การทำงานแบบมืออาชีพ
หลายๆคนอาจจะคุ้นหูกับคำว่า "การทำงานแบบมืออาชีพ" มานาน แต่ไม่ค่อยได้สำเหนียกกับคำว่ามืออาชีพสักเท่าไหร่นัก บางคนชอบทำตัวเป็นนักวิชาการ เย่อหยิ่ง และถือตัว มีอัตตาสูง อย่างชนิดที่ว่า "กูรู้" ไปเสียหมด ชอบทำตัวเป็นแก้วที่มีน้ำอยู่เต็มปิ่ม ไม่ยอมเปิดรับสิ่งใหม่ๆ ยิ่งไปกว่านั้นชอบ "สำเร็จความใคร่ทางปัญญา" ซึ่งผลที่ออกมาคือมีแต่คนด่าลับหลัง ซึ่งสาเหตุหลักๆก็คือ คนเราส่วนใหญ่จะรู้แต่เพียง "Know what" คือรู้ว่าอะไรเป็นอะไร รู้ตามทฤษฎี แต่ ไม่รู้จัก "Know how" คือรู้ว่าจะทำอย่างไร สรุปก็คือ รู้ไปหมด แต่ ไม่รู้อยู่อย่างเดียวว่า ทำอย่างไรนี่คือปัญหาของบ้านเมืองไทยเรา ณ ขณะนี้ เรามีด็อกเตอร์เต็มบ้านเต็มเมือง แต่เมืองไทยก็ยังย่ำอยู่กับที่ ไม่เห็นจะเจริญรุ่งเรืองอย่างที่ฝันเอาไว้ซักที หลายวันก่อนขับรถผ่านแถวๆถนนวิภา มีรถคันหนึ่งขับแซงมา ข้างหลังเขาขียนสโลแกนว่า "คิดได้ พูดได้ แต่ทำไม่ได้" ลงท้าย พรรคชาติหน้าเออถ้าพรรคนี้ลงเลือกตั้งเมื่อไหร่ ผมจะเลือกเป็นคนแรกเลย อิอิ
บทกลอนตอนถ่าย
ชนะ อยู่ที่ "พวก"สะดวก อยู่ที่ "เงิน"เจริญ อยู่ที่ "งาน"ชำนาญ อยู่ที่ "ทำ"ระยำ อยู่ที่ "ปาก"พอดีเข้าห้องน้ำที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในตัวอำเภอเมือง แม่ฮ่องสอน ข้าพเจ้าเห็นว่ามันมีความหมายดี ก็เลยเก็บเอามาฝากครับ
ลาก่อน การเมือง
ในยามที่บ้านเมืองคับขัน ทุกคนต่างก็เครียดและให้ความสนใจเรื่องของการเมืองเป็นพิเศษ เพราะการเมืองนั้นเป็นตัวกำหนดทิศทางของประเทศ ว่าเราจะเดินไปในทางทิศใด แต่เมื่อสถานะการณ์เริ่มคลี่คลาย ปัญหามันก็เบาบางลง ก็คงต้องถึงเวลาที่ทุกคนจะต้องกลับไปทำมาหากินเหมือนดังเดิมพ่อก็กลับไปทำหน้าที่ของพ่อ แม่ก็กลับไปทำหน้าที่ของแม่ลูกก็กลับไปทำหน้าที่ของลูกเมื่อทุกคนต่างกลับไปทำหน้าที่ของกันและกัน ครอบครัวก็จะอบอุ่น สังคมก็จะไม่วุ่นวาย บ้านเมืองก็จะได้สงบสุข ส่วนเรื่องของการเมืองนั้นก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของนักการเมือง ที่จะเข้ามาดูแลผลประโยชน์ของประเทศชาติต่อไปในฐานะของประชาชนคนไทยคนหนึ่ง ข้าพเจ้าก็จะขอทำหน้าที่ของข้าพเจ้า คือจะเลือกคนดี มีฝีมือ มีความซื่อสัตย์สุจริต มีคุณธรรม เพื่อเป็นตัวแทนของข้าพเจ้าในการบริหารบ้านเมืองต่อไป และหวังว่าในอีกไม่นานนี้ คงจะได้มีการเลือกตั้งกันเสียที และในวันนั้นมาถึง ข้าพเจ้าก็จะขอไปใช้สิทธิ์ของข้าพเจ้าอย่างเต็มที่และสุดท้ายนี้ ข้าพเจ้าในฐานะนักวิชาการ ก็จะขอกลับไปทำหน้าที่ของนักวิชาการ อย่างดีที่สุดต่อไป "ลาก่อน การเมือง"
คนอะไร ตายยากจัง
ลอบฆ่า 3 หน แต่รอดมาได้ทุกครั้ง แปลก แต่ จริงหนแรก ลอบวางระเบิดเครื่องบินของการบินไทย เที่ยวบินกทม. - ชม. แต่รถติด ระเบิดรอไม่ไหว ระเบิดก่อน คนที่ตายกลับไม่ใช่ "ทักษิณ" หนสอง ลอบสังหารตอนจะไปเยือนพม่า แต่ผิดแผน รปภ. กลับมารับเคราะห์แทนหนสาม คาร์บอมคาร์บ๊อง บ๊องไม่บ๊อง คนที่ถูกจับบอกว่า ถ้าไม่สำเร็จจะมีการปฏิวัติแทน จนป่านนี้แล้วยังสรุปไม่ได้เลยว่าใครบวมใครบ๊องกันแน่ แต่ที่แน่ๆ "ทักษิณ" รอดไปได้อีกตามเคยล่าสุดอายัดทรัพย์ ทุกบาททุกสตางค์ เท่าที่จะตามกลิ่นเจอ แต่เอ ไหง "ทักษิณ" ดันแอบเอาเงินที่ไหนไปซื้อทีมเรือไบสีฟ้า แมนเซสเตอร์ซิตี้ สร้างความฮือฮาให้กับวงการฟุตบอลอังกฤษ อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน อิอิคนอะไรตายยากจังอย่างนี้หรือเปล่าที่เขาเรียก "คนดี ผีคุ้ม" แต่คนไม่คุ้ม คงเป็นคมช. ละมังครับ เพราะลงทุนลงแรงไปเยอะ แต่ไหนหว่า "ค่าเหนื่อย" ลูกน้องก็ต้องกินต้องใช้ นะครับเจ้านาย
ลาก่อน "คมช."
ด.ช.คอมอชอ ณ เผด็จการทรราชชาตะ 19 กันยายน 2549มรณะ 24 มิถุนายน 2550อายุ 9 เดือน 5 วันสดุดี "วีรกรรม"1. ทำหุ้นร่วง 100 กว่าจุด ภายในวันเดียว โดยถึงกับต้องปิดตลาดหลักทรัพย์เป็นการชั่วคราว (ทำลายสถิติสูงสุดนับตั้งแต่มีตลาดหลักทรัพย์เกิดขึ้นในประเทศไทย)2. ทำให้ประเทศไทยขาดทุน มากกว่า 100,000,000,000(หนึ่งแสนล้านบาทถ้วน) ในการแทรกแทรงค่าเงินบาท3. ทำจีดีพีของประเทศหายไปกว่าสองเปอร์เซนต์4. ทำเงินสำรอง(คงคลัง) หายไปเป็นจำนวนมาก จนนับไม่ถ้วน5. ทำให้เงินลงทุนจากต่างชาติหายไป (อันนี้ไม่สามารถประเมินค่าได้)6. ทำลายความน่าเชื่อถือของคนไทยต่อสายตาชาวโลกขอให้ไปสู่ที่ชอบที่ชอบเถิด เกิดชาติหน้าฉันท์ใด ขออย่าให้ได้พบได้เจอกันอีกเลย