เจ้าของร้านเหล็กดัดร้องช่อง 3 ช่วยตามคดี เม้าส์ B.O.Y ขับรถชนจนมีคนเจ็บ แต่คดีไม่คืบ ระบุ ยังตกลงค่าเสียหายไม่ได้ เดินหน้าฟ้อง ขณะที่ครอบครัวเม้าส์ ยัน รับผิดชอบ แต่คู่กรณีไม่นำหลักฐานค่าเสียหายมาแสดง ทำให้ประกันจ่ายตามที่ขอมาไม่ได้

เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2558 รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 รายงานว่า นายทนง บุญเลิศเจริญสุข เจ้าของร้านมุ่งเจริญกิจ ซึ่งเป็นร้านมุ้งลวดเหล็กดัด ย่านปากเกร็ด ได้เข้าร้องเรียนสื่อมวลชนว่า นายณัชชา จันทพันธ์ หรือ เม้าส์ อดีตนักร้องวง B.O.Y ที่ขับรถยนต์ซีอาร์วี เสียหลักพุ่งชนร้าน จนทำให้ช่างที่นั่งทำงานในร้านได้รับบาดเจ็บ 2 คน ไม่รับผิดชอบและเข้ามาเยียวยาผู้บาดเจ็บเลย

โดยนายทนง กล่าวว่า อุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2556 โดยนายณัชชา ได้ขับรถเสียหลักพุ่งเข้าไปในร้าน เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 คน คือ นายประมวล ศรีวงศ์รักษ์ ซี่โครงร้าว เลือดออกในปอด กระดูกสันหลังเคลื่อน อีกคนคือ นายเด่น พุทธชาติ ศีรษะแตก มีแผลถลอกตามตัว และโรคประจำตัวกำเริบ ทั้งสองคนต้องพักรักษาตัวนานครึ่งปีจึงสามารถกลับมาทำงานได้ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กล้องวงจรปิดสามารถจับภาพไว้ได้

นายทนง ยังกล่าวต่อว่า หลังจากเกิดเหตุ นายณัชชามาเยี่ยมคนเจ็บเพียงแค่ครั้งเดียว นอกจากนั้นมีแต่มารดาของนายณัชชาที่มาเยี่ยมเท่านั้น แต่ไม่เคยพูดเรื่องค่าเสียหาย ค่าสินไหมทดแทน ค่าทำขวัญ ส่วนค่ารักษาพยาบาลทางบริษัท กรุงเทพประกันภัย ที่รับประกันรถเป็นผู้รับผิดชอบ ต่อมามีการพูดถึงเรื่องค่าเสียหาย ซึ่งเกิดปัญหาขึ้น เพราะนายณัชชาระบุว่าจะจ่ายเงินชดเชยให้คนเจ็บคนละ 10,000 บาท แต่ตนเรียกค่าเสียหายที่เกิดขึ้นกับร้านไป 500,000 บาท นายประมวล คนเจ็บ เรียกค่าเสียหาย 300,000 ขณะที่นายเด่นเรียก 200,000 บาท ซึ่งตั้งไว้เพื่อต่อรอง แต่ฝ่ายนายณัชชาไม่ยอมต่อรอง โดยบอกจะให้บริษัทประกันรับผิดชอบอย่างเดียว

เจ้าของร้านเหล็กดัด กล่าวอีกว่า เมื่อเป็นเช่นนี้ตนจึงปรึกษากับทนายสรุปว่าจะเรียกค่าเสียหายทั้งหมด ซึ่งรวมทรัพย์สินต่าง ๆ และรถยนต์ที่ถูกชน อีกทั้งค่าเสียเวลา เป็นเงิน 1,349,100 บาท แต่บริษัทประกันจะจ่ายให้แค่ 220,000 บาท ส่วนนายประมวลเรียก 1,429,600 บาท บริษัทประกันบอกจะจ่ายให้ 30,000 บาท ขณะที่นายเด่นเรียก 247,000 บาท แต่บริษัทประกันภัยเสนอจะจ่ายให้ 5,000 บาท และครอบครัวนายณัชชาจะสมทบให้ผู้บาดเจ็บคนละ 10,000 บาท

นายทนง บอกว่า ตัวเลขดังกล่าวไม่สามารถยอมรับได้ เพราะเห็นว่าน้อยเกินไป เนื่องจากร้านได้รับผลกระทบจากการสูญเสียทรัพย์สินมากมาย ขาดรายได้ ขณะที่ผู้บาดเจ็บก็ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลกว่าครึ่งปี ที่ผ่านมาเจรจากันหลายครั้งก็ตกลงกันไม่ได้ จึงตัดสินใจจะฟ้องแพ่งและอาญา พร้อมกับร้องเรียนมายังช่อง 3 เพื่อให้ช่วยตามคดี เนื่องจากคดีนี้เกิดตั้งแต่ปี 2556 แต่จนถึงวันนี้ ตำรวจก็ยังไม่ได้ดำเนินการใด ๆ และไม่มีการเรียกนายณัฐชามารับทราบข้อกล่าวหาเลย

ด้านนายประมวล เล่าว่า ขณะเกิดเหตุกำลังนั่งทำงานอยู่ จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงดังเอี๊ยด แล้วตูม จากนั้นตนก็จำอะไรไม่ได้เลย เห็นคู่กรณีมาเยี่ยมอยู่ครั้งหนึ่ง และเห็นเขาไปออกข่าวว่าจะรับผิดชอบทุกอย่าง แต่จากนั้นตนก็ไม่เห็นเขามาเลย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ภรรยาต้องพักงานมาดูแลตน

ขณะที่นางเสาวลักษณ์ จันทพันธ์ มารดาของนายณัชชา พร้อมทนายความ ให้สัมภาษณ์ว่า ตามกฎหมายแล้วเรื่องการชดใช้ค่าเสียหายเป็นเรื่องของประกัน โดยรถของลูกชายทำประกันชั้น 1 วงเงิน 10 ล้านบาท หากจะจ่ายตามนี้ทางผู้เสียหายต้องนำหลักฐานมาแสดง แต่ที่ผ่านมาผู้เสียหายไม่ได้นำหลักฐานมาแสดงเลย เช่น ไม่มีใบแพทย์ระบุว่าต้องพักรักษาตัวกี่เดือน รวมทั้งค่าเสียรายได้ และทรัพย์สินที่เสียหายที่ทางประกันขอตรวจสอบ เพื่อประเมินราคา แต่ก็ไม่ได้นำมาให้ตรวจสอบ รวมไปถึงรถที่เสียหาย ทางประกันก็ขอคุยกับอู่รถที่ผู้เสียหายจะนำไปซ่อม แต่ทางผู้เสียหายก็ไม่ให้คุย บอกจะเอารถคันใหม่ ไม่เอาไปซ่อม ดังนั้นเมื่อไม่มีหลักฐานว่าเสียหายอะไรเท่าไร ทางบริษัทก็จ่ายเงินตามที่เรียกร้องมาไม่ได้

ทั้งนี้ ทางครอบครัวไม่ขัดข้องที่ผู้เสียหายจะฟ้อง โดยที่ผ่านมาพวกตนไม่เคยได้คุยกับผู้บาดเจ็บ มีเพียงเจ้าของร้านที่เป็นคนเข้ามาเจรจา ก่อนหน้านั้นแฟนเจ้าของร้านมาพูดกับตนว่า ทำไมไม่เคลียร์กันเอง ทำไมต้องเรียกประกัน ไม่กลัวเสียชื่อหรือหากเป็นข่าว แต่ตนเห็นว่ารถลูกชายมีประกันจึงให้เป็นหน้าที่ของประกัน และวงเงินความเสียหายก็ไม่เกินกรมธรรม์ที่ทำไว้ หากผู้เสียหายไม่พอใจก็สามารถไปร้องเรียนบริษัทประกันที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ก็ได้ ส่วนตัวเชื่อว่าเป็นเพราะลูกชายเป็นคนมีชื่อเสียง จึงทำให้ผู้เสียหายเรียกร้องเงินเกินความเป็นจริงมาก เพราะเชื่อว่าจะต้องยอมจ่ายให้แน่ ๆ เพื่อไม่ให้เสียชื่อเสียง แต่ตนไม่กลัว ขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม

ด้าน ร.ต.ท. ปิโยรส ชูกุล พนักงานสอบสวน (สบ.1) สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี กล่าวถึงคดีนี้ว่า ได้เรียกคู่กรณีมาไกล่เกลี่ยเรื่องค่าสินไหมทดแทนกันหลายครั้งแล้ว แต่ตกลงกันไม่ได้ ทำให้ผู้เสียหายยื่นฟ้องแพ่งต่อศาล ส่วนคดีอาญากำลังอยู่ในขั้นตอนการเรียกนายณัชชามารับทราบข้อกล่าวหา เพื่อสรุปสำนวนยื่นฟ้องต่อไป

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก

Create Date : 12 มกราคม 2558
Last Update : 12 มกราคม 2558 21:58:44 น.		0 comments
Counter : 539 Pageviews.
Share Tweet