ปีบน้อยกลอยใจ
ครั้งแรกที่ในชีวิตที่รู้ว่ามีต้นไม้ชื่อปีบอยู่ในโลกนี้ก็สมัยตอนที่เป็นเด็กตัวกระเปี๊ยกอ่านหนังสือชัยพฤกษ์การ์ตูน (หนูทั้งหลายรู้จักหนังสือเล่มนี้ไหมคะ อิ อิ อิ )หนังสือเล่มที่เราอ่านออกมาช่วงเดือนเมษาประมาณเกือบ ๆ สงกรานต์ ก็เลยต้องมีคอลัมน์ความรู้รอบตัวแบบเด็กเด็ก บอกเล่าเก้าสิบเรื่องประวัติวันสงกรานต์และนางสงกรานต์นางสงกรานต์ปีนั้นชื่อนางโคราคเทวี ประทับเสือเป็นพาหะ ทรงพาหุรัด ทัดดอกปีบ ดอกปีบ ดอกปีบ ดอกอะไรฟะ ชื่อดอกปีบ!!!ตามประสาเด็กแปดขวบความจำสั้น ชื่อนางสงกรานต์นางนั้นก็เลือนไปจากหัวสมองแต่ชื่อดอกไม้ที่ชื่อปีบยังติดอยู่ในใจ ดอกปีบ ดอกปีบ ดอกอะไรฟะ ชื่อดอกปีบ!!!!เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก จากเด็กขี้มูกโป่งอายุแปดขวบ กลายร่างเป็นนักกอล์ฟหญิงโหดตัวดำทมิฬที่ตระเวณตีกอล์ฟไปเรื่อยเปื่อยแล้วแต่กำลังทรัพย์และเวลาจะพาไปวันหนึ่งบุญพาวาสนาส่ง เจ้านายส่งไปรับหน้าที่พาลูกค้าไปเชือด เอ๊ย ไปเอนเตอร์เทนที่สนามกอล์ฟอะไรชั่น ๆ ฮิลล์แถว ๆ เขาใหญ่ ที่หลุมไหนก็ไม่รู้ ช๊อตสอง แทนที่จะตีลูกขึ้นไปออนบนกรีน อิฉันกลับตีเลี้ยวเข้าไปในป่า ตอนที่เดินเข้าไปหาลูกกับป้าแคดดี้ เราก็เห็นว่าบนพื้นนอกแฟร์เวย์นั้นเต็มไปด้วยดอกไม้อะไรก็ไม่รู้ดอกยาว ๆ สีขาว ๆ นวล ๆ เต็มพรึดไปหมดจนแทบมองไม่เห็นพื้นหญ้าไม่ตงไม่ตีมันแล้วกอล์ฟ เก็บดอกไม้เล่นดีกว่านี่ดอกอะไรจ๊ะ แคดดี้เขาเรียกว่าดอกปีบค่ะนาย หอมด้วยนะคะเราหยิบดอกร่วง ๆ พวกนั้นขึ้นมาเกือบเต็มกำมือแล้วยกขึ้นมาดมตามคำเชื้อเชิญของป้าแคดดี้ฮัดเช้ย!!!!! เอ่อ ลืมไปว่าแพ้ละอองเกสรดอกไม้ ฮ่า ฮ่า ฮ่าหอมเย็นชื่นใจดีจังหันไปมองรอบ ๆ ตัว มุมนี้ของสนามกอล์ฟมีแต่ต้นปีบขึ้นเต็มพื้นที่ไปหมด ..เขาเอามาปลูกเหรอ .. เราถามป้าแคดดี้ต่อ . ไม่หรอกค่ะ นาย มันขึ้นของมันเอง เป็นดงแบบนี้แหละ .อืมมมม น่าประทับใจจริง ๆ อยากมีดงแบบนี้หลังบ้านบ้างจังเลยง่ะ----------- ปีบชื่อพื้นบ้านภาษาปะกิต Tree Jasmine, Indian cork tree, Maramalli, Tamil, Akash neemชื่อวิทยาศาสตร์ Millingtonia hortensis L.ชื่ออื่น กาซะลองวงศ์ Bignoniaceaeลักษณะทั่วไป ไม้ต้น สูง 5-25 เมตร เรือนยอดเป็นพุ่มกลมแน่นทึบ กิ่งห้อยลงคล้ายร่ม เปลือกหนา สีเทาหรือเทาอมเหลืองถึงน้ำตาลอ่อน แตกเป็นสะเก็ดเล็กๆ หรือแตกเป็นร่องลึกไม่เป็นระเบียบ ใบประกอบแบบขนนก 2-3 ชั้น ใบย่อยรูปไข่ รูปไข่แกมรูปหอก หรือรูปปลายเรียวแหลม โคนมน ขอบเรียบ หรือหยักห่างๆ ดอกสีขาวมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ออกเป็นช่อกระจุกแยกแขนงที่ปลายกิ่ง ดอกบานในช่วงกลางคืน ผลเป็นฝักแบน ขึ้นได้ในดินระบายน้ำดี ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด และชำจากลำต้นใต้ดินออกดอก เดือนกันยายนถึงพฤศจิกายนสรรพคุณอื่น ๆ เอามาปลูกแล้วสบายใจ พ่อแก่แม่ชราแข็งแรงมากขึ้น เพราะได้ออกกำลังด้วยการกวาดใบปีบที่ร่วงลงพื้นทุกวั้นทุกวัน
รักแรกพบกับต้นกันเกรา
เราไปเห็นต้นจริงเสียงจริงที่รังต้นไม้ใหญ่ปากซอยหมู่บ้าน เรือนต้นสวนเด่นสะดุดตามาก แถมมีดอกสีเหลืองเป็นช่อเล็ก ๆ น่ารักเต็มต้นไปหมด กำลังจะเอ่ยปากถามน้องคนขายว่ามันเรียกว่าต้นอะไร พ่อก็กวักมือเรียกให้ไปดูต้นไม้เขียวสวยต้นเตี้ยลงมาหน่อยที่มีดอกเหลือง ๆ น่ารัก พ่อถามคนขายว่านี่คือต้นอะไร น้องคนขายบอกว่า ต้นกันเกรา เป็นไม้มงคลน๊ะจ๊ะ เออ ชื่อแปลกดีนะ ขอดมดอกหน่อยได้ไหมได้จ้ะ แล้วน้องคนขายก็ปีนด่อกแด่กขึ้นไปตามกิ่งและเด็ดดอกลงมาให้สองสามช่ออืมมมม หอมชื่นใจน้อง แล้วต้นสูงใหญ่นั่นล่ะ ชื่ออะไร เราชี้ไปที่ต้นไม้ใหญ่ที่สะดุดสายตาเราเป็นต้นแรก โน่น ก็กันเกราเหมือนกันค่ะแล้วต้นเท่าไรคะน้องรวมขนย้าย ปลูกและค้ำยัน ต้นนี้ก็สองหมื่นหกค่ะคร่อก!!!!! เป็นลมต่อได้นิดหน่อยนะคะคุณพี่ น้องคนขายรีบบอกเอายาดมมาให้พี่ดมก่อนนะคะคุณน้อง เฮ่อ!!!!!!!ส่วนข้อมูลข้างล่างนี้ข้าพเจ้าไปหาตัดแปะมาจากเวปไซต์ต่าง ๆ อ่านไปอ่านมาจะได้ความรู้สึกเหมือนอ่านรายงานของเด็กมอต้น ฮ่า ฮ่า ฮ่า กันเกราชื่อพื้นเมือง ตำเสา (ไทย เกาะพงัน ตรัง) ทำเสา (นราธิวาส) มันปลา (กบินทร์บุรี ปราจีนบุรี พายัพ ตะวันออกเฉียงเหนือ) ตาเตรา (เขมรตะวันออก) ตำมะซู ทำมะซู (มาเลเซีย)ชื่อวิทยาศาสตร์ Fragraea fragrans Roxb.ชื่อวงศ์ กันเกรา LOGANIACEAEชื่อสกุลไม้ กันเกรา Fragraea Thumb. ชื่อการค้า Ananเป็นต้นไม้ที่มีรูปทรงต้นเปลาตรง เรือนยอดเป็นรูปเจดีย์ สวยเด่น มีใบเขียวตลอดปีให้ร่มเงาได้ดี ดอกดกตามปลายกิ่งมีกลิ่นหอมเย็นชื่นใจ ปลูกเป็นไม้ ประดับ ได้สง่างาม และมีลักษณะพิเศษที่รูปทรงเรือนยอด ปลูกเป็นไม้ประดับ กลิ่นดอกหอมและให้ร่มเงาตลอดปี ต้นไม้ เป็นต้นไม้ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ไม่ผลัดใบสูง 8 - 30 ม.ลำต้นไม่เปลาตรงนัก เปลือกนอก หยาบหนา สีน้ำตาลหรือสีเทาปนดำ แตกเป็นร่องลึกไม่เป็นระเบียบ โคนต้นไม่มีพูพอน เปลือกใน สีเหลือง เรือนยอด แตกกิ่งก้านต่ำ กิ่งก้านแน่น เป็นรูปกรวยคว่ำโดดเด่น แปลกตา กิ่งลู่ลงสู่พื้นดิน ดอก ออกเป็นช่อกระจะแยกแขนงตามง่ามใบใกล้ปลายกิ่ง ยาว 5 - 10 ซม. ก้านดอกสั้น ๆ มีดอกออกหนาแน่นเป็นกระจุกบนช่อสั้น ๆ ที่ปลายกิ่ง ดอกกลิ่นหอมเย็น ดอกบานเต็มที่ กว้าง 17 มม. เมื่อดอกเริ่มบานสีขาวต่อมาเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ใกล้จะร่วงสีเหลืองเข้มขึ้น กลีบรองกลีบดอก 5 กลีบ ติดกันคล้ายรูประฆัง ยาว 2 - 3 มม. กลีบดอกติดกันรูปแจกัน ยาว 1.3 - 2.2 ซม. ปลายกลีบดอกแยกเป็น 5 กลีบ ปลายกลีบมน เกสรผู้มี 5 อัน ยาว 1.8 - 2.3 ซม. ยื่นพ้นปากหลอดกลีบดอก รังไข่ มี 2 ช่อง ยอดเกสรเพศเมียบวมพอง ยื่นพ้นปากหลอดกลีบดอกเช่นกัน ดอกดกตามบริเวณปลายกิ่งผล ผลกลมมีเนื้อขนาดเล็กรวมกันเป็นช่อคล้ายช่อดอก เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 6 - 8 มม. มีติ่งแหลมสั้น ๆ อยู่ตรงปลายสุด เมื่อแก่ผนังไม่แตกแยกออกจากกัน ผลอ่อน สีเขียว ผลแก่ไม่แตก เมื่อแก่เต็มที่เปลี่ยนเป็นสีแดงเลือดนก มีรสขมเมล็ดขนาดเล็ก มีจำนวนมาก ระยะเวลาในการออกดอกและเป็นผล ออกดอกระหว่างเดือน เมษายน-มิถุนายน เป็นผลระหว่างเดือน มิถุนายน-กรกฎาคม การขยายพันธุ์ นิยมเพาะกล้าจากเมล็ด การปักชำก็ทำได้ ในการเพาะเมล็ดต้องหว่านเมล็ด ในกระบะทรายหรือขี้เถ้าแกลบ เนื่องจากเมล็ดมีขนาดเล็กมาก พอกล้าได้ขนาดย้ายลงถุงดินอีกครั้งหนึ่ง จึงจะรอดตายสูง ด้านสมุนไพร ส่วนที่ใช้เป็นสมุนไพรและมีสรรพคุณ คือ เปลือก บำรุงโลหิต แก้ผิวหนังพุพอง ปวดแสบร้อน แก่น ขับลม แก้ไข้จับสั่น แก้ไข้ แก้ปวดตามข้อ แก้พิษฝีกาฬ บำรุงม้าม แก้เลือดลมพิการ บำรุงโลหิต แก้ปวดแสบปวดร้อน บำรุงไขข้อ แก้มองคร่อ แก้น่อนหน้าอกบำรุงธาตุ แก้ท้องมาน แก้หืดไอ แก้ริดสีดวง แก้ลงท้อง มูกเลือด บำรุงมันในร่างกาย เป็นยาอายุวัฒนะ เออแน่ะ!!! มีสรรพคุณเป็นยาอายุวัฒนะด้วยฟุ้ย แบบนี้ต้องหาต้นเล็ก ๆ มาปลูกซักต้นแล้วตั้งตัวเป็นหมอกลางบ้านเสียเลย อันนี้เป็นแสตมป์รูปต้นกันเกราจากประเทศมาเลเซีย สวยดีเนาะ