รักแห่งสยาม, Eternal Summer และ A Home at the End of the World ต่างได้รับการกาหัวจากนักดูหนังว่าเป็นหนังเกย์ และหลายๆคนพลาดสิ่งที่หนังต้องการนำเสนอ ก็เพราะไอ้คำว่าหนังเกย์นี่แหละ แต่ถ้าลองมาวิเคราะห์ตัวละครอย่างโต้ง เชน และบ็อบบี้ แรงขับเคลื่อนของทั้ง 3 คนนี้ หาใช่เกิดจากการขับเคลื่อนทางเพศ การปลดเปลื้องอารมณ์ ความปรารถนา หรือแม้แต่ความโหยหา แต่เป็นความผูกพัน และการต่อติดทางอารมณ์ และความรักที่มีต่อผู้ชายอีกคนหนึ่งที่บังเอิญเป็นเกย์เท่านั้น ตัวละครทั้งสาม มีโอกาสที่จะเป็นเกย์ หรือไม่เป็นเกย์ก็ได้ (แม้แต่เชน ที่ดูจะก้าวไปข้างหน้ามากที่สุดในความสัมพันธ์นี้ แต่ให้ตายซิ ผมมองไม่เห็นว่ามันจะเป็น sex มากไปกว่าการที่พยายามทลายกำแพงของอีกฝ่ายเลย) นั่นทำให้หนังทั้ง 3 เรื่องก้าวไปไกลกว่าคำว่าหนังเกย์ไปมาก เนื้อแท้ที่หนังทั้งสามมีจุดร่วมกัน คือการพูดถึงความรักที่ไม่จำเป็นต้องมีอัตลักษณ์ทางเพศเข้ามาเกี่ยวข้อง และจะว่าไป นี่อาจเป็นความรักที่ยิ่งใหญ่มากที่สุด เท่าที่โลกนี้เคยให้นิยามของความรักมาเลยก็เป็นไปได้
ได้ดูมาสองเรื่องส่วน A Home at the End of the World
ไม่ได้ดูครับ
ทำให้อยากดูมาตะหงิดๆ
ขอบคุณครับ
วิจารณืได้แจ่มจริงๆ