ซัวสะเดย กัมพูชา ตอนที่ 2 อรุณสวัสดิ์พระอาทิตย์ที่นครวัด
วันที่สองในดินแดนกัมพูชา นุ้ยตื่นตั้งแต่ตีสี่ครึ่งค่ะ มีคนบอกไว้ว่าจะไปเก็บแสงเช้าที่นครวัด ให้รีบไปจับจองพื้นที่ตั้งแต่ตีห้า กลุ่มนุ้ยเลยขอให้ที่โรงแรมแพ็คอาหารเช้าใส่กล่องให้ แล้วออกเดินทางด้วยรถรถตุ๊กตุ๊ก ฝ่าลมหนาวไปที่นครวัด พอเริ่มเห็นรถนักท่องเที่ยวเยอะๆ ก็รู้ได้เลยค่ะ ว่าใกล้ถึงแล้ว ฟ้ายังไม่ทันสว่าง แต่คนเยอะมาก โชคดีที่นุ้ยเตรียมไฟฉายมาด้วย ไม่งั้นได้เดินตกน้ำแน่ๆ เพราะก่อนเข้าประตูจะไม่มีระเบียงกั้น แต่ถ้าเข้าประตูมาแล้วก็จะเจอสนามหญ้าแล้วค่ะ

ขนาดว่าไปถึงเร็ว แต่ยังช้าไปนะคะ พื้นที่ด้านหน้าๆ ไม่มีแล้ว นักท่องเที่ยวมหาศาลมาก

นุ้ยก็เลยต้องไปเล็งพื้นที่สูงๆ หน่อย ตั้งขาตั้งกล้องแทน แต่ก็ยังแพ้ฝรั่งตัวสูงๆ และไม้เซลฟี่ค่ะ

ซูมๆ อย่างเดียวเลย

หรือไม่ก็ต้องเก็บภาพแบบ silhouette

พอฟ้าเริ่มสว่าง นักท่องเที่ยวก็เริ่มสลายตัวค่ะ เราก็จะเริ่มขยับไปอยู่หน้าๆ ได้

อยู่ที่นี่ไม่ต้องกลัวเหงานะคะ กลัวพลัดหลงกันจะดีกว่า

ระหว่างที่รอดูพระอาทิตย์ขึ้น ก็จะมีเด็กชาวกัมพูชามาขายของเป็นระยะๆ เราสนใจคนนึง เดี๋ยวก็จะมีคนอื่นๆ มาเสนอขายตัดราคากันค่ะ ตัดกันไปตัดกันมาก็ร้องไห้ แต่นุ้ยก็ได้แม็กเนตติดตู้เย็นมาที่ราคาอันละ 10 บาท 

เดินไปเดินมาก็หิวค่ะ ด้านข้างๆ จะมีร้านขายอาหาร แต่ว่าเรามีของที่ทางโรงแรมเตรียมไว้ให้แล้ว....เปิดกล่องมาจะเป็นลมค่ะ มีขนมปัง เนย แยม ส้ม

กินไป 3 แผ่น ยังไม่สะกิดท้องค่ะ เลยพ่ายแพ้ต่อความหิว เดินไปที่ร้านขายอาหารใกล้ๆ

เห็นกาแฟหน้าตาน่ากิน เลยสั่งมาซะ 1 แก้ว  ราคา 2 USD

อันนี้คือสิ่งที่ได้มา....

นึกว่าแม่ค้าหยิบมาผิดค่ะ ปรากฏว่าไม่ผิด เป็นกาแฟร้อน เค้าให้มาพร้อมนมข้นหวาน และน้ำตาลทราย

หงุดหงิดกับกาแฟที่ไม่ได้ดั่งใจ แต่พอหันไปมองนครวัด ความรู็สึกแย่ๆ ก็หายไปหมดเลยค่ะ

ขอบคุณที่แวะเข้ามาเยี่ยมกันนะคะ

 ชมภาพเพิ่มเติมได้ที่ 

ชมภาพเพิ่มเติมได้ที่




Create Date : 26 กุมภาพันธ์ 2559
Last Update : 26 กุมภาพันธ์ 2559 15:12:02 น.
Counter : 495 Pageviews.

0 comment
ซัวสะเดย กัมพูชา ตอนที่ 1 พระอาทิตย์ตกที่พนมบาเค็ง
สวัสดีค่ะ นุ้ยไม่ได้อัพบล๊อคซะนานเลย งานเยอะหนักหนาสาหัสมากค่ะ บล๊อคนี้เขียนไว้นานแล้ว แต่เพิ่งมีเวลาอัพในบล็คแก๊งค์ค่ะ

พอมีวันหยุดยาวเลยต้องขอไปชาร์ตแบตสักหน่อย ทีแรกก็ว่าจะเที่ยวกันในเมืองไทยนี่แหล่ะค่ะ

คุยกันไป คุยกันมา สุดท้ายไปจบที่เสียมเรียบได้ยังไงไม่รู้ แต่ดูจากงบประมาณ และระยะเวลาแล้วน่าจะเหมาะ

เพราะเสียมเรียบควรจะไปเที่ยวหน้าหนาว ถ้าไปหน้าร้อนตัวคงเกรียมแดดแน่ๆ เลยค่ะ งบประมาณที่ตั้งกันไว้ คือ 5000 +-

ดูราคาค่าทัวร์จากในอินเตอร์เน็ต ราคาก็ไม่แพงมากนัก แต่นุ้ยก็อยากเที่ยวสบายๆ ตามใจตัวเอง เลยไปกันเองดีกว่าค่ะ

ก่อนไปก็ดูรีวิวจากเว็บไซต์ต่างๆ โหลดโปรแกรมทัวร์มาดูบ้าง แล้วก็เริ่มติดต่อรถกับที่พักซะตั้งแต่อยู่ที่เมืองไทย

เนื่องจากเริ่มจองวันใกล้เทศกาล ค่าใช้จ่ายจึงค่อนข้างสูง และที่พักใกล้ๆ กับ old market (ส่วนใหญ่แนะนำให้พักบริเวณนั้น) เต็ม

เราจึงไปพักกันที่ แมงโก้เรนบูติคโฮเต็ล //www.mangorainboutiquehotel.com ราคาคืนละ 18 ISD รวมอาหารเช้า

และใช้บริการรถในอัตราเหมาทั้งทริป 160 USD ของโซเทีย https://www.facebook.com/sothear.angkor

ซึ่งประทับใจทั้งที่พัก และบริการของคนขับรถทั้งตุ๊กตุ๊กและแท็กซี่เลยค่ะ มีเพื่อนร่วมทริปเป็นผู้ใหญ่ 4 คน เด็ก 1 คน

นุ้ยออกเดินทางเช้ามืดวันที่ 30 ธันวาคม ด้วยรถบัสบ่อน ลองเสิร์ชหาในอินเตอร์เน็ตนะคะ มีหลายสายเชียว 

ที่เลือกเดินทางด้วยวิธีนี้เพราะขึ้นรถแถวบ้าน และประหยัดค่ะ ขึ้นรถจ่าย 320 บาท มีปาท่องโก๋น้ำเต้าหู้เลี้ยง

พอไปถึงที่ด่าน เค้าก็ให้เข้าไปเซ็นชื่อที่บ่อนพร้อมรับเงินคืน 200 บาท+คูปองทานอาหาร 100 บาท อาหารก็โอเคเลยค่ะ

อิ่มแล้วคืนคูปองก็ได้เงินคืนอีก 20 บาท ขึ้นรถจากบางปะกอก 6 โมงกว่าๆ ประมาณ 9 โมงครึ่งก็ถึงแล้วค่ะ ในบ่อนมีดิวตี้ฟรีซะด้วย

ส่วนในบ่อนจะมีอะไรให้เล่นบ้างนี่นุ้ยก็ไม่ทราบนะคะ เพราะเล่นไม่เป็นซักอย่าง ก็โชคดีไป ไม่ต้องมาเสียตังให้ตรงนี้

เพื่อนร่วมทริปอีกคน นั่งรถ บขส.มา หวานเย็นมาก มาถึงอรัญญประเทศ 11 โมงกว่าๆ เมื่อมากับครบแก๊ง ก็ข้ามแดนค่ะ

ด่านทางฝั่งไทย รวดเร็วมาก แต่ทางฝั่งกัมพูชาใช้เวลานานมาก ใครจะไปแนะนำให้เล็งแถวที่มีคนไทยนะคะ 

จะเร็วกว่าแถวของชาวต่างประเทศ แถมเวลาเที่ยงปุ๊บ เจ้าหน้าที่ปิดช่องปั๊บ ต้องยุบแถวไปต่อแถวใหม่อีก 

ก่อนเข้าด่านกัมพูชา เพื่อนซื้อซิมมือถือก่อนเลย ราคา 50 บาท แต่พวกนุ้ยคิดว่า ซื้อในกัมพูชาเลยน่าจะถูกกว่า เลยไม่ซื้อกัน

พอข้ามด่านมา เจอพ่อค้ามาเร่ขายอันละ 120 บาทแน่ะค่ะ พอเพื่อนถามราคาเค้าทีนี้ตามไม่หยุดเลย

โชคดีที่พี่คนขับแท๊กซี่มารอเราอยู่แล้วเลยชิ่งกันออกมาได้ ซิมนี่นุ้ยซื้อในเมืองเสียมเรียบ อันละ 2 USD ค่ะ

สรุปซื้อก่อนเข้าด่านถูกกว่า แต่ว่าใช้โทร.ได้อย่างเดียวนะคะ ถ้าจะเล่นเน็ตด้วย ต้องเติมเงินอีก 2 USD สัญญานถือว่าโอเค

เท่าที่ใช้ จะมีหลุดบ้างก็จะเป็นที่ บาปวน ตาพรม กบาลสเปียน นอกนั้นอัพเฟสบุ๊คได้ตลอดค่ะ กำหนดการวันแรก คือ

DAY 1
Mission:
- Taxi from Poi Pet to Siem Reap 
- buying Angkor Wat Pass 
- sunset at Phnom Bakeng (free of cost after 5 pm.)

ระหว่างทางมาเสียมเรียบคนขับพาแวะพักเข้าห้องน้ำ พวกเราหิวแล้ว เลยซื้อกล้วยปิ้งกินกันคนละ 2 ชิ้น


ตอนเห็นไกลๆ นึกว่าปลาหมึกย่างซะอีก

ที่พักค่ะ ห้องยังใหม่มากๆ ตอนแรกไม่แน่ใจว่าจะดีหรือเปล่า เพราะรีวิวไม่มีเลย คงเพราะเพิ่งเปิดใหม่แน่ๆ 

เวลา 16.30 เราก็ไปซื้อตั๋วเข้าชมปราสาทกัน นุ้ยเลือกแบบ 3 วัน 40 USD ค่ะ สำหรับวันแรกนี้เราเข้าหลัง 5 โมง เค้ายังไม่นับ

เข้าฟรีค่ะ แต่ว่าต้องมีตั๋วให้เค้าดู ตั๋วนี้ใช้สำหรับเข้าชมแทบทุกที่ในเสียมเรียบและรอบนอก รวมถึงห้องน้ำสาธารณะด้วยค่ะ

ซื้อตั๋วต้องถ่ายรูปด้วยนะคะ เค้าว่าเพื่อกันของปลอม

ซื้อตั๋วเสร็จก็ต้องรีบเดินขึ้นพนมบาเค็งค่ะ นักท่องเที่ยวเยอะมาก แต่เค้าจำกัดให้ขึ้นได้ไม่เกิน 300 คน ระยะทางก็เดินเหนื่อยเอาการ

ไปถึงก็เข้าแถวตรวจบัตร แล้วถึงจะได้เดินขึ้นไปค่ะ

นักท่องเที่ยวเยอะมาก

พอขึ้นไปถึง นุ้ยก็เริ่มสงสัยว่าเค้ามาดูอะไรกัน เดินดูรอบแล้ว ยังไม่เห็นว่าข้างล่างจะมีอะไร

หรือเค้าจะมาดูบอลลูน

หรือจะมาดูรูปสลักบนหิน

หรือมาดูศิวลึงค์

สุดท้ายก็ได้คำตอบ...เค้ามาชมพระอาทิตย์ตกกันค่ะ พระอาทิตย์อย่างเดียวเลย นุ้ยก็รอจนหมดเวลา เจ้าหน้าที่มาไล่ลง

ก็ยังไม่เจออะไรแปลกๆ นึกว่า พอพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าแล้วจะได้เห็นอะไรแปลกๆ ซะอีก

อยากมีรูปแบบครบทีม แต่เค้าไม่ให้เอาขาตั้งขึ้นไป จะทำยังไงดี...นุ้ยก็เล็งคนที่เค้ามาเป็นคู่ค่ะ ยังไงซะเค้าต้องอยากได้รูปคู่กันแน่ๆ

ก็เสนอตัวถ่ายรูปคู่ให้เค้าก่อน แล้วก็ให้เค้าช่วยถ่ายให้เราบ้าง ก็ได้รูปแบบครบแก๊งค์แล้วค่ะ

พอหมดเวลา เจ้าหน้าที่เค้าก็มาบอกค่ะ ...ใครจะไป พกไฟฉายไปด้วยนะคะ เพราะขากลับนี่ฟ้ามืดแล้วค่ะ และทางเดินเป็นป่านะคะ

รถก็เยอะ คนก็เยอะมาก แต่คนขับรถก็เก่งมากค่ะ สามารถหาเราเจอในฝูงชนตอนมืดๆ ได้

กลับมาถึงรถก็หิวแล้ว บอกให้คนขับรถพาไปร้านเล็กๆ ก็พามาซะร้านใหญ่เชียว เค้าบอกกินที่ร้านแบบนี้แหล่ะ สะอาดกว่า

เห็นราคาอาหารแล้วตกใจค่ะ ก่อนมาตั้งงบไว้น่าจะมื้อละไม่เกิน 3 USD นี่อาหารจานเดียวเริ่มต้นที่ 5.5 USD ทั้งนั้น

อาหารเขมรมื้อแรกของเรา khmer fried rice มาแบบครบตัว หัวก็มาครบ 

 จ่ายค่าอาหารมื้อแรก ขนหน้าแข้งร่วงกราว

ต้องไปซื้อมาม่าตุนจากซุปเปอร์มาร์เก็ตอีก เจอราคาของที่ซุปเปอร์ก็สะอึกเหมือนกันค่ะ สงสารคนเขมรจับใจ

สินค้าราคาแพงมากๆ มิน่า ไม่ค่อยมีคนอ้วนกันเลย นุ้ยเองอยากกินอะไรยังไม่กล้ากินเลยค่ะ เก็บไว้มากินที่เมืองไทยก็ได้

ชมภาพเพิ่มเติมได้ที่




Create Date : 26 กุมภาพันธ์ 2559
Last Update : 26 กุมภาพันธ์ 2559 15:11:31 น.
Counter : 1461 Pageviews.

0 comment
เที่ยวพม่า ตอนที่ 5 ... อำลาเมืองย่างกุ้ง
ตอนเช้า หลังจากพาไปรับประทานอาหารเช้าแล้ว ไกด์ก็พามาปล่อยที่กลางเมืองย่างกุ้งค่ะ

นุ้ยอยากลองขึ้นรถสามล้อมากเลยค่ะ แต่ไม่ได้มีโอกาสเลย 

เห็นตึกโบราณๆ สวยดี ก็เลยเดินไปดูใกล้ๆ อ้าว...ศาลสูงนี่นา ทำไมปล่อยให้ทรุดโทรมจังเลย

มีคนเลี้ยงมะหมาในศาลด้วย

พม่าก็มีการประท้วงเหมือนกันนะเนี่ย ตรงข้ามกับศาลสูงเลย

ไกด์จะพามาดูสวนสาธารณะค่ะ แต่นุ้ยก็ไม่ได้เดินเข้าไปดูหรอกนะคะ ถ่ายมาแต่แถวหน้าประตู เลยไม่รู้ว่านี่คืออนุสาวรีย์อะไร

ร้านขายน้ำอ้อยแขวนกระดิ่งไว้ที่เครื่อง ดังกรุ๊งกริ๊งตลอดเวลา เคยอ่านในรีวิวบอกว่าอย่าซื้อน้ำอ้อยดื่ม เพราะแมลงวันเยอะ

แต่ที่นี่นุ้ยก็ไม่เห็นมีแมลงวันนะคะ แต่ก็ยังไม่กล้าเสี่ยง ห้องน้ำพม่าไม่ค่อยน่าเข้าเท่าไหร่ค่ะ

ตอนที่เริ่มจัดทริป ก็คิดว่าจะใช้บริการรถเมลพม่ากันค่ะ แต่ดูแล้วก็น่าจะลำบาก เพราะไม่มีเลขอารบิกกำกับไว้เลย

ถ้าจะใช้บริการจริงๆ คงต้องศึกษาเรื่องตัวเลขพม่าซะแล้ว

เห็นมุมนี้ นึกถึงสีลมเลยค่ะ ตึกสามยุคอยู่ด้วยกันกลางใจเมือง

หลังจากตากแดดตัวไหม้เกรียมแล้ว ไกด์ก็พาไปที่เจดีย์โบตาทาวน์ค่ะ แค่ทางเข้าก็สวยแล้ว

ไกด์บอกให้เอาแบ้งค์มาม้วนเป็นกรวยซ้อนกันสองใบ อธิษฐานเสร็จก็หย่อนใบนึงลงไป อีกใบนึงเก็บไว้ค่ะ

เพื่อนบอกว่าให้ใช้เงินไทยค่ะ แต่นุ้ยกลัวว่าจะเผลอหยิบมาใช้ก็เลยใช้แบงค์พม่านี่แหล่ะ

อยู่พม่านี่ต้องทำใจเรื่องโดนคนพม่าแซงคิวเลยนะคะ คนไทยกับฝรั่งต่อคิวรอไหว้พระเกศาธาตุกัน คนพม่ามาเสียบเฉยเลย

เพื่อนนุ้ยก็สะกิดบอกเค้า ว่าให้ไปต่อคิวด้านหลัง เค้าก็เฉย ทุกสายตานักท่องเที่ยวมองมา จนเพื่อนเค้าดึงให้ไปต่อคิวเหอะ

เค้าก็ไม่ไป สุดยอดจริงๆ ตัวเองไหว้เสร็จยังไปพาครอบครัวลัดมาอีกด้านซึ่งเป็นทางออกอีก เซ็งค่ะ....

การออกแบบภายในนุ้ยก็ไม่ทราบว่าเค้าเรียกว่าอะไรนะคะ จะเป็สามเหลี่ยมซ้อนไปซ้อนมา มีมุมเยอะแยะไปหมด 

เห็นเค้าว่าเพื่อเอาไว้เป็นมุมสวดมนต์ ภายในเจดีย์ค่อนข้างร้อนและอึดอัดหน่อยนะคะ 

รอบๆ ผนังเจดีย์ จะมีตู้โชว์ ล้อมด้วยเหล็ก ล่ามกุญแจแน่นหนา น่าจะเป็นของมีค่าค่ะ  เสียดายที่มืดจนมองไม่ค่อยเห็นของด้านใน

ชิ้นนี้นุ้ยชอบมากเลยค่ะ ลวดลายอ่อนช้อยสวยงาม อาจจะเป็นรูปจำลองของวัดที่ไหนสักแห่งก็ไม่ทราบนะคะ

ไปที่ไหนก็จะเจอโถใส่น้ำดื่มแบบนี้ทั่วไปเลยค่ะ เหมือนบ้านเราสมัยก่อนเลย เป็นน้ำใจที่ให้กับคนเดินทางผ่านมา

ข้ามฝั่งไปไหว้พระกลับประเทศกันค่ะ พื้นร้อนเอาการเลย ต้องเดินบนเขียวๆ ที่พื้นค่ะ แต่ต้องทนเจ็บเท้าหน่อย

กลับมาถึงบ้าน นุ้ยก็พยายามหาชื่อของพระพุทธรูปองค์นี้ แต่ก็ไม่เจอค่ะ รู้ประวัติแต่ว่าเคยประดิษฐานอยู่ในพระราชวังมัณฑะเลย์ครั้นเมื่อพม่าตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษในปี พ.ศ. 2428 ถูกเคลื่อนย้ายไปยังพิพิธภัณฑ์กัลกัตตาในอินเดีย ทำให้รอดพ้นจากระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตรที่ถล่มวังมัณฑะเลย์ ต่อมาในปี 2488 พระพุทธรูปองค์นี้ได้ถูกจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์วิกตอเรียและแอลเบิร์ต และได้กลับมาสู่ประเทศพม่าในที่สุด จึงเรียกกันว่า "พระกลับประเทศ" ชาวพม่าที่จะไปทำงานต่างประเทศจึงไม่นิยมมาไหว้พระองค์นี้กัน เพราะกลัวโดนส่งกลับ

แต่ละวัดที่พม่า มักจะเจอพุทธศาสนิชนมาสวดมนต์กันนะคะ แต่ละวัดเลยมักจะมีลูกประคำแบบนี้ไว้ให้

จุดหมายต่อไปคือเทพทันใจที่คนไทยน่าจะรู้จักกันดีอยู่แล้วค่ะ นุ้ยเป็นคนแรกๆ ที่ไหว้เสร็จ

เลยมีเด็กพม่าพาไปไหว้พระพุทธรูปต่ออีกหลายองค์เลยค่ะ แต่ะองค์ก็ต้องเสียบแบงค์หมด ไม่รู้ว่าคนพม่าเค้าก็ไหว้แบบนี้กันด้วยมั้ย

เทพกระซิบ ที่นี่นุ้ยเจอคนพม่าแซงคิวอีกแล้ว กำลังจะก้มลงกระซิบ มีคุณป้าพม่าเดินมาจากไหนไม่รู้เสียบก่อนเลย

แต่สองคนนี่เพื่อนนุ้ยนะคะ ไม่ใช่คุณป้าที่แซงคิว

เพื่อนร่วมทริปบอกว่า ทริปนี้ไม่สนใจอะไรมาก กะจะมาถ่ายรูปสาวพม่าอย่างเดียว ... กลับมานุ้ยก็ถาม เป็นไง ได้รูปสาวพม่าสวยๆ มะ

อาหารกลางวันค่ะ รอบนี้ขอสั่งอาหารพื้นเมืองบ้าง จำชื่อไม่ได้แล้ว แต่อร่อยนะคะ ราคา 1500 จ๊าดเท่านั้น

สถานที่ต่อไป ซึ่งเป็นจุดสุดท้ายที่จะได้เที่ยวแล้วค่ะ เสียดายเหมือนกันที่ได้เที่ยวไม่ครบตามแผน แต่ก็ไม่เป็นไรค่ะ ไว้มาใหม่ก็ได้

ดอกไม้ไหว้พระที่พม่า จะไม่ใช้ดอกไม้เวียนแบบบ้านเรานะคะ จะใช้ของใหม่เท่านั้น

พระพุทธไสยาสน์เจาทัตจีค่ะ หรือที่บ้านเรารู้จักกันในชื่อพระตาหวาน ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเค้าทำโครงเหล็กบังพระพุทธรูป

เข้ามาใกล้ๆ ค่ะ

เณรน้อยกำลังอ่านป้ายซึ่งนุ้ยก็ไม่ทราบนะคะว่าเขียนเกี่ยวกับอะไร

มาคราวนี้ยังไม่ได้ลองกินขนมท้องถิ่นเลยค่ะ อร่อยหรือเปล่าก็ไม่รู้

มาเห็นตอนนั่งรถออกมาแล้ว เลยไม่ได้แวะเข้าไปดูที่ร้านเลย น่าจะมีอะไรน่าสนใจ ร้านนี้อยู่บริเวณทางเข้าวัดค่ะ

กลับเมืองไทยแล้วค่ะ...ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาเยี่ยมชมนะคะ

สรุปค่าใช้จ่ายทริปพม่าคร่าวๆ เผื่อเป็นแนวสำหรับใครที่สนใจจะไปเที่ยวนะคะ

ค่าใช้จ่ายก่อนเดินทาง

1. ค่าตั๋วเครื่องบิน 704 บาท
2. ค่าซื้อน้ำหนักเพิ่ม 385 บาท 
3. ค่าถ่ายรูปทำวีซ่า 120 บาท
4. ค่าทำวีซ่า+ค่าแมสเซนเจอร์ไปรับ 1,000 บาท
5. ค่าที่พัก Kyaik Hto Hotel 1,304 บาท (40x32.60)
6. ค่าเช่ารถตู้ 1,630บาท (50x32.60)

รวม 5,143 บาท

ค่าใช้จ่ายที่พม่าคร่าวๆ ใช้ไปประมาณ 110 USD (นุ้ยแลกได้ที่ 32.4 นะคะ) หักค่าของฝากแล้ว

ก็ตกเป็นเงินไทยประมาณ 2,700 บาท และก็แลกแบงค์ 20 ไทยไปหยอดตู้ทำบุญอีก 500

รวมใช้เงินไปทั้งหมด ประมาณ 8,400 ค่ะ

ชมภาพเพิ่มเติมได้ที่ 




Create Date : 26 กุมภาพันธ์ 2559
Last Update : 26 กุมภาพันธ์ 2559 15:09:05 น.
Counter : 1494 Pageviews.

0 comment
เที่ยวพม่า ตอนที่ 4 ...หนึ่งวันในหงสา
จุดแรกที่เราแวะชมหลังลงมาจากพระธาตุอินทร์แขวน คือ พระราชวังบุเรงนองค่ะ

นุ้ยอ่านรีวิวจากหลายๆ ที่ ก็เจอคอมเม้นท์ว่าที่นี่ไม่ต้องไปก็ได้ ไม่มีอะไร เป็นแค่ของทำเลียนแบบขึ้นมา

ดูไกลๆ สวย แต่ดูใกล้ๆ จะรู้ว่างานหยาบ...แต่ก็นะ ยังไงตั๋ว 10,000 จ๊าด เค้าก็รวมที่นี่ด้วยแล้ว แวะก็ไม่เสียหาย

ภายในก็จะโล่งๆ แบบนี้ค่ะ จัดแสดงชิ้นส่วนต่างๆ จากของเดิมที่ยังหลงเหลืออยู่

ที่เค้าว่างานหยาบน่าจะเพราะแบบนี้ค่ะ สีพ่นไม่ค่อยเนียนเท่าไหร่

โดยรวมที่นี่ก็สวยดีนะคะ แต่ก็เข้าใจว่าทำไมชาวพม่าถึงไม่ค่อยนิยมที่นี่นัก เพราะถ้าเทียบกับสถานที่อื่นๆ ที่ได้เห็นมา

ที่นี่ก็คงถือว่าไม่สวยแน่ๆ เพราะวัดแต่ละที่งานฝีมือละเอียดละออสวยงามไปหมดทุกมุม 

พักทานอาหารกลางวันกันก่อนนะคะ ไกด์พาเราไปที่ร้าน Three Five เห็นเค้าว่าเป็นร้านยอดนิยมที่ทัวร์ไทยชอบมาเลยนะคะ

มื้อนี้เป็นอาหารชุดค่ะ คนละ 10,000 จ๊าด พนักงานที่นี่พูดไทยได้ และบริการดีมากๆ ค่ะ 

อิ่มแล้วเดินทางต่ค่ะ ไปเจดีย์ชเวมอดอร์ หรือที่เราเรียกกันว่า พระธาตุมุเตา ดูรูปจากเว็บต่างๆ ก่อนไป สวยมาก เจดีย์สีทอง

ฟ้าเป็นสีฟ้า พอนุ้ยไปฟ้าเน่าสนิท สงสัยจะได้ไปซ้ำค่ะ

ทางเข้าไปชมเจดีย์ รู้สึกว่าจะเป็นแบบนี้ทุกที่เลยนะคะ จะตั้งอยู่บนที่สูง นุ้ยว่าดีนะคะ ไม่ต้องกลัวปัญหาน้ำท่วม

นึกไปถึงโบราณสถานบ้านเรา โดนน้ำท่วมผุพังลงทุกปีเลย

พระพุทธรูปสานจากไม้

เห็นเค้ามุงอะไรกัน นุ้ยเลยตามไปมุงด้วย เจอจุดทำบุญแบบมีลูกเล่นค่ะ เค้าจะหมุนๆ เรือ แล้วเราก็โยนเงินลงไปให้ลงเรือ

อารมณ์คงประมาณวัดในเมืองไทย ที่มีบาตรใหญ่ๆ ให้เราโยนเหรียญให้ลงเลยเนอะ

จุดนี้ก็เป็นบาตรไฮดรอลิค เลื่อนขึ้นเลื่อนลง

เดินมาอีกหน่อย เจอห้องจัดแสดงของโบราณค่ะ....แต่อ่านไม่ออก สงสัยวันหลังต้องชวนพี่เจ้หญิงไปด้วยซะแล้ว

เมื่อเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งยิ่งใหญ่ปี 2473 ยอดของพระธาตุมุเตาหักพังลงมาแต่สิ่งที่น่าอัศจรรย์เป็นอย่างมาก คือ

เมื่อยอดพระธาตุหักลงมาแต่องค์พระธาตุไม่หักลงถึงพื้น จึงเป็นความเชื่อของประชาชนทั้งชาวพม่าและชาวไทยว่า

หากใครได้ไปกราบไหว้พระธาตุแล้วได้เอาไม้ไปค้ำไว้กับยอดพระธาตุที่หักลงมาแล้วเอาหน้าผากไปแตะกับยอดองค์พระธาตุที่หัก

จะทำให้ชีวิตของคนคนนั้นไม่ว่าจะถึงช่วงชีวิต ที่ตกต่ำยังไงเราก็ยังไม่ตกต่ำถึงที่สุดก็เปรียบเหมือนยอดพระธาตุ

ที่ต่อให้ ตกยังไงก็ตกไม่ถึงพื้นและทำให้ชีวิตของคนนั้นมีความมั่นคงถาวร

เกิดเหตุระทึกขวัญก่อนกลับค่ะ ก่อนลงจากรถ นุ้ยบอกเพื่อนร่วมทริปทุกคนว่า...รักษาเวลานะคะเดี๋ยวเราต้องรีบไปที่อื่นต่อ...

พอขึ้นไปถึงนุ้ยก็จำว่าออกจากประตู จะเจอจุดไหว้พระองค์สีขาวนะ ...พอใกล้ถึงเวลานัด นุ้ยก็เดินหาพระองค์สีขาว

แล้วลงประตูมา เฮ้ย..มันไม่ใช่อ่ะ ก็กลับขึ้นไป จนเจอประตูที่คุ้นตา ลงไปแล้วก็ยังไม่ใช่อีก สรุปแล้วหลงค่ะ

วิ่งขึ้นวิ่งลงทุกประตู ...อารมณ์ตอนนั้นคิดแต่ว่า จะมีใครรู้มั้ยว่าเราหลง แล้วเค้าจะมาตามหาเรามั้ย 10 กว่านาที กว่าจะเจอทางออก

ไม่มีอารมณ์ใส่รองเท้าละ วิ่งเท้าเปล่าไปที่รถเลย โดนเพื่อนต่อว่าใหญ่เลย ทำไมช้า ...สถานที่ถัดไป คือ เจดีย์ไจ๊ปุ่น (พระสี่ทิศ)

ตำนวนเล่าว่า สร้างขึ้นโดย 4 สาวพี่น้อง ที่อุทิศตนแด่พุทธศาสนา จึงสร้างพระพุทธรูปแทนตนเอง และได้สาบานไว้ว่า

จะไม่ข้องแวะกับบุรุษเพศ แต่ในที่สุดแล้ว น้องสาวคนสุดท้อง กลับพบรักกับชายหนุ่มและแต่งงานกัน

จึงเกิดอาเพศฟ้าผ่าพระพุทธรูปที่แทนตัวของน้องสาวคนสุดท้องพังทลายลงมา  จนต้องมีการสร้างขึ้นมาใหม่ตามที่เห็นในปัจจุบัน

โดยพระพุทธรูปองค์นี้จะมีลักษณะแตกต่างจากองค์อื่น ๆ คือ พระพักตร์จะเศร้ากว่าองค์อื่น...แต่นุ้ยก็ว่าเหมือนๆ กันหมดนะคะ

พอกลับขึ้นรถ เพื่อนบอกว่า เจดีย์นี้ มีคนนิยมมาขอเนื้อคู่ โดยขอจากองค์ที่พระพักตร์เศร้า....แหม...ทำไมบอกช้าจัง

เดินทางต่อไปที่เจดีย์ชเวดากองกันค่ะ ค่าเข้าชมคนละ 8,000 จ๊าด ไม่เสียค่าถ่ายรูปนะคะ มีลิฟท์ด้วย

ช่วงนี้เจดีย์กำลังมีการซ่อมแซมค่ะ ทุก 5 ปี จะมีการลอกเอาทองออกมาขัด และประกอบกลับเข้าไปใหม่

กว่านุ้ยจะรู้ข่าวนี้ ก็ใกล้เดินทางเต็มทีแล้วค่ะ เศร้าแป๊บนึง

บริเวณรอบๆ เจดีย์ก็สวยงามนะคะ อยากจะมีเวลาเดินดูนานๆ จัง ถ้ามีโอกาสได้มาอีกครั้ง คงต้องขออยู่สักครึ่งวัน

ท่าทางคงจะเป็นวันสำคัญ พุทธศาสนิกชนล้นหลามเลยค่ะ

นัดรวมตัวกันที่จุดนี้ค่ะ นุ้ยเลยเข้าไปไหว้พระ แล้วเดินชม เงยหน้าขึ้นไปก็เจอจิตรกรรมฝาหนัง แบบนี้เค้าเรียกว่าอะไรไม่ทราบนะคะ

ปั้นเป็นชิ้นๆ แล้วประกอบลงไป ไม่ใชภาพนูนต่ำแบบที่เห็นที่อื่น

ตอนแรกก็แอบเคืองเพื่อน จะรีบให้กลับไปไหน ยังเดินไม่ทั่วเลย แต่พอไปถึงร้านอาหารเลยเข้าใจ ของหมดไปหลายอย่างแล้วค่ะ

เห็นเค้าว่าที่ย่างกุ้ง พอสามทุ่มร้านก็ปิดหมด คนเข้าบ้านหมดแล้ว ของเลยหมดเร็ว มื้อนี้หมดไปคนละ 5,000 จ๊าดค่ะ

ร้าน Mimm Lane Rakhine ค่ะ เพื่อนคนไทยที่ไปทำงานที่พม่าแนะนำมา

ตั้งใจไว้ว่า อิ่มแล้วจะไปเดินไชน่าทาวน์หาอะไรเติมท้องซะหน่อย แต่ก็ไม่ไหวแล้วค่ะ ง่วงนอนกันเต็มที่

ขอจบทริปวันที่สองไว้เพียงเท่านี้นะคะ ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมกันค่ะ

ชมภาพเพิ่มเติมได้ที่ 




Create Date : 26 กุมภาพันธ์ 2559
Last Update : 26 กุมภาพันธ์ 2559 15:08:30 น.
Counter : 540 Pageviews.

0 comment
เที่ยวพม่า ตอนที่ 3...เริ่มต้นวันที่สองในเมืองพม่า
นุ้ยตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตี 5 ค่ะ เพื่อที่จะได้ไปไหว้พระธาตุอินทร์แขวนอีกรอบ คิดว่าเวลานี้คนน่าจะน้อยแล้ว แต่กลับไม่น้อยอย่างที่คิด

มีชาวพม่าเดินสวนลงมาเป็นจำนวนมาก กลับกันแต่เช้ามืดเลยนะคะ

ฝนยังคงตกไม่หยุด พื้นลื่นมากค่ะ นุ้ยลื่นล้มไปตั้งสองรอบ เพื่อนตัวเองเดินนำหน้าไปหมดแล้วค่ะ นุ้ยมัวแต่ช้าอยู่

ทุกครั้งที่ล้มจะได้ยินเสียงคนไทยถามว่าเป็นอะไรมั้ย...นี่ล่ะที่เรียกว่าคนไทยมีน้ำใจ ใส่ชุดกันฝนเค้าไม่รู้หรอกว่าเราเป็นคนชาติไหน

แต่เค้าก็ยินดีที่จะช่วยเหลือคนอื่น น่ารักจริงๆ ค่ะ ....ช่วงเช้านอกจากดอกไม้แล้ว ก็ยังมีชุดตักบาตรพระธาตุด้วยค่ะ

ถึงฝนจะตก พุทธศาสนิกชนที่มีศรัทธาแรงกล้าก็ไม่ได้หวั่นไหวนะคะ ยังมานั่งสวดมนต์กันอยู่

นุ้ยอยู่ได้แป๊บเดียวก็กลับแล้วค่ะ กล้องเปียกซ่กหมดแล้ว ไม่รู้จะบังยังไง ฝนสาดทุกทิศทุกทาง

ที่โรงแรมไจ้ทิวจัดอาหารมือเช้าให้ตั้งแต่เวลา 6 โมงเช้า เป็นบุฟเฟ่ต์ ตัวอย่างนะคะ...

อิ่มแล้วก็เตรียมตัวเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรมเวลาประมาณ 7 โมงครึ่งค่ะ ไกด์ชาวพม่าพาไปขึ้นรถจุดที่ชาวพม่าขึ้น ไม่ต้องเดินไกล

แต่ว่า....คนมหาศาลค่ะ ไม่มีคิว ใช้ระบบแย่งกันขึ้น กลุ่มนุ้ยยืนนิ่งกันไปเป็นสิบนาทีค่ะ จนปัญญาไม่รู้จะทำยังไง

สุดท้ายก็ตัดสินใจ ยังไงก็ต้องไปแย่งกับเค้าล่ะ ไม่งั้นก็ไม่ได้ลงจากเขาแน่ๆ ก็เลือกจุดที่คนยืนน้อยที่สุด

รอจนถึงช่วงที่เราขึ้นบันไดไปรอข้างบนได้ ก็คิดว่าสบายละ แต่พอรถมาถึง ไม่มีคำว่าให้คนลง ลงก่อนค่อยขึ้นนะคะ

เบียดแย่งกันใหญ่เลย นุ้ยงงมาก เพราะยืนอยู่ต้นๆ แถว แล้วที่นั่งกันในรถนี่มาจากไหน ยังคิดว่า สงสัยคงลงไม่ทันเดี๋ยวคงลงมั้ง

นุ้ยกับเพื่อนๆ ก็โยนสัมภาระไว้ท้ายรถ แล้วขึ้นไปนั่งกันได้ 2 คนแล้วปรากฏว่าเพื่อนที่เหลือไม่มีที่นั่งแล้ว

ไอ้เราสองคนจะออกเพื่อเปลี่ยนคันใหม่ก็ไม่ได้เพราะของลงมาหมดแล้ว โดนกระเป๋าคนอื่นทับหมดแล้ว สรุปหลุดกลุ่ม 2 คน

เป็นต่างชาติแค่ 2 คนบนรถ พร้อมด้วยกระเป๋าของเพื่อนทั้งหมด ...พอรถออกมาได้สักพัก เค้าก็จอดเก็บเงิน

ซึ่งจุดนั้นเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวต้องมาขึ้น กลัวเค้าไล่เราสองคนลงจากรถมากเลยค่ะ ได้แต่มองหน้ากัน ใครพูดอะไรเราก็ฟังไม่รู้เรื่อง

แล้วรถก็หยุดบ่อยมากค่ะ ต้องมีการพักหลีกให้รถสวนขึ้นมาเป็นระยะๆ

สักพักฟ้าก็เปิด ให้เราได้เห็นวิวที่สวยงามสองข้างทาง ความสุขเริ่มมาแล้วค่ะ

นุ้ยถ่ายคลิปไว้เป็นบางจุดนะคะ 

พอลงมาถึงข้างล่าง ปัญหาเกิดอีกแล้วค่ะ ผู้หญิงสองคน ต้องขนกระเป๋าทั้งหมดลงจากรถสูงๆ เอง แถมลงมาแล้วไม่รู้จะไปไหน

มือถือก็ไม่มีสัญญานติดต่อไกด์และรถตู้ไม่ได้ เลยต้องจ้างลูกหาบมาช่วยขน พอยืนที่ท่ารถซักพัก ก็มีพนักงานมาถามว่าจะไปไหน

ประมาณว่าไล่เราให้ไปรอที่อื่น เดี๋ยวรถต้องมาจอด แต่เราไม่รู้จะไปไหน เลยมีลูกหาบคนนึงอาสาพาเพื่อนนุ้ยไปหารถ ส่วนนุ้ยก็ยืนรอ

อารมณ์ตอนนั้นก็กลัวๆ นะคะ เพราะสื่อสารกันไม่ค่อยรู้เรื่อง กลัวเพื่อนโดนหลอกไปทำอะไรด้วย สุดท้ายหารถไม่เจอค่ะ

ก็ต้องรอเพื่อนๆ มา นานอยู่เหมือนกัน ไม่เคยเจอเพื่อนแล้วดีใจขนาดนี้มาก่อนเลย 

ชมภาพเพิ่มเติมได้ที่ 




Create Date : 26 กุมภาพันธ์ 2559
Last Update : 26 กุมภาพันธ์ 2559 15:07:49 น.
Counter : 517 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  

ท่องเที่ยวไปตามใจฉัน
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



All Blog