==== ก็แค่ผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่ง ที่อยากจะเป็นสามี และ เป็นพ่อให้ได้ดีกว่าที่เคยเป็นเมื่อวาน ====
Group Blog
 
All Blogs
 

วันที่หนูลืมการบ้านไว้ที่โรงเรียน - เช้าวันที่มีปาฏิหาริย์ (หรือที่หลายคนเรียกว่าความบังเอิญ) ...

15 สิงหาคม พ.ศ. 2557

เช้าวันนี้ ...

หลังจากที่หนูอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ พ่อเห็นหนูง่วนหาอะไรสักอย่างในเป้นักเรียนอย่างร้อนรนและอารมณ์เสีย*
หนู ... หาสมุดและหนังสือภาษาอังกฤษที่ต้องทำการบ้านส่งไม่เจอ ...
หนู ... กะว่าจะเอามาทำตอนเช้าก่อนไปโรงเรียน (ทั้งๆที่ควรทำเมื่อเย็นวาน) ... เอาล่ะ อย่างน้อยก็มีความรับผิดชอบ คิดขึ้นมาได้เองว่าควรจะทำล่ะ

สรุปว่า หนูไม่ได้เอาหนังสือและสมุดกลับมาจากโรงเรียน
หนูโวยวาย ร้องไห้ โทษโน้น โทษนี่ ต่อว่าพระ** โชคชะตา ไปเรื่อยเปื่อย (ยกเว้นโทษตัวเอง) และ พาลจะไม่ไปโรงเรียน ...

พ่อนั่งปลอบอยู่ห่างๆ พยายามจะสอนให้หนูสงบลง เรียกสติหนูคืนมา และ พยายามถามนำให้หนูเริ่มใช้ความคิดแก้ไขสถานการณ์

หลังจากดีกรีอารมณ์หนูแผ่วลง ดูเหมือนปัญญาหนูจะค่อยกระเตื้องขึ้น

เราปุจฉาวิสัชชณากันไปมาถึงทางออกที่ดีที่สุดภายใต้สถานการณ์แบบนี้ สรุปว่ารอรถรร.และพยายามไปทำให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ในตอนเช้าที่รร.ก่อนเข้าเรียนวิชานี้ซึ่งโชคร้าย(ในสายตาหนู)ที่บังเอิญมาเป็นคาบแรกของวัน ด้วยเวลาที่รถรร.มารับและส่งถึงรร. หนูจะมีเวลาไม่มากที่รร.ก่อนเข้าแถว เป็นความกดดันที่ทุรนทุรายมากสำหรับเด็กม.1ตัวเล็กๆกับครูดุมหาโหด(ในสายตาหนูอีกนั่นแหละ)

ในห้วงความคิดของพ่อระหว่างรอส่งหนูขึ้นรถรร. พ่อคิดได้อีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยลูกของพ่อได้ ... ก็แค่พ่อโทรฯไปบอกครูรถรร.ว่าไม่ต้องมารับ โทรฯไปบอกหัวหน้างานพ่อว่าจะเข้าสาย แล้วพาหนูไปส่งที่รร.เอง และนั่งสอนให้ทำการบ้านจนเสร็จ ก็จะทันเข้าแถวแน่ๆ ... อืม ... แต่คิดอีกที ... ถ้าทำแบบนี้ ก็จะเป็นการทำให้หนูเคยตัวและไม่ได้รับผลของการลืมของตัวเอง หนต่อไปก็จะลืมอีกและจะให้พ่อแก้ปัญหาแบบนี้ให้อีก พ่อเลยคิดว่าไม่ดีกว่า ไม่ไปส่ง ให้รีบ ให้ลุ้น ให้โดนทำโทษเสียบ้าง เป็นบทเรียนชีวิต ทีหลังจะได้รอบคอบขึ้น ... เว้นแต่ว่าจะเป็นพระประสงค์ของพระที่จะมาช่วยในวิธีของพระองค์ ...

คิดได้เพียงเท่านี้ โทรศัพท์ก็ดังขึ้น ....

ครูรถรร.โทรมาบอกว่า ลูกชายป่วยต้องพอไปหาหมอ ไม่สามารถมารับได้ ต้องให้พ่อไปส่งหนูเองที่รร. ... หนูดีใจมาก รีบใส่รองเท้าแบกเป้ไปรอหน้าบ้านอย่างรีบร้อน พ่อขึ้นไปบอกแม่หนูให้ลงมารอส่งพี่เฟิร์นขึ้นรถรร.แทนพ่อ(ปกติเป็นหน้าที่พ่อที่รอส่งหนูและพี่เฟิร์นขึ้นรถรร.) ...

ฟ้าที่ไม่ทันจะสว่างดี เราสองคนพ่อลูกกึ่งเดินวิ่งตามความใจร้อนของคนเป็นลูก ... เราจูงมือกันออกมาถึงปากซอย ... ปากซอยที่ปกติเช้าวันทำงานฝนปรอยๆแบบเช้านี้แท๊กซี่ไม่ค่อยจะผ่านมาสักเท่าไร แต่เช้าวันนี้ เมื่อเรามาถึงปากซอย แท๊กซี่ว่างคันนึงวิ่งมาพอดีราวกับนัดกันไว้

... จากบ้านเราไปถึงรร.หนู เราจะต้องผ่านทั้งหมดราวๆ 5 สี่แยกไฟแดง เมื่อถึงสี่แยก ทุกสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียวทันที่ที่รถแท๊กซี่เราไปถึง !!!

... หนูขอให้พ่ออยู่ที่รร.สอนจนกว่าจะเสร็จ แล้วค่อยไปทำงาน ...

... ระหว่างนั่งมาในรถแท๊กซี่ พ่อเตือนความจำหนูว่า ไม่ถึง 15 นาทีที่แล้ว หนูเป็นอย่างไร โวยวาย ร้องไห้ โทษโน้น โทษนี่ ต่อว่าพระ โชคชะตา ยกเว้นแต่โทษตัวเอง หนูจะอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นว่าบังเอิญก็ได้ ที่เพราะอะไรก็ตามครูรถรร.ไม่มารับ เพราะอะไรก็ตามแท๊กซี่คันนี้มาที่ปากซอยเราราวกับนัดไว้ และเพราะอะไรก็ตามที่สัญญานไฟจราจรทุกแยกเป็นสีเขียว พ่อไม่ใช่คนงมงายเชื่อในเรื่องดวงหรือโชคชะตา แต่พ่อเชื่อว่าถ้าเราพยายามและตั้งใจแก้ไขความผิดพลาดอย่างเพียงพอ พระจะมาช่วยเราเสมอในเวลาและวิธีที่เราเองคาดไม่ถึง




ก่อนพ่อจะกลับไปทำงาน พ่อชวนหนูแวะสวดมนต์และขอบคุณพระที่รูปแม่พระ***(ในรร.หนูนั่นแหละ)ก่อนกลับ เราสองคนขอบคุณพระด้วยกันสำหรับอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นเช้าวันนี้ที่ทำให้หนูไม่โดนครูดุมหาโหดทำโทษ



หนูเดินมาส่งพ่อที่หน้าประตูรร. หนูแอบเตือนพ่อด้วยสายตาที่สำนึกผิดว่า "อย่าลืมหาคำตอบดีๆบอกหัวหน้าคุณพ่อนะครับว่าทำไมคุณพ่อมาทำงานสาย" ... พ่อแอบน้ำตาซึมนิดๆว่า เออ รู้จักห่วงพ่อด้วยนะเนี้ย ดีจัง

พ่อตอบหนูไปว่า ...

"คำตอบน่ะ ไม่ยากหรอกลูก ตอบความจริงไงลูก พ่อก็จะบอกหัวหน้าพ่อไปตรงๆแหละว่า พ่อมาทำงานสายเพราะพ่อทำเพื่อหนูไง ..."

-----------------------------------------------

* ตามสไตล์อาการ ODD (Oppositional Defiant Disorder) และ ADD (Attention Deficit Disorder)

** พระ - เราชาวคาธอลิกเรียกคำว่า "พระ" ติดปากในความหมายของ "พระเจ้า" ผู้เป็น "พระบิดา" เป็นองค์หนึ่งใน พระตรีเอกกานุภาพ อันประกอบด้วย พระบิดา พระบุตร(พระเยซู หรือ จีซัส ที่เห็นอยู่บนไม้กางเขน) และ พระจิต (บ้างก็เรียกว่า พระวิญญาณบริสุทธิ์ ส่วนมากจะในโบสถ์คริสต์ จิตกรมักวาดแทนด้วยรูปนกพิราบคาบกิ่งมะกอก)

*** แม่พระ - หมายถึงพระนางมารีย์พรหมจารีย์ แม่ของพระเยซู (ที่เห็นเป็นรูปปั้นผู้หญิงกำลังกอดทารกข้างรางหญ้าในถ้ำ ตามโบสถ์คริสต์ในวันฉลองคริตสมาสนั่นแหละครับ)




 

Create Date : 15 สิงหาคม 2557    
Last Update : 15 สิงหาคม 2557 10:03:48 น.
Counter : 1541 Pageviews.  

บทเรียนเล็กๆของลูกผู้ชายตัวน้อย ... ตอน ... เมื่อต้องใช้หัวใจฟังแทนหู

หนูอยากได้ไดโนมาสเตอร์การ์ดชุดที่ยังขาดหายไป พ่อได้วางข้อตกลงของความพูกพันที่หนูต้องทำเพื่อให้ได้สิ่งที่หนูต้องการ เป็นการบอกหนูว่า ไม่มีอะไรที่จะได้มาง่ายๆโดยที่หนูไม่ต้องทำงานแลกมา

เพื่อให้สิ่งที่หนูต้องการเรียกว่า "รางวัล" พ่อจึงต้องให้หนูออกแรงทำงานที่หนูสัญญาว่าต้องทำเสียก่อน จึงจะได้สิ่งที่หนูต้องการ ไม่เช่นนั้น ถ้าหนูได้ของที่หนูต้องการก่อนค่อยทำงาน ของนั่นจะเรียกว่า "สินบน" ... พ่อต้องการให้หนูได้ "รางวัล" ไม่ใช่ "สินบน"

วันจันทร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2554

หลังจากที่เราทำการบ้านทางอินเตอร์เน็ทกันเล็กน้อย ก็ทราบว่าไดโนมาสเตอร์การ์ดนั้นมีขายที่ ซีเอ็ดฯชั้นใต้ดินในตึกฟอร์จูนรัชดาฯ เราชวนพี่เฟิร์นไปด้วยกัน แต่พี่เฟิร์นมัวแต่สนใจอ่านหนังสืออะไรสักอย่าง แต่ก่อนออกจากบ้าน เราได้ยินเสียงพี่เฟิร์นบอกว่า เอาทาโร่มาฝากซองนึงด้วย และ ได้ยินคุณแม่หนูพูดว่า ถ้าไม่ลำบากมากนัก ซื้อแก้วกาแฟที่เข้าชุดกับของที่บ้านให้ 2 ใบ มีขายที่ชั้น 5 โรบินสันในเซ็นทรัลพระรามเก้าฝั่งตรงข้าม แต่คนล่ะมุมตึก แต่ถ้าไม่สะดวกไปก็ไม่เป็นไร

อีกไม่กี่นาทีจากนั้น ด้วยบริการอันทันใจและตรงเวลาของรถไฟฟ้าใต้ดิน เราสองคนก็พากันมาถึงซีเอ็ดฯที่ตึกฟอร์จูนรัชดาฯ หลังจากเลือกไดโนมาสเตอร์การ์ดจากร้านซีเอ็ดฯได้แล้ว พ่อก็จะพาหนูข้ามฝั่งไปซื้อแก้วกาแฟให้คุณแม่

"คุณพ่อครับ" ... หนูขึ้นต้นแบบนี้แปลว่ามีอะไรจะถาม
"ทำไมเหรอ"
"คุณแม่บอกว่า ถ้าไกลและลำบาก ไม่เอาก็ได้นี่ครับ ทำไมเราไม่กลับบ้านเลย" ... หนูคงอยากกลับไปเล่นการ์ดเต็มที
...
พ่อฉุกคิดขึ้นมาว่า เออ ... ก็จริงที่คุณแม่หนูพูดแบบนี้ ... สงสัยต้องอธิบายกันหน่อย พ่อคิดว่าในวัย 12 ขวบหนูน่าจะโตพอที่จะเข้าใจได้

"คืองี้ ภัทร" ... พ่อเกริ่น

"ผู้หญิงส่วนมาก เวลาเขาพูดว่า ไม่ต้องทำก็ได้ นั้นไม่ได้แปลตรงๆว่า ไม่ต้องทำก็ได้ แต่มักจะแปลว่า ถ้าไม่ทำแปลว่าเราไม่แคร์ไม่ใส่ใจเขา ดังนั้น ถ้าเราแคร์และใส่ใจเขา เราก็ควรจะทำ จริงไหม" ... จะเข้าใจไหมเนี้ย อธิบายแบบง่ายสุดๆแล้ว คราวนี้ 1+1 มันไม่เท่ากับ 2 นะลูก

"อืม ... ภัทรว่าภัทรเข้าใจ ... แล้วทาโร่พี่เฟิร์นล่ะครับ"

"พ่อว่าในกรณีพี่เฟิร์น พี่เฟิร์นเจาะจงให้เอาไปฝากด้วย ดูเหมือนเราไม่มีทางเลือกนะ แต่ยังไงก็ตามพ่อว่าความคิดและอารมณ์พี่เฟิร์นยังไม่ซับซ้อนขนาดนั้นหรอก เอาเป็นว่า เราข้ามไปฝั่งโน้น ไปซื้อแก้วกาแฟให้คุณแม่ดีกว่า"

"ครับ" ...

บทเรียนคราวนี้ อาจจะยากไปนิดนึง แต่อยากให้หนูรู้เอาไว้ จะได้ไม่ผิดพลาดซ้ำรอยพ่อ

เวลาผู้หญิงบอกว่า "ไม่ได้" บางทีก็แปลว่า "อาจจะได้" หรือ บางทีถ้าเธอบอกว่า "อาจจะ" เธอหมายความว่า "ไม่มีทาง" ก็เป็นไปได้ ไม่มีสูตรตายตัวเสมอไป และที่ยุ่งยากไปกว่านี้คือ ผู้หญิงทุกคนก็ไม่เหมือนกันอีก ... พ่ออยากให้ลูกใช้หัวใจในการฟังสิ่งที่เธอพยายามบอกมากกว่าใช้หูและตัวอักษร แล้วหัวใจหนูจะบอกเองว่าควรทำหรือไม่ควรทำอะไร

บันทึกไว้เมื่อ 11 เมษายน พ.ศ. 2554
พ่อ




 

Create Date : 11 เมษายน 2557    
Last Update : 11 เมษายน 2557 22:09:15 น.
Counter : 696 Pageviews.  

เรื่องวุ่นๆวันสบายๆ กับ ชุดว่ายน้ำ ... เฟิร์สบรา ... เลือดปลายนิ้ว ... มือที่ต้องยกไว้เหนือหัวใจ

เรื่องวุ่นๆวันสบายๆ กับ ชุดว่ายน้ำ ... เฟิร์สบรา ... เลือดปลายนิ้ว ... มือที่ต้องยกไว้เหนือหัวใจ และ พระเอกตัวน้อยของพ่อ

บันทึกวันนี้มีตัวเอกสองตัวที่บทบาทใกล้เคียงกัน พ่อลังเลใจอยู่พอสมควรว่าจะให้บันทึกนี้เป็นของใคร ...

เช้าวันอาทิตย์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2557 ...

หลังจากเราสามคนกลับจากพิธีมิสซาที่วัดประจำเช้าวันอาทิตย์ตามปกติ เราสำรวจดูชุดและอุปกรณ์ว่ายน้ำเพราะว่าวันนี้เราจะไปว่ายน้ำกัน หลังจากหนูกับพี่เฟิร์นวิ่งหากันทั่วบ้านพักใหญ่ๆ เราก็ได้อนุมัติงบประมาณจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังประจำบ้าน(ที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร) ให้ซื้อชุดว่ายน้ำ กับ หมวกให้พี่เฟิร์น ส่วนหนูได้รับอนุมัติกางเกงว่ายน้ำหนึ่งตัว แต่หนูไม่เอา เพราะตัวเก่ายังพอใส่ได้อยู่ จึงได้ทำเรื่องคืนงบฯไปโดยไม่ได้แปรญัตติไปใช้อย่างอื่น

ตัดมาถึงที่ห้องลองชุดว่ายน้ำที่ห้างเซ็นทรัลลาดพร้าวในชั่วโมงต่อมา

มีชุดในราวมากมายให้เลือก พี่เฟิร์นคว้าหมับไปที่ชุดชิ้นเดียวกระโปรงซ่อนกางเกงลายดอกสีส้ม ดอกโตๆ ขลิบขอบกระโปรงสีทองๆ พ่อถามย้ำว่าจะเอาแน่หรือชุดนี้ มันทำให้ดูตัวใหญ่นะ (จากที่อวบระยะสุดท้ายอยู่แล้วจากการใช้ยารักษาอาการที่เธอเป็น) เธอตอบอย่างมั่นมากว่าเธอจะเอาชุดนี้ เอาก็เอ พ่อคิดพลางเหลือบไปดูป้ายราคา ... sales เหลือ 950 บาท โอเค พอไหวๆ อยู่ในงบฯที่ท่านรัฐมนตรีฯอนุมัติมา

เธอหายเข้าไปในห้องลองชุดว่ายพักใหญ่ๆ เราสองคนพ่อลูกนั่งรออยู่กับพนักงานขายสาวรุ่นคนหนึ่งหน้าห้องลอง สักพักมีเสียงตะโกนในระดับเดซิเบลเด็กสมาธิสั้นออกมาจากห้องลองเสื้อ ราวๆว่าน่าจะได้ยินข้ามไปอีกสองสามแผนก ... "คุณพ่อขาาาาา ..." พี่เฟิร์นมักจะเริ่มแบบนี้เวลามีเรื่องปวดหัวมาให้พ่อแก้ ...

"หนูแก้ผ้าออกหมดแล้ว แต่หนูใส่ชุดนี้ไม่เป็น คุณพ่อมาช่วยหนู่ใส่หน่อยค่ะ" ... เอาอีกแล้วไงยัยเฟิร์น ... ทำให้พ่อคิดไปถึงเมื่อสองสามปีก่อนที่เธอตระโกนออกมาจากห้องน้ำแผนกผู้ป่วยนอกเด็กโรงพยาบาลเอกชนหรูแห่งหนึ่ง ราวๆว่า "คุณพ่อๆ ... คุณพ่อขา ... มีเลือดออกมาจากจิ๋มหนู เปื้อนกางเกงในเลย คุณพ่อเข้ามาช่วยหนูที" ... จนพ่อต้องไปรบกวนยืมผ้าอนามัยและวานให้พี่พยาบาลสาวๆแถวนั้นเข้าไปแก้ปัญหาตามประสาหญิงๆให้ จริงๆแล้วเรื่องแบบนี้พ่อก็สามารถนะ แต่เก็บพ่อไว้เป็นตัวเลือกสุดท้ายดีกว่า หนูว่าไหม :)

กลับมาที่ห้องลองชุดว่ายน้ำ ... ด้วยวัย 14 ขวบของพี่เฟิร์น พ่อเลยต้องขอร้องพนักงานขายสาวรุ่นที่ยืนรออยู่ด้วยกันหน้าห้องให้เข้าไปช่วยแก้ปัญหาให้

... อีกชั่วโมงต่อมา เราสามคนพ่อลูกก็มาถึงสระว่ายน้ำ

จังหวะหนึ่งในสระ ... พี่เฟิร์นว่ายน้ำเลียบขอบสระไปอยู่ในวงล้อมของเด็กๆผู้ชายกลุ่มหนึ่ง พี่เฟิร์นดูเลิ่กลัก กระอักกระอ่วน พิกล จากจุดที่พ่อนั่งริมสระ พ่อเห็นหนูพยายามว่ายพลางเกาะขอบสระกระดื้บๆเข้าไปหาพี่เฟิร์น กับความที่พ่อรู้ว่าหนูเป็นคนค่อนข้างขี้อายและไม่ค่อยกล้ากับคนแปลกหน้า หนูกล้าหาญมากเลย ที่เข้าไปช่วยพี่เฟิร์นออกมาจากมุบอับตรงนั้น

... เสร็จจากว่ายน้ำ หนูอาบน้ำเปลี่ยนชุดเสร็จนั่งรอพี่เฟิร์นอยู่กับพ่อที่มุมร้านอาหารเล็กๆในบริเวณสระหน้าห้องอาบน้ำ

"คุณพ่อขาาาาา ....." พ่อสะดุ้ง ... เธอมาอีกแล้ว ... "หนูใส่ชุดชั้นในไม่ได้ มันม้วนเป็นขวดกลมๆค่ะ คุณพ่อมาใส่ให้หนูหน่อย" ... แน่นอนด้วยเสียงระดับเด็กสมาธิสั้นที่ไม่หย่อนเลยแม้แต่เดซิเบลเดียว ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ สาวน้อยและสาวไม่น้อย หันมามองต้นเสียงเป็นตาเดียวกัน คราวนี้พี่เฟิร์นของหนูไม่ได้มาแต่เสียงเหมือนเมื่อเช้าในห้องลองชุดว่ายน้ำ เธอนุ่งผ้าขนหนูออกมาจากห้องน้ำ มือหนึ่งกุมผ้าขนหนูที่ผูกไว้หลวมๆที่หน้าอก(เพราะเธอยังเหน็บไม่เป็นและเธอลืมเอากระโจมอกแบบสำเร็จรูปมา) อีกมือหนึ่งถึอเสื้อชั้นในเฟิร์สบราผ้าฝ้ายสีขาวเข้มที่ขดม้วนหงิกงอเป็นเลขแปดเพราะชื้นน้ำ ชูขึ้นหราเชียว

จะเข้าไปใส่ให้พี่เฟิร์นของหนูในห้องน้ำผู้หญิงมันก็จะดูยังไงอยู่ หันซ้ายหันขวาก็ไม่มีตัวช่วย เลยกระซิบว่า "งั้นไม่ต้องใส่ก็ได้ ... " พ่อเว้นช่วงจังหวะหายใจจะอธิบายต่อว่าทำไม แต่ช้ากว่าความคิดและปากเธอ

"ไม่ใส่เสื้อชั้นใน คนเขาก็เห็นนมหนูหมดซิค่ะ" ...

เธออัดซะเต็มเดซิเบลดังไปถึงวินมอเตอร์ไซด์หน้าสระ พ่อก็เลยรีบก้มลงไปกระซิบว่า... "เดี๋ยวก็ขึ้นแท๊กซี่หน้าสระกลับบ้านแล้ว ไม่ได้ไปไหนต่อ ไม่มีใครมาเห็นหรอก" ... เธอถึงได้เดินก้มหน้างุดๆกลับเข้าห้องน้ำไป ... (รู้งี้พ่อไม่น่าหยุดหายใจเลย น่าจะพูดต่อไปให้จบๆ)

เอาล่ะ เสร็จไป(อีก)หนึ่งเปลาะ คราวนี้เราสามคนพ่อลูกก็เดินออกมาจะขึ้นแท๊กซี่หน้าปากซอยสระว่ายน้ำ พ่อเดินจูงหนูเดินอยู่ข้างหน้า ในชั่ว 5 ก้าว พี่เฟิร์นของหนูเดินตามมาข้างหลัง ... แดดเปรี้ยง

"คุณพ่อขา นิ้วหนูเลือดออก" ...

(อีกแล้ว ...) ... พ่อหันไปดู (ยังดีที่ไม่เป็นจิ๋มเลือดออกอีก ... พ่อแอบคิด) พี่เฟิร์นชูนิ้วหราเลย มีเลือดกลบปลายนิ้วนางซีดๆ ซักไปซักมาได้กว่าว่าพี่เฟิร์นของหนูว่ายน้ำไปชนขอบฃสระ ก็เลยคิดว่า จะเดินไปซื้อพลาสเตอร์ยาที่ร้านสะดวกซื้อข้างหน้า แต่พอดีรถแท๊กซี่มาพอดี ก็เลยพากันขึ้นรถแท๊กซี่กลับกัน

ในรถแท๊กซี่ พ่อบอกให้พี่เฟิร์นชูนิ้วขึ้นให้สูงกว่าระดับหัวใจ เลือดจะได้ไม่ออกเยอะ (ตามตำราปฐมพยาบาลที่พ่อเรียนมา) ซึ่งจริงๆพี่เฟิร์นก็ไม่ได้เลือดออกอะไรมากมาย แต่ก็เชื่อฟังแต่โดยดี ...สักพักหนึ่งพี่เฟิร์นก็เอามือลง บอกว่าเมื่อย ... ไม่ทันที่พ่อจะพูดอะไรต่อ

หนูเอามือเล็กๆของหนูไปจับข้อมือพี่เฟิร์นยกขึ้นแล้วบอกว่า "ไม่เป็นไรพี่เฟิร์น ภัทรช่วยยกมือพี่เฟิร์นให้เอง พี่เฟิร์นจะได้ไม่เลือดออก" ...

อืม ... ประโยคนี้และความตั้งใจช่วยเหลือพี่เฟิร์นของหนูนี่แหละ ที่ทำให้พ่อคิดว่า เรื่องทั้งหมดวันนี้ หนูควรเป็นพระเอก ... พระเอกตัวน้อยของพ่อ ...

พ่อน้องเฟิร์นและน้องภัทร ...
33000 ฟุตเหนือระดับน้ำทะเล
ที่นั่ง 25H GA 866 CGK-BKK
เวลา 1130 น. ของวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลาประเทศไทย

ปล. ถึงบ้านแล้ว หนูช่วยพ่อปิดพลาสเตอร์นิ้วพี่เฟิร์นแล้วจุ๊บเป่าเพี้ยงๆ ให้ที่ปลายนิ้วพี่เฟิร์นด้วย ...




 

Create Date : 07 มีนาคม 2557    
Last Update : 7 มีนาคม 2557 11:29:34 น.
Counter : 1342 Pageviews.  

กุ้ง 8 ตัว ในเช้าวันเสาร์ - คณิตศาสตร์ของการแบ่งปัน - อีกก้าวหนึ่งของการเติบโตเป็นลูกผู้ชายของพ่อ

... เช้าวันหนึ่งบนโต๊ะอาหารของบ้านเรา
0730 น. ของวันเสาร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2556

พ่อลงมาเตรียมและทานมื้อเช้าก่อน
เพราะ หนู พี่เฟิร์น กับคุณแม่ยังไม่ตื่นกันดีนัก (แปลว่าตื่นแล้ว แต่ยังไม่อยากลุกจากเตียงกัน)
สักพักหนูก็ตามลงมาหลังจากแปรงฟันล้างหน้าเสร็จ

... บนโต๊ะอาหารมีผัดผักรวมกุ้ง และข้าวเปล่า
... พ่อหันหลังให้โต๊ะอาหาร กำลังอุ่นต้มจับฉ่าย

พ่อหันหลังกลับมาดูที่โต๊ะอาหาร ภาพที่พ่อเห็นคือ
... ในจานผัดผักไม่มีกุ้งสักตัว แต่มีกุ้ง 8 ตัวอยู่ในจานของหนู
... เอาแล้วไงลูกพ่อ เป็นเรื่องอีกแล้ว

"ภัทร ... หนูจะไม่ให้คุณแม่กับพี่เฟิร์นทานกุ้งเลยเหรอ"
"ไม่ ... หนูจะกินคนเดียว"
"ไหนหนูบอกว่า หนูรักคุณแม่กับพี่เฟิร์นไง ตักคืนกุ้งไปใส่จานผัดผักให้คุณแม่กับพี่เฟิร์นเดี๋ยวนี้"
"ไม่"

ท่าทางไม้แข็งจะไม่ได้ผล ... พ่อคิด
... ลองวิธีใหม่

"ภัทร ... ภัทรรู้ไหมว่าเมื่อเช้า พ่อลงมาทานข้าว พ่อไม่ได้ทานกุ้งแม้แต่ตัวเดียว เพราะพ่อรู้ว่าหนู พี่เฟิร์นและคุณแม่ชอบทานกุ้ง เพราะว่า พ่อรักภัทร รักพี่เฟิร์น รักคุณแม่ แต่ตอนนี้ ภัทรกำลังจะทานกุ้งที่พ่อเหลือไว้ให้คนที่พ่อรักเอาไปทานหมดคนเดียว"

"ไม่ ก็หนูลงมากินก่อน หนูชอบกุ้ง"

พ่อเลื่อนจาน 2 ใบไปไว้ข้างหน้าหนู
"ภัทร ... จานนี้เป็นจานพี่เฟิร์น และจานนี้เป็นคุณแม่ หนูแบ่งกุ้งใส่จานสองใบตามความรักที่หนูมีให้คุณแม่กับพี่เฟิร์นซิ พิสูจน์ให้พ่อเห็นว่าหนูรักคุณแม่และพี่เฟิร์นด้วยการกระทำซิลูก"
....
พ่อทิ้งให้ความเงียบทำงาน
...
... หนูลังเลอยู่ครู่หนึ่ง

หนูตักกุ้ง 2 ตัวใส่จานคุณแม่
หนูตักกุ้ง 2 ตัวใส่จานพี่เฟิร์น
....
ตอนนี้ในจานหนูมีกุ้ง 4 ตัว ... หนูหยุดคิดอีกพักหนึ่ง ...
พ่อกำลังคิดว่า ด้วยความรู้คณิตศาสตร์ของเด็ก 11 ขวบ หนูจะแบ่งกุ้งที่เหลือยังไงให้สามคนได้เท่าๆกัน
กุ้ง 8 ตัว แบ่ง 3 คน ... คณิตศาสตร์ของวิศวกรเกียรตินิยมให้คำตอบว่า ได้กุ้งคนล่ะ 2.66 ตัว
...
วิศวกรคนนั้นคิดผิด
... พ่อคิดผิด
... พ่อขอโทษ
พ่อดูถูกใจหนูเกินไป
...
หนูตักกุ้ง 2 ตัวจากจานหนูมาใส่จานพ่อ
... ตอนนี้ 4 จานมีกุ้งจานล่ะ 2 ตัวเท่ากัน
...
โจทย์ข้อนี้ หนูชนะพ่อขาดลอยเลย ลูกรัก ...
หนูคิดในสิ่งที่พ่อคิดไม่ได้ คิดไม่ออก และ คิดไม่ถึง
หนูคิดนอกกรอบด้วยใจที่เอื้อเฟื้อและแบ่งปัน แต่ยังคงไว้ด้วยความเที่ยงธรรม (*)
...
ถ้าวันหนึ่งหนูลืมเช้าวันนี้ไป ... พ่อจะชวนหนูมาทำโจทย์เลขข้อนี้อีกครั้ง

รักลูกภัทร
พ่อ
2 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

Da Mihi Animas, Cetera Tolle
... (Give Me Souls, Take Away All Else; St. John Bosco)

(*) พ่อแบ่งกุ้ง 2 ตัวที่หนูให้พ่อ ... 1 ตัวให้พี่เฟิร์น และ 1 ตัวให้หนู
สรุปว่า พ่อได้กุ้ง 0 ตัว แม่ได้ 2 ตัว พี่เฟิร์นได้ 3 ตัว ภัทรได้ 3 ตัว ... "คณิตศาสตร์ของความรัก" (อย่างที่ควรจะเป็น)

บทเรียนที่ 15 ของน้องเฟิร์น "แอ่งน้ำในโรงรถ"

อีกหน้าที่หนึ่งของการเป็นหัวหน้าครอบครัว กับ หมูปิ้ง12ไม้ และ สัญญาของลูกผู้ชาย




 

Create Date : 04 พฤษภาคม 2556    
Last Update : 6 พฤษภาคม 2556 10:38:40 น.
Counter : 810 Pageviews.  

หมูปิ้ง12ไม้ และ สัญญาของลูกผู้ชาย

บทเรียนของลูกผู้ชายตัวเล็ก
- อีกหน้าที่หนึ่งของการเป็นหัวหน้าครอบครัว กับ หมูปิ้ง12ไม้ และ สัญญาของลูกผู้ชาย


เช้าวันเสาร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

0830 น.

บนโต๊ะอาหารเช้า ...
คุณแม่เอาหมูปิ้งมาวาง 12 ไม้ กับ ปาท่องโก๋ 1 ถุง
พ่อกำลังนั่งกินข้าว

หนูกับพี่เฟิร์นเดินมา ....
หนูคว้าจานหมูปิ้ง 12 ไม้ จะเอาไปกินคนเดียวหน้าโทรทัศน์
พี่เฟิร์นคว้าถุงปาท่องโก๋ตามไปติดๆ ด้วยความคิดอย่างเดียวกัน

"ภัทร เฟิร์น เอามาวางไว้ที่เดิมเดี๋ยวนี้ เอาไปเฉพาะที่จะกิน ต้องเหลือไว้ให้คนอื่นด้วย ไม่ใช่ของเราคนเดียว"

พ่อเสียงเข้ม ... พี่เฟิร์นทำตามเงียบๆ

"เฉพาะที่จะกิน ก็หนูจะกินหมดนี่เลยนี่ครับ" เสียงลูกภัทรของพ่อ
"ไม่ได้ครับ หนูต้องเหลือให้คนอื่นด้วย หมูปิ้งนี่เป็นของทุกคนนะ"

หนูวางจานหมูปิ้งลงอย่างไม่พอใจ เดินออกไปโวยวาย ร้องไห้โห ที่ห้องนั่งเล่นคนเดียว

... พ่อจงใจให้เวลาทำหน้าที่ของมันพักใหญ่ๆ จนพ่อกินข้าวต่อจนเสร็จ

ในห้องนอน หนูขึ้นมาร้องไห้ ต่อว่าว่าพ่อไม่ยุติธรรม ...พ่อจะกินหมูปิ้งหมดคนเดียว
พ่อคิดว่าถึงเวลาที่จะต้องคุยกันเสียที ... พ่อดึงหนูขึ้นมากอด ลูบหัวเล็กๆของหนูเบาๆ

"ภัทร ... ในบ้านหลังนี้ ครอบครัวของเรามีกันกี่คน"
"1 คน" ... ห้วนๆไม่มีหางเสียง
"ในบ้านเรามีกัน 4 คน มีคุณพ่อ คุณแม่ มีพี่เฟิร์น และ มีหนู"
" ... " ... เงียบ ...
"หมูปิ้งมีกี่ไม้ ... ภัทร"
"ไม่รุ"

หนูเริ่มสงบอยู่บนตักพ่อ คงจะร้องไห้จนเหนื่อยหรือเริ่มคิดได้ ...
อืม ... แต่ไม่ว่าจะเพราะอะไรก็ตาม พ่อคิดว่าได้เวลาจบเรื่องนี้เสียที

"มีหมูปิ้ง 12 ไม้นะภัทร เป็นหมูปิ้งของทุกคนในบ้านหลังนี้
พ่อเป็นหัวหน้าครอบครัวนี้ พ่อเป็นเปาปุ้นจิ้นของบ้านหลังนี้
คราบใดที่พ่อยังอยู่ ... พ่อจะไม่ยอมให้ใครคนใดคนหนึ่งเอาของทุกๆคนไปกินอิ่มคนเดียว
แล้วอีก 3 คนต้องอดกิน หรือ ต้องหิว เราเป็นครอบครัวเดียวกัน แม้ทั้งบ้านจะเหลือหมูปิ้งไม้เดียว ... หรือเหลือปลาแค่ครึ่งตัว เรา 4 คนก็จะต้องแบ่งกันเสมอ"

"วันหนึ่งที่หนูเป็นหัวหน้าครอบครัวนี้แทนพ่อ วันหนึ่งที่หนูต้องเป็นเปาปุ้นจิ้นของบ้านหลังนี้
หนูจะต้องไม่ยอมให้ใครคนใดคนหนึ่งเอาของทุกๆคนไปกินอิ่มคนเดียว ... แล้วอีก 3 คนต้องอดกิน
... หนูจะทำได้ไหมครับ"

" ทำได้ครับ " เสียงเบาๆในคอ หนูพยักหน้าทั้งน้ำตา

"ก่อนวันที่หนูจะเกิด วันที่พ่อสร้างครอบครัวนี้ขึ้นมา ... พ่อสัญญากับคุณตาคุณยายและคุณแม่ของหนูว่า ... ทุกๆท้องในบ้านหลังนี้จะต้องอิ่ม

ถ้าจะมีท้องที่ต้องหิวเป็นท้องแรก
ท้องนั้นจะเป็นท้องที่ได้อิ่มเป็นท้องสุดท้าย
และท้องนั้นต้องเป็นท้องของพ่อคนเดียวเท่านั้น"

" และถ้าต้องมีวันหนึ่ง ... วันที่ไม่มีพ่ออีกต่อไป ...
... พ่ออยากให้ท้องที่ต้องหิวเป็นท้องแรกและอิ่มเป็นท้องสุดท้าย
... คือท้องของหัวหน้าครอบครัวคนต่อไปของบ้านหลังนี้
... ซึ่งก็คือภัทรนะลูก ... หนูจะทำแทนพ่อ ... ดูแลคุณแม่และพี่เฟิร์นให้อิ่มได้ไหม ... ภัทร"

"หนูทำได้ ... ครับ ... หนูจะ ... ทำ ... แทนคุณพ่อ ... คุณแม่และ ... พี่เฟิร์นจะ ... ต้องอิ่ม"

ถึงแม้ประโยคจะขาดเป็นห้วงๆตามก้อนสะอื้นเป็นระลอกๆ
แต่พ่อรู้ได้ถึงความหนักแน่นของคำสัญญา .... สัญญาของลูกผู้ชายตัวน้อยของพ่อ

รักลูก ...
พ่อ ...
23.10 น. ของวันเดียวกัน


สำเนากระทู้ในพันทิพพร้อมความเห็นเพื่อนๆครับ

==> บทเรียนของลูกผู้ชายตัวเล็ก
- อีกหน้าที่หนึ่งของการเป็นหัวหน้าครอบครัว กับ หมูปิ้ง12ไม้ และ สัญญาของลูกผู้ชาย




ขออภัยที่ผมใช้ "ผู้หญิง" เปลือง ....

จะเกิดอะไรขึ้น .... เมื่อจู่ๆเธอเกิดอยากเป็นแม่ค้าขึ้นมา (ADHD 7)

.... เพียงเพราะว่า "ผู้ชาย" คนนี้เป็นของ "เธอ" ...

บทเรียนบทที่ 2 ของน้องเฟิร์น ... จากหน้าหนึ่งในบันทึกของพ่อ ...

บทเรียนเล็กๆของลูกผู้ชาย(ตัวน้อยๆ)ของพ่อ ...

ความจริงเกี่ยวกับ ... "เธอ" ... คนที่ลูกจะรัก : บทเรียนหนึ่งของลูกชาย จากพ่อ




 

Create Date : 03 กรกฎาคม 2554    
Last Update : 1 มกราคม 2555 19:27:09 น.
Counter : 1023 Pageviews.  

1  2  3  4  

Nong Fern Daddy
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 782 คน [?]




... Blog นี้ ...
แด่ ... แม่น้องเฟิร์นและน้องภัทร
เธอ..ผู้เปลี่ยนห้องที่มืดมิดให้สว่างไสวได้ด้วยรอยยิ้ม
เธอ..ผู้อยู่เบื้องหลังความเข้มแข็งและความสำเร็จทั้งมวล
... และ ...
เธอ ... ผู้เป็น "บ้าน" เพียงแห่งเดียวของผม

---------------------------------------------

หรือเพียง "ฝัน" ที่หาญท้าชะตาฟ้า ?

หรือจะเพียง "ศรัทธา" (ที่)ไร้ความหมาย ?

แม้จะเป็นแค่เพียง "ฝัน" จนวันตาย

แต่ผู้ชายคนนี้จะอยู่ข้างเธอ ... ตลอดไป ...

แด่ ... ลูกที่กล้าฝันของพ่อ

Friends' blogs
[Add Nong Fern Daddy's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.