Ponsawang1
Group Blog
 
All Blogs
 

อ๊อกซิโตซิน ฮอร์โมนแห่งความผูกพัน

WELCOME......

อ๊อกซิโตซิน ฮอร์โมนแห่งความผูกพัน

อ๊อกซิโตซิน ฮอร์โมนแห่งความผูกพัน (GMLIVE)

           เคยมั้ย…ที่อยู่ดีๆ ก็รู้สึกผูกพันกับใครก็ไม่รู้จัก หรือเพียงเห็นหน้าแค่เพียงแว๊บเดียว ก็รู้สึกว่านี่แหละใช่เลย!!

           เคยมั้ย…ที่ตกหลุมรักใครสักคนเป็นเวลานานแสนนาน  ไม่เคยเปลี่ยนแปลงแม้แค่จะไม่ได้คบกันก็ตาม

           และเคยมั้ย…เมื่อมีกิจกรรมทางเพศกันไปแล้ว ยิ่งทำให้รู้สึกยึดติด และสนิทกันมากขึ้น

หลายคนอาจเคยผ่านความรู้สึกแบบนี้กันมาบ้าง แต่ก็หาเหตุผลไม่เจอว่ามันเป็นเพราะอะไร แต่วันนี้ เรามาไขข้อสงสัยนี้ กับ อ๊อกซิโตซิน ฮอร์โมนแห่งความผูกพัน

  อ๊อกซิโตซินนั้นถูกสังเคราะห์โดยเซลล์ที่ชื่อ magnocellular neurosecretory cells ที่อยู่ในกลุ่มของเซลล์ประสาทที่ชื่อว่า supraoptic nucleus และ paraventricular nucleus ของสมองส่วนไฮโปธาลามัส นอกจากออกฤทธิ์เป็นสารสื่อประสาทแล้ว ยังถูกส่งไปยังต่อมพิธูอิตารีเพื่อหลั่งสู่กระแสเลือดจากต่อมพิธูอิตารีไปทำหน้าที่ในอวัยวะที่อยู่ห่างไกล ซึ่งเราจัดว่าเป็นคุณสมบัติของฮอร์โมน (neurohypophyseal hormone) อ๊อกซิโตซินมีบทบาทสำคัญในหลายอวัยวะโดยเฉพาะในสามส่วนหลัก คือ ไฮโปธาลามัส ต่อมพิธูอิตารี (pituitary gland) และต่อมหมวกไต ที่เรียกว่า hypothalamic pituitary adrenal (HPA) axis

           ซึ่งปัจจุบันนี้มีการศึกษาวิจัย เรื่องประสาทวิทยาของต่อมไร้ท่อมาเป็นเวลาช้านานถึงบทบาทในด้านความผูกพันทางสังคม (social attachments) และความรัก ทำหน้าที่ช่วยส่งเสริมให้เกิดกระบวนการสืบพันธุ์ ทำให้รู้สึกว่ามีความปลอดภัย รวมทั้งยังช่วยลดความกังวลและความเครียดได้อีกทาง

อ๊อกซิโตซิน ฮอร์โมนแห่งความผูกพัน

อ๊อกซิโตซิน: ออกฤทธิ์เป็นฮอร์โมนภายนอกสมอง

           เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางเพศ โดยพบว่าช่วงระยะจุดสุดยอดของการมีเพศสัมพันธ์ (orgasm) มีปริมาณอ๊อกซิโตซินในเลือดสูงขึ้น และยังเชื่อว่ามีส่วนช่วยลำเลียงอสุจิในระหว่างการหลั่งน้ำเชื้อ (ejaculation) ของผู้ชายอีกด้วย

อ๊อกซิโตซิน: ออกฤทธิ์เป็นฮอร์โมนภายในสมอง

           อ๊อกซิโตซินสร้างความตื่นตัวทางเพศ พบว่าถ้าฉีดอ๊อกซิโตซินเขาไปในน้ำเลี้ยงสมองและไขสันหลัง (cerebrospinal fluid) ของเจ้าหนูทำให้อวัยวะเพศตั้งตัวขึ้นได้เอง (spontaneous erection)

           อ๊อกซิโตซินมีผลต่อการการจับคู่ ในสมองของผู้หญิงหลั่งอ๊อกซิโตซินเพิ่มขึ้นในช่วงที่มีกิจกรรมทางเพศ และทำให้เขาปักใจรักเดียว ใจเดียวกับคู่ขาคนนั้น และยังพบว่าระดับของอ๊อกซิโตซินในเลือดสูงขึ้นในคนที่กำลังตกหลุมรักอีกด้วย

ความรู้สึกถวิลหา อยากอยู่ด้วยแบบใกล้ชิดนี่คงจะอยู่เป็นส่วนหนึ่งของอ๊อกซิโตซิน  ฮอร์โมนแห่งความผูกพัน ด้วยสินะ??




 

Create Date : 17 พฤษภาคม 2555    
Last Update : 17 พฤษภาคม 2555 11:59:40 น.
Counter : 595 Pageviews.  

อังกฤษติด 1 ใน 4 ใช้ทวิตเตอร์มากสุดในโลก

อังกฤษติด 1 ใน 4 ใช้ทวิตเตอร์มากสุดในโลก

เมืองผู้ดี ติด 1 ใน 4 ชาติ นิยมใช้ทวิตเตอร์สูงที่สุดในโลก ที่มีผู้ใช้รวมกว่า 140 ล้านคน (ไอเอ็นเอ็น)

โฆษกกลุ่มทวิตเตอร์ของอังกฤษ รายงานว่า ขณะนี้มีผู้โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ทั่วโลกแล้วกว่า 140 ล้านคนโดยในจำนวนนี้เป็นผู้ที่ใช้ในอังกฤษมากกว่า 10 ล้านคน ซึ่งติด 1 ใน 4 ประเทศ ที่มีผู้นิยมใช้ทวิตเตอร์มากที่สุดในโลก รองจากสหรัฐอเมริกา, บราซิล และญี่ปุ่น

          แหล่งข่าวรายเดิม กล่าวอีกว่า สำหรับผู้ใช้ทวิตเตอร์โพสต์ข้อความต่างๆ นั้น กว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ใช้โทรศัพท์มือถือในการทวิตข้อความ ซึ่งที่ผ่านมาเห็นได้ว่าการเติบโตของโทรศัพท์มือถือมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก ส่วนที่เหลือเป็นการใช้งานผ่านคอมพิวเตอร์ และโน้ตบุ๊ก

สำหรับการใช้งานส่วนใหญ่ มากกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ จะทวิตข้อความผ่านระบบเน็ตเวิร์ค ส่วนที่เหลือจะเป็นพวกภาพและเนื้อหาอื่นๆ รวมทั้งวิดีโอจากยูทูป โดยมีเพียงเปอร์เซ็นต์เดียวเท่านั้น ที่จะโพสต์วิดีโอ


Beats by Dr. Dre Studio Purple Over Ear Headphone from Monster
Canon imageCLASS D1150 Laser Multifunction Copier
Canon EF 2.0X III Telephoto Extender for Canon Super Telephoto Lenses
Barnes & Noble NOOK Tablet 16gb
ASUS A53E-AS31 15.6-Inch Laptop
Boss BV9555 7-Inch Double-DIN Motorized In-Dash Widescreen Touchscreen TFT Monitor/DVD/MP3/CD Combo Receiver
Netgear XAVB5101 Powerline Nano500 Set
Coby TFDVD3295 32-Inch 720p Widescreen LCD HDTV/Monitor
Sony Cyber-shot DSC-HX30V 18.2 MP Exmor R CMOS Digital Camera
Motorola Droid X for Verizon Phone - No Contract Required
ASUS LGA 1155 - Z68 - PCIe 3.0 and UEFI BIOS Intel Z68 ATX DDR3 2200 LGA 1155 Motherboards P8Z68-V/GEN3
Celestron Accessory Kit
New Sony Xperia S Lt 26i 32gb 4.3" 1.5 ghz 12 mp Black Android 2.3 Factory Unlocked Black
Escort Solo S3 Cordless Radar Detector
Motorola XT-910 DROID RAZR Unlocked GSM Smartphone
Bushnell 8MP Trophy Cam Night Vision Trail Camera
Garmin Forerunner 110 GPS-Enabled Sport Watch
AAXA M2 Pico/Micro Projector
Sigma 30mm f/1.4 EX DC HSM Lens for Canon Digital SLR Cameras
Samsung Series 5 NP530U4B-A01US 14-Inch Ultrabook




 

Create Date : 17 พฤษภาคม 2555    
Last Update : 17 พฤษภาคม 2555 11:58:45 น.
Counter : 417 Pageviews.  

ฮ้าว!! นอนเต็มอิ่ม แต่ทำไมยังง่วงล่ะ ?

.......




ในยุคที่ต้อง ใช้กำลังกายและกำลังสมองทำงานอย่างหนักในระหว่างวัน จนเหนื่อยล้าอ่อนแรงไปตามๆ กันพอตกกลางคืนก็อยากจะรีบเข้านอนเพื่อจะได้พักผ่อนออมแรงไว้เผื่อวันรุ่ง ขึ้นจะได้ตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่นแจ่มใส แต่ที่ไหนได้ ขณะที่นั่งทำงานอยู่ดีๆ แต่เอ๊ะ! ทำไมจึงหาวออกมาเสียงฟอดใหญ่ แล้วรู้สึกเพลียมาก เห้นอะไรต่อมิอะไรที่อยู่ตรงหน้ากลายเป็นหมอนใบนุ่มน่าหนุนไปเสียอย่างนั้น ทั้งๆ ที่เมื่อคืนก็รีบเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ เพราะอยากมีสุขภาพดีเหมือนคนอื่นๆ ดูบ้าง ตื่นเช้ามาก็ไม่ค่อยจะสดชื่น แถมรู้สึกง่วงมากกว่าเดิมเสียอีก มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ถ้าอย่างนั้น เรามาหาคำตอบกันดีกว่าค่ะ


อย่าลืมนะคะว่าจิตใจที่แจ่สมใสอยู่ในร่าง กายที่สมบูรณ์การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอนั้นมีความสำคัญต่อสุขภาพของเรา เป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากในขณะที่เรานอนหลับนั้น ระบบต่างๆ ของร่างกายก็จะพักตามไปด้วย การหายใจจะช้าลงอย่างสม่ำเสมอ มีการหลั่งฮอร์โมนช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ แต่ในทางกลับกันหากนอนไม่พอ ร่างกายก็จะอ่อนเพลีย ไม่มีแรง เกิดอาการเวียน ศรีษะ คิดไม่ออก เสี่ยงต่อโรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคอ้วน จากการศึกษาพบว่า การนอนที่เพียงพอทำให้คุณรับประทานอาหารลดลง ลดความอยากรับประทานลงอีกด้วย แต่ในขณะเดียวกันการนอนหลับที่ไม่มีคุณภาพก็อาจจะทำให้รู้สึกเหมือนไม่ได้ พักผ่อน และก็ทำให้อยากอาหารมากกว่าปกติ ซึ่งอาจเกิดจากหลากหลายสาเหตุ เช่น


1. มีเรื่องไม่สบายใจ เครียดกังวลจนทำให้สมองรู้สึกเครียดอยู่ตลอดเวลาโดยไม่รู้ตัว

2. เกิดลมในช่องท้องมากเกินไป ทำให้การไหลเวียนเลือดต่ำ และรวมถึงมีอาการท้องผูก ทำให้รู้สึกอึดอัดไม่สบายตัว

3. ภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ (Sleep apnea) เป็นภาวะความผิดปกติอย่างหนึ่งของการหายใจที่เกิดขึ้นในระหว่างการนอนหลับมี อันตราย และทำให้เกิดความผิดปกดติอื่นจน ถึงเสียชีวิตได้ พบภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับได้บ่อยครั้งในคนอ้วน เพศชาย ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยที่มีโรคความดันเลือดสูงจะทำให้สะดุ้งตื่นขึ้นมาบ่อย ในระหว่างนอนหลับ รู้ตัวบ้าง ไม่รู้ตัวบ้าง เพื่อหายใจ ทำให้เรารู้สึกเหมือนไม่ได้นอน

4. ภายในห้องอาจจะมีเสียงรบกวนอยู่ตลอดเวลาโดยที่เราไม่รู้ตัว เช่น เสียงหยดน้ำ เสียงเครื่องปั๊มน้ำ เสียงแอร์ที่ดังเกินไป เสียงพัดลม เสียงเข็มนาฬิกาเดิน เป็นต้น เสียงเหล่านี้อาจจะแทนกเข้าไปในความรู้สึกและคลื่นสมองของเราระหว่างนอนได้ ทำให้รบกวนการนอน และนอนไม่เต็มอิ่ม


มานอนหลับพักกายใจอย่างมีคุณภาพกันเถอะ

- บุหรี่ สุรา ชา กาแฟ เครื่องดื่มคาเฟอีนต่างๆ งดและลืมไปได้เลย อย่างน้อยๆ ก็ 6 ชั่วโมงก่อนเข้านอน เนื่องจากเครื่องดื่มเหล่านี้กระตุ้นสมองและทำให้ปัสสาวะบ่อย จนรบกวนการนอนได้ แถมไม่ดีต่อสุขภาพอีกต่างหาก

- เข้านอน และตื่นนอนให้ตรงเวลาทุกวันจนเคยชิน แรกๆ ก็อาจจะไม่คุ้นเคย แต่รับรองว่าเมื่อบ่อยครั้งเข้าจะชินไปเอง

- จัดระเบียบการใช้ชีวิตให้ดีๆ สะสางปัญหาการงานที่คั่งค้าง และวิธีการแก้ไข เพื่อความสบายใจ และนอนหลับง่าย

- ออกกำลังกายก่อนหน้าที่จะเข้านอนอย่างน้อย 2 - 3 ชั่วโมง จะช่วยให้นอนหลับสนิทมากขึ้น

- จัดห้องนอนให้สะอาด น่านอนไม่มีแสงรบกวน หมั่นทำความสะอาดเครื่องนอนอยู่เสมอ เอาไปตากแดดจัดๆ ป้องกันไรฝุ่น หาหมองที่พอดีกับต้นคอ เพื่อช่วยให้นอนหลังสนิท ไม่ปวดต้นคอและหลังจะช่วยให้ผ่อนคลายมากขึ้น

- สวดมนต์ หรือนั่งพักผ่อนสบายๆ สักพักก่อนนอน เพื่อให้สมองคลายกังวลจากเรื่องเครียดๆ อาจจะฟังเพลงเพราะๆ สูดอากาศที่บริสุทธ์ หรือดมน้ำมันหอมระเหยกลิ่นที่ชอบ

- ดื่มน้ำอุ่น หรือนมอุ่นก่อนนอนจะช่วยในการนอนหลับ เพราะกรดอะมิโนทริปโตฟานทำให้ง่วงนอนได้ หลีกเลี่ยงการดูดหรือฟังเรื่องตื่นเต้น น่ากลัว เรพาะจะกระตุ้นให้เราไม่หลับ




 

Create Date : 16 พฤษภาคม 2555    
Last Update : 16 พฤษภาคม 2555 15:57:29 น.
Counter : 512 Pageviews.  

หมวกกันน็อคพับได้



ทุกวันนี้แม้ว่าหมวกกันน็อคสำหรับผู้ขับขี่จักรยานจะเบาและสวมใส่สบายขึ้นมาก แต่ขนาดของมันยังคงเท่าเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลง ทำให้ต้องใช้พื้นที่ในการเก็บมาก พกไปไหนต่อไหนก็ไม่สะดวก ทำให้หลายคนขี้เกียจใส่ทิ้งไว้ที่บ้านซะเลย ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายได้


ด้วยเหตุนี้ Patrick Jouffret นักออกแบบและ Philippe Arrouart วิศวกรจึงได้จับมือร่วมกันพัฒนาหมวกสำหรับขี่จักรยานที่สามารถพับเก็บได้ เพื่อเพิ่มความสะดวกเวลาที่ไม่ได้ใช้งาน


หมวกใบนี้มีชื่อว่า "overade" ใช้ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง มันมีระดับการป้องกันที่สูงกว่าหมวกกันน็อคแบบมาตรฐาน แถมยังสามารถพับย่อส่วนให้มีขนาดกะทัดรัดพอที่จะใส่ในกระเป๋าสะพายข้างหรือ เป้สะพายหลัง ให้ง่ายและสะดวกต่อการพกพาไปไหนต่อไหน เพื่อส่งเสริมและช่วยเพิ่มจำนวนนักปั่นจักรยานให้สวมเครื่องป้องกัน อุบัติเหตุให้มากขึ้น


หลายคนคงเกิดคำถามขึ้นมาในใจตอนที่เห็นหมวกใบนี้เป็นครั้งแรก ถ้ามันเกิดพับขึ้นมาบีบหัวเราตอนเกิดอุบัติเหตุล่ะ จะไม่อันตรายเพิ่มขึ้นเหรอ? ไม่ต้องห่วงค่ะเพราะหมวกใบนี้ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยที่ใช้ทุกแห่งทั่วโลก เวลาใช้งานมันก็จะมีตัวล็อคป้องกันด้วยไม่อย่างนั้นมันคงผลิตออกมาขายไม่ได้ หรอกค่ะ


Jouffret และ Arrouart ได้สร้างตัวต้นแบบของหมวกใบนี้เอาไว้ตั้งแต่ปี 2010 โดยมันจะเริ่มเข้าสู่กระบวนผลิตและออกวางจำหน่ายจริงภายในปีนี้ ส่วนเรื่องสนนราคายังไม่เป็นที่เปิดเผยค่ะ







 

Create Date : 16 พฤษภาคม 2555    
Last Update : 16 พฤษภาคม 2555 15:56:21 น.
Counter : 877 Pageviews.  

ตับอ่อนอักเสบ

.......

ตับอ่อน (pancreas) เป็นอวัยวะที่สำคัญของร่างกาย ลักษณะเป็นต่อมขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ทางด้านหลังของกระเพาะอาหาร ใกล้กับลำไส้เล็กส่วนดูโอดินัม ซึ่งเป็นลำไส้เล็กส่วนต้น ตับอ่อนทำหน้าที่สำคัญเกี่ยวข้องกับการผลิตเอนไซม์ไว้ย่อยอาหาร โดยหลั่งน้ำย่อยเข้าไปในลำไส้เล็ก ผ่านทางท่อตับอ่อน หรือที่เรียกว่า pancreatic duct 
หน้าที่สำคัญๆ ของตับอ่อน
1. สร้างน้ำย่อย :น้ำย่อยจัดเป็นเอ็นซัยม์ที่ย่อยสลายไขมัน โปรตีน และคาร์โบไฮเดรตในอาหาร โดยปกติน้ำย่อยที่สร้างจากตับอ่อนจะยังไม่ออกฤทธิ์ จนกระทั่งเมื่อถูกหลั่งเข้าสู่ลำไส้เล็กส่วนดูโอดินัม จึงจะเริ่มทำหน้าที่ย่อยสารอาหารไขมัน โปรตีน และคาร์โบไฮเดรต แต่เมื่อใดก็ตามที่เอ็นซัยม์ หรือน้ำย่อยเหล่านั้นออกฤทธิ์ภายในตับอ่อน หรือถูกกระตุ้นให้เข้าสู่ภาวะ active ก็จะเหมือนกับว่าน้ำย่อยที่สร้างมาจากตับอ่อน กำลังทำการย่อยเนื้อตับอ่อนเอง ทำให้เกิดพยาธิสภาพขึ้น ปรากฎอาการและอาการแสดงที่ชัดเจน
2. สร้างฮอร์โมน :ตับอ่อนทำหน้าที่ สร้างฮอร์โมนอินสุลิน (insulin) และกลูคากอน (glucagon) โดยเมื่อสังเคราะห์อินสุลินและกลูคากอนแล้ว ก็จะหลั่งเข้าไปในกระแสเลือดทันที ฮอร์โมนทั้งสองทำหน้าที่ควบคุมระดับน้ำตาลในกระแสเลือด
อาการและอาการแสดงของโรคตับอ่อน
ได้แก่ ปวดท้อง เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง ถ่ายอุจจาระเป็นมัน น้ำหนักตัวลด กล้ามเนื้อลีบลง ตาเหลือง เบาหวาน และร่างกายอ่อนแอลง ส่วนการสูญเสียของต่อมไร้ท่อจากตับอ่อน ให้ประเมินในส่วนของระบบต่อมไร้ท่อและเมตะบอลิสม โดยทั่วไปถ้าตับอ่อนทำงานไม่ปกติ จะเกิดเป็นโรคเบาหวาน หรือมีความผิดปกติของการย่อย ดูดซึมอาหาร ทำให้ผู้ป่วยมีอาการท้องเสีย อุจจาระมีกลิ่นเหม็น ขาว เบา ลอยน้ำ หรืออุจจาระเป็นน้ำ และผู้ป่วยอาจมีอาการปวดท้อง น้ำหนักลด
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การตรวจอัลตราซาวด์
การตรวจทางรังสีวิทยา ได้แก่ ภาพรังสีช่องท้อง เอ็กซ์เรย์คอมพิวเตอร์ และการส่องกล้องตรวจภายในช่องท้อง
การเจาะดูดเนื้อตับอ่อนด้วยเข็มขนาดเล็ก
การวัดระดับน้ำตาลในเลือด
การวัดระดับเอ็นซัยม์ของตับอ่อนในเลือด ปัสสาวะ และอุจจาระ
การวัดอีเล็กโตรไลท์จากเหงื่อ
การประเมินการสูญเสียสมรรถภาพของตับอ่อน
ระดับที่ 1 - สูญเสียสมรรถภาพร้อยละ 0-9 ของทั้งร่างกาย ผู้ป่วยมีอาการและอาการแสดงของโรคตับอ่อน หรือมีการสูญเสีย หรือผิดปกติทางกายวิภาค ส่วนใหญ่ไม่ต้องการการรักษาอย่างต่อเนื่อง และมีน้ำหนักตัวอยู่ในค่าเฉลี่ยของคนปกติ โรคที่เป็นได้รับการรักษาอย่างถูกต้องแล้ว ไม่พบการสูญเสียหน้าที่การทำงานของตับอ่อน แม้จะมีอาการบ้างเป็นครั้งคราว ผู้ป่วยสามารถดำรงชีวิตประจำวันได้เป็นปกติ
ระดับที่ 2 - สูญเสียสมรรถภาพร้อยละ 10-24 ของทั้งร่างกาย ผู้ป่วยมีอาการและอาการแสดงของโรคตับอ่อน หรือมีการสูญเสีย หรือผิดปกติทางกายวิภาค โดยต้องจำกัดอาหารและต้องใช้ยาเพื่อควบคุมอาการและอาการแสดง หรือรักษาภาวะทุโภชนาการ น้ำหนักตัวลดต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของคนปกติไม่เกินร้อยละ 10 การดำรงชีวิตประจำวันมีผลกระทบไม่มากนัก
ระดับที่ 3 - สูญเสียสมรรถภาพร้อยละ 25-49 ของทั้งร่างกาย ผู้ป่วยมีอาการและอาการแสดงของโรคตับอ่อน หรือมีการสูญเสีย หรือผิดปกติทางกายวิภาค ต้องจำกัดอาหารและต้องใช้ยาที่ถูกต้อง แต่ก็ยังไม่สามารถควบคุมอาการและอาการแสดงและรักษาภาวะทุโภชนาการได้เต็มที่ หรือน้ำหนักตัวลดต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของคนปกติร้อยละ 10-20 จากโรคตับอ่อน ร่วมกับการสูญเสียจากการเกิดเบาหวาน
ระดับที่ 4 - สูญเสียสมรรถภาพร้อยละ 50-75 ของทั้งร่างกาย ผู้ป่วยมีอาการและอาการแสดงของโรคตับอ่อนอย่างชัดเจน หรือมีการสูญเสีย หรือเปลี่ยนแปลง ทางกายวิภาคของตับอ่อน ไม่สามารถควบคุมอาการต่างๆได้ด้วยการรักษาอย่างเต็มที่แล้ว หรือน้ำหนักลดต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของคนปกติมากกว่าร้อยละ 20 ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะผิดปกติของตับอ่อนอย่างชัดเจน ความสามารถในการดำรงชีวิตประจำวันของผู้ป่วยรายนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากสูญเสียตับอ่อนไปทั้งหมดและความพิการที่เกิดขึ้นก็ทุเลาได้เพียงบางส่วน จากการให้การรักษาอย่างเต็มที่แล้ว
ตับอ่อนอักเสบ
โรคตับอ่อนอักเสบ เป็นโรคที่พบได้ไม่บ่อยนัก แต่ในรายที่เป็นรุนแรง ถือเป็นภาวะที่ร้ายแรงและมีอัตราตายค่อนข้างสูง พบได้บ่อยในคนที่ดื่มเหล้าจัด โรคตับอ่อนอักเสบ แบ่งออกเป็นสองชนิด คือ ชนิดเฉียบพลัน และชนิดเรื้อรัง ชนิดเฉียบพลันเกิดขึ้นทันทีทันใด ส่วนใหญ่อาการจะเป็นอยู่ไม่นาน และมักจะทุเลาดีขึ้นได้เอง บางรายอาจพบว่าอาการรุนแรงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเกิดโรคแทรกซ้อน ส่วนโรคตับอ่อนอักเสบชนิดเรื้อรังนั้นอาการจะไม่หายขาด เป็นเพราะสาเหตุสำคัญเนื่องจากเกิดการทำลายเนื้อตับอ่อนอย่างต่อเนื่อง
สาเหตุของการอักเสบ
เป็นผลมาจากการรั่วของน้ำย่อยของตับอ่อนเองออกมาที่เนื้อเยื่อบางส่วนของตับอ่อน แต่ด้วยสาเหตุใดยังไม่ทราบแน่ชัด โรคนี้มักพบในผู้ป่วยที่เป็นนิ่วในถุงน้ำดี และในคนที่ดื่มสุราจัด ส่วนน้อยอาจเป็นโรคแทรกของคางทูม หรือเกิดร่วมกับโรคต่อมพาราไทรอยด์ทำงานน้อย การได้รับบาดเจ็บที่ช่องท้อง การใช้ยาบางชนิด เช่น สเตียรอยด์ ยาขับปัสสาวะประเภทไทอาไซด์ บางครั้งไม่พบสาเหตุที่แน่ชัด
โรคตับอ่อนอักเสบชนิดเฉียบพลัน
โรคตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน เรียกว่า acute pancreatitis ส่วนใหญ่เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ หรือจากนิ่วในระบบทางเดินน้ำดี ผู้ป่วยโรคตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน จะมีอาการภายหลังอาหารมื้อหนักๆ โดยผู้ป่วยจะมีอาการปวดท้องขึ้นมาอย่างรุนแรง และทันทีทันใด อาการปวดท้องตอนแรกจะเป็นที่ลิ้นปี่หรือชายโครงขวา ปวดมาก ร่วมกับอาการอาเจียน คลื่นไส้ อาการปวดอาจร้าวไปหลัง และต่อมาอาการปวดอาจลามไปทั่วท้อง ผู้ป่วยอาจมีไข้ด้วย
อาการปวดท้องจะไม่ค่อยเหมือนอาการปวดของแผลเป็บติก ซึ่งจะปวดแบบรำคาญ มากกว่ารุนแรง ไม่นานเท่า ไม่มีไข้ ไม่ค่อยอาเจียน ผู้ป่วยที่เป็นโรคนิ่วในระบบทางเดินน้ำดี แต่ไม่เป็นถึงโรคตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน จะมีอาการปวดท้องที่รุนแรงเหมือนกัน แต่อาจปวด 3 ชั่วโมงแล้วดีขึ้น แล้วปวดใหม่ ส่วนโรคตับอ่อนอักเสบจะปวดตลอดเวลาจนหายซึ่งอาจใช้เวลา 3-7 วัน แล้วแต่เป็นมากน้อย และอาการปวดอาจลามไปหลังได้ ผู้ป่วยโรคตับอ่อนอักเสบเฉียบพลันอาจสบายขึ้น ถ้าผู้ป่วยนั่งบนเตียงแทนที่จะนอนราบ
อาการปวดท้องรุนแรงตรงบริเวณใต้ลิ้นปี่ซึ่งมักจะเกิดขึ้นทันทีทันใด บางคนอาจมีประวัติดื่มเหล้าจัด หรือกินเลี้ยงมาก่อนสัก 12-24 ชั่วโมง และปวดตลอดเวลา มักปวดร้าวไปที่หลังเวลานอนหงายหรือเคลื่อนไหว มักทำให้ปวดมากขึ้น แต่จะรู้สึกสบายขึ้นเวลานั่งโก้งโค้ง ผู้ป่วยมักมีไข้ คลื่นไส้อาเจียน ในรายที่เป็นรุนแรง อาจมีอาการอ่อนเพลียมาก มีจ้ำเขียวขึ้นที่หน้าท้อง หรือรอบ ๆ สะดือ ภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำ มือเท้าเกร็ง และอาจมีภาวะช็อก กระสับกระส่าย เหงื่อออก ตัวเย็น
การวินิจฉัยโรค
การวินิจฉัยอาศัยลักษณะอาการดังกล่าว ร่วมกับผลการตรวจเลือด พบระดับของเอ็นซัยม์อะมัยเลส (amylase) และ ไลเปส (lipase) สูงกว่าปกติอย่างน้อยสามเท่า การตรวจเลือดช่วยวินิจฉัยได้เป็นอย่างมาก แต่ก็ยังต้องนึกถึงภาวะอื่นๆ ประกอบด้วยเสมอ นอกจากตรวจเลือดแล้ว การตรวจอัลตร้าซาวน์และเอ็กเรย์คอมพิวเตอร์ ก็ช่วยในการวินิจฉัยเพิ่มเติมเช่นกัน โดยผลอัลตร้าซาวน์อาจพบนิ่วในถุงน้ำดี ในขณะที่ผลการตรวจเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ อาจพบถุงน้ำเทียมภายในเนื้อตับอ่อน การเลือกส่งตรวจเพิ่มเติมขึ้นอยู่กับลักษณะอาการของผู้ป่วย และข้อบ่งชี้เป็นสำคัญ
แนวทางการรักษา
การรักษาขึ้นกับความรุนแรงของโรค โดยทั่วไปถ้าไม่เกิดภาวะไตล้อมเหลว หรือปอดล้มเหลว โรคนี้มักทุเลาหายได้เอง หลักสำคัญอยู่ที่รักษาสมดุลของร่างกาย ความดันโลหิต ปริมาณสารน้ำและเกลือแร่ในร่างกาย รวมทั้งป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ ส่วนใหญ่แพทย์จะรับไว้ในโรงพยาบาลเพื่อประเมินความรุนแรง ติดตามความเปลี่ยนแปลงของอาการ และทดแทนสารน้ำทางหลอดเลือดให้ทันท่วงที การรักษาขึ้นอยู่กับการอดอาหารทางปาก การใส่สายยางเข้าไปในกระเพาะอาหารเพื่อดูดน้ำย่อยกระเพาะอาหารออกมา เพื่อไม่ให้ผู้ป่วยรู้สึกโอ้กอ้าก การให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะโรคนี้ ตับอ่อนจะมีลักษณะคล้ายถูกไฟไหม้ จะมีซีรั่มเลือดออกจากตับอ่อนอย่างน้อย 2 ลิตรขึ้นไป และถ้าปวดมากอาจต้องให้ยาระงับอาการปวด
ในกรณีที่เกิดถุงน้ำเทียม (pseudocyst) แพทย์อาจพิจารณาผ่าตัดรักษา หากพบนิ่วในถุงน้ำดี ก็อาจต้องพิจารณาผ่าตัดเช่นกัน ส่วนจะผ่าตัดเมื่อใดขึ้นกับความรุนแรงของภาวะตับอ่อนอักเสบ ที่สำคัญที่สุด คือ ผู้ป่วยต้องงดเหล้าอย่างเด็ดขาด มิฉะนั้นอาการอักเสบจะกลับมากำเริบได้อีก ถ้าผู้ป่วยกลายเป็นตับอ่อนอักเสบเรื้อรัง มีอาการปวดท้องตรงใต้ลิ้นปี่ หรือชายโครงด้านซ้าย และปวดร้าวไปที่บั้นเอวด้านซ้าย เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน ท้องผูก มีลมในท้อง น้ำหนักลด อาจปวดอยู่นาน ไม่กี่ชั่วโมง หรือเป็นสัปดาห์ อาจทำให้กลายเป็นเบาหวานได้ ดังนั้นผู้ป่วยโรคนี้ ควรติดต่อรักษากับแพทย์ตามนัดอย่าได้ขาด หากกลายเป็นเรื้อรัง หรือมีเบาหวานแทรกซ้อนจะได้รักษาเสียแต่เนิ่นๆ
อาการแทรกซ้อน
อาจทำให้เกิดภาวะไตวาย ปอดบวมน้ำ ฝีของตับอ่อน ถุงน้ำในช่องท้อง ตับอ่อนอักเสบเรื้อรัง โรคเบาหวาน โรคตับอ่อนอักเสบทั้งสองชนิด สามารถก่อให้เกิดผลแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายได้ ในรายที่รุนแรงอาจพบปัญหาเลือดออก เนื้อตับอ่อนถูกทำลายเป็นจำนวนมาก และอาจเกิดภาวะติดเชื้อแทรกซ้อนได้ บางครั้งภายในเนื้อตับอ่อน เกิดมีน้ำและเนื้อที่ตายแล้วสะสมรวมตัวกันเป็นถุงน้ำเทียม (pseudocysts) ก่อให้เกิดความเสียหาย นอกจากนี้พบว่า เอ็นซัยม์ น้ำย่อย สารพิษ บางส่วนที่เข้าสู่กระแสเลือด ยังก่อให้เกิดอันตรายแก่อวัยวะสำคัญ หัวใจ ปอด ไต และอวัยวะอื่นๆ ได้เช่นกัน
ที่น่าสนใจอีกประการหนึ่ง บางคนเกิดภาวะตับอ่อนอักเสบได้หลายครั้ง แต่ละครั้งเวลาหายจะหายสนิท แต่ในรายที่รุนแรง พบภาวะแทรกซ้อนได้เช่นกัน โดยเฉลี่ยผู้ป่วยหนึ่งในห้าราย




 

Create Date : 15 พฤษภาคม 2555    
Last Update : 15 พฤษภาคม 2555 15:58:28 น.
Counter : 437 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  

ponsawang1
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




DDDDDDDDD .......
Friends' blogs
[Add ponsawang1's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.