ทริปหลีเป๊ะ-ลังกาวี วันสุดท้าย
วันสุดท้ายของการเดินทางทริปนี้แล้วนะคะ ตื่นเช้ามานุ้ยตั้งใจว่าจะเดินไปเก็บบรรยากาศเมือง ปรากฎว่าเมืองเงียบมากเลยค่ะ อาจจะเพราะเป็นวันอาทิตย์ด้วย

ก็เลยกลับเข้าทีพัก เก็บข้าวของ ทานอาหารเช้าที่ทางโรงแรมจัดไว้ให้แล้วออกเดินทางกัน

จุดแรกที่ไป คือ พิพิธภัณฑ์ มหาเธร์ โมฮัมหมัด ซึ่งนุ้ยเขียนเล่าไว้ในกระทู้นี้แล้วนะคะ 

//www.bloggang.com/viewblog.php?id=pooklookclub&date=26-02-2016&group=8&gblog=40

หลังจากนั้น ไปต่อกันที่หาดทรายดำค่ะ ที่นี่จะมีของที่ระลึกจำหน่ายมากมายนะคะ ราคาก็ไม่แพง 

เรายังอยู่กันที่บริเวณหาดทรายดำนะคะ แต่ว่าจุดนี้ทรายเป็นสีขาวแล้ว เห็นจุดที่น่าจะไปถ่ายรูปกันแล้วค่ะ

 เห็นภาพนี้แล้วก็รู้สึกแปลกๆ นะคะ มันเป็นการผสมกันระหว่างธรรมชาติ เรือประมงพื้นบ้าน และโรงงานอุตสาหกรรม

แต่ว่าน้ำในทะเลก็ใสมาก 

และเห็นปลาว่ายไปมา

สะพานชำรุดมาก เดินด้วยความระมัดระวังนะคะ

จุดถัดไปคือบ่อน้ำพุร้อนค่ะ ไม่เสียค่าเข้า และก็แช่เท้าได้ฟรีนะคะ

ที่นี่จะมีหลายบ่อค่ะ เลือกนั่งได้ตามใจเลย

น้ำร้อนผุดขึ้นมาจากซอกหินค่ะ ร้อนเอาการเลย ต้องค่อยๆ หย่อนเท้าลงไปนะคะ

น้ำร้อนมาก จนไม่น่าเชื่อว่าจะมีพืชเติบโตอยู่ได้

มื้อกลางวันวันนี้หาร้านอาหารยากหน่อยค่ะ คนขับรถพาไปร้านไหนก็ปิด สุดท้ายก็แวะกันที่นี่ มีป้ายภาษาไทยด้วยนะคะ

แต่เท่าที่ฟังเสียงรอบๆ โต๊ะ มีแต่คนจีน นุ้ยโชคดีได้เจอพี่คนไทยใจดีเป็นลูกจ้างร้านขายข้าวแกง พี่เค้าตักให้เยอะมาก 

แถมยังแอบลดราคาให้อีกนะคะ

อิ่มแล้วก็เดินทางต่อค่ะ จุดสุดท้ายที่จะแวะกัน คือ แลนด์มาร์กของเกาะลังกาวี Dataran Lang ค่ะ

ที่นี่แดดร้อนมาก ทางเดินระหว่างที่จอดรถมาที่่รูปปั้นก็ไม่มีร่มให้หลบแดดซักเท่าไหร่ เตรียมหมวก ร่ม แว่นกันแดดกันให้พร้อมนะคะ

นุ้ยรู้สึกว่าเพิ่งได้รู้เรื่องเกาะลังกาวีพ้นคำสาปมาเมื่อกี่ปีนี่เอง ถ้าเป็นแบบที่เค้าเล่ากันว่าลังกาวีเป็นเกาะต้องคำสาปจนไม่มีใครกล้ามาทำอะไรที่นี่ ก็ถือว่าเมืองเค้าพัฒนาเร็วมากนะคะ มองจากจุดนี้ไปก็ยังเห็นเค้ากำลังสร้างโน่นนี่เยอะแยะไปหมด 

ด้วยความที่กลัวจะตกเรือกัน พวกนุ้ยจึงรีบมาที่ท่าเรือก่อนเวลามาก จนคนขับรถต้องถามย้ำว่าแน่ใจแล้วเหรอว่าจะไม่แวะไปเที่ยวที่อื่นก่อน ยังพอมีเวลาเหลือ แต่เราก็ยืนยันจะกลับค่ะ ต้องฆ่าเวลาด้วยการเดินช้อบปิ้ง นุ้ยเดินวนไปวนมาหลายรอบแต่ก็ไม่ได้ซื้ออะไร เกาะลังกาวีเป็นเกาะดิวตี้ฟรีก็จริง แต่ไม่ได้มีทุกอย่างนะคะ ส่วนใหญ่จะเป็นขนม ช๊อตโกแลต เครื่องครัว กระเป๋าเดินทาง นุ้ยนี่แลกเงินมาเยอะเชียวค่ะ กะว่าจะซื้อเครื่องสำอางค์ราคาถูกกลับไป ที่ไหนได้ไม่มีขายเลย เรืองช๊อคโกแลตก็ไม่ถนัด ไม่รู้ว่ายี่ห้อไหนอร่อยบ้าง คนขับรถพาไปหลายร้าน หลายที่ นุ้ยก็ได้แต่ของฝากเป็นขนมนิดหน่อยเท่านั้นเอง แอบผิดหวังเล็กๆ แต่คิดอีกแง่ก็ดีมีเงินเหลือกลับบ้านไว้ไปเที่ยวต่อนะคะ

น้ำหอม กับเหล้าก็พอมีขายนะคะ แต่นุ้ยไม่ใช้น้ำหอมเลยไม่รู้ว่าที่นี่ราคาถูกหรือแพงกว่าเมืองไทยเท่าไหร่

เครื่องครัวค่ะ น่าจะเป็นของที่นักท่องเที่ยวนิยมซื้อ เห็นขนลงเรือกันมาเยอะเชียว

ตั๋วเรือขากลับค่ะ ราคาหน้าตั๋ว 300 บาท แต่พวกนุ้ยซื้อผ่านเอเย่นต์ หลีเป๊ะ-ลังกาวี-สตูล 1,100 บาท 

นั่งเรือ ชม.กว่าๆ ก็ถึงเมืองไทยแล้วค่ะ ขากลับเสียงเครื่องเรือดังมากจนปวดหูเลยค่ะ ใครจะเดินทางโดยเรือโดยสารแบบนุ้ย หาวิธีป้องกันเสียงกันด้วยนะคะ

ทั้งทริปนี้นุ้ยหมดค่าใช้จ่ายไปประมาณหนึ่งหมื่นกว่าๆ ค่ะ น้ำตาจะไหล เป็นทริปที่แพงที่สุดเท่าที่นุ้ยเคยเที่ยวมาเลย ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่จะหนักที่ประเทศไทยนี่หล่ะค่ะ ค่ารถตู้ ค่าเรือ อาหาร ยังแอบคิดในใจ เที่ยวเมืองไทยไม่ไปไม่รู้ ว่ามันแพงงงงงงง เลยไม่แปลกใจที่คนไทยบางส่วน เลือกที่จะไปเที่ยวต่างประเทศมากกว่า คงจะดีนะคะถ้าเราสามารถเที่ยวในบ้านเราเองได้ในราคาที่ถูกกว่านี้

จบทริปแล้วค่ะ ขอบคุณที่ติดตามนะคะ




Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2559
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2559 15:10:08 น.
Counter : 555 Pageviews.

0 comment
ทริปหลีเป๊ะ-ลังกาวี วันที่ 3 ตอนที่่ 2
ออกจากสุสานพระนางมัสสุหรีแล้ว พวกนุ้ยก็เดินทางไป Oriental Village&Langkawi Cable Car  ต่อค่ะ

จุดมุ่งหมายของการมาที่นี่ คือการขึ้นเคเบิ้ลคาร์ค่ะ

นุ้ยจำราคาค่าตั๋วไม่ได้แล้วค่ะ..อายจัง

ก่อนนั่งเคเบิ้ลคาร์ เค้าจะให้เราเข้าไปชมภาพยนตร์ 3 มิติก่อนนะคะ 

 ไปแล้ว...

เคเบิ้ลคาร์จะแบ่งเป็น 2 ช่วงนะคะ ตรงจุดพักจะเป็นจุดชมวิว แล้วมีทางเดินลอยฟ้าให้เดินชมวิวกัน ซึ่งพวกนุ้ยตั้งใจกันมาก

แต่ก็ต้องผิดหวังค่ะ เพราะเค้าปิด ไม่แน่ใจว่าปิดปรับปรุงหรือปิดถาวรนะคะ

ความตื่นเต้น คงอยู่ที่ความชัน และลมที่แรงมาก

วิวสวยมากค่ะ

นุ้ยก็ไม่รู้นะคะ ว่าพี่ๆ เค้ากลัวกัน ก็หันซ้ายหันขวาพยายามจะถ่ายรูป

ลงจากเคเบิ้ลคาร์มาแล้วก็เดินถ่ายรูปต่อค่ะ มุมถ่ายรูปมาเยอะเชียว นุ้ยว่าบรรยากาศจะคล้ายๆ ปาลิโอ้บ้านเรานะคะ

ก่อนจะกลับที่พักต้องแวะเติมน้ำมันก่อนค่ะ เราแวะกันที่ปั๊มปิโตรนาส ปล่อยให้คนขับรถเติมน้ำมันไป เราก็ไปเดินเที่ยวค่ะ

ในปั๊มไม่มีอะไรพิเศษ แต่ด้านข้างปั๊มนี่สิคะ ใครมาเที่ยวเคเบิ้ลคาร์ต้องแวะถ่ายรูปที่นี่กันทั้งนั้นเลย

ก็แค่ท่าจอดเรือธรรมดาๆ แต่ทำไมมันดูสวยมากก็ไม่รู้นะคะ

ถ่ายรูปกันจนหนำใจแล้วก็เดินทางต่อไปที่พักกันค่ะ

ก่อนเข้าที่พัก คนขับยังพาแวะถ่ายรูปที่โรงแรมข้างทางให้อีกนะคะเนี่ย ใจดีจัง (จำชื่อโรงแรมไม่ได้อีกแล้วค่ะ แย่จัง)

ที่พักคืนนี้ค่ะ

ห้องพักสะอาดมากค่ะ ใหม่ด้วย ค่าที่พัก คืนละ 1,200 บาท

ที่มาเลเซียใช้ปลั๊กไม่เหมือนบ้านเรานะคะ ต้องเตรียมอะแด๊ปเตอร์มาด้วย

กว่าจะอาบน้ำแต่งตัวกันเสร็จก็มืดแล้วค่ะ เลยทานอาหารกันที่ร้านอาหารจีนตรงข้ามโรงแรมนี่เอง เจ้าของร้านพูดไทยได้ค่ะ 

เมนูนี้นีหลีเป๊ะหอยสดกว่าเยอะค่ะ

ตอนเจ้าของร้านแนะนำเมนูนี้ เค้าบอกว่าคล้ายๆ ต้มยำค่ะ

จำราคาอาหารที่แน่นอนไม่ได้นะคะ แต่จำได้คร่าวๆ ว่าประมาณจานละ 20 ริงกิต 

จบทริปลังกาวีวันที่ 3 แล้วนะคะ ขอบคุณที่ติดตามค่ะ




Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2559
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2559 15:08:24 น.
Counter : 997 Pageviews.

0 comment
ทริปหลีเป๊ะ-ลังกาวี วันที่ 2
ทริปนี้นุ้ยไปตั้งแต่เดือนมกราแล้วนะคะ ใช้เวลาคิด น๊านนาน กว่าจะมาเขียนได้ เขีบนบล๊อคนี่ไม่ใช่ง่ายเลยนะคะ

ตื่นเช้ามาหลังจากทานอาหารเช้าที่รีสอร์ทแล้ว พวกนุ้ยก็รีบออกไปหาเสบียงสำหรับกลางวันค่ะ

จะที่รีสอร์ทก็ได้ แต่นุ้ยว่าราคาแรงไป เลยเดินไปหาซื้อกันเองค่ะ คิดว่าคงหาได้ง่ายๆ ที่ไหนได้ เดินจนแทบจะถอดใจ

ถามชาวบ้านที่เดินผ่านไปผ่านมา เค้าบอกว่าตลาดอยู่เกือบสุดถนนคนเดินแน่ะค่ะ ก็ได้ข้าวเหนียวหมูปิ้ง

และข้าวกล่อง ถ้าจำไม่ผิด กล่องละ 80 บาท แต่ไม่ขี้เหร่นะคะ อร่อยด้วย

วันนี้พวกนุ้ยมีกิจกรรมดำน้ำรอบเกาะค่ะ ค่าเช่าเรือหางยาว 2,300 บาท ค่าอุปกรณ์ดำน้ำ คนละ 50 บาท

ถ้าใครมีของส่วนตัวแนะนำให้ใช้ของตัวเองนะคะ หน้ากากที่มีให้ ยางหายเกือบหมด สงสัยจะตื่นเต้นกัดกันซะขาดเชียว

ถ้าจะถามว่าไปเกาะไหน หาดไหนบ้าง นุ้ยจำไม่ได้เลยค่ะ ไปหลายที่มาก

นุ้ยไม่ค่อยมีโอกาสได้ไปเที่ยวทะเลใต้ พอมาเจอน้ำทะใสๆ ถึงกับกรีดร้อง เป็นคนว่ายน้ำไม่เป็น แต่ลืมความกลัวหมด

เรือจอดจุดไหน รีบใส่อุปกรณ์แล้วโดดลงไปเลยค่ะ 

แต่ที่จำได้แม่นเลย คือ เกาะรอกลอย น้ำใสมากๆ

กระดี๊กระด๊าสุดๆ

เวลาเที่ยง คนขับเรือจะพามาแวะทานอาหารที่หาดอาดังค่ะ

ที่หาดนี้มีร้านค้าของทาง อช. ส้มตำอร่อยค่ะ พวกนุ้ยสั่งซ้ำมาสองรอบเลย 

ที่นี่จะเป็นจุดพักให้นักท่องเที่ยวมาทานข้าวกัน ทำให้ค่อนข้างขยะเยอะ

ไม่เข้าใจเหมือนกัน เค้ามีจุดให้นั่ง ทำไมถึงถือขยะออกมาทิ้งส่งเดช

แถมนักท่องเที่ยวบางกลุ่มสั่งอาหารจากที่ร้านค้า อช. ยังไม่ทันจ่ายเงิน ก็ขึ้นเรือกลับไปแล้ว ตะโกนเรียกก็ไม่ทันค่ะ

จุดสุดท้ายของวัน คือ เกาะหินงามค่ะ ที่นี่หินเกือบทุกก้อนจะเป็นสีดำ ดำน้ำกันมาเหนื่อย มานอนบนหินอุ่นๆ สบายดีนะคะ

ถึงจะมีป้ายเตือน ก็ยังเห็นมีคนนั่งซ้อนหินกันอยู่หลายคน สงสัยจะไม่เห็นป้าย

สำหรับคนที่คิดจะเก็บหินกลับบ้านนะคะ

ตอนกลางคืนพวกเราก็ไปฝากท้องที่ถนนคนเดินต่อค่ะ วันนี้แวะร้านอาหารจ่ายาว เพราะเค้าบอกว่ามีส่วนลดสำหรับคนไทยด้วย 10% ร้านนี้นุ้ยจำราคาไม่ได้แล้วค่ะ แต่ราคาไม่แพงมากนัก คืนนี้ทานเสร็จก็กลับที่พักเลย ไม่มีแรงจะเดินช้อบปิ้งแล้ว เพลียจากการดำน้ำทั้งวัน

ขอบคุณที่ติดตามนะคะ นุ้ยว่าประการังที่นี่เยอะแล้ว แต่พี่คนขับเรือบอกเมื่อก่อนมันเยอะกว่านี้ แต่มีปรากฎการณ์ประการังฟอกขาว ทำให้ประการังตายเกือบหมด ก็น่าเสียดายนะคะ และเท่าที่สังเกต นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็ดำน้ำไม่ค่อยเป็น เหยียบประการังแตกหักเสียหายก็เยอะ คนขับเรือก็ทิ้งสมอเรือกันในแนวประการัง กลับมาจากหลีเป๊ะก็ยังเห็นข่าวนักท่องเที่ยวเอาสัตว์ทะเลขึ้นมาเล่นอีก ไม่รู้ว่าในอนาคตที่นี่จะเป็นยังไงนะคะ 

 ปล.ช่วงอยู่หลีเป๊ะนี่ไม่ได้จับกล้องใหญ่เลยค่ะ กลัวทำตกน้ำ มีแต่ภาพจากมือถือนะคะ

ชมภาพเพิ่มเติมได้ที่




Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2559
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2559 15:07:40 น.
Counter : 911 Pageviews.

3 comment
ทริปหลีเป๊ะ-ลังกาวี วันที่ 1
ทริปนี้นุ้ยไปเที่ยวตั้งแต่ปีที่แล้วนะคะ เขียนบล๊อคไว้ที่เนชั่น แล้วเพิ่งได้ก๊อปมาลงในบล๊อคแก๊ง ล๊อคอินเข้าไม่ได้มานานค่ะ เพิ่งใช้ได้เป็นปกติ

ทริปนี้แวะเที่ยวหลีเป๊ะก่อน 2 วันค่ะ วันแรกหมดกับการเดินทาง เดินทางด้วยเครื่องบินลงที่สนามบินหาดใหญ่

จากนั้นนั่งรถตู้ไปลงที่ท่าเรือปากบารา (ค่าเช่ารถตู้ 9 ที่นั่ง 2,400 บาท) และนั่งเรือสปีดโบ๊ทต่อ (คนละ 550 บาท)

ตอนนี้ยังระรื่นกันอยู่ค่ะ...ยังไม่รู้ชะตากรรม

จริงๆ น่าจะถึงหลีเป๊ะตั้งแต่บ่าย แต่ว่าเรือโดยสารเครื่องเสียไปสองตัว ใช้ได้ตัวเดียว ก็เลยต้องแล่นมาเรื่อยๆ เอื่อยๆ

ถึงหลีเป๊ะตอนพระอาทิตย์ตกพอดีเลย ดีนะพกเสบียงกันมาเยอะ ไม่งั้นได้นั่งหิวกันบนเรือแน่ๆ เลยค่ะ

ก่อนลงจากเรือพี่คนขับพูดว่า ขับมาตั้งนานไม่เคยเสียนะ นี่ได้ทำบุญกันมาบ้างหรือเปล่า...แหม...

จากนั้นก็เข้าที่พักค่ะ นุ้ยพักที่บันดาหยารีสอร์ท เป็นเรือนแถวค่ะ คืนละ 2,200 บาท

ราคานี้รวมอาหารเช้านะคะ เข้าห้องพักล้างเนื้อล้างตัวกันแล้ว ก็ออกไปทานข้าวกันที่ถนนคนเดินค่ะ กลุ่มนุ้ยเลือกร้านรักษ์เลค่ะ

ราคาอาหารค่ะ สำหรับ 6 คน

อิ่มอาหารคาวแล้วก็เดินหาอาหารหวานมาตบท้ายค่ะ

ถ้าถามว่าของแพงมั้ย นุ้ยว่าราคาก็พอๆ กับแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ของบ้านเรา 

ขออภัยที่ไม่ได้เก็บบรรยากาศถนนคนเดินมาฝากนะคะ พอหนังท้องตึง หนังตาก็หย่อนกันหมดแล้วค่ะ

ชมภาพเพิ่มเติมได้ที่




Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2559
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2559 15:12:33 น.
Counter : 469 Pageviews.

0 comment
วัดคูหาภิมุข จ.ยะลา
ตอนแรกก็ไม่ได้ตั้งใจจะไปที่วัดนี้หรอกนะคะ นุ้ยเข้าไปทำกิจกรรมที่โรงเรียนวัดถ้ำ แล้ว ท่าน ผอ. โรงเรียนชวนให้ไปที่วัดด้วย

บอกว่ามีพระพุทธรูปในถ้ำสวยงามมากน่าจะไปชม แต่ก็เกือบจะพลาดแล้วเพราะฝนตก เพื่อนๆ ก็ถอดใจไม่อยากลุยฝน

แต่นุ้ยก็คิดว่า ถ้าไม่ขึ้นไปครั้งนี้ ก็ไม่มีรู้ว่าจะมีโอกาสอีกหรือเปล่า ยะลาไม่ใช่ว่าจะมาเที่ยวได้ง่ายๆ ยังไงก็ต้องขึ้นไปให้ได้

ว่าแล้วก็ไปขอถุงพลาสติกจากร้านค้าของวัดมาคนละใบคลุมกล้อง แล้วเดินฝ่าสายฝนไปกันค่ะ  

ทางเดินสบายค่ะ ก็ไม่ได้ไกลมากมาย แค่พอหอบ

มีเจ้าถิ่นคุมทางบ้างเล็กน้อย

มียักษ์เฝ้าทางเข้าถ้ำด้วย

เลยยักษ์มานิด ก็ถึงจุดพักให้กราบไหว้พระพุทธรูปกันก่อน 

เดินต่อค่ะ มาถึงตรงนี้แว่บแรกแอบผิดหวัง มีพระพุทธรูปแค่นี้เองเหรอ อุตส่าวิ่งฝ่าฝนมา

แต่พอเดินไปอีกนิด ตะลึงค่ะ ภายในถ้ำกว้างมากๆ

มองกลับออกไปข้างนอก อากาศกำลังดีเลยค่ะ ฝนเพิ่งหยุดตก ถ่ายรูปอยู่สักพัก นุ้ยก็เห็นอะไรบางสิ่งคล้ายๆ กิ่งไม้ร่วงมาจากด้านบนปากถ้ำ ตกมาถึงพื้นดังตุ้บ แล้วก็เลื้อยหนีไป ขนลุกเลยค่ะ....จุดนั้นนุ้ยยืนดูวิวอยู่ตั้งนาน บรื๋อออออ

เข้าไปชมภายในถ้ำกันนะคะ

 คุณลุงขยันมากค่ะ เดินกวาดตลอดเลย

ตอนแรกคุณลุงแกก็เฉยๆ คงเห็นเราเป็นนักท่องเที่ยวทั่วไป แต่พอ ผอ. เดินเข้ามา บอกว่าพวกเราเป็นคนกรุงเทพมาทำบุญที่วัดกับที่โรงเรียน แกก็เลยเดินมาคุยด้วย มาเล่าเรื่องประวัติถ้ำนี้ให้ฟัง แล้วบอกว่ามีอะไรตรงไหนน่าสนใจบ้าง

นุ้ยชอบที่นี่มากนะคะ คนสร้างมีความตั้งใจมากจริงๆ ไม่คิดว่าข้างในถ้ำจะใหญ่โต อลังการแบบนี้

คุณลุงบอกว่า ถ้าเลี้ยวไปด้านซ้ายของยักษ์ ก็จะเจออีกถ้ำนึงที่มีน้ำศักดิ์สิทธิ์ไหลออกมา และได้ถูกนำไปใช้ในพิธีการศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ในเมืองไทย เสียดายตอนที่นุ้ยเดินกลับออกมาเย็นมากแล้ว เลยอดเข้าไปดูเลย

นายทหารที่ดูแลพวกนุ้ยเล่าให้ฟังว่า เมื่อก่อนนี้มีภาพเขียนสีด้วย แต่ตอนนี้ไม่ได้ดูแล คงลบเลือนไปตามกาลเวลาแล้ว น่าเสียดายจังนะคะ  ถ้าที่ยะลาไม่มีเหตุการณ์ไม่สงบ นักท่องเที่ยวคงจะมากันมากมาย บรรยากาศคงไม่เงียบเหงาแบบนี้ เสียดายแทนคนที่ไม่มีโอกาสได้มาเห็นความสวยงามด้วยตาของตัวเอง ขอให้เหตุการณ์เลวร้ายต่างๆ หมดสิ้น และกลับมาสู่ความสงบโดยเร็วด้วยเถอะนะคะ ยะลายังมีสถานที่สวยงามน่าเที่ยวอีกเยอะแยะไปหมด ถ้ามีโอกาส นุ้ยก็จะขอกลับมาที่นี่อีกครั้งให้ได้ค่ะ

ขอบคุณที่ติดตามอ่านมาจนถึงบรรทัดนี้นะคะ เขียนมาตั้งเป็นปี ก็ยังเขียนไม่เก่งสักที อาศัยลงรูปเยอะๆ ไปก่อน อิ อิ

ชมภาพเพิ่มเติมได้ที่




Create Date : 26 กุมภาพันธ์ 2559
Last Update : 26 กุมภาพันธ์ 2559 15:16:34 น.
Counter : 1315 Pageviews.

2 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  

ท่องเที่ยวไปตามใจฉัน
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



All Blog