Group Blog
 
All blogs
 
วายร้ายไม่หน่ายรัก (Notorious Love) บทที่ 5

วายร้ายไม่หน่ายรัก (Notorious Love) บทที่ 5

เมรีญากำลังวาดรูประบายสีคนเดียวในห้องของเล่นด้วยความเพลิดเพลิน ขณะที่มาริษาและปฐพีแยกมาอยู่ที่ห้องทำงานซึ่งอยู่ข้างๆ มันเก็บเสียงได้ดี ไม่ต้องกลัวว่าคุยกันแล้วเด็กหญิงจะได้ยินในสิ่งที่ไม่สมควร

พวกเขามีเรื่องต้องคุยกันอีกมาก

“คุณต้องการอะไรกันแน่” มาริษาเอ่ยทันทีที่ประตูห้องปิด

“แมรี่น่าจะรู้” ปฐพีตอบทันที ก่อนจะมองไปรอบๆ ด้วยความสนใจ

ห้องทำงานของศิลปินดูเรียบร้อยกว่าที่เขาคาดคิด ซึ่งไม่น่าแปลกใจเพราะมาริษาเป็นคนจัดการอะไรอย่างเป็นระบบระเบียบ ขนาดห้องพักที่คอนโดมิเนียมของเธอยังเรียบร้อยจนเขาไม่เห็นร่องรอยว่าเธอเป็นนักวาดภาพเลย

ห้องนี้ดูเคร่งขรึมด้วยสีขาวและสีน้ำตาลเข้ม พื้นที่ตรงกลางว่างเปล่า มุมห้องหนึ่งสว่างไสวกว่าส่วนอื่นๆ เนื่องจากมีแสงอาทิตย์สาดเข้ามาเป็นพื้นที่ทำงาน มีขาตั้งเปล่า กรอบผ้าใบที่มีภาพที่ยังวาดไม่เสร็จแขวนอยู่บนโครงไม้ ซึ่งยึดเข้าด้วยกันอย่างแน่นหนา ใกล้กันนั้นเป็นตู้กรุกระจกใสเก็บสีและพู่กัน กับตู้หนังสือไม้สีฟ้าครามขนาดย่อม มีหนังสืออัดแน่นทุกชั้น ผนังฝั่งตรงข้ามเต็มไปด้วยภาพวาด--คล้ายผนังห้องพักเก่าของเธอ--ซึ่งคาดเดาได้ไม่ยากว่าเป็นฝีมือของเจ้าของบ้าน เพราะเขาจดจำบางภาพที่เคยติดตั้งบนผนังห้องที่คอนโดฯ ของเธอได้ ทว่าในตอนนั้นเขาไม่ทราบว่าเธอเป็นคนวาดด้วยตัวเอง เมื่อสังเกตดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดดูน่าทึ่ง และไม่เหมือนมาริษาที่เขารู้จัก

“ไม่หรอกค่ะ ฉันไม่รู้ ไม่เคยรู้เมื่อเป็นเรื่องเกี่ยวกับคุณ” มาริษาย้อน ดวงหน้ากระด้างและเย็นชา เหมือนห้อง ตรงข้ามกับภาพวาดที่แสดงอารมณ์ล้นเหลือ

“ผมอยากอยู่กับลูก” ปฐพีสบตาเธอหนักแน่น

มาริษาเจ็บปวดล้ำลึกเมื่อไม่มีเธอรวมอยู่ด้วย แต่...เธอจะหวังอะไรได้ล่ะ เขาไม่ได้จริงจังกับเธอตั้งแต่แรกแล้วนี่ เขาเพียงหลอกลวงให้เธอเข้าใจผิด

“ตลอดไปหรือชั่วคราว” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาเย้ยหยัน หญิงสาวไม่เชื่อถือเขาสักนิด แม้เขาจะเคยบอกว่าต้องการเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเมรีญา คนอย่างเขาจะทำได้งั้นรึ เธอสงสัยนัก

ชายหนุ่มนิ่งอึ้ง เขาตอบไม่ได้ เพราะไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ถ้าเป็นไปได้ เขาจะทำให้ตัวเองได้อยู่กับเธอตลอดไป

นั่นก็เพื่อสิ่งเดียว...เพื่อใกล้ชิดกับลูก

เมื่อเห็นเขาเปิดช่องว่าง มาริษาก็โจมตีต่อ

“รู้หรือเปล่าว่าคุณอาจจะทำให้เมหัวใจสลาย คุณไม่ควรแนะนำตัวกับเมว่าคุณเป็นพ่อด้วยซ้ำ ถ้าเกิดคุณไม่แน่ใจว่าจะอยู่กับเมได้ตลอด”

ปฐพีเม้มปาก เขาเกือบเห็นด้วยกับเธอ อาชีพของเขาสวนทางกับคำว่าครอบครัว...ความรับผิดชอบนั้นมีให้แค่งานเพียงอย่างเดียว

“ฉันไม่อยากต้อนรับคุณอีก” มาริษาหันไปทางอื่น...มองลอดหน้าต่างห้องออกไป หวังว่าวิวทิวทัศน์ข้างนอกจะช่วยทำให้เธอใจเย็นลงได้ เธอไม่อยากระเบิดอารมณ์...แสดงความปั่นป่วนให้เขาเห็น เธอจะต้องเย็นเหมือนน้ำแข็งขั้วโลก จะให้เขารู้ไม่ได้ว่าเธอแคร์...หวั่นไหว

“ถ้าผมจะอยู่กับลูกตลอดไป แมรี่จะยอมงั้นหรือ”

“ถ้าคิดว่าทำได้ ก็ลองดูค่ะ แต่ตราบใดที่คุณอยู่ห่างๆ ฉัน” หญิงสาวใช้คำพูดกีดกันเขาออกไป ทั้งที่อยากจะดึงเขาไว้ใกล้ตัว

มาริษาสบตาเขาด้วยแววตาแข็งกร้าว แล้วพูดต่อ

“ฉันไม่ต้อนรับคุณ แต่คุณจะมาหาเมเมื่อไหร่ก็ได้” เธอจะไม่ห้าม เพราะรู้ว่าห้ามไม่ได้ แล้วอีกหนึ่งเหตุผล เมรีญาคงจะเสียใจ อุตส่าห์ได้เจอกับพ่อแล้วทั้งที เธอไม่กล้าทำร้ายจิตใจลูกด้วยการตัดโอกาสไม่ให้สองพ่อลูกได้พบกันหรอก

“อ้อ...ต้องไม่ใช่มาแบบวันนี้ด้วย งัดเข้ามาในบ้าน ฉันรับไม่ได้”

ปฐพีสบตาเธออย่างใจเย็น มาริษาผู้อ่อนหวานน่ารักที่เขารู้จัก กลายเป็นคนช่างกระทบกระเทียบแดกดันไปเสียแล้ว และเขาไม่โทษเธอเลย

“แมรี่ควรจะเปลี่ยนแม่กุญแจใหม่นะ มันไม่ปลอดภัยเท่าไหร่”

“ใช่สิ ไม่ปลอดภัยจากคุณไง” หญิงสาวแสยะยิ้ม

ชายหนุ่มไม่ตอบโต้ แต่บอกสั้นๆ ว่า “ผมจะจัดการเรื่องแม่กุญแจกับระบบรักษาความปลอดภัยให้”

มาริษาเชิดคางขึ้นคล้ายไม่สนใจ ทว่าหัวใจเต้นแรงเมื่อรับรู้ว่าเขากำลังขยับเคลื่อนเข้ามาในชีวิตเธอมากกว่าเดิม พระเจ้า! ใจแข็งเข้าไว้นะแมรี่ รักษาหัวใจตัวเองไว้ให้ดี อย่าให้เขาทำลายซ้ำได้อีก

“แมรี่รู้จักปารย์ได้อย่างไร” พอไม่ได้อยู่ต่อหน้าปารย์ ก็ไม่จำเป็นต้องมีความนับถือ คุณปารย์เลยกลายเป็นเพียงปารย์เฉยๆ

“คุณก็รู้อยู่แล้วนี่”

ชายหนุ่มสะกดกลั้นอารมณ์แล้วพูด “ผมรู้ว่าเขาซื้อภาพจากแมรี่”

“เห็นไหมว่าคุณรู้อยู่แล้ว”

ครั้นถูกหญิงสาวยั่วด้วยการทำเป็นยักไหล่ เฉยชาไม่ใส่ใจ และถามคำตอบคำ ปฐพีที่เป็นคนใจร้อนเป็นทุนเดิมก็ชักจะทนไม่ไหว เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วไปหาเธอ

มาริษาตกใจ เธอถอยหลัง และเขาก้าวตาม ต้อนจนหลังเธอชนกับผ้าม่านที่อยู่ข้างหน้าต่าง แดดร้อนสาดใส่ซีกหน้าข้างหนึ่ง สะท้อนให้เห็นแววตื่นตัวในดวงตาสีน้ำตาลอ่อน

“ผมอยากรู้จากปากของแมรี่มากกว่า”

“ฉัน...ฉัน...” หญิงสาวตะกุกตะกัก ไม่เคยเห็นปฐพีในลักษณะนี้ คลื่นความร้อนที่แผ่ออกมาจากร่างเขาทำให้เธออึดอัดเพราะความต้องการเขา เธอเบิกตากว้าง ขณะมองเข้าไปในนัยน์ตาสีน้ำตาลกร้าวของเขา

ชายหนุ่มไม่สนใจทีท่าของเธอ เขาเบียดตัวชิด ก้มหน้าลง คุมคามเธอด้วยลมหายใจอุ่นๆ ที่รินรดใบหน้า

“แมรี่รู้จักปารย์นานหรือยัง” เขาถามต่อไป

“เอ่อ...ก็...ถือว่านานแล้วเหมือนกัน”

“กี่วัน กี่เดือน กี่ปี”

“บ้าจริง คุณจะรู้ไปทำไม” เธอโวย แต่เขาไม่สน ถามซ้ำด้วยสีหน้าจริงจังจนเธอไม่อาจปฏิเสธได้

“กี่วัน กี่เดือน กี่ปี”

“หกเดือน” มาริษากระชากเสียงใส่อย่างเสียไม่ได้

ปารย์ซื้องานของเธอไปแล้วสองชิ้น โดยมีงานที่เขาตั้งชื่อว่า ‘ภาพสะท้อน’ งานเป็นชิ้นที่สอง นอกจากนั้น ปารย์ก็เหมือนลูกค้าของเธอ มักจะขอติดต่อเข้ามาดูงานใหม่ๆ อยู่เรื่อย และมีโทรศัพท์คุยกันบ้าง ส่วนใหญ่เป็นเรื่องงาน และเอ้อ...มีเรื่องส่วนตัวเล็กน้อย ทว่าเธอก็ไม่ได้เล่าอะไรเกี่ยวกับตัวเองมากมาย เขาทราบว่าเธอเป็นนางแบบมาก่อนจะผันตัวเองเป็นจิตรกร เขารู้ว่าเธอเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว มีลูกสาววัยย่างสามขวบคนเดียว แต่ไม่ปรากฎว่ามีสามี ซึ่งเขาไม่เคยละลาบละล้วงกล่าวถึง เธอจึงรู้สึกสบายใจกับเขา

ปารย์อาจจะพิเศษกว่าลูกค้าคนอื่นตรงที่ เขาเคยมาส่งเธอกับเมรีญาที่บ้าน ตอนนั้นรถของเธอบังเอิญเสีย เขาจึงอาสาพาเธอและลูกมาส่ง เพราะมักจะทำอะไรด้วยตัวเอง เธอจึงปฏิเสธตั้งแต่แรกที่เขาเอ่ยปาก แต่เขาไม่ยอม ตื้อจนเธอใจอ่อนยอมให้เขาทำตามที่ขอ และเธอยังเห็นแก่น้ำใจของเขา ชวนเข้ามาดื่มกาแฟก่อนจะกลับบ้าน และหลังจากนั้นพวกเขาก็ติดต่อกันมาเรื่อยๆ ความสัมพันธ์เสมือนแม่ค้าและลูกค้ามากกว่าประเด็นชู้สาว เธอจึงไม่ได้ปิดกั้นตัวเองจากเขาดังที่ปรกติมักทำกับผู้ชายคนอื่นที่เริ่มเข้ามารุกล้ำความเป็นส่วนตัวของเธอ

“เขาเป็นแค่ลูกค้างั้นหรือ” เสียงที่อ่อนลงเมื่อครู่แข็งขึงขึ้นมาอีกครั้ง ปฐพีไม่ต้องการให้ปารย์เข้าใกล้มาริษาและเมรีญา

“ใช่” อดีตนางแบบสาวตอบ ก่อนจะจ้องเขาตาวาว

“ทำไม คุณสงสัยอะไร” เธอผลักเขาเบาๆ คราวนี้เขายอมถอยออกห่าง...เพียงนิดเดียว

“เปล่า ผมแค่ไม่ชอบเขา” ปฐพีไม่ชอบปารย์ตั้งแต่ทราบว่าอีกฝ่ายมีฉากหลังเป็นอย่างไร แม้ตัวเขาเองจะไม่สุจริต...ไม่ต่างจากปารย์ แต่นั่นมันไม่เหมือนกัน

“คนอย่างคุณเคยชอบใครบ้าง”

“แมรี่ไง ผมชอบแมรี่” เขาสบตาเธอ เสียงทุ้มอ่อนโยนชวนให้เคลิบเคลิ้ม ทว่ามาริษารีบสลัดตัวเองออกจากฝันสีชมพู

“ตลกล่ะคุณดิน” หญิงสาวหัวเราะเบาๆ ใส่หน้าเขาอย่างเยาะเย้ย “อย่าพูดโกหกในเรื่องที่ทั้งคุณและฉันรู้ความจริงอยู่แล้วเลย”

“แมรี่ไม่รู้อะไร” ปฐพีจ้องลึกลงไปในดวงตาสีน้ำตาลอ่อน เธอรู้ไม่รู้ว่าเขากำลังพูดความจริง อย่างน้อยตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยลืมเธอ

“ถ้าฉันรู้ ก็คงจะไม่มีวันนี้”

“ผมไม่เคยลืมแมรี่”

มาริษาหัวเราะอก อยากจะเชื่อ แต่เชื่อไม่ลง ประสบการณ์ที่มีต่อเขาสอนให้เธออย่าเชื่อ...อย่าไว้ใจ

“พอที เราอย่าพูดเรื่องนี้กันอีกเลย” เธอสะบัดตัวและเดินออกห่าง หลบไปที่มุมภาพวาดของตน ปฐพีเดินตามไปอย่างไม่ลดละ แต่ไม่ได้คุกคามเธอเหมือนเมื่อครู่

“แมรี่ควรจะอยู่ห่างๆ ปารย์”

หญิงสาวหันขวับมาถามเสียงกร้าว “ทำไม มีเหตุผลอะไร”

“เขาไม่ใช่คนดี อย่าไว้ใจเขา”

“ยังไง อธิบายมาสิ”

ปฐพีสั่นหน้า “ผมยังบอกไม่ได้”

“งานของคุณลึกลับตลอดเลยนะ” มาริษาพอจะเดาได้ว่าปารย์เกี่ยวข้องกับงานของเขา

“ทำไมต้องเป็นพ่อค้าขายของเก่าคะ คุณกำลังจะหลอกอะไรคุณปารย์”

ชายหนุ่มแทบทนไม่ได้เมื่อเธอพูดเหมือนกล่าวหาเขา และเข้าข้างเป้าหมาย

“เอาเป็นว่าคราวนี้ผมไม่ได้เล่นบทผู้ร้ายก็แล้วกัน”

“ไม่เหมือนคราวก่อนใช่ไหมคะคุณโปรแกรมเมอร์” หญิงสาวย้อนถึงงานที่ทำให้เธอได้รู้จักเขา ริมฝีปากเหยียดยิ้มหยัน

ปฐพีถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่าย ก่อนจะยอมรับ “ใช่ ผมเป็นห่วงแมรี่กับลูก อย่าไปยุ่งกับปารย์เลย”

“เขาเป็นลูกค้าของฉันค่ะ” มาริษาพูดอย่างดึงดัน “เงินของเขาเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ฉันกับลูกมีกินมีใช้” เธอประณามปฐพีทางสายตาทำนองว่าผิดกับเขาที่ไม่ได้ช่วยเหลือจุนเจือพวกเธอทางใดทางหนึ่งเลย

นักค้าของเก่ากำมะลอทนไม่ได้ พลั้งพูดออกไปเสียงดัง “ผมก็มีเงิน” กว่าจะรู้ตัวว่ากำลังดูถูกเธอและทำให้ตัวเองถูกด่า เขาก็เรียกคำพูดทั้งหมดกลับมาไม่ได้แล้ว

“ฉันไม่ต้องการเงินของคุณ ฉันดูแลตัวเองกับลูกได้”

ปฐพีถอนหายใจ เรื่องนี้ไม่ง่ายเลย เขารู้ “แมรี่ครับ ผมขอโทษ” เขายอมอ่อนลงอย่างที่ไม่เคยยอมใคร เธอเมินคำขอโทษของเขา แต่เขาก็ไม่สนใจ พูดต่อไป

“แต่ผมขอร้อง...อย่าสนิทสนมกับเขานักก็แล้วกัน”

เธออยากจะถามว่า...เขามีสิทธิ์อะไร หึงงั้นหรือ แต่ก็รู้ดีว่าเขาไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เธอไม่มีความหมายใดต่อเขาเลย ยกเว้นแต่เป็นแม่ของลูกเขา...ลูกที่เขาเพิ่งจะรู้ว่ามีตัวตน

“ฉันติดต่อกับปารย์แค่เรื่องงาน” หญิงสาวยืนยัน เขาช่างไม่รู้บ้างเลยว่าหลังจากเจอผู้ชายหลอกลวงอย่างเขา เธอก็เข็ดเพศชายไปเสียหมด ไม่ว่าจะดี หล่อ หรือรวยอย่างเจ้าของช่อดอกลิลลี่เมื่อเช้า เธอก็ไม่สน

ปฐพีไม่เถียงต่อ เขาถือว่าได้เตือนเธอแล้ว และมาริษาน่าจะเข้าใจ และถึงเธอจะไม่เข้าใจ เขาก็จะดูแลเธอกับเมรีญาอยู่ไม่ห่าง ไม่ว่าจะเป็นปารย์...หรือศิวัช เขาก็จะไม่ยอมปล่อยให้มาคุมคามชีวิตเธอ

“แล้วศิวัชล่ะ เขาเป็นใคร”

มาริษาไม่แปลกใจที่เขารู้จักชื่อเจ้าของดอกไม้ เชื่ออยู่แล้วว่าเขาจะต้องฉวยโอกาสระหว่างเธอไม่อยู่อ่านนามบัตรที่แนบมากับการ์ดติดช่อดอกไม้

“ยังจะถามอีก คุณอ่านอะไรไปบ้างล่ะ” หญิงสาวย้อน

“อ่านแค่ข้อความ...” หวานเลี่ยน ปฐพีค่อนในใจ ไม่กล้าพูดออกไปเพราะกลัวมาริษาจะอารมณ์ขึ้นง่ายๆ “กับนามบัตร”

“ก็มีแค่นั้นนั่นแหละ ถูกต้องแล้ว”

“ผมอยากให้แมรี่บอกผมว่าศิวัชเป็นใครมากกว่า”

“คุณตาถั่วหรือ ถึงไม่เห็นว่าในนามบัตรบอกว่าเขาเป็นเจ้าของโชว์รูมรถ”

“ผมรู้แล้ว” เขาบอกหน่ายๆ ก่อนจะนึกได้ว่าอาจจะเป็น...

“เอ๊ะ! เขาเป็นลูกค้าของแมรี่หรือ”

มาริษาเงียบ ไม่ตอบ นั่นทำให้ปฐพีเชื่อว่าเขาเข้าใจถูก

“คุณจะกลับไปได้หรือยัง น่าจะพอได้แล้ว คุณได้เจอเมแล้วนี่” เมื่อไม่รู้จะทำอย่างไร หญิงสาวจึงเอ่ยปากไล่

“ไม่หรอก ผมไม่พอใจอะไรง่ายๆ แค่นี้หรอก” ชายหนุ่มส่ายศีระไปมา

“ก็ช่างคุณ” มาริษาไม่สน

แล้วจู่ๆ เขาก็เปลี่ยนคำถามเสียจนอดีตนางแบบตั้งตัวไม่ติด

“ลูกสาวเรา ชื่อจริงว่าเมรีญาใช่ไหม” เขาถามชื่อที่สันนิษฐานว่าจะเป็นชื่อจริงของเม

มาริษาเลิกคิ้วนิดๆ แปลกใจกับคำถามปุบปับ

“อย่าบอกว่าผมก็รู้อยู่แล้วนะ” ปฐพีบอกด้วยน้ำเสียงเตือนๆ แม้จะเขาหยุดรุกเรื่องศิวัช และจะไปสืบหาข้อมูลด้วยตัวเอง แต่นั่นมันก็แค่ศิวัชชายแปลกหน้า เพราะสำหรับเมรีญาซึ่งเป็นคนสำคัญ เขาอยากจะรู้จากปากของมาริษามากกว่า

“เดาไม่ยากนี่คะ ชื่อเมไม่ซับซ้อนอะไรเลย เมรีญา ชื่อเล่นว่าเม”

“แปลว่าอะไรหรือครับ” เขาถามต่อ อยากรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับลูกสาว

“ไม่มีความหมายหรอก ฉันเคยได้ยิน และชอบ ก็เลยเอามาตั้งเป็นชื่อลูก”

“คล้องกับชื่อแมรี่ดีนะ”

“ค่ะ” นั่นเป็นส่วนหนึ่งที่เธอชอบ เธออยากให้ใครๆ รู้ว่าเมรีญาเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเธอ ไม่มีคนอื่นเกี่ยวข้อง และใครก็แย่งไปจากเธอไม่ได้

แล้วก่อนที่บทสนทนาจะดำเนินไปมากกว่านี้ ประตูห้องก็เปิดออกผาง เด็กหญิงตัวน้อยเดินเข้ามาข้างในห้องทำงานด้วยความมั่นใจ ในมือเล็กถือกระดาษเปรอะสีแผ่นหนึ่ง เธอตรงมาทางบิดา ไม่ใช่มารดา

“เมวาดรูปพ่อ” เธอส่งกระดาษแผ่นนั้นให้

ปฐพีรับมาดู เป็นภาพลายเส้นง่ายๆ ลงสีดินสอไม้ ดูออกว่าเป็นรูปผู้ชาย ทรงผมสั้นคล้ายกับเขา และใส่เสื้อสีฟ้าเช่นเดียวกับที่เขากำลังสวมใส่ ภาพดูพิเศษกว่าฝีมือเด็กวัยสองขวบที่เขาระลึกได้ และถ้าเขาไม่เข้าข้างลูกสาวตัวเองมากเกินไป เขาคิดว่ามันดูเหมือนเขา

มาริษาชะโงกหน้าไปดูรูป นึกหมั่นไส้สีหน้าปลาบปลื้มของชายหนุ่มโดยไม่มีสาเหตุ

“เหมือนไหมคะ”

“เหมือนค่ะ เหมือนมาก” ปฐพียื่นรูปไปทางมาริษา

“เหมือนใช่ไหมแมรี่ ลูกของเราฝีมือไม่เลวทีเดียว คงจะได้พรสวรรค์ของแมรี่มาแหงๆ” เขายิ้มให้ ทว่าหญิงสาวกลับเม้มปาก และไม่พูดอะไร
ลูกของเรา! โมเมเชียว พวกเขาสองคนไม่มีทางเป็น ‘เรา’ ไปได้หรอก ในเมื่อเขาทิ้งเธอไป ทว่าหวนกลับมาเพราะลูกสาวคนเดียว

“พรหวันคืออะไรคะ” เมรีญาถามอย่างไม่เข้าใจ

“พรสวรรค์จ้ะ” ปฐพีเอ่ยช้าๆ

“พรหวัน” หากเมรีญาไม่สามารถออกเสียงได้ เธอลองพูดอีกหลายครั้งและพรสวรรค์ก็ยังเป็นพรหวัน

“พรหวันคืออะไรคะพ่อ” เธอถามซ้ำ

ปฐพีพยายามนึกคำอธิบายที่ง่ายที่สุด “พรสวรรค์ก็คือ...เมเก่งเหมือนแม่ยังไงล่ะคะ” เขามองลูกสาวอย่างอ่อนโยน

“เหรอคะ ดีจังค่ะ เมอยากเก่งเหมือนแม่”

“เมต้องเก่งเหมือนแม่แน่ๆ...ใช่ไหมแมรี่” เขาย้ำ และทิ้งท้ายด้วยการหันไปถามมาริษา เนื่องจากเด็กหญิงดูท่าว่าจะรอการยืนยันจากมารดาก่อน

“เอ่อ...ค่ะ ใช่ค่ะ” มาริษาไม่ได้ตอบเพื่อเขาหรอกนะ เธอตอบเพื่อเมรีญาต่างหาก ลูกสาวเธอสมควรได้รับคำชม

“เมวาดได้สวยมาก เหมือน...เหมือนพ่อมากเลย” ถึงจะขัดๆ เขินๆ ที่ต้องเรียกปฐพีว่าพ่อ หากเธอก็พูดออกไปเพื่อเมรีญา

เด็กหญิงยิ้มแป้น หัวใจพองฟูเมื่อได้รับการตอบรับในเชิงบวก

“เมให้พ่อ” เธอยังคงยิ้ม และยืนบิดตัวไปมาคล้ายกำลังเขินอาย

“ขอบคุณค่ะ พ่อจะเก็บไว้ให้ดีที่สุดเลย” เขาสัญญา

มาริษามองภาพตรงหน้า เห็นความรักใคร่ที่เขาแสดงออกต่อลูกสาวอย่างชัดเจนและจริงใจแล้วอยากร้องไห้

ทำไมนะ ทำไมเธอกับเขาจึงไม่พบกันในสถานการณ์ที่ดีกว่านี้ ทำไมเขาต้องทิ้งเธอไป ทำไมเขาไม่รักเธอ แล้วทำไมเขาต้องกลับมาอีก

โชคชะตาเล่นตลก...

นั่นเป็นคำพูดเดียวที่เธอนึกได้





เมื่อเมรีญาเข้ามาแทรกแซง มาริษากับปฐพีก็ไม่ได้คุยนอกเรื่องกันอีก เมรีญาดึงพ่อไปที่ห้องของเล่น โอ้อวดของเล่นและรูปวาดฝีมือตัวเอง มาริษาเฝ้ามอง...เฝ้าระวังลูกสาว ระหว่างที่เด็กหญิงกำลังเล่นกับปฐพี มีครั้งหนึ่งที่เธอมีส่วนร่วมด้วย ท่าทางเมรีญามีความสุขมาก จนเธออดร่วมมือกับสองพ่อลูกมิได้ เมรีญาวาดภาพใหม่ เป็นรูปบ้าน และมีคนสามคนยืนอยู่ข้างๆ ผู้ชาย ผู้หญิง และเด็กหญิง...คนสามคนที่เป็นครอบครัวเดียวกัน เธอกับปฐพีแย่งกันลงสีรูปบ้าน ราวกับว่าต่างฝ่ายต่างอยากหลีกเลี่ยงรูปแทนตัวเอง พวกเขามองหน้ากัน...และรีบหลบตา เมรีญารับเหมารูปพ่อแม่ลูกแทนเสีย แถมยังลงสีซะเหมือนจริง ถ้าเพียงแต่มันจะเป็นความจริง...

ปฐพีนั่งเล่นกับลูกอีกพักใหญ่ ก่อนจะได้รับเชิญ...อย่างไม่เต็มใจโดยมาริษาให้ทานข้าวกลางวันด้วยกัน เขาอิ่มท้อง...และใจ

“เอาล่ะค่ะเม สวัสดีพ่อซะนะ เดี๋ยวพ่อจะต้องไปทำงานแล้ว” มาริษาเชิญให้ปฐพีกลับบ้านอย่างสุภาพ และเขาเข้าใจ วันนี้เวลาของเขาได้หมดลงแล้ว

“แล้วพ่อจะกลับมาอีกไหมคะ”

“พ่อ...”

ปฐพีไม่ทันได้พูด มาริษาก็พูดทับเสียงของเขา

“ไม่แล้วจ้ะ พ่อมีธุระต้องทำเยอะ” พูดจบก็ขึงตาดุใส่ชายหนุ่ม

หากปฐพีไม่สนใจ เพราะเขาสังเกตเห็นหน้าที่ม่อยลงของลูกสาว

“ไหนพ่อว่าจะไม่ไปทำธุระอีกแล้วนี่คะ” เธอท้วง

“พ่อยังไปทำธุระอยู่ แต่ไม่ได้ไปทำธุระนานๆ เหมือนเมื่อก่อนหรอกจ้ะ” ปฐพีปลอบ

“แล้วพ่อจะมาหาเมอีกเมื่อไหร่”

“พรุ่งนี้ค่ะ” ชายหนุ่มตอบทันควัน ก่อนจะเอ่ยซ้ำดุจดังคำมั่น

“พ่อจะมาหาเมพรุ่งนี้”

คำพูดของเขาเรียกรอยยิ้มของเมรีญาให้กลับมา

“จริงนะคะ สัญญานะคะ” เธอเขย่าแขนบิดา

“สัญญาจ้ะ”

“แล้วเมกับแม่จะรอ”

สองแม่ลูกเดินไปส่งปฐพีที่ประตู ขณะที่รถยนต์คันหรูจอดเทียบหน้าบ้านของเธอ ปฐพีหันไปมอง กระจกรถติดฟิล์มดำ เขามองกระจกหน้าที่ไม่ติดฟิล์ม ขาชะงักก้าวไม่ออกเมื่อเห็นคนข้างใน

ปารย์!

เขามาทำอะไรที่นี่

“คุณปารย์” มาริษาร้องเมื่อเห็นหน้าชายที่ลงมาจากรถยนต์ เขาอยู่ในชุดกางเกงสแล็กสีดำและเสื้อเชิ้ตสีขาวพิมพ์ลายนูนเป็นโลโก้ยี่ห้อเครื่องแต่งกายจากประเทศทางฝั่งยุโรป ข้อมีมีกระดุมเสื้อสั่งทำพิเศษเป็นนิลดำเจียระไนจนเห็นประกายวิบวับ รองเท้าหนังกลับสีดำส้นสูงราวหนึ่งนิ้วครึ่งยิ่งเสริมความสูงของเขาให้ดูสง่างาม น่าแปลกที่เครื่องแบบของเขาคล้ายกับชุดสำหรับใส่ไปงานศพ แต่เมื่ออยู่บนเรือนร่างสูงสง่าของปารย์กลับดูเรียบร้อยสะอาดสะอ้านและเนี้ยบไปทั้งเนื้อตั้งตัวแบบลูกคุณหนู

ปารย์เดินตรงมาหาทั้งสาม หน้ายิ้มๆ ไม่รู้สึกผิดปรกติกับภาพที่เห็น

“สวัสดีครับคุณแมรี่” เขาทักเจ้าของบ้าน ก่อนจะหันไปทางชายที่เขาเฝ้ามองมาตั้งแต่แรก...ตั้งแต่เมื่อเช้าที่ปฐพีย่างกรายเข้าไปในบ้านของมาริษา

“สวัสดีครับคุณดิน ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอคุณที่นี่” เขาทัก แล้วพูดต่อเป็นเชิงไล่

“กำลังจะกลับหรือครับ”

“ค่ะ คุณดินกำลังจะกลับ” เป็นมาริษาที่ตอบแทน

ปฐพีลอบทำหน้าดุใส่เธอ ทว่าหญิงสาวไม่สนใจ

“สวัสดีค่ะคุณลุง” เมรีญายกมือไหว้แขกมาใหม่

“สวัสดีจ้ะเม” ปารย์รับไหว้แล้วยกมือลูบศีรษะของเด็กหญิงอย่างเอ็นดู

ปฐพีเห็นความสนิทสนมนั้นแล้วไม่ชอบใจสักเท่าไหร่ เขาโอบแขนรอบลูกสาวด้วยความหวนแหน

“ไหนคุณดินบอกว่าต้องรีบไปทำธุระไม่ใช่หรือคะ” มาริษาเตือน เมื่อเห็นปฐพีทำท่าจะไม่ถอยกลับง่ายๆ

“พ่อรีบไปสิ แล้วจะได้รีบกลับมาหาเม” เมรีญาสนับสนุน เข้าใจว่าถ้าบิดารีบไป จะได้มีเวลาทำงานเยอะๆ แล้วก็จะได้กลับมาหาเธอได้ไวครือกัน

พ่อ

อา...ตรงตามที่เขาเช็กในใบเกิดของเมทีเดียว

ปารย์ยิ้มอย่างพอใจ ตั้งแต่ทราบว่ามาริษากับปฐพีรู้จักกัน ทักทายกันอย่างมีพิรุธ เขาก็ตรวจสอบเรื่องที่สงสัย มีแต่ชื่อปฐพีในช่องกรอกข้อมูลบิดาของสูติบัตร และมีเพียงปฐพีเดียวที่รู้จักมาริษา ดังนั้นข้อเท็จจริงนี้ไม่น่าจะมีปัญหาต่องานของเขา

“งั้นผมไปก่อนนะแมรี่” ปฐพีจำใจลาจากทั้งที่ไม่ต้องการ

“บ๊ายบายค่ะเม แล้วพ่อจะมาหาพรุ่งนี้นะคะ” ชายหนุ่มก้มลงไปหอมแก้มลูกสาว เด็กหญิงหอมแก้มเขาตอบ ยังมาซึ่งรอยยิ้มและความอิ่มใจของเขา

สองพ่อลูกโบกมือลา ปฐพียังคงโบกมือแม้จะเข้าไปนั่งในรถ ล้อหมุน รถยนต์เคลื่อนออกไป มาริษาจึงเชิญปารย์เข้าบ้าน เธอพาเมรีญาไปเล่นรอในห้องของเล่น ก่อนจะเดินกลับมาหาปารย์พร้อมกับน้ำเย็น

“น้ำเย็นค่ะ” เธอวางแก้วไว้บนโต๊ะ แล้วนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับเขา

“ขอบคุณครับ” ปารย์บอกแล้วยกน้ำมาจิบเล็กน้อยพอเป็นพิธี

“วันนี้ลมอะไรหอบมาถึงบ้านแมรี่คะเนี่ย” เธอทัก ถามธุระของเขาแบบอ้อมๆ

“ลมไม่ได้ตั้งใจครับ ผมบังเอิญผ่านมาแถวนี้ จำได้ว่าใกล้บ้านคุณแมรี่ เลยลองขับรถเข้ามาในซอย แล้วก็เจอคุณแมรี่กับเม แล้วก็คุณปฐพีอยู่หน้าบ้านพอดีเลย”

“อ้อ” มาริษาพยักหน้าอย่างเข้าใจ แล้วเขาก็พูดต่อ

“เป็นห่วงคุณแมรี่ด้วยล่ะ วันก่อนในงานที่บ้านผม เห็นคุณกลับบ้านไปก่อนทั้งที่เพิ่งจะมาได้ไม่นาน”

“เอ่อ...คือ...วันนั้นแมรี่ไม่ค่อยสบายน่ะค่ะ ดื่มแชมเปญไม่เท่าไหร่ก็ปวดหัวแล้ว เลยคิดว่ากลับบ้านก่อนดีกว่า ต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้บอกลาคุณปารย์ด้วยตัวเอง” หญิงสาวแก้ตัวด้วยข้ออ้างพื้นฐาน เธอไม่ได้หวังว่าเขาจะเชื่อ แต่หวังว่าเขาจะเข้าใจและไม่ถามให้เธอกระอักกระอ่วน

ดันมาเจอพ่อของลูกโดยบังเอิญก็อย่างนี้แหละ ปารย์ละเอียดอ่อนพอจะเข้าใจเธอ ดูท่าว่าทั้งมาริษาและปฐพีจะไม่ได้มีอดีตที่หวานชื่นร่วมกันสักเท่าไหร่ แต่นั่นมันก็เรื่องส่วนตัวของพวกเขา เขาสนใจแค่รูปของมาริษาเท่านั้น

“น่าเสียดายนะครับที่ไม่ได้อยู่จนงานเลิก วันนั้นมีคนสนใจภาพของคุณแมรี่หลายคนเลย ผมเลยบอกว่าถ้าสนใจให้ลองแวะไปดูภาพอื่นๆ เพิ่มที่ร้านคุณเจนแล้วสามารถติดต่อคุณได้ที่นั่น”

“ต้องขอบคุณนะคะที่ช่วยโฆษณาให้” มาริษาเริ่มคุยได้คล่องขึ้น เมื่อปารย์ไม่มีทีท่าจะสนใจเรื่องของเธอกับปฐพี แม้จะปิดไม่ได้แล้วว่าปฐพีเป็นพ่อของเม แต่เธอก็ไม่พร้อมจะตอบคำถามของใคร

“ไม่เป็นไรครับ เรื่องเล็กน้อย ผมชอบผลงานของคุณด้วยล่ะ แต่ถ้ามีภาพใหม่ๆ ต้องอนุญาตให้ผมดูก่อนนะ ถ้าเกิดถูกใจ ผมจะได้จับจองก่อนใคร”

มาริษายิ้มรับ “ได้สิคะ ถ้ามีภาพใหม่เมื่อไหร่ แมรี่จะบอกคุณปารย์เป็นคนแรก”

“ขอบคุณมากครับ” ริมฝีปากของลูกค้าหนุ่มโค้งนิดๆ ศีรษะผงกลงด้วยความขอบคุณ ก่อนจะมองไปรอบห้องรับแขกที่ตกแต่งด้วยภาพวาดของเธอ ซึ่งดึงดูดสายตาไม่ต่างจากครั้งที่แล้วที่เขาได้มีโอกาสเยี่ยมเยือนเธอถึงบ้าน

“คุณแมรี่ฝีมือดีมากเลยนะครับ ไม่น่าเชื่อว่าแต่ก่อนจะวาดภาพเป็นงานอดิเรก อีกหน่อยงานของคุณจะต้องมีชื่อเสียงมากกว่านี้แน่ ดูสิ ขนาดภาพเลียนแบบยังวาดเสียเหมือนเลย” เขาเบนสายตาไปยังภาพประดับห้อง ซึ่งเป็นภาพเลียนแบบภาพวาดดัง เขามองดูรูปภาพต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ภาพดอกไอริสของแวนโกะ ภาพผู้หญิงในชุดสีเข้มของโมดิกลิอานิ ภาพสีสันสดใสของกลุ่มชายหญิงบนโต๊ะอาหารโดยเรอนัวร์ ก่อนจะหยุดอยู่ที่ ภาพวาดชีวิตในราชสำนักของจิตรกรชาวสเปนในยุคศตวรรษที่สิบเจ็ด

“คุณปารย์ชมเกินไปแล้ว มันก็แค่ภาพวาดเล่นๆ ในยามว่าง” บางครั้งเธอชอบวาดภาพเลียนแบบเพื่อศึกษาเทคนิคของจิตรกรคนอื่นๆ ซึ่งให้ความเพลิดเพลิดไม่เลว แถมยังเป็นการฝึกมือไปด้วย เธอพยายามเลียนแบบทุกจุดไม่ให้พลาด แต่มันไม่ได้เหมือนต้นฉบับจริงเสียทีเดียว...

“ขนาดเป็นภาพวาดเล่นๆ นะครับ” ชายหนุ่มยิ้มล้อๆ ก่อนจะถามอย่างทีเล่นทีจริง

“ถ้าผมสนใจ คุณแมรี่จะขายไหม”

“ภาพพวกนี้น่ะหรือคะ” มาริษาตาโต เธอไม่คิดว่าคนที่สะสมงานศิลปะอย่างเขาจะนิยมของปลอม ต่อให้มันเป็นผลงานที่ดีขนาดไหนก็เถอะ

“ผมล้อเล่นน่ะครับ แค่เห็นว่ามันสวยดี ถ้ามีโอกาส...แน่นอนว่าผมอยากจะเป็นเจ้าของภาพของจริงเหมือนกัน” ใช่ ถ้าเพียงเขามีโอกาสนะ

“แมรี่ก็ว่าแล้วว่าคุณปารย์จะต้องล้อเล่น คุณรสนิยมดีเกินไป ไม่เหมาะกับของปลอมหรอกค่ะ”

ปารย์หัวเราะ “แหม ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ แต่ก็น่าเสียดายเหมือนกันนะครับที่งานดังก้องโลกพวกนี้ไม่ได้มีเอาไว้ขาย”

“ค่ะ แต่ถ้าคิดอีกแง่หนึ่ง ก็เพื่อไว้ให้ชนรุ่นหลังได้เชยชมล่ะค่ะ” ช่วงที่ทำงานเป็นนางแบบ มาริษาเคยไปต่างประเทศมาหลายครั้ง ถ้ามีเวลาเหลือ เธอมักจะแวะชมงานที่พิพิธภัณฑ์เพื่อชมผลงานประจำท้องถิ่นหรือผลงานระดับโลกเสมอ

ชายหนุ่มมองภาพเลียนแบบของเธออีกครั้ง ก่อนจะตอบพร้อมถอนหายใจน้อยๆ

“ถูกของคุณแมรี่ ภาพเหล่านั้นสมควรเก็บไว้ให้ลูกหลานของเราๆ ใครๆ ก็ควรจะมีโอกาสได้ดูชม”

เพียงแต่คนบางคนก็พอใจจะชื่นชมสิ่งสำคัญเพียงคนเดียว





สวัสดีค่ะ

พยายามมาแปะให้ได้ในคืนเดียวพร้อมกับเรื่องราตรีลิขิตและ Truth or Die ค่ะ สู้สุดๆ ไปเลย

บทที่ 5 ดินกับแมรี่ปะทะฝีปากกันมันไปเลย ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ แต่มิถุนาของเพิ่มคะแนนให้แมรี่มากกว่านิดนึง ในบทนี้เริ่มมีบทของเมมากขึ้น เช่นเดียวกับปารย์ที่ดูจะต้องการแวะข้องกับมาริษาอย่างไรชอบกล เหตุผลนั้นคืออะไร แค่สนใจงาน หรือสงสัยดิน หรือมีอะไรอื่นแอบแฝง ติดตามกันในบทหน้านะคะ

แล้วเจอกันค่ะ
มิถุนา
Busaba401แอตhotmail.com
//mithuna.bloggang.com


Create Date : 11 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2555 17:09:28 น. 4 comments
Counter : 876 Pageviews.

 
ปารย์ดูจะสนใจความสัมพันธ์ของแมรี่กับดินเกินไปหน่อยมั้งถึงขนาดสืบดูชื่อพ่อของเมในใบเกิด


โดย: mimny วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:12:59:50 น.  

 
mimny ช่ายเลยค่ะ แต่เพราะเหตุใด ทำไมต้องการรู้จักอย่างลึกซึ้ง ติดตามกันต่อไปค่า :-D


โดย: มิถุนายน วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:18:45:43 น.  

 
เพลินเลยคะ


โดย: วรรณ IP: 118.172.232.97 วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:10:00:42 น.  

 
วรรณ ขอบคุณค่า :-D


โดย: มิถุนายน วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:11:07:47 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มิถุนายน
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]





บล็อกนี้เริ่มต้นจากการเก็บรวบรวมนิยายของมิถุนาให้เป็นหลักแหล่ง และต่อมาได้เพิ่มความชอบเกี่ยวกับเครื่องสำอาง การท่องเกี่ยว การกิน และเรื่องจิปาถะอื่นๆ ค่ะ ว่างๆ ก็แวะมาทักทายกันบ้างนะคะ

มิถุนา (busaba401แอตhotmail.com)

แวะทักทาย/ฝากคำถามได้ที่ cbox นะคะ แล้วจะมาตอบให้ทุกคนค่า








Fanpage นิยายของมิถุนา
(เฉพาะนิยายนะคะ ไม่ได้อัพเรื่องเครื่องสำอางค่ะ)
มิถุนา Mithuna นิยาย

โฆษณาหน้าของคุณด้วยเลยสิ



E-book ของมิถุนา
คืนปรารถนา
มิถุนายน
www.mebmarket.com
ทั้งหมดเริ่มต้นจากความเข้าใจผิด...อชิระคิดว่ามิลินท์หักหลังเขา เขาจึงใช้ความรักที่เธอมีให้เขาเป็นเครื่องมือในการแก้แค้น มิลินท์จาก...
ร้ายนัก(ไม่)รักเสียดีไหม
มิถุนายน
www.mebmarket.com
เมื่อยอดคุณป๊า ที่ถือคติที่ว่า “เรือล่มในหนอง ทองจะไปไหน” พยายามจับคู่ลูกๆ ที่เหลือให้ครบ อดีตคู่กัดสมัยละอ่อนเลยได้โคจรมาพบกันอีกครั้งในฐานะเจ้าบ่าวและเจ้าสาว...
New Comments
Friends' blogs
[Add มิถุนายน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.