Group Blog
 
All Blogs
 
สยาม ฤดูร้อนยาวนาน และบ้านปลายฟ้า






ความสุขที่หยุดลง

ในวันที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานและทุกอย่างรอบตัวคือความสุข โลกของโต้งได้หยุดนิ่งอยู่กับที่เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม กับเหตุการณ์ที่ดูเหมือนจะธรรมดาๆในตอนแรก แต่กลับกลายเป็นเหตุการณ์จริงจังที่ส่งผลกระทบต่อครอบครัวของโต้ง ดึงเอาชีวิตชีวา และความศรัทธาไปจนสิ้น ซึ่งเด็กตัวเล็กๆอย่างโต้งไม่อาจต้านทานอะไรได้ เพราะแม้แต่เรื่องส่วนตัวของโต้งแท้ๆ อย่างการคบกับเพื่อนสักคนอย่างมิว ก็ยังโดนผลกระทบให้ต้องแยกจากกัน

ห้องเรียนนั้น และเพื่อนที่ดีที่สุด

ในสายตาของครูและเพื่อนร่วมชั้น เชนเป็นแค่เด็กเหลือขอที่ไม่มีใครยอมคบหาสมาคมด้วย จนวันหนึ่งเมื่อโจนาธานอาสาให้เชนเข้ามาในกลุ่ม ร่วมแบ่งปัน พูดคุยและหยิบยื่นความสัมพันธ์ให้ เชนจึงไม่รีรอที่จะประกาศว่าโจนาธานคือเพื่อนที่ดีที่สุดของเขา แม้เชนจะรู้ดีมาตลอดว่านั่นคืองานมอบหมายที่ครูมอบให้โจนาธานเป็นเพื่อนกับเขา แต่เขาก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเพื่อที่จะถนอมมิตรภาพนี้ไว้ แต่สิ่งที่เชนอาจไม่รู้จริงๆคือโจนาธานไม่เคยปฏิเสธ หรืออึดอัดกับภาระกิจนี้เลย แม้ว่าจะต้องสูญเสียอะไรบ้างก็ตาม

ความสูญเสียจนไม่เหลืออะไรให้เสียอีกต่อไป

ตั้งแต่จำความได้ บ็อบบี้เป็นผู้สูญเสียคนที่เขารักมาโดยตลอด โดยเฉพาะพี่ชายที่สูญเสียไปต่อหน้าต่อตา จนเมื่อเขาได้พบกับโจนาธาน ความอบอุ่นที่ได้รับ การได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว ทำให้เขาคงทำใจไม่ได้อีกที่จะต้องสูญเสียมันไปอีกครั้งแล้วครั้งเล่า สิ่งที่เขาทำคือการเปลี่ยนแปลงจากเด็กแสบคนหนึ่ง มาตอบสนองความต้องการและความรักของผู้คนรอบข้างแล้วแต่ว่าเขาอยากจะให้เป็นอะไร บ็อบบี้คิดแค่ว่า อย่างน้อย นั่นก็คือหลักประกันที่จะไม่ทำให้เขาสูญเสียอะไรไปอีกแล้ว

บทเพลงแห่งสยาม และความสัมพันธ์ที่กลับคืน

ตั้งแต่พี่สาวจากไป โต้งไม่เคยได้เลือกที่จะใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง นอกจากการทำตามความคาดหวัง และแบกรับความรู้สึกอันหนักอึ้ง จนเมื่อได้เจอมิวอีกครั้งหนึ่ง ทำให้ความสัมพันธ์ที่กดปุ่มหยุดเอาไว้ ฟื้นกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว ในขณะที่เหมือนคนตายด้านกับคนรอบข้าง แต่มิวกลับนำชีวิตชีวามาสู่โต้ง อาจเพราะความเข้าอกเข้าใจ ความเหงา ความผูกพัน และเรื่องราวที่ยังสานต่อไม่จบ แต่ครั้งนี้ทั้งมิวและโต้งไม่ใช่เด็กที่มองทุกสิ่งรอบตัวคือความสุขอีกต่อไป สำหรับมิว โต้งคือแรงบันดาลใจให้เขาสามารถสื่อความรู้สึกถึงกันผ่านบทเพลงรัก ซึ่งมาทดแทนอารมณ์เหงา ว้าเหว่ และสำหรับโต้ง มิวคือรอยต่อของความสุขในวัยเยาว์ การได้เป็นหลักให้ใครสักคน และการได้รับความรู้สึกดีๆที่ส่งออกมาให้ แม้คนรอบข้าง และความรู้สึกบางส่วนจะยังรบกวนโต้งให้คิดว่าเขาเป็นอะไรกันแน่ แต่ความรู้สึกที่เขามีให้มิวก็เป็นอะไรที่เขาปฏิเสธไม่ได้


ในความลับมีความลับ

ความเหินห่างที่โจนาธานมีต่อเชน เป็นอะไรที่เชนไม่เข้าใจ แต่ความรู้สึกบอกเขาว่าความผิดปกติบางอย่างกำลังก่อตัวขึ้น สิ่งที่เชนรู้สึกไม่ผิด แต่ไม่ใช่เพราะโจนาธานอยากเหินห่างกับเขา หากเป็นเพราะความปรารถนาดีที่อยากให้เชนมีชีวิตที่เป็นของตัวเอง ไม่ต้องมายึดเหนี่ยวกับเขาอีกต่อไปผสมกับความรู้สึกว่าตัวเองเป็นตัวขัดขวางการดำเนินชีวิตของเชน ทำให้เขาต้องยอมตัดให้ขาดแม้จะฝืนความรู้สึก และยังสับสนว่านั่นคือสิ่งที่เขาต้องการจริงหรือ โจนาธานตัดสินใจบอกความลับกับเชนเพื่อเป็นข้ออ้างในการตัดความสัมพันธ์ แต่ความลับนั้นก็ยังไม่ได้ถูกบอกจนหมด โดยเฉพาะความรู้สึกที่แท้จริงที่เขามีต่อเชน แต่กับเชนซึ่งมีความลับบางอย่างซ่อนไว้เช่นกันไม่สามารถรับความเหินห่างจากเพื่อนที่ดีที่สุดคนนี้ได้ จึงยอมทำทุกอย่างเพื่อรักษาความสัมพันธ์นี้ให้นานที่สุด โดยเริ่มจากการเลิกปฏิเสธว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองเป็นแค่เพื่อนสนิทกัน แต่มันเป็นอะไรที่มากและลึกซึ้งไปกว่านั้น และเขาพร้อมที่จะถลำลึกลงไปยิ่งกว่า

ส่วนหนึ่งของชีวิต

ในขณะที่โจนาธานค้นพบ และซื่อสัตย์ต่อตัวเอง บ็อบบี้กลับเป็นฝ่ายที่สูญเสียตัวตน เมื่อเขาต้องพยายามทำตัวเพื่อเป็นที่รักของทุกๆคน แลกกับหลักประกันว่าเขาจะไม่ต้องพบกับความสูญเสียอีก ในขณะที่โจนาธานสร้างระยะห่างของความสัมพันธ์นี้ไว้ เพราะเขารู้ดีว่าบ็อบบี้ต้องมีวิถีชีวิตของตัวเอง แต่บ็อบบี้กลับเป็นฝ่ายที่พยายามเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตโจนาธาน สิ่งที่บ็อบบี้คาดไม่ถึง คือการทำตัวเป็นที่รักของทุกคนและการรวมทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน กลับต้องแลกด้วยการทำร้ายความรู้สึกของคนรอบข้าง โดยเฉพาะกับคนที่ได้ชื่อว่าครอบครัว เมื่อความห่วงใยและใส่ใจที่บ็อบบี้มีให้เพื่อนอย่างโจนาธานมันมากเสียจนคนที่ได้ชื่อว่าครอบครัวไม่อาจเข้าใจ

ทางเลือกของพวกเขา

โต้ง เชน และบ็อบบี้ ต่างเป็นคนที่ต้องเป็นฝ่ายเลือก ระหว่างการทำตามหัวใจตัวเอง กับความรับผิดชอบต่อความคาดหวังของคนข้างๆ ครอบครัว และสังคม ผู้ชายทั้งสามเลือกทางเดินที่แตกต่างกัน แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเขาทั้งสามเหมือนกัน คือพวกเขาไม่ได้คิดว่าความสัมพันธ์นี้เป็นสิ่งผิดแต่อย่างใด พวกเขาไม่ปฏิเสธว่าพวกเขาได้ค้นพบตัวเอง ได้เป็นคนที่รัก และเป็นคนที่ถูกรัก พวกเขาได้มีโอกาสผูกพัน ห่วงใย และรู้สึกดีต่อกันที่เขาเรียกมันว่าความรักโดยเฉพาะอย่างยิ่งความรักนั้นมันมากเกินกว่าที่ผู้คนทั่วไปจะเข้าใจได้ ความรักที่ทำให้พวกเขากล้าที่จะก้าวข้ามกฏเกณฑ์ที่ถูกกำหนด และตั้งมาตรฐานโดยสังคม

อี๋ หนังเกย์

รักแห่งสยาม, Eternal Summer และ A Home at the End of the World ต่างได้รับการกาหัวจากนักดูหนังว่าเป็นหนังเกย์ และหลายๆคนพลาดสิ่งที่หนังต้องการนำเสนอ ก็เพราะไอ้คำว่าหนังเกย์นี่แหละ แต่ถ้าลองมาวิเคราะห์ตัวละครอย่างโต้ง เชน และบ็อบบี้ แรงขับเคลื่อนของทั้ง 3 คนนี้ หาใช่เกิดจากการขับเคลื่อนทางเพศ การปลดเปลื้องอารมณ์ ความปรารถนา หรือแม้แต่ความโหยหา แต่เป็นความผูกพัน และการต่อติดทางอารมณ์ และความรักที่มีต่อผู้ชายอีกคนหนึ่งที่บังเอิญเป็นเกย์เท่านั้น ตัวละครทั้งสาม มีโอกาสที่จะเป็นเกย์ หรือไม่เป็นเกย์ก็ได้ (แม้แต่เชน ที่ดูจะก้าวไปข้างหน้ามากที่สุดในความสัมพันธ์นี้ แต่ให้ตายซิ ผมมองไม่เห็นว่ามันจะเป็น sex มากไปกว่าการที่พยายามทลายกำแพงของอีกฝ่ายเลย) นั่นทำให้หนังทั้ง 3 เรื่องก้าวไปไกลกว่าคำว่าหนังเกย์ไปมาก เนื้อแท้ที่หนังทั้งสามมีจุดร่วมกัน คือการพูดถึงความรักที่ไม่จำเป็นต้องมีอัตลักษณ์ทางเพศเข้ามาเกี่ยวข้อง และจะว่าไป นี่อาจเป็นความรักที่ยิ่งใหญ่มากที่สุด เท่าที่โลกนี้เคยให้นิยามของความรักมาเลยก็เป็นไปได้




Create Date : 20 ธันวาคม 2550
Last Update : 20 ธันวาคม 2550 0:27:06 น. 2 comments
Counter : 672 Pageviews.

 
เยี่ยมเลยครับ
ได้ดูมาสองเรื่องส่วน A Home at the End of the World
ไม่ได้ดูครับ
ทำให้อยากดูมาตะหงิดๆ

ขอบคุณครับ
วิจารณืได้แจ่มจริงๆ


โดย: love@here IP: 202.28.27.3 วันที่: 21 ธันวาคม 2550 เวลา:10:57:38 น.  

 
ขอบคุณ love@here ที่เข้ามาคอมเมนท์ครับ

ความจริงส่วนตัวไม่ค่อยชอบ A Home สักเท่าไร เหตุผลคือไม่ชอบคอลิน ฟาเรลในเรื่องนี้เลย เหมือนกับแกพยายามทำตัวเป็นคนดีในหนัง แต่ไม่รู้สึกว่ามันดี และอ่อนไหวมาจากข้างใน และรอยต่อช่วงเด็กไปโตนี่ ก็ดูไม่กลมกล่อมเท่าไร (เพราะทรงผมตลกเป็นสาเหตุหลัก) แต่เนื้อหาที่หนังพูดถึงยอมรับว่าดีมากๆ (จนน่าจะเปลี่ยนพระเอก)

ที่เอาหนัง 3 เรื่องนี้มาเทียบกัน เพราะมันเหมือนกันมากๆ ตั้งแต่เริ่มจากมิตรภาพวัยเด็ก จนโตมา คนหนึ่งเหมือนจะรู้และเข้าใจว่าตัวเองเป็นอะไร ส่วนอีกคนยังสับสน และความสัมพันธ์ที่เกิดกับผู้ชายแค่คนนี้คนเดียว และเกิดจากความผูกพัน การใส่ใจ การแคร์ การเข้าใจ การมองเห็นตัวตน อะไรพวกนี้มากกว่าอารมณ์ทางเพศ จากนั้นก็มีตัวแปรเข้ามา ซึ่งมักเป็นอะไรที่อยู่ในกฏเกณฑ์สังคม (ครอบครัว แฟนสาว) จากนั้นก็ลงท้ายด้วยการเลือกว่าจะไปทางไหน ถึงแม้ว่ารายละเอียดของทั้ง 3 เรื่องจะต่างกันมากๆก็ตาม


โดย: wu IP: 202.28.117.235 วันที่: 27 ธันวาคม 2550 เวลา:9:37:41 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

I'm wu
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add I'm wu's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.