เขาบอก ตลาดหุ้นจะมี Bear Market Rally
.
เขาบอก ตลาดหุ้นจะมี Bear Market Rally
. ต้องถามก่อนนะครับ ว่าผู้อ่านมีความเชื่อหรือยังว่า ตอนนี้เราอยู่ในช่วง Recession หรือภาษาไทยก็คือ เศรษฐกิจถดถอย? ถ้าคำตอบคือเชื่อ บทความนี้จะช่วยขยายลักษณะ และพฤติกรรมตลาดหุ้นในช่วงนี้ให้ท่านเข้าใจมากขึ้น แต่ถ้าใครยังไม่เชื่อว่าเศรษฐกิจกำลังแย่ แนะนำว่าให้รอดูผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในไทยของไตรมาส 4 ที่กำลังจะทยอยออกมาเรื่อยๆหลังเดือน ม.ค. นี้นะครับ แล้วจะได้คำตอบเอง ผมได้นั่งอ่าน Research ของโบรกเกอร์ต่างชาติหลายฉบับ ทั้งรายงานอดีตปัจจุบัน และพยากรณ์อนาคต ตอนนี้ทุกคนยอมรับว่าโลกจะแย่ขึ้นไปอีกในอีก 6 เดือนถึง1 ปีข้างหน้า แต่คำว่าแย่นี้ เขาดูที่ Real Sector หรือเศรษฐกิจภาคการผลิตและการบริโภคจริงๆนะครับ ไม่ใช่ว่าตลาดหุ้นจะแย่ตามไปอีก 6 เดือน ถึง 1 ปีข้างหน้า สาเหตุก็เพราะ ตลาดหุ้นจะมีการพยากรณ์อนาคตที่จะเกิดขึ้นกับบริษัทเหล่านั้นไปข้างหน้า 6 เดือนขึ้นไป ข่าวดีข่าวร้าย ที่จะเกิดขึ้น อะไรก็ตาม จะถูกนำไปคำนวนในมูลค่าของบริษัทเหล่านั้นตามความคิดเห็นของนักลงทุน และนักวิเคราะห์จากสำนักต่างๆ เคยสงสัยไหมครับ ออกข่าวร้าย หุ้นวิ่ง พอมีข่าวดี ซื้อไปดันเจอตอ ไม่รู้ใครมาขายให้เราจังเลย (ไม่เห็นรึไงว่าข่าวดีออกมาเยอะแยะ?) นั้นเป็นเพราะข่าวเหล่านี้ บางครั้งก็อยู่ในการวิเคราะห์ของนักลงทุนที่เข้าถึงข้อมูลได้ดีกว่าเรา เช่นผู้จัดการกองทุนเข้าทำ Company Visit บริษัทนั้นๆมาแล้ว เป็นต้น ดังนั้น... การหาจังหวะ หาราคาซื้อ ราคาขาย จากการเล่นข่าว จึงเป็นวิธีที่ไม่ทำให้นักลงทุนทั้งระยะสั้นและระยะยาวได้กำไรจากตลาดอย่างยั่งยืนเลย
แล้ว Bear Market Rally นี่คืออะไร? เอา 2 คำแรกก่อนนะครับ Bear Market หรือ ตลาดหมี ก็คือช่วงตลาดขาลงนั้นเอง ปกติถ้ากางตามตำรา ตลาดหมีนี่จะมีช่วงระยะเวลาตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป บางครั้งก็กินเวลา 2-3 ปีก็มีในตลาดต่างประเทศ คราวนี้เวลาตลาดลง ไม่ใช่ว่าจะลงอย่างเดียวแบบแย่งกันขายทั้งกองทุน ต่างชาติ และรายย่อย (Panic Sell) นะครับ ตลาดจะมีการสลับการขึ้นลงปรับฐานระหว่างทางตลอดเวลา ในมุมของผู้จัดการกองทุนนั้น เมื่อตลาดลง ก็เป็นโอกาสให้ผู้จัดการกองทุนปรับพอร์ต เปลี่ยนสัดส่วนการถือครองหุ้น หรือลดความเสี่ยงไปถือเงินสดเพิ่มขึ้นเมื่อเห็นว่าหุ้นมีโอกาสลงได้อีก ในช่วงเริ่มต้นเปลี่ยนแนวโน้ม จากตลาด Bull Market เป็น Bear Market นี่ สังเกตุไหมครับ ว่าเราจะไม่ค่อยจะรู้ตัวทันว่าตลาดเปลี่ยนเทรน และไม่ใช่แค่เราเท่านั้นที่ไม่รู้นะครับ ผู้จัดการกองทุนเองก็ยังไม่รู้เหมือนกัน เพราะทัศนคติที่เราทุกคนมีต่อตลาด Bull Market เราจะมองปัญหาว่า เดี๋ยวมันก็จะสามารถแก้ไขได้ เพราะตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆยังดี (ถึงแม้มันจะเป็นข้อมูลในอดีตก็เหอะ) เมื่อตลาดเปลี่ยนแนวโน้มจากขาขึ้น เป็นขาลง ในระยะแรกๆ ผู้ขายส่วนใหญ่จึงเป็นนักลงทุนต่างชาติ ส่วนกองทุนและรายย่อยจะเป็นผู้เก็บของเข้าพอร์ตครับ เมื่อตลาดทำท่ายืนไม่ไหว ไม่สามารถทำราคาดัชนีไปสูงกว่าราคาเดิมได้ซักระยะ กองทุนก็จะเป็นผู้ขายผสมโรงเข้ามา รายย่อยอย่างเราๆ พอเห็นหุ้นลงแรง ก็โทรสั่งซื้อกองทุน ทำรายการผ่านอินเตอร์เน็ต เพราะยังหวังเห็น High เดิมอยู่ ต่อเมื่อเรารู้ตัวว่า เอ...ทำไมยิ่งซื้อยิ่งลงนั้นล่ะครับ นักลงทุนรายย่อยที่ลงทุนระยะกลางและระยะสั้นจะเริ่มหันมาเป็นผู้ขาย แต่เป็นการขายแบบกำไรน้อย และเริ่มขาดทุน เมื่อนั้นเราจะเห็นนักลงทุนต่างชาติ และกองทุน สลับกันกลับมาเป็นผู้ซื้อบ้าง ซึ่งก็อธิบายได้ว่าเป็นการปรับพอร์ต หรือการซื้อหุ้นคืนหลังจากขายทิ้งที่ราคาข้างบนมาเยอะแล้ว เวลาของตลาดหมีจะเริ่มอย่างจริงจังเมื่อมีข่าวร้ายแรงเกิดขึ้น แล้วทำให้นักลงทุนทั้งตลาดตระหนักแล้วว่า ตลาดเข้าสู่ภาวะ Bear Market แล้ว เมื่อนั้นจะเกิด Panic Sell อย่างรวดเร็ว ราคาจะลงแรงอย่างมาก และผู้รับหุ้นต่อ ส่วนใหญ่จะเป็นนักลงทุนรายย่อยระยะยาว กับนักลงทุนเก็งกำไรระยะสั้นที่เน้นทำกำไรในส่วนตลาด Rebound ระยะสั้นๆ
ถึงตอนนี้ แม้นักลงทุนต่างชาติ (ซึ่งน่าจะมีข้อมูลที่ดีกว่าเรา) เขาจะรู้ว่าตลาดจะเลวร้ายไปกว่านี้ แต่การขายหุ้นตอนนี้ จะมีคนแย่งขายด้วยตลอด ถ้าจะขายจริงๆคงขายไม่ได้ราคาแน่ๆ ถ้าอยากได้ราคา อยากขายได้ปริมาณมาก เพื่อกลับไปรับในราคาที่ต่ำกว่า ต้องทำยังไงล่ะครับ ช่วยผมคิดหน่อย.... เฉลย เขาต้องพยายามทำให้นักลงทุนกลุ่มอื่นในตลาดเชื่อว่า ขาลงหมดไปแล้ว หรืออย่างน้อยๆ ก็ต้องเชื่อว่า ตลาดมีโอกาสรีบาว์นในระยะสั้นๆได้ เรียกอีกอย่างว่า ซื้อเรียกแขก นั้นเอง ในช่วงตลาดแบบนี้ ไม่ว่าข่าวร้ายจะมากแค่ไหน แต่ราคาหุ้นก็ไม่ลงแรงเท่าช่วงก่อนหน้า หนำซ้ำยังมีวิ่งขึ้นให้เราขายของได้อีกต่างหาก ขึ้นจนทำให้เราเชื่อว่า สงสัยมันจะขึ้นจริงๆ และเมื่อเราคิดว่าหุ้นจะขึ้นจริงๆ เมื่อนั้น แค่ข่าวร้ายนิดหน่อยๆออกมาเท่านั้นล่ะครับ ตลาดก็พร้อมลงทันที ยุทธการนี้ เราเรียกว่า Bear Market Rally เล่ามาทั้งหมดนี้ รู้สึกคุ้นๆกันไหมครับว่าเหมือนกับตลาดหุ้นบ้านเราในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมาเลย นี่ล่ะครับ Bear Market Rally บ้านเมืองเราเจอปัญหารุมเร้า แต่ SET Index ก็ไม่หลุด 380 จุดซักที แถมยังเด้งขึ้นได้หน้าตาเฉย อาจจะมีข่าวดีก็เรื่อง เปลี่ยนขั้วอำนาจการเมือง ลดความตรึงเครียด แต่แท้จริงปัญหาเศรษฐกิจยังไม่ได้รับการแก้ไขนะครับ สรุป ผมกำลังพยายามบอกว่า ราคาหุ้นนั้นสร้างกันได้ด้วยทัศนคติของนักลงทุนในตลาดในระยะสั้นๆ แต่พื้นฐานเศรษฐกิจที่แท้จริง จะมีอิทธิพลกับราคาหุ้นในระยะยาว และจริงแท้กว่า แต่ ณ ตอนนี้ ความเห็นส่วนตัวของผม ยังไม่เห็นสัญญาณที่ดีจากอะไรเลย และกว่าจะเห็นก็คงจะเป็นครึ่งปีหลังไปแล้ว การลงทุนในกองทุนหุ้นช่วงนี้ จึงต้องระมัดระวังและมีวินัยเป็นพิเศษ
โชคดีในการลงทุนครับ
Free TextEditor
Create Date : 02 กรกฎาคม 2552 | | |
Last Update : 2 กรกฎาคม 2552 23:41:20 น. |
Counter : 1645 Pageviews. |
| |
|
|
|