==== ก็แค่ผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่ง ที่อยากจะเป็นสามี และ เป็นพ่อให้ได้ดีกว่าที่เคยเป็นเมื่อวาน ====
Group Blog
 
All Blogs
 

CV กับ จดหมายสมัครงาน : เขียนกันยังไงให้เป็นสับปะรด

ที่มาที่ไปขอเรื่องนี้มาจาก FAQ# 5 ตอนแรกว่าจะไปเขียนไว้ที่นั้นแต่คิดไปคิดมา ไม่ค่อยเกี่ยวกับเรื่องการทำงานการสำรวจผลิตปิโตรฯเท่าไร เป็นเรื่องทั่วๆไปมากกว่า แต่จากที่ได้อ่าน ได้แก้ CV และใบปะหน้า จากเราๆท่านๆ และจากการทำงานอยู่เป็นระยะๆ ทำให้เกิดอาการคันไม้คันมือ อยากจะเอามาปะฉะดะรวมๆว่ากันทีเดียวไปเลย



ก่อนอื่นก็จะขอออกตัวก่อนว่าไม่ได้เป็นนักวิชาการด้าน HR หรือ ทำงานด้าน HR แต่เขียนจากประสบการณ์ตรงที่ได้จากการอ่าน CV อ่านใบสมัครงานมาเป็นร้อย ที่ผมจะแนะนำอาจจะไม่ถูกต้องตามหลักการเขียน CV หรือใบสมัครงานเท่าไรนัก แต่เอาเป็นว่าคุณกำลังอ่านมุมมองหนึ่งของคนที่จะรับคนเข้าทำงานก็แล้วกันนะครับ ผิดถูกอย่างไร ผมขอน้อมรับไว้แต่ผู้เดียว



มาเข้าเรื่องกันเลย

หน้าแรกสุดที่ผมเปิดแฟ้มที่เลขาฯใส่ใบสมัครงานพวกคุณๆมา แล้วเจอคือจดหมายสมัครงานที่ต่อไปนี้ผมจะเรียกว่าใบปะหน้า ส่วนซองนั้นผมไม่เคยได้เห็น เพราะเลขาฯผมแกะออกก่อนแล้ว ส่วนแสตมป์ก็ไม่ได้เห็นอีก เพราะแม่บ้านที่ที่ทำงานสะสมแสตมป์ แย่งกันกับน้องนักบัญชีของผม (ฮ่าๆ)

ย่อหน้าแรกมาเลย "My name is ..... and graduated from .... " อะไรมันจะปฐมก.กาจ๋าขนาดนั้น ประโยคนี้ไม่ต้อง เกะกะ เดี๋ยวผมก็เห็นชื่อคุณใน CV หน้าถัดไปอยู่แล้ว เนื้อหาหลักย่อหน้านี้ผมต้องการรู้แค่

1. คุณสมัครงานมาตำแหน่งอะไร
2. คุณเห็นประกาศรับสมัครงานเรา หรือ รู้ข่าวว่าตำแหน่งนี้ว่างจากที่ไหน เมื่อไร

เห็นป่ะ แค่นี้ 2-3 ประโยค อย่างมาก 3 บรรทัดจบ เช่นเห็นประกาศเราใน บางกอกโพสต์ FHM MAXIM นวลนาง แปะข้างเสาไฟฟ้าใต้สถานี BTS สะพานควาย หลังประตูห้องน้ำชายโรงหนังแถวรัชโยธิน หรือที่ไหนก็ว่ามา เห็นวันไหนด้วยก็ดี หรือ ไม่ได้เห็นจากไหนแต่รู้ว่าตำแหน่งนี้ว่าง ก็บอกไปว่าไม่ได้เห็นจากไหน แต่รู้มาว่าตำแหน่งนี้ว่าง หรือไม่รู้อะไรเลยก็ไม่ต้องนั่งเทียน ก็บอกไปว่าส่ง CV มาให้ดูเผื่ออนาคตคนของคุณโดนซื้อตัวผมจะได้เสียบ อะไรก็ว่าไป



แล้วศัพท์แสง ภาษา ไวยากรณ์ ก็ไม่ต้องวิจิตรพิศดาร แบบฝรั่งเองยังล้อเลียนเสียดสีว่า ภาษาอังกฤษแบบพระราชินี (Queen English) ประเภทประโยคเดียวล่อไปสามบรรทัดกว่าถึงจะเห็นจุด full stop อ่านเสร็จแล้วงงว่ามันจะบอกอะไรตูว่ะ ไหนประธาน ไหนกริยา ไหนกรรม ไม่ใช่สอบ entrance นะครับ ผมเองความรู้ภาษาอังกฤษยิ่งเตี้ยๆอยู่ ฉุนจัดพาลไม่อ่านต่อซะดื้อๆ Simple is the best ครับ เอาง่ายๆไว้ก่อน ไม่ต้องกลัวว่าผมจะไม่รู้ว่าคุณจบอักษรศาสตร์เอกวรรณคดีอังกฤษ



ย่อหน้าแรกผ่านไปแล้ว ต่อมาย่อหน้าที่สอง ...

ย่อหน้านี้คุณเปลื้องผ้าโฆษณาขายตัวเต็มที่ว่าคุณมีข้อดีเด่นอะไรบ้าง คุณเขียนได้ 2 วิธี คือพรรณาเป็นประโยค หรือ เป็น ข้อๆ ผมแนะนำแบบหลัง เพราะคุณเขียนก็ง่าย ผมอ่านก็ง่าย ไล่ไปจากจ๊าบเจ๋งและภูมิใจนำเสนอสุดๆ เอาสัก 5-6 ข้อใหญ่ๆก็พอ เอาที่มันเกี่ยวกับงานที่คุณจะสมัคร เช่น First class hon GPA 3.99 B. E eng 1997 อะไรก็ว่าไป หรือ The winner of 2008 young engineer inovation contest ไม่ก็ Improve sales of ... 50% over 1 year สำหรับงานด้านการตลาดอะไรแบบนี้ ไม่ก็ บอกว่าผมซี้ปึ๊กปั๊กรัฐมนตรีคนนั้นคนนี้ก็ว่าไป (ฮ่าๆ) ถ้าคิดว่า สวย หมวย เอ๊กซ์ เกี่ยวกับงานที่สมัครก็ใส่ลงไปในย่อหน้านี้เลยครับ



แล้วมันก็จะมีคนถามว่า ถ้าหนูไม่มีอะไรเด่นเลยล่ะ ย่อหน้านี้หนูจะเขียนอะไร ฮะฮ่า ถ้าหนูตรองดูแล้วว่าหนูไม่มีอะไรเด่นเลยจริงๆ ผมว่าหนูไม่ต้องสมัครงานแล้วล่ะครับ ข้อแรกขนาดคุณอยู่กับตัวคุณมา20+ปี คุณยังไม่รู้ แล้วผมหรือว่าที่นายจ้างจะไปรู้หรือ ถ้าคุณไม่มีจริงๆก็ไม่มีใครอยากจ้างหรอกครับ ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าตลาดแรงงานเราบ้านป็นตลาด(ค่อนข้าง)เสรี พูดง่ายๆคือใครอึ๋ม ใครขาว ใครเอ๊กซ์ เอ๊ยใครดีใครได้ ใครรู้และนำเสนอข้อดีตัวเองได้ชัดได้เจ๋งกว่า ได้งานไป ดังนั้นถ้าหนูไม่รู้ว่าหนูมีดีอย่างไร ผมว่าหนูอยู่บ้านขายเต้าฮวยดีกว่า ผมหมายถึงประกอบอาชีพอิสระแบบเป็นนายตัวเองดีกว่า ดีกว่าที่จะไปเป็นลูกน้องกินเงินเดือน



เอาล่ะ ฉันจะเป็นลูกจ้างให้ได้ ถ้าคิดได้อย่างนี้ แล้วก็ต้องเฟ้นต้องคั้นหาข้อดีออกมานำเสนอให้ได้ในย่อหน้าที่สองนี้ วิธีที่ง่ายที่สุดคือ กลับไปถามแม่ถามพ่อคนที่เลี้ยงเรามาว่า ท่านเห็นว่าเรามีข้อดีอะไรบ้าง เสร็จแล้วไปถามญาติพี่น้องเพื่อนฝูง เพราะคนไทยเราถูกสอนให้ถอมตนเจียมตัว ตัวเองอาจจะมองตัวเองไม่ออก ลองให้คนอื่นช่วยมอง แต่ถ้าถามมันไปทั่วรวมไปถึงหมูหมากาไก่รอบๆหมู่บ้านแล้วยังหาเค่นอะไรมาเขียนในย่อหน้านี้แค่สัก 3 ข้อไม่ได้แล้วล่ะก็ ผมว่าคุณเป็นคนที่ประหลาดทีเดียว ถ้าคุณเข้าข่ายนี้บอกผมด้วย เกิดมาผมยังไม่เคยเจอ จะเอาไปลงกินเนสน์บุ๊ค



เหนื่อยหรือยังครับ 2 ย่อหน้าแล้ว ต่อไปย่อหน้าที่ 3 ส่วนนี้ที่ผมเจอบ่อยคือพร่ำพรรณาว่าทำไมฉันถึงชอบบ.คุณ ทำไมถึงอยากทำตำแหน่งนี้ ตำแหน่งนี้สำคัญกับฉันอย่างไร จะช่วยให้ฉันบรรลุโสดาบรรณ ค้นพบจุดหมายของชีวิตฉันยังโง้นยั่งงี้ งานนี้จะเสริมสร้างศักยภาพฉันยังไง ... ฯลฯ ... อะไรก็ ฉัน ฉัน และ ก็ฉัน ... ผมอ่านไปผมก็ถามตัวเองว่า ตูจะรู้ไปทำไม ไอ้ที่ตูอยากรู้ ทำไมมันไม่บอกตู สิ่งที่ผมอยากรู้และผมคิดว่าว่าที่นายจ้างคุณอยากรู้เหมือนกัน คือว่า คุณจะมาบันดาลประโยชน์โภคผลอะไรให้บ. แผนก หน่วยงานของตู ถ้ารับเอ็งมาแล้ว หน่วยงานฉัน บ.ฉัน จะโชติช่วงชัชวาลบานตะไทไห้ปลาร้าเต็มทุกฤดู ... ครับ ย่อหน้านี้ต้องบอกว่า "คุณจะไปทำอะไรให้กับเขา" พูดเหมือนง่าย คุณต้องทำการบ้านพอควรที่จะเขียนย่อหน้านี้ได้ถูกใจเข้าตากรรมการ คุณต้องรู้ว่าตำแหน่งนี้นะ มันทำอะไร สำคัญอย่างไรกับบ. บ.เขาทำมาหารับทานกับอะไร มันขายอะไรกิน ใครเป็นลูกค้ามัน ปีที่แล้วยอดขายมันดีหรือไม่ดี ฯลฯ สมัยก่อนอาจจะร้องโอย เพราะมันหาข้อมูลยาก สมัยนี้เหรอ บ.ใหญ่ๆ โดยเฉพาะพวกอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ข้อมูลเพียบ เว็บบอร์ดก็มี กระทู้ก็มี ถ้าคุณไม่งอมืองอเท้ามากจนจะหงิกเกินไปล่ะก็ บิดขี้เกียจหาข้อมูลหน่อย คุณจะเขียนย่อหน้านี้ได้ประทับใจกรรมการได้ไม่ยาก จนคนอ่านต้องร้องออกมาว่า โอ้ พระเจ้าจอร์จคนนี้ยอดมาก ต้องเรียกมาจับจูบลูบคลำคลึงทึ้งถลำขยำขยี้ เอ๊ย เอามาสัมภาษณ์ให้ได้



อย่าลืมว่าใบปะหน้านี้ ถือเป็นหีบห่อบรรจุภัณฑ์ที่สำคัญ คุณต้องเขียนให้คนอ่านไม่รำคาญสลบไปเสียก่อน ทำให้อยากพลิกไปหาส่วนที่สำคัญกว่าคือ CV มีหลายฉบับที่คนใจดี(อิอิ)อย่างผมยังลำคัญพาลไม่พลิกไปอ่าน CV ซะงั้น เพราะพี่แกเล่นเอา CV มาเขียนในใบปะหน้าซะหมด ยาวยืด กินกาแฟไป 2 แก้ว เปิดดิกไป อ่านไป ต้องเรียกแม่เลขาฯเอาพาราฯมาโด๊ป คิดถึงบู๊ทขายสินค้าออกใหม่ในซุปเปอร์ฯซิครับ เขาทำให้เราเห็นแต่ไกลเลย กระโปรงสั้นมากก่อน ขาวจั๊วตามมา ผมยาวตามสูตร สินค้าอะไรก็ไม่รู้ ขอเดินเข้าไปดูใกล้ๆไว้ก่อน ชิมไปชิมมากว่ารู้ว่ามันคืออะไร ก็หยิบใส่รถเข็นไปแล้ว 2 กล่อง แขนเขียวเป็นจ้ำเพราะแม่อีหนูตามมาหยิก ... เห็นป่ะ ย่อหน้านี้ก็ต้องแบบนี้ แต่อย่าทะลึ่งไปเขียนอะไรเกินจริงล่ะ เอาพอท้วมๆ (อย่าให้ถึงกับอ้วนลงพุง)



ตบท้ายด้วยย่อหน้าที่4 สุดท้ายแล้ว (ทนหน่อย) ส่วนนี้ต้องท้าทาย บอกรักให้ติดตาม ทิ้งที่อยู่ อีเมล์ เบอร์โทรฯ อ่อยเต็มที่ประมาณว่า คุณจะได้รู้ว่าที่ผมฝอยไว้จริงแค่ไหนก็ลองเรียกผมมาสัมภาษณ์ซิครับ อะไรทำนองนี้ แต่อย่าไปเขียนแบบนี้เข้าจริงๆล่ะ เอาแค่ I will be please to demonstrate my capability if you kindly permit me to interview .... อะไรประมาณนี้ แล้วก็ระบุไปด้วยว่าแจ้งล่วงหน้ากี่วันสำหรับการเรียกสัมภาษณ์ เพราะวันๆเราไม่ได้นอนเกาสะดือรอคุณเรียกฝ่ายเดียวเมื่อไร คนต้องกินต้องใช้ต้องทำงานมีภาระกิจและเราก็สมัครไว้หลายๆที่ (ฮ่า) การระบุเช่นนี้เป็นผลบวกเพราะทำให้คนอ่านรู้ว่าถึงฉันจะไม่ใช่พวกสวยเลือกได้ แต่ฉันก็ไม่ได้ว่างเสมอไปสำหรับคุณนะย่ะ และเราเป็นคนมีระบบระเบียบในชีวิต กรุณาบอกล่วงหน้า 5 วันก่อนเรียกสัมภาษณ์ (ทั้งๆที่อยากจะไปใจจะขาดรอนๆ)



เสร็จสรรพก็หาหมึกมาระบายนิ้วหัวแม่มือปั๊มมันลงไป เอ๊ย เซ็นต์ชื่อปิดท้าย อันนี้ไม่มีเหตุผลตรรกะแต่อย่างใด แต่ผมว่าใช้ปากกาหมึกซึม หรือ หัวสักหลาด (เมจิเข็ม) หัวหนานิดนึง สีน้ำเงิน จะดูเท่ห์และน่าเชื่อถือ

เห็นป่ะ ไม่ยาก เคล็ดวิชาไหมฟ้า (เด็กรุ่นใหม่จะรู้มุขนี้ไหมเนี่ย) สรุปคือ พิมพ์ออกมาแล้วดูโปร่งๆสบายตา font 12 น่าอ่าน อ่านจบได้ภายใน ไม่เกิน 1 นาที อ่านแล้วน้ำลายหก อยากพลิกไปดู CV จะดีอย่างยิ่ง ดูเหมือนง่ายนะครับ แต่คุณจะต้องทำการบ้านมาดีพอควร โดยเฉพาะย่อหน้าที่ 2 (รู้เรา - ข้อดีของเราที่เกี่ยวกับงานของเขา) กับ 3 (รู้เขา - เขาอยากได้อะไรจากเรา)



ก่อนจบใบปะหน้า ผมอยากให้คิดถึงการจีบสาว (สำหรับคุณผู้หญิงก็คิดว่าเป็นการจีบหนุ่มก็ได้) ย่อหน้าแรก ต้องบอกสาวเจ้าก่อนว่า ได้เบอร์มือถือคุณเธอมาจากไหน ได้มาอย่างสุจริตหรือเปล่า เพื่อนของพี่ของแฟนน้องสาวอา ให้มานะ ไม่ได้แอบจดมาจากผนังห้องน้ำชายในห้างแถวบางกระปิ แล้วก็ต้องบอกว่าที่โทรฯมาเนี้ย ขอเป็น(ตำแหน่ง)แฟนนะ ไม่ใช่แทงกั๊กมัวแต่เหนียม เดี๋ยวก็กลายเป็นพี่ชาย(หรือเป็นน้องสาว)ไปซะ ... ย่อหน้าสองก็ต้องบอกเจ้าหล่อนว่า ฉันนะมีดีอะไร รูปหล่อพ่อรวยกล้ามใหญ่และจบนอกนะจ๊ะ เอาแต่เนื้อๆ ปลีกย่อยให้หล่อนไปค้นหาเอาตอนจะคบกัน(ในCV) .... ย่อหน้าสามก็เปรยประมาณว่า ถ้าคบผมเป็นแควนควงแขนออกงานวัดแล้ว จิ๊กโก๋ไม่กล้าแซว และคุณเธอจะสำเริญสำราญเบิกบานสุขโขสุขีสะดือบานตะติ๊งโหน่งยังไง และสุดท้ายก่อนจาก ก็ต้องท้าทายนิดๆว่า ไม่ลองไม่รู้นะตัว เรียกมาดูตัว ลองสด๊วบ เอ๊ยคบกันสักตั้งไหม รับรองติดใจ อิอิ พร้อมทิ้งเบอร์บ้าน เบอร์ที่ทำงาน เบอร์มือถือ แฟกซ์ อีเมล์ ที่อยู่ พร้อมสรรพ ...



ไงครับ ใบปะหน้าที่ผมคิดของผมเองว่าน่าจะได้ผล ย้ำนะครับ นี่เป็นแค่ความเห็นของคนๆเดียวที่มีโอกาสได้โยนใบสมัครของหลายๆคนลงตะกร้าและก็รับหลายๆคนมาแล้ว เดี๋ยวพี่ HR มืออาชีพจะออกมาเต้นเร้าๆว่าไม่ใช่ๆ ผมก็ยอมรับนะครับว่า อาจจะไปใช้แบบที่ดีที่สุด แต่ผมว่าผมอ่านแบบนี้แล้วประหยัดเวลาทำมาหากินผมที่สุด อย่าลืมว่าท้ายที่สุดแล้ว คนที่จะพิจารณารับหรือไม่รับคุณไม่ใช้ HR แต่เป็นหัวหน้าหน่วยงานนั้นๆที่จะเอาคุณไปใช้ HR เป็นเพียงหน่วยจัดหาคัดกรองเบื้องต้น และหัวหน้าหน่วยงานนั้นๆเขาก็มีงานประจำอันยุ่งเหยิงของเขาอยู่แล้ว บ.ไม่ได้จ้างเขามาให้มีความอดทนอ่านใบปะหน้าหรือ CV เป็นสิบๆฉบับต่อวัน ผมถึงย้ำว่าใบปะหน้าเนี่ย คนอ่านภาษาอังกฤษคล่องๆแบบปานกลางๆแบบไทยๆ อย่างมาอย่าให้เกิน 1 นาที

ให้ไปพักดื่มน้ำปัสสาวะก่อนค่อยมาอ่านช่วงต่อไปที่เรียกว่า CV

.....



CV หรือที่เรียกอีกอย่างว่า Resume สมัยก่อนตอนผมจบใหม่ๆ ไม่รู้ไปงมหอย(โข่ง)อยู่ที่ไหนมา อ.คงไม่ได้สอนหรือมั่วแต่เมาอยู่หลังตึกตอนเรียน เรียก Resume ว่า รีซูม เฉยเลย ไก่บ้านนอกกระเจิงออกหมดเล้า ... ฮ่าๆ ...



สมมุติว่าผมอ่านใบปะหน้าคุณแล้วน้ำลายไหล เผลอพลิกไปดู CV คุณก็แปลว่าคุณทำสำเร็จไปขั้นหนึ่งแล้ว ... สิ่งที่ผมจะเห็นอย่างแรกที่ผมพลิก CV คุณขึ้นมาดูคือ รูป ครับ รูปนั้นสำคัญไฉน ตะก่อนผมเคยคิดว่า คุณจ้างไอ้สิ่งที่อยู่ในกระโหลกผมนี่นา ไม่ได้จ้างรูปร่างหน้าตาผม ผมไม่ได้มาสมัครโดมอนแมน หรือดัชชี่บอกซะหน่อย ไปดู transcript ผมซิ A กับ B+ เบียดกันแน่นปั๋ง ... ผิดอย่างจังครับ สาวๆทุกคนรู้ความจริงข้อนี้ดี (แต่ไม่เคยบอกผมเลยให้ตายซิ) เธอจึงต้องดูดีเสมอ ครับผม ผมกำลังจะบอกว่า ถึงผมจะจ้างไอ้ที่อยู่ในกระโหลกคุณแต่ผมก็ไม่อยากอยู่กับ หรือ ให้คนของผมอยู่กับ ไอ้ตัวอะไรที่ดูไม่โสภา พาลจะให้บรรยากาศการทำงานเสียหาย ประสิทธิภาพการทำงานลด ไม่เชื่อลองดูผลงาน หรือ อัตราการลา การสาย การลาป่วย ของวิศวกรหนุ่มๆตอนช่วงซัมเมอร์ที่มีน้องนศ.สาวๆสวยๆมาฝึกงานซิครับ ต่างกับตอนก่อนหน้ายังกับหน้ามือเป็นหลังเท้า ... (ผมเองก็เป็น อิอิ)



ต่อมา ส่วนที่คนส่วนใหญ่ชอบนักเอาขึ้นมาไว้ตอนบนสุด คือ bio data กับที่อยู่ แต่ผมคิอแตกต่างไปนะครับ bio data กับที่อยู่เนี่ย เอาไว้ท้ายสุดเลยครับ เพราะอะไร เพราะมันไม่ใช่จุดขาย ถ้าเขาจะเอาคุณ ที่อยู่เบอร์โทรฯคุณแทรกอยู่ตรงไหน CV แต่2 หน้า เขาก็หาเจอจนได้แหละ เพศไหนคุณก็ไม่ต้องไปกลัวว่าเขาจะไม่รู้ ยกเว้นรูปคุณมันจะกำกวม (ฮ่าๆ) ไม่ต้องไปบอกว่า เพศชายนะครับ เชื้อชาติสัญชาติศาสนาก็ไม่ต้องไปบอก ยกเว้นแต่คุณจะไม่ใช่สัญชาติไทย เชื้อชาติไทย เพราะอาจจะมีผลต่อค่าจ้างและระบบภาษี แล้วที่ชอบบอกกันจัง ไม่รู้จะบอกไปทำไม คือส่วนสูง น้ำหนัก ทำไมไม่บอกทรวดทรงองค์เอวพร้อมขนาดปิ๊กกาจู้ไปซะเลยล่ะ ไม่ต้องครับ เปลืองที่ ยกเว้นคุณจะสมัครงานที่ต้องใช้รูปลักษณ์ภายนอก เช่น พนักงานต้อนรับ หรือ เซลส์ขายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ หรือ พนักงานรักษาความปลอดภัย คนคุมบ่อน คุมวินมอเตอร์ไซด์ก็ว่าไปอย่าง แล้วก็อีกอย่างบอกกันจังคือ สุขภาพ healthy นะจ๊ะ ไม่ต้องบอกครับ เพราะผมไม่เคยเห็นใครเขียนว่าไม่ healthy สักคน ส่วนวันเดือนปีเกิดกับอายุ ตะก่อนผมเชียร์ให้เขียนแค่อย่างเดียว แต่ตอนนี้ผมเปลี่ยนใจ เพราะขี้เกียจลบเลขในใจเพราะสมองฝ่อไปแล้ว หรือบางทีเก็บ CV ข้ามปี อะไรแบบนี้ ใส่มาทั้งสองอย่างเลยดีก่าเนอะ สถานะสมรส อันนี้จำเป็นครับ เพราะมีผลต่อลักษณะงาน คนมักจะคิดว่าคนโสดมีโอกาสมากกว่า ไม่จริงเสมอไปครับ คนแต่งงานแล้วมีข้อดีเหมือนกัน (เชียร์พวกเดียวกัน อิอิ) หลายๆด้าน แต่ด้านหนึ่งที่เห็นชัดเจนคือจะไม่วู่วาม ไม่ใจร้อน อดทนมากกว่า ไม่ใช่อะไรๆผิดใจหน่อยก็จะลาออกบอกเลิกท่าเดียว เพราะเขามีภาระที่ต้องรับผิดชอบ น้ำอดน้ำทนต่อความผิดหวังและอยุติธรรมจะมากกว่า เนื่องจากโดนฝึกซ้อมกันมาอย่างดีจากนังมารร้าย หรือ ขุนแข้ง ที่บ้าน ฮ่าๆ นอกเรื่องอีกแล้ว จบ bio data แต่เพียงเท่านี้ แล้วกรุณาเอาไปไว้หลังสุดของ CV อ๋อ สำหรับน้องๆวัยใส ปลดทหารหรือยัง เรียนร.ด.ไหม ยกเว้นการเกณฑ์มาด้วยวิธีไหน บอกไว้ด้วยในส่วนนี้นะครับ เกือบลืม อีกอย่าง กรุ๊ปเลือดไม่ต้องบอก จดหมายสมัครงาน ไม่ได้แจ้งอุบัติเหตุศูนย์นะเรนทรนะครับ



ส่วนแรกที่ผมให้คุณเลือกเอาว่าจะเอาไว้บนสุดระหว่าง การศึกษา และ ประสบการณ์ทำงาน ขึ้นกับคุณมีอะไรที่เด่นกว่ากัน ใหม่ซิ่งๆ เพิ่งจบไม่กี่ปี หรือ คร่ำหวอด เลือกเอา แล้ววิธีเรียง กรุณาเรียงจากปัจจุบันย้อนไปหาอดีต วันที่ไม่ต้อง ระบุแต่เดือนพอ เช่น March 2007 - present ปั๊มซีดีเถือน , May 2001 - Feb 2007 คุมบ่อน - อะไรแบบนี้ โอเคป่ะ แล้วก็อย่าเว้นว่างให้คนอ่านสงสัยว่า ช่วงนี้มันไปไล่จับปูลมที่หาดไหนว่ะ ไม่เห็นมันบอกตู อยู่ๆก็หายไปดื้อๆ เอ๊ะ หรือมันอกหักหยุดงานทำใจไปปีครึ่ง ถ้าไม่ได้ทำอะไรจริงก็เขียนลงไปว่า ทำกิจการที่บ้านก็ได้ ไม่ต้องระบุว่าอะไร พอเรียกสัมภาษณ์ก็ค่อยบอกว่าไปรับจ้างขายข้าวแกงหรือเกาะกิ๊กกินก็ว่าไป



อ๋อเรื่องวุฒิการศึกษาอีกอย่าง กรุณาอย่าหมกเม็ด อย่าเขียนคลุมเครือ แล้วคิดไปว่าคนอ่านจะแปลในทางที่เป็นประโยชน์กับคุณ เพราะถ้าผมสงสัยผมเดาในแง่ร้ายไว้ก่อน จบที่ไหน วิทยาเขตอะไร ปีไหน หลักสูตรอะไร วิชาเอกอะไร โทอะไร เกรดเท่าไร ชื่อเป็นทางการของปริญญาบัตรก็สำคัญมากอย่านั่งเทียนแปลเอง ไปถามที่คณะว่าชื่อเป็นทางการเขาเขียนยังไง สะกดยังไง ชื่อคณะสะกดยังไง เชื่อป่ะ ผมเจอคนสะกดชื่อปริญญาตัวเองผิด ชื่อคณะก็ผิด ถ้าจงใจ ผมถือว่าไม่ศึกษามาให้ดี ถ้าพิมพ์ผิด ผมถือว่าไม่รอบคอบ ซวยทั้งขึ้นทั้งล่อง อย่าลืมว่าคุณกำลังจะเปิดบู๊ทนำเสนอสินค้า กระดาษแค่ 3 แผ่น ทำให้ถูกต้องไม่ได้ ผมก็ไม่รู้จะรับเอามาทำปุ๋ยอะไร เดี๋ยวงานผมเจ๊งกะโบ๊ง อืม แล้วก็เรียนชั้นอนุบาลหมีน้อยกลอยใจที่ไหนก็ไม่ต้องบอก เปลืองหน้ากระดาษ ขี้เกียจอ่าน เอาตั้งแต่อนุปริญญาหรือปริญญาตรี ขึ้นมา ชั้นมัธยมและต่ำกว่านั้นไม่เอา ที่อยู่ บ้านเลขที่ของสถานศึกษาก็ไม่ต้องเอา เอาแค่จังหวัดพอ



ประสบการณ์การทำงาน ไม่ต้องเขียนละเอียดยิบ เอาเนื้อๆ ว่าตำแหน่งอะไร รับผิดชอบอะไร พอ จบได้แล้ว แต่ถ้ามันอดไม่ได้จริงๆอยากจะบอกมากๆไม่ได้บอกแล้วมันจะขาดใจตายหรือคิดมันจะมีประโยชน์ต่อการพิจารณา ให้เอาไปไว้ในภาคผนวก หรือ เอกสารแนบตั้งชื่อให้เป็น Details of work experience คราวนี้คุณอยากจะเขียนยังไง ยาวแค่ไหน ไม่จำกัด แล้วต้องบอกไว้ในส่วนที่เกี่ยวเนื่องใน CV ด้วยว่า รายละเอียดส่วนนี้เพิ่มเติมอยู่ในเอกสารแนบนะจ๊ะ เดี๋ยวผมไม่รู้ไม่ตามไปอ่านนะเออ แล้วก็ใช้ตัวหนังสือตัวหนา ตัวเอียง ขีดเส้นใต้ เน้นข้อความสำคัญก็จะเป็นเทคนิคนึงที่ทำให้อ่านแล้วไม่น่าเบื่อและเป็นการสื่อสารถึงคนอ่านด้วยว่าคนเขียนคิดว่าส่วนนี้สำคัญนะ แต่ไม่ใช่ว่าใช้จนเกลื่อน ทั้งหนาทั้งเอียงขีดเส้นใต้หนึ่งเส้นสองเส้น แถมไฮไลท์สีอีกต่างหาก เดี๋ยวมันจะกลายเป็นโปสเตอร์ละครเวทีแม่นาคฯไปซะ



ใบประกาศเกียรติคุณ ใบ Certificate รางวัล ถ้วย ต่างๆ ฯลฯ ใส่มาให้ครบแต่กระชับ เอาหลักๆ ที่เหลือเอาไว้ในเอกสารแนบ

กิจกรรมพิเศษ สมาชิกองค์วิชาชีพ NGO เสื้อแดงเสื้อเหลือเสือดำ กิจกรรมสาธรณกุศล เอา 4-5 อย่างเด่นๆพอ ถ้ามีเยอะอยากอวด เอาไว้ในเอกสารแนบได้เลย

ความสามารถพิเศษ - อันนี้ขอพูดถึงเยอะหน่อย ภาษาอังกฤษไม่ใช่ความสามารถพิเศษแล้วนะครับ สำหรับงานเทคนิคระดับวิศวกร เป็นความสามารถพื้นฐานครับ การเรียนต่อใช้ TOEFL วัด แต่การทำงานใช้ TOEIC นะครับ ควักกระเป๋าไปสอบซะ ไม่กี่ตังค์ จะทำให้ CV คุณดูดีมีสง่าราศีขึ้น (ยกเว้นคุณเคยทำงานบ.ฝรั่งใช้ภาษามาช้านาน) ตำแหน่งงานอะไรควรได้คะแนนเท่าไร ผมจำไม่ได้ ผมว่าเปิดเว็บ TOEIC ดูก็น่าจะมีคำตอบ ถ้าภาษาที่สามได้ก็จะดี จีน ฝรั่งเศษ ลาว เขมรก็ว่าไป อีกอย่างที่ใส่กันมาคือ โปรแกรมใช้งานคอมพิวเตอร์ ไมโครซอฟออฟฟิต word excel powerpoint internet photoshop PDF ไม่นับว่าเป็นความสามารถพิเศษของวิศวกรด้วยนะครับ พ.ศ.นี้ ถ้าไม่เป็นไม่คล่อง ผมว่าหางานลำบากนะครับ พิมพ์ดีดได้กี่คำต่อนาทีก็ไม่ต้องใส่มา พ.ศ.นี้ ไม่ได้ใช้เท่าไรแล้วโดยเฉพาะงานวิศวกร



บุคคลอ้างอิง ถ้ามีก็เอามาใส่ไว้ก่อนปิดท้าย

แล้วก็ปิดท้ายด้วย bio data กับที่อยู่ที่ติดต่อได้ + เบอร์โทรฯ + อีเมล์ ต่างๆ

แล้วอีกอย่างพักหลังๆชักเห็นบ่อย คือเอาอีเมล์บริษัทปัจจุบันไปใช้ใน CV สำหรับคนอื่นผมไม่ทราบ แต่สำหรับผมมันเหมือนกับเอากระดาษหัวจดหมายบริษัทปัจจุบันไปพิมพ์ใบสมัครงาน ยังไงยังงั้นเลยครับ ระวังด้วยครับ เรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้ อย่าพลาด มันทำให้เห็นถึงความไม่รอบคอบ ละเอียดละออ

ไงครับ ไม่ยากใช่ไหมกระทัดรัด ในส่วนของ CV นี่ ผมว่าอย่างมากสุดๆ 3 หน้า A4 font 12 ก็น่าจะพอ ถ้าจะให้ดี 2 หน้าพอครับ ที่เหลือเอาไปไว้กับเอกสารแนบ จัดรูปแบบให้โปร่ง อ่านสบายตา CV ควรใช้เวลาอ่านหน้าล่ะ 1-2 นาที ถ้าคุณทำออกมาแล้วให้เพื่อนอ่าน มันอ่าน 4-5 นาที แปลว่าคุณยังทำอออกมาไม่ดี

ขอให้โชคดีสวัสดีมีชัย หางานได้ดังใจทุกคนนะครับ

(ใครเคยสัมภาษณ์งานอะไรยังไงผมไม่ทราบ ผมสัมภาษณ์แต่วิศวกร แล้วจะเอามาเล่าเอามาเผาเป็นวิทยาทานกัน ... โปรดติดตามตอนต่อไป)

ปล. เคยสงสัยไหมครับว่า ทำไมเงินเดือนของแต่ล่ะตำแหน่งแต่ล่ะงานในบ.ไม่เท่ากัน เห็นว่าไม่ค่อยเกี่ยวกับ CV เลยขอเอาไปขึ้นอีกบล๊อกต่างหาก ถือว่าแตกประเด็นก็แล้วกัน นี่ครับ ตามลิงค์ไปเลยครับ
==> มนุษย์เงินเดือน - ทำไมเงินเดือนของแต่ล่ะตำแหน่งแต่ล่ะงานในบ.ไม่เท่ากัน

นี่ครับ เรื่องการสัมภาษณ์ ตามสัญญา มาช้าไปหน่อย แต่มาช้าดีกว่าไม่มานะเออ
==> งานวิศวกรสนาม (field engineer) ... เขาสัมภาษณ์อะไรกันนักกันหนา



อ่านต่อเลือกคลิ๊กกันเลยครับ
=> FAQ #1 FAQ #2 FAQ #3 FAQ #4 FAQ #5 FAQ #6 FAQ #7 FAQ #8 FAQ #9 FAQ #10 FAQ #11
FAQ #12

ห้องสมุดเล็กๆของผม <=== คลิ๊ก
รวบรวมตำราการขุดเจาะ คลิ๊ปการทำงานในบางตำแหน่ง แบบประเมินความเหมาะสมกับงานในสนามเบื้องต้น วิธีเขียน resume ที่ไม่โดนโยนทิ้งตะกร้า รายชื่อบริษัทฯในวงการ และ อื่นๆอีกมากมาย


มีคลิปการทำงานของบางตำแหน่งให้ดูเป็นน้ำจิ้ม มีตำราวิศวกรการขุดเจาะให้ดาว์โหลดเป็นบทๆ มีความหวังดีและเอื้ออาทรเสมอ ถ้ารู้สึกขอบคุณ ไม่ต้องตอบแทนอะไรผม แค่คุณจะแบ่งปันสิ่งที่คุณมีให้คนอื่นต่อไป ผมก็รู้สึกว่าคุณได้ตอบแทนผมแล้ว




 

Create Date : 15 พฤษภาคม 2552    
Last Update : 12 เมษายน 2556 15:56:50 น.
Counter : 6166 Pageviews.  

1  2  3  

Nong Fern Daddy
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 782 คน [?]




... Blog นี้ ...
แด่ ... แม่น้องเฟิร์นและน้องภัทร
เธอ..ผู้เปลี่ยนห้องที่มืดมิดให้สว่างไสวได้ด้วยรอยยิ้ม
เธอ..ผู้อยู่เบื้องหลังความเข้มแข็งและความสำเร็จทั้งมวล
... และ ...
เธอ ... ผู้เป็น "บ้าน" เพียงแห่งเดียวของผม

---------------------------------------------

หรือเพียง "ฝัน" ที่หาญท้าชะตาฟ้า ?

หรือจะเพียง "ศรัทธา" (ที่)ไร้ความหมาย ?

แม้จะเป็นแค่เพียง "ฝัน" จนวันตาย

แต่ผู้ชายคนนี้จะอยู่ข้างเธอ ... ตลอดไป ...

แด่ ... ลูกที่กล้าฝันของพ่อ

Friends' blogs
[Add Nong Fern Daddy's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.