แม้ว่าสายการผลิต 200 Series จะหยุดลงไปเมื่อปี 2529 แต่ทาง JR East ก็ยังใช้วิ่งมาเรื่อย ๆ จนถึงปัจจุับัน
จนถึงปี 2540 ทาง JR East เห็นว่าสภาพ 200 Series ดูจะเก่าเกินกระป๋องนมผุแล้ว เลยจับมาแต่งหน้าทาปากใหม่ ปรับตัวถัง เปลี่ยนอุปกรณ์บางตัว เปลี่ยนสี ไปเป็น 2 Tone ขาว-น้ำเงิน เหมือนกับขบวนรถสกุล E Series ตัวอื่นๆ ของ JR East แล้วเรียกว่า 200 Series รุ่นขัดใหม่ (Refurbishment) หรือ K Sets
รูปนี้เป็น 400 Series ชื่อขบวน สึบาสะ จุ๊บกับ E4 Series ชื่อขบวน แม็กซ์ ยามาบิโกะ
แล้ว 600 Series มันหายไปไหน??? ใครลักพาตัวไป!!!
600 Series หน้าตาแบบนี้.. แต่ไม่ได้ใช้ชื่อนี้ครับ
เจ้ายักษ์สีหวานเหมือนไอติมคันนี้ ใช้ชื่อว่า E1 Series Max
เริ่ม ผลิตมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2537 หลังจากที่ JR East เลิกผลิต 400 Series รุ่นหัวเครื่องบินขับไล่ มาได้ 2 ปี พร้อม ๆ กับที่ JR West กำลังซุ่มผลิต 500 Series รุ่นหนอนอวกาศ
สมัยแรกที่ยังเป็นแบบร่าง ใช้ชื่อว่า 600 Series
แต่หลังจากการแปรรูปเป็นเอกชนของ JNR เป็น JR เมื่อปี 2530 ทาง JR East ที่มีชินคันเซนอยู่ในมือมากสายที่สุด และไม่ได้พัฒนาตัวรถร่วมกับบริษัทอื่น เลยแอบเท่ห์
ขอเปลี่ยนชื่อรุ่นจาก 600 Series เป็น E1 Series ซ่ะ
คงอยากสร้างเอกลักษณ์ให้ต่างจากซีรีย์เลข 3 ตัว ของ JR อีก 3 บริษัท
คำว่า Max ย่อจากคำว่า Multi Amenity Express คือ ชินคันเซนที่ทำที่นั่ง 2 ชั้นทั้งขบวน
ก็จะเกิดช่องว่างระหว่างตัวรถ กับชานชลาแบบนี้ครับ.... เอามาเทียบกับ E2 ให้ดู ซึ่ง E2 จอดแล้วแนบกับชานชลาพอดี ไม่ต้องคอย Please mind the gap between train and platform... เหมือนที่ได้ยินบ่อย ๆ จากรถไฟฟ้าบ้านเรา