ้าน้องจะไป แต่เราก็ต้องเผื่อใจไว้ด้วย ใครดีแค่ไหนก็มีเหตุต้องไปได้ทั้งนั้น อย่ากังวลอนาคตที่ยังมาไม่ถึง

พ่อยกมือไหว้ลุงส่วน ไม่รู้จำลุงได้หรือเปล่า แต่ฉันเห็นรอยยิ้มของพ่อมีความสุขมาก พ่อยื่นมือไปหาลุง ลุงจับมือแล้วก็บอกว่า นี่ถ้าแม่ยายตาบอดแล้วจับมือว่าที่ลูกเขยแบบนี้ แม่ยายไม่ยกลูกสาวให้หรอก ลุงเงียบไปก่อนจะพูดต่อว่า จะพาลูกเขาไปอดตายน่ะสิ

เราหัวเราะกัน เพราะมือพ่อนิ่มมาก มือคนสบาย ไม่สู้งานว่างั้นเถอะ

ลุงส่วนหูตึง นั่งเงียบฟังคนอื่นพูดซึ่งไม่ทราบว่าเข้าใจอะไรหรือเปล่า พี่กุ้งเล่าว่า พ่อกับแม่ยังมีปากเสียงกันอยู่ตามประสาคนอยู่ด้วยกันมานาน ต่างคนต่างพูด พูดกันคนละเรื่อง ถามอย่างตอบอย่างเพราะไม่ได้ยิน คนหนึ่งก็จะพูดแต่สิ่งที่ตัวอยากพูด และช่วงหลังนี้ ลุงส่วนตื่นตีสาม อาบน้ำแต่งตัวจะไปไปรษณีย์ ไม่รู้เวล่ำเวลา แต่เรามองเห็นภาพอยู่ว่า ลุงอาจจะนอนอิ่มและไม่รู้เวลาจริง ๆ หากพ่อเป็นแบบนี้ เราจะแก้ไขอย่างไรเท่านั้น ดุเขาก็อาจจะเสียใจ น้อยใจ ซึ่งไม่ควรทำอย่างยิ่ง

ลุงส่วนนั่งนิ่ง ไม่รู้ว่าลูกสาวกำลังพูดถึงเรื่องตัวเอง ลุงบอกว่า ทุกวันนี้กินข้าวมันไก่อร่อย พี่กุ้งก็ว่า เปลี่ยนกับข้าวอย่างอื่นก็ไม่กิน พ่อกินข้าวมันไก่ทุกวันเป็นเดือนแล้ว แกว่า อย่างอื่นก็ไม่อยาก ข้าวมันไก่อร่อยที่สุด

พี่เขากลัวเรื่องโรคเกาต์ แต่ก็เลือกที่เป็นอกไก่ได้ เสียแต่ว่า เวลาไปสั่งที่ร้าน เขาเอาส่วนไหนให้ เราไม่รู้ ยกเว้นทำเอง

ลุงส่วนมาไม่นานและลากลับ เราจะไปเอารถเข็นนั่งสำหรับผู้ป่วยมาให้ ลุงก็ไม่ยอม อยากเดินเอง ลุงเดินไม่ยกขา ถัด ๆ ไป ช้า ๆ อายุขนาดนี้ได้เท่านี้ฉันก็พอใจ ขนาดพ่อยิ้มได้แบบที่เห็นตอนลุงมา ฉันยังดีใจเลย ไม่ต้องรับรู้อะไรมากนักหรอก



พ่อดูสดใสขึ้นมากนับแต่วันแรกที่เข้าโรงพยาบาล แวบแรกที่เห็นเรา เขาจำได้ ชี้ไม้ชี้มือประมาณว่ามาได้ยังไง เรายิ้ม ๆ เพราะสายตาแบบนี้ เราสบายใจ ไม่ล่องลอย จำได้แค่แวบเดียวเราก็ดีใจแล้ว จากนั้นเขาก็หลับต่อ

อาบอกว่า ช่วงนี้หมอให้ยาคลายเครียด เราดูยาก็พอเดาออกว่า เป็นยาสำหรับผู้ป่วยจิตเวช จำเป็นต้องใช้เพราะช่วงหลังพ่อยังมีอาการสับสนและหงุดหงิดร่วมด้วย แต่ฤทธิ์ของยาทำให้พ่อหลับไหลและไม่ค่อยอยากลุกจากเตียง ยามีข้อดีคือ ทำให้คนป่วยได้พัก ไม่มีอาการสับสนหรือก้าวร้าว พ่อหลับได้นานขึ้นกว่าเดิม ข้อเสียคือ นอนแล้วลุกไม่ไหว สลึมสลือทั้งวัน

อาแคะพ่อจากเตียงทั้งที่ยังสลึมสลือ พ่อก็ตื่นมายิ้มอยู่นะ แต่สักพักก็หลับตา คงง่วงมาก แต่อาก็ให้เราช่วยประคองพ่อนั่งบนเตียง พยุงพ่อให้หย่อนขาและมานั่งกับเก้าอี้ พ่อยืนไม่มั่นและก้าวขาไม่ได้ เราพยายามยกขาทีละข้างแต่ก็ยกไม่ขึ้น หันเก้าอี้มาให้พ่อนั่ง อยากให้เขาเปลี่ยนอิริยาบถบ้าง นอนทั้งวันมึนงง ท้องอืดและจะเป็นแผลกดทับ

พ่อจิบน้ำ พยายามจะกลืนอาหารบ้าง แต่กลืนไม่ค่อยได้เหมือนเดิม สักพักพ่อบอกว่า ง่วงแล้ว เราช่วยพยุงพ่อขึ้นเตียงอีกหน ปล่อยเขาพักสักหน่อย คงเพราะฤทธิ์ด้วยและร่างกายเขายังอ่อนแออยู่

อาขอตัวกลับบ้าน เปลี่ยนให้เราดูแลระหว่างนี้กับน้อง

พ่อดูจะหลับสนิทก่อนที่จะไอและหอบ ได้ยินเสียงวี้ด วี้ด น้องเลยบอกพ่อว่า ลุงหอบนะ เดี๋ยวหนูพ่นยาให้ ลุงจะได้นอนสบาย

เธอหยิบยาแก้หอบหืดใส่กระบอกพ่นยา แกะฝาครอบจมูกจากถุงพลาสติกมาค่อย ๆ ครอบที่จมูก ต่อสายไปยังเครื่องออกซิเจนและค่อย ๆ ปล่อยยาให้พ่อรม ทำด้วยความคุ้นเคยและรู้งาน ขณะยาพ่นไป พ่อไอ เธอค่อย ๆ ยกฝาครอบขึ้นเพื่อไล่อาการไอออก ก่อนครอบที่จมูกต่อและบอกว่า เดี๋ยวอีกนิดนะลุง ยาใกล้หมดแล้ว พ่อสบตา พยักหน้าและยอมให้ทำอย่างสงบ พ่อหลับตาเหมือนปลาได้น้ำใหม่ ปอดคงจะโล่งขึ้นสินะ เสียงหอบค่อย ๆ ลดลง

จากนั้น น้องก็ละลายยาละลายเสมหะให้พ่อทางสายยาง อาการไอทำให้พ่อหอบมากขึ้น น้องเอาน้ำให้เขาจิบ เขาค่อย ๆ จิบและหลับต่อ

ฉันนั่งดูการทำงานของน้องอยู่ข้างเตียงพ่อ คอยเช็ค คอยถามและไม่ตะคอกใส่พ่อเหมือนที่ฉันเคยเจอ ดูพ่อไม่ทุรนทุรายเหมือนครั้งที่แล้วที่มาเยี่ยม ได้แค่นี้ ฉันก็พอใจ อย่างน้อยก็ดีกว่าวันแรกที่เห็น จากนั้นฉันก็นั่งอ่านหนังสือที่ติดมือมา

การดูแลคนป่วยเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก ใช่เพียงแค่เช็ดตัวยามเช้า ให้ยาทางสายได้ ให้อาหารตามเวลาสี่มื้อ เปลี่ยนแพมเพิร์สแล้วก็รอเวลาให้อาหารมื้อต่อไป เช็ดตัวเวลาเย็นอีกรอบ ความจริงมันก็แค่นี้สำหรับคนไข้ที่ไม่รู้สึกตัวแล้วแต่ข้างในเขาจะไม่รู้จริงหรือ

การดูแลผู้ป่วยติดเตียงอาจดูเหมือนไม่ยาก แต่ก็ต้องสละเวลาส่วนตัว ทิ้งโลกภายนอกอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมกับคนไข้ที่ไม่สามารถสื่อสารได้ การไม่ได้ไปไหนเลยอาจทำให้เฉาได้เหมือนดอกไม้ในร่มที่เจออากาศชื้นสม่ำเสมอ อาจไม่รู้ว่าลึก ๆ แล้วยังโหยหาแดดดี อยู่เป็นปี ชีวิตด้านในคงเปลี่ยน ความเคยชินเป็นสิ่งน่ากลัวเพราะทำให้เราขาดความกระตือรือร้นและยอมรับมันสดุดี ขอเพียงมีใจรัก ใส่ใจในสิ่งที่ตัวเองทำอยู่

ในแง่ความจำเป็นของชีวิต ก็เป็นเรื่องที่ดีกว่าทำงานที่มีคนเยอะ ๆ คนเยอะเรื่องแยะ แม้จะได้เรียนรู้ชีวิตอีกแบบหนึ่ง ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบไปทุกอย่างหรอก

คนไข้แบบพ่อต้องการเอาใจใส่ดูแล เพราะเขาจำได้บางครั้งบางคราว ไม่ถึงกับไม่รับรู้เลย การทำอะไรจึงต้องประณีตและเราก็เลือกคนมาดูแลพอสมควร เราเปลี่ยนคนดูแลหลายคนแล้ว แต่ละคนบ่นว่าเหนื่อย ไม่มีเวลาส่วนตัว เขาไม่ค่อยได้พักผ่อน อาเรียกให้ช่วยตลอดเวลา พ่อขยับตัวนิดก็ต้องลุก แพมเพิร์สเปลี่ยนบ่อยมากเพราะพ่อจะติดนิสัยคุณชายอนามัย เปียกนิดหน่อยก็ต้องเปลี่ยน โชคดีที่ขับถ่ายทางถุงหน้าท้องเนื่องจากพ่อเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่มานานกว่า 16 ปีแล้ว รายละเอียดจุกจิกค่อนข้างเยอะเพราะเขามีหลายโรค การให้ยาก็ต้องต่อเนื่องเหมือนเวลาผ่านไปเร็ว พักแป๊บเดียวก็เริ่มต้นให้ยา ให้อาหาร พลิกตัวไปมาซ้ายขวาและเขาหลับสั้น ๆ เพราะลิ้นตก คนดูแลส่วนใหญ่ต้องการเวลา อาจพึงใจคนไข้นอนเป็นผักติดเตียง ไม่หือไม่อือมากกว่า มีเวลาได้เล่นเฟซบุ๊กบ้าง

แต่ละคนก่อนหน้าแอบหอบผ้าออกไปตอนเช้าอย่างเงียบ ๆ และไม่กลับมาอีกเลย อาเจอปัญหามาหลายคนแล้ว แต่ปัญหามีไว้แก้ไม่ใช่มีไว้ทุกข์ ไม่ใช่คนนี้ก็หาคนอื่น (นึกถึงตอนฉันหาคนอยู่เป็นเพื่อนตอนเลี้ยงลูกแฝด ทุกคนบ่นเหนื่อยแต่ก็นั่นแหละ เราอาจตอบแทนด้วยเงินไม่มากพอในยามนั้น)

ไม่ว่าจะเปลี่ยนกี่คนก็ต้องหาคนมาช่วยเรื่อย ๆ เพราะลำพังคนเดียว ยกพ่อไม่ไหว เราไปก็ช่วยอะไรเขาไม่ค่อยได้ นอกจากให้กำลังใจคนดูแลพ่อและดูแลเขาด้านอื่น ๆ พอให้เขาได้หายใจหายคอบ้าง


เสาร์-อาทิตย์นี้มีญาติทางพ่อมาเยี่ยม พวกเขาถามฉันว่า แกมีปัญญาดูแลพ่อแกได้ดีแบบนี้มั้ย

ฉันตอบทันที ไม่ดีแบบนี้หรอก แต่ถ้าต้องดูก็ดูได้และดีเท่าที่จะดีได้

เอาพ่อไปอยู่กับแกได้มั้ยละ อาเขาเหนื่อย

ได้นะ เอาไปไชยปราการได้ แต่พ่อต้องไม่สภาพนี้ หมายถึงพ่อต้องไม่ร้องหาอา ทุกวันนี้เขาต้องการอามากกว่าใคร เราแค่ลูก มาเยี่ยมเพราะรักและห่วงใยไม่ใช่เพราะหน้าที่ เราไม่เคยอยู่ด้วยกันตั้งแต่หกขวบ ไม่เคยรู้ใจเขาเลย แต่เราสามารถดูแลพ่อให้ดีที่สุดในแบบเรากรณีที่พ่อไม่มีอาแล้วและพ่อจำใครไม่ได้เลย อาจจะยากช่วงแรกแต่มันจะผ่านไปได้ กลัวแต่พ่อจะเฉา ช้ำชอกใจตายเท่านั้นถ้ารู้ว่าอาไม่ต้องการเขา

ทุกคนเงียบกริบ...

แต่ฉันพร้อมแล้ว เราคะเนใจกันได้มาระยะหนึ่งแล้ว คิดว่าสภาพการณ์จะดำเนินมาทำนองนี้ ฉันเตรียมใจแม้ว่าจะยังไม่พร้อมนัก แต่เราก็จะทำได้ ขลุกขลักแน่ในช่วงแรก แต่ไม่อยากโอดโอยไม่ว่าเรื่องอะไร

วันนี้เราเอาถังออกซิเจนมาให้พ่อที่บ้าน หวังว่าพ่อจะดีขึ้นและได้กลับบ้าน คิดไปทีละวันเพราะแต่ละวัน อาการพ่อขึ้นลงไม่แน่นอน เราจะเอาอะไรแน่นอนกับชีวิต ทำให้ดีแต่ละวันก็พอ

อย่างน้อยก็ต้องขอบคุณอาที่ดูแลพ่ออย่างดีมาโดยตลอด




24 มิถุนายน 2560













Create Date : 28 มิถุนายน 2560
Last Update : 29 มิถุนายน 2560 10:47:06 น.
Counter : 1256 Pageviews.

1 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  

ภูเพยีย
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 24 คน [?]



  •  Bloggang.com