Group Blog
 
All blogs
 
แผนลวงรัก (คู่แค้นแสนลวง) บทที่ 2

แผนลวงรัก บทที่ 2

บางทีเธออาจจะกำลังอยู่ในช่วงดวงซวยสุดขีด

                    ปัณณธรคิดอย่างหงุดหงิดหลังวางสายจากลูกค้ารายใหญ่ที่สั่งงานถ่ายภาพนิ่งทำสติกเกอร์และป้ายพีพีบอร์ดเพื่อใช้เป็นพอยต์ออฟเพอร์เชสหรือที่เรียกสั้นๆ ว่าพีโอพี โฆษณา ณ จุดขาย...ติดตั้งตามชั้นวางซูเปอร์มาร์เกตและร้านค้าเพื่อให้เข้ากับแคมเปญโฆษณาใหม่อย่างกะทันหัน...โธ่เอ๊ย! ก่อนจะถ่ายทำโฆษณาทีวีเธอก็อุตส่าห์ถามแล้วถามอีกว่าจะทำพีโอพีเหมือนครั้งก่อนที่ช่วยสนับสนุนให้แคมเปญประสบความสำเร็จไหม ลูกค้าแบรนด์ขนมยี่ห้อดังก็บอกว่าไม่...คำตอบเดิมๆ ที่มักจะก่อให้เกิดปัญหาทุกที ไม่ได้ทำให้เสร็จไปในคราวเดียว สุดท้ายก็มาเร่งให้ทันเส้นตาย เหนื่อยกันทุกฝ่าย...หรือเฉพาะอย่างยิ่ง...เหนื่อยเธอเป็นประจำ

                    เอาละ ตั้งสติให้ดีปัน เธอเคยผ่านมันมาได้...ไม่ใช่ครั้งเดียว แต่หลายครั้ง เธอจะต้องทำได้ สิ่งที่ต้องทำต่อไปคือบรีฟครีเอทีฟและทำอะไรต่อมิอะไรอีกหลายอย่างสำหรับงานนี้ และยังมีปัญหาครีเอทีฟทำงานช้ากว่าที่คิด เนื่องจากยังระดมความคิดสำหรับแผนงานการตลาดของลูกค้าผู้ผลิตเครื่องดื่มชูกำลังไม่เสร็จเรียบร้อยดี ไม่นับตามหาอุปกรณ์ที่ยืมลูกค้าครีมบำรุงผิวมาถ่ายภาพนิ่งแล้วหายไปกับฝ่ายไหนสักฝ่าย...ได้แต่หวังว่ามันจะแค่หลงไป ไม่หายไปจริงๆ ไม่งั้นเธอแย่แน่ ไม่รู้ว่าไอ้สร้อยคริสตัลนั่นราคาเท่าไหร่และเป็นของยี่ห้ออะไร เกิดไม่ใช่ของโหลๆ หาง่ายๆ เธอจะตอบลูกค้าว่าอย่างไรล่ะเนี่ย...หายงั้นรึ...ถึงเวลานั้นคอของเธอคงจะหายไปด้วย หัวหน้าเอาเรื่องเธอแหงๆ แล้วไหนจะลูกค้าอีกเล่า

เฮ้อ ปัญหาล้านแปดของอาชีพเออี

                    ผู้บริหารงานลูกค้าอาวุโสสาวได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ อาชีพคนประสานงานระหว่างลูกค้ากับทีมงานในบริษัทเอเจนซี่ก็มีปัญหาวุ่นวายแบบนี้เสมอ เป็นที่รองรับอารมณ์ของใครต่อใคร อดทนเป็นที่หนึ่ง รวดเร็วฉับไว ช่างติดตามข่าวสาร และแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี เธอตระหนักได้ตั้งแต่แรกเริ่มเข้ามาอยู่ในวงการนี้แล้ว ถ้าถามว่าชอบไหม แรกๆ เธอก็ชอบอยู่หรอก ได้แต่งตัวสวยงามตามแบบฉบับของตัวเอง ได้พบปะพูดคุยกับผู้คนในสาขางานต่างๆ ที่น่าสนใจ แถมยังได้เห็นอะไรใหม่ๆ ก่อนใครอีก แต่บางครั้งเธอก็จิตตกเพราะผู้ร่วมงานและลูกค้า แต่ที่แย่ไปกว่านั้น ระยะหลังๆ มานี้เธอเครียดกับงานเหลือเกิน และจำต้องสารภาพว่าเธอไม่แน่ใจว่าเธอชอบงานบริหารลูกค้าหรือเปล่า บางทีเธออาจจะเคยชอบ...

                    ปัณณธรนั่งคิดเรื่องอนาคตด้านการงานของตัวเองเงียบๆ นานเท่าไหร่ก็ไม่แน่ใจนักจนกระทั่งเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เธอเหลือบตาดูพบว่าเป็นสดับพิณก็นึกได้รีบกดรับเป็นพัลวัน

                    “โอ๊ย พิณ โทษที ปันลืมไปเลยว่ามีนัดกับพิณ” เธอร้อง ลืมนัดกินข้าวตามประสาญาติสนิทระหว่างเธอกับสดับพิณไปเสียสนิท โชคดีที่สดับพิณฉลาด เลือกร้านอาหารใกล้ที่ทำงานของเธอ เดินไปไม่ถึงห้านาทีก็ถึง ไม่งั้นเวลาย่ำเย็นที่ใครๆ พากันกลับบ้านจนการจราจรติดขัดอย่างนี้ สดับพิณคงต้องนั่งแกร่วรอเธอในร้านอาหารไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมงแหง

                    “ยังอยู่ที่บริษัทละสิ” อีกฝ่ายทักอย่างรู้ทัน

                    “อือ แต่กำลังจะออกไปแล้ว ขอโทษด้วย รอแป๊บนึงนะพิณ” ปัณณธรขอโทษซ้ำอีกครั้ง รู้สึกผิดเป็นอย่างมาก เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอลืมนัด โชคยังดีที่สดับพิณเข้าใจเธอเป็นอย่างดี ไม่เคยถือโทษโกรธเคืองเธอเลยสักครั้ง  

                    “ไม่ต้องขอโทษหรอก รีบๆ มาก็แล้วกัน พิณหิวจะแย่แล้ว”

                    “จ้ะ จ้ะ รู้แล้ว พิณสั่งของกินเล่นไปก่อนเลยนะ สั่งเผื่อปันด้วย”

                    “ตกลง”

                    ญาติสาวรับคำเสร็จก็วางสายลง ปัณณธรรีบปิดคอมพิวเตอร์ แล้วคว้ากระเป๋าถือ เธอไม่สนใจปึกเอกสารที่กองท่วมโต๊ะทำงาน เพราะเธอยังต้องกลับมาเคลียร์งานบางอย่างให้เสร็จภายในวันนี้ เธอมองโต๊ะของตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะถอนหายใจอีกครั้งให้กับชีวิตแสนเศร้าของสาวเอเจนซี่โฆษณา

สดับพิณในชุดกระโปรงสีพาสเทลโบกมือให้ลูกพี่ลูกน้องที่เดินเร็วๆ มาทางโต๊ะของเธอ ใบหน้าหวานเหมือนตุ๊กตายิ้มรับด้วยความสดใส พลอยทำให้คนที่เครียดมาทั้งวันอย่างปัณณธรยิ้มออกได้แม้จะเป็นยิ้มที่ดูเหนื่อยล้าก็ตาม

                    “นั่งเร็วปันปัน นี่เมนู” สดับพิณเลื่อนเมนูไปให้

                    “สั่งส่วนของปันปันเลยนะ พิณสั่งข้าวหน้าหมูทอด ข้าวกดหน้ากุ้งเทมปุระ แล้วก็ขนมครกญี่ปุ่นไปแล้ว”

                    ปัณณธรเลือกชุดอาหารกล่องเบนโตะหนึ่งชุดและชาเขียวเย็นหนึ่งแก้ว เธอไม่สั่งของว่างเพราะสดับพิณสั่งมาสองอย่างแล้ว และตั้งใจจะเก็บท้องไว้สำหรับของหวาน วันนี้เธอเสียพลังงานไปมาก ต้องเติมน้ำตาลในเลือดสักหน่อย จะได้มีกำลังไปฝ่าฟันงานต่อ

                    “ปันปันหน้าเครียดจัง วันนี้งานยุ่งมากอีกแล้วเหรอ” ไม่มีการเอ่ยแค่ว่า ‘งานยุ่ง’ แต่เป็น ‘งานยุ่งมาก’ แถมเพิ่มด้วย ‘อีกแล้วเหรอ’ แม้จะทำงานคนสายกับปัณณธร แต่สดับพิณก็เข้าใจหัวอกพนักงานเอเจนซี่โฆษณาเป็นที่สุด เพราะแต่ละคนดูแลลูกค้าหลากหลาย และลูกค้าที่ว่าก็มีความต้องการที่ต่างกัน ในช่วงเวลาที่ต่างกัน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นทั้งปีทั้งชาติ เธอจึงแทบไม่เห็นว่ามีตอนไหนที่ปัณณธรจะไม่ยุ่งเลย 

                    “อื้อ ก็เหมือนเดิมนั่นแหละ” ปัณณธรจิบชาเขียวเย็นที่เพิ่งมาเสิร์ฟอึกใหญ่ รสขมอ่อนๆ กลิ่นหอมเฝื่อนๆ และความเย็นของน้ำแข็งฟื้นความสดชื่นให้แก่เธอ

                    “ปันปันน่าจะพักบ้างนะ” สดับพิณแนะ จำได้ว่าไม่ได้เห็นปัณณธรพักผ่อนเต็มที่มานานแล้ว...น่าจะตั้งแต่ครั้งที่ไปเที่ยวปราณบุรีด้วยกันเมื่อหลายปีก่อนนั่นแหละ ดังนั้นเธอจึงคิดว่าปัณณธรน่าจะหาโอกาสดีๆ พักผ่อนสมองบ้าง เท่าที่เห็นตอนนี้ปัณณธรเครียดจะแย่ คล้ายกับนาฬิกาที่ลานกำลังจะขาดเต็มทน สองปีก่อนปัณณธรอาจจะไม่ได้เป็นอย่างนี้ แต่สิ่งร้ายๆ ที่เมธาวุธกระทำต่อปัณณธรทิ้งบาดแผลไว้มากเกินไป ปัณณธรต้องการมากกว่าการทำงานไปวันๆ ปัณณธรควรจะได้ชีวิตของตัวเองกลับคืนมา

                    “แบบ...พักร้อนยาวๆ น่ะ” พักร้อนอาจจะช่วยเยียวยาไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะสิ่งที่จะทำให้ปัณณธรหลุดพ้นได้จริงๆ คือตัวปัณณธรเอง แต่เธอเชื่อว่าการพักผ่อนจะทำให้ปัณณธรมีเวลาคิด...และมองโลกในมุมกว้างมากกว่านี้

                    ปัณณธรยิ้มแหย นึกสภาพการต่อรองขอวันลาพักร้อนไม่ออกทีเดียว ความจริงที่บริษัทให้พนักงานสะสมวันลาพักร้อนได้ไม่เกินหนึ่งเดือน แต่ส่วนใหญ่น้อยคนนักที่จะได้รับการอนุมัติ ขอลาอาทิตย์นึงก็โดนมองหน้าแล้ว ไหนจะต้องลำบากเพื่อนร่วมทีมดูแลงานแทนอีก แม้เธอเองจะมีวันลาจำนวนหนึ่งเดือนพอดี และถ้าไม่ใช้ มันก็จะไม่หายไป แต่มันจะก็ไม่เพิ่มมากไปกว่านี้ ซึ่งแน่นอนว่าเธอเป็นผู้เสียผลประโยชน์ถ้าไม่หาโอกาสใช้วันลา

                    “จะลาได้ไหมนั่น ช่วงนี้งานยุ่งจะแย่”

                    “ก็เคลียร์งานด่วนก่อน จากนั้นก็หาเวลาเหมาะๆ สิ ทีมของปันปันมีตั้งหลายคน ให้คนอื่นทำแทนไปก่อน...ถ้าอธิบายเหตุผล ก็น่าจะเข้าใจนะ ไม่งั้นปันปันจะหาเวลาว่างตอนไหน พิณเห็นยุ่งทั้งกะปีทั้งกะชาติ”

                    ปัณณธรถอนหายใจ “ถ้าทำแบบนั้น สงสัยคงจะโดนไล่ออกก่อน”

                    “เชื่อมั่นหน่อยสิ ปันปันเก่งจะตายไป บริษัทไม่ทิ้งปันปันง่ายๆ หรอก”

                    แต่คนเก่งมองอย่างไม่เชื่อ เป็นไปได้มากกว่าห้าสิบเปอร์เซ็นต์ที่หัวหน้าจะมองเธอเป็นจุดอ่อนและกำจัดเธอทิ้ง

                    “ลองดู ถ้าไม่ลองจะรู้เหรอ” สดับพิณคะยั้นคะยอ “ปันปันไม่เคยเป็นแบบนี้เลยนะ พิณว่าปันปันทำงานมากเกินไปจริงๆ เชื่อพิณสิ พักบ้างเถอะนะ”

พักก่อนที่จะแย่ไปมากกว่านี้ 

                    ไม่ต้องให้ผู้อ่อนวัยกว่าพูดทั้งหมด ปัณณธรก็เข้าใจ เธอเห็นความห่วงใยระคนเห็นใจในดวงตากลมโตคู่นั้น เธอรู้สึกแหลกสลาย บางทีเธออาจจะเป็นอย่างที่ลูกพี่ลูกน้องเป็นห่วง และเธอควรจะทำอะไรบางอย่างในเร็ววัน

                    “หรือถ้าเขาไม่ต้องการปันปันจริงๆ ปันปันก็ยังมีที่อื่นให้ไป” สดับพิณไม่เอ่ยชื่อธุรกิจของอาเจ็กที่ปัจจุบันพิชัยยุทธดูแล เธอรู้ดีว่าปัณณธรจะไม่มีวันพอใจกับการทำงานภายใต้ร่มเงาของครอบครัว ปัณณธรเหมือนกับเธอมากเกินไปในแง่นี้

                    “ไหนว่าวงการนี้ขาดคนบ่อยๆ ไง ถึงจะต้องลาออก ก็คงไม่ตกงานนานหรอก”

                    ถูกของสดับพิณ วงการโฆษณามีอัตราการลาออกจากงานสูงจริงๆ และคนที่มีประสบการณ์ยิ่งเป็นฝ่ายได้เปรียบ อย่างเธอที่ทำงานกับบริษัทแรกซึ่งเป็นบริษัทปัจจุบันมาหลายปี ยิ่งเป็นที่ต้องการตัวสูง หากว่า...

                    “บางทีปันอาจจะเบื่องานเอเจนซี่แล้วก็ได้” เออีสาวเอ่ยลอยๆ ยังมาซึ่งดวงตาที่เบิกกว้างของญาติสาว

                    “จริงน่ะ ปันปันไม่ได้ล้อเล่นกันใช่ไหม”

                    ปัณณธรไหวไหล่ คำพูดนั้นยากจะอธิบาย “ก็...ไม่รู้สิ มันแค่เบื่อๆ คงจะจริงอย่างที่พิณว่า ปันต้องหาทางใช้เวลาพักร้อนบ้างแล้ว”

                    สดับพิณยิ้มกว้าง ดีใจที่คำพูดของเธอกระตุ้นอะไรบางอย่างให้แก่ญาติสนิท พวกเธอมีกันและกันมาตั้งแต่เล็กๆ เนื่องจากอายุห่างกับบรรดาพี่น้องกับญาติๆ พวกเธอเลยเกาะกลุ่มกันอยู่สองคนตั้งแต่เด็กๆ และพัฒนาความสนิทสนมกันมาเรื่อยๆ จนกระทั่งโต แม้ปัจจุบันดนัยภัทรจะแบ่งเวลาของเธอไปบ้าง แต่พวกเธอก็ยังสนิทสนมกันเหมือนเดิม

                    “ดีแล้วละ ไปเที่ยวไหนอย่าลืมมาบอกกันนะ เผื่อพิณจะตามไปด้วย”

                    “เอาสิ  แต่ให้มันจริงก็แล้วกัน” เดี๋ยวนี้สดับพิณเข้าโหมดพนักงานบริษัท วันหยุดวันว่างไม่ตรงกับของเธอ จะนัดไปไหนต้องหาจังหวะเหมาะๆ

                    “แหม มาโทษกันเฉย ปรกติปันปันเป็นคนเบี้ยวนัดพิณนะ” เธอเคยชวนปัณณธรไปเที่ยวต่างจังหวัดร่วมกับครอบครัวฝ่ายเธอและกลุ่มเพื่อนของดนัยภัทร...ซึ่งเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับปัณณธรหลายครั้ง แต่สุดท้ายปัณณธรก็ถอนตัวเพราะติดงานทุกที

                    “จ้า จ้า รู้แล้วจ้า ขอโทษ เรื่องแบบนี้จำไม่ลืมเลยนะพิณ”

                    “ก็มันไม่ใช่ครั้งเดียวนี่นา”

                    ครั้นเห็นญาติทำหน้าสำนึกผิด สดับพิณก็ยื่นมือไปบีบมืออีกฝ่ายเบาๆ

                    “ไม่เอาน่า อย่าคิดมากสิ พิณก็พูดไปอย่างนั้นเอง”

                    “ขอบคุณที่อดทนกับปันนะ” ปัณณธรยิ้มอ่อนๆ ให้

                    สดับพิณยิ้มตอบ “ก็พิณมีปันปันคนเดียวนี่นา ไม่ให้ทนปันปันแล้วจะให้ไปทนใครที่ไหน”

                    “ทนภัทรไง” เออีสาวอดเย้าไม่ได้

                    “บ้าสิ”

                    ปัณณธรยิ้มกว้างขวาง “อ๋อ ลืมไป อย่างภัทรน่ะ ต้องเป็นทนพิณต่างหาก”

                    “ปันปัน!” ญาติสาวร้อง

                    คนล้อหัวเราะชอบใจ ก่อนจะบอก

                    “ปันสัญญาว่าจะพยายามปรับปรุงตัว”

                    “อื้อ ปรับปรุงตัวให้มีความสุขมากๆ นะ”

                    ปัณณธรพยักหน้าตอบ ขณะเดียวกันอาหารที่สดับพิณสั่งก็มาเสิร์ฟพอดี

                    “โอ๊ย อาหารมาแล้ว พิณหิวจะแย่”

                    “งั้นจะรออะไรล่ะ กินเลยสิ” 

                    นั่งกินข้าวและคุยกับสดับพิณราวสองชั่วโมง ปัณณธรก็กลับไปเคลียร์งานที่บริษัทต่อ ความสดใสและความสบายใจที่สดับพิณเติมเต็มให้เธอดูจะไม่เพียงพอเมื่อต้องมาผจญกับกองงานใหญ่เท่าภูเขา เธอตอบอิเล็กโทรนิกส์เมลที่ค้างคา จดโน้ตรายการที่ต้องทำแต่เช้าพรุ่งนี้ และจดรายการสุดท้ายในกระดาษ...รายการที่สำคัญน้อยที่สุดในการเป็นผู้บริหารงานลูกค้า

คุยเรื่องพักร้อนกับหัวหน้า

                    ช่างปะไรถ้าเธอจำเป็นต้องลาออก เธอขอทวงชีวิตของเธอคืนมาบ้างเถอะ

                    ปัณณธรแน่ใจว่าเธอไม่ได้ทำเพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ เธอรู้ลึกๆ ว่าถ้าเธอไม่ได้พัก เธอจะไปต่อไม่ไหว เธอจะไม่มีประสิทธิภาพ

                    ใช่ เธอเก่ง เธอจะต่อรองได้ หัวหน้าจะต้องเข้าใจและยอมเธอ

                    หญิงสาวกดส่งอีเมลฉบับสุดท้าย ก่อนจะปิดคอมพิวเตอร์แล้วกลับบ้าน

สี่ทุ่มพอดี ดวงตาสีเข้มมองนาฬิกาข้อมือเรือนสวยราคาแสนต้นๆ ที่ใช้โบนัสเมื่อปีก่อนซื้อเป็นรางวัลให้ตัวเอง โชคดีที่บ้านเธออยู่ไม่ไกลจากบริษัทเท่าไหร่ ไม่งั้นอาจจะใช้เวลามากกว่าครึ่งชั่วโมงในการขับรถกลับบ้าน

                    เอาละ ปีนี้เธอขอโบนัสพักผ่อนยาวให้ตัวเองก็แล้วกัน

แสงไฟที่ห้องรับแขกทำให้ปัณณธรทราบว่ายุทธภูมิและชมนาดยังรอเธอกลับจากที่ทำงานเหมือนเคย ไม่ว่าจะดึกขนาดไหน พ่อกับแม่ก็ยังรอเสมอ ไม่ว่าเธอจะเพียรบอกว่าไม่เป็นไร ให้พ่อแม่ไปทำกิจธุระตามสบาย แต่พวกเขาก็ไม่ยอม จนบางครั้งเธอรู้สึกผิดที่ทำงานดึกๆ ดื่นๆ ให้พวกเขาต้องรอ

                    เธอมองลูกบิดประตูก่อนจะปั้นหน้าให้ดูแจ่มใสแล้วเดินผ่านบานประตูเข้าไปข้างใน เธอไม่อยากให้บิดามารดาเป็นห่วง ลองถ้าได้เป็นกังวล พ่อแม่มักจะโอเวอร์เสมอ เธอยอมรับว่าเธอชอบให้คนรัก แต่บางครั้งมันก็มากเกินไป...และทำร้ายผู้คนเหล่านั้นทางอ้อม เธอไม่อยากให้ใครต้องมาทุกข์ไปกับเธอ

                    “สวัสดีค่ะ ป๊า ม้า” เธอเดินเข้าไปนั่งตรงกลางระหว่างทั้งสอง ไม่กล้ามองหน้าคนใดคนหนึ่ง เพราะเกรงว่าจะถูกพ่อแม่จับอารมณ์และความรู้สึกที่แท้จริงของเธอได้

                    “อาทิตย์นี้กลับดึกจังเลย งานยุ่งเหรอปัน” ยุทธภูมิถาม เขาไม่เคยชอบใจที่ลูกสาวออกไปทำงานข้างนอกบ้าน ไม่ใช่เพราะอยากจะเก็บลูกไว้กับตัว แต่กลัวลูกจะเหนื่อย เรียกได้ว่าเขารักและตามใจลูกมากเกินไป แต่เขารู้ดีว่าถ้าขวางไปก็ไม่มีอะไรดี รังแต่จะทำให้ลูกสาวคนเล็กเสียใจและถอยห่างซะมากกว่า ก็เลยปล่อยให้เธอเลือกทางเดินของเธอเอง แต่มาถึงบัดนี้...เมื่อเห็นแววตาอ่อนล้าที่ซุกซ่อนอยู่เบื้องหลังใบหน้าที่ยิ้มแย้มยามที่เธอเดินเข้ามาในบ้าน เขาก็ชักไม่แน่ใจว่าเขา...และเธอเลือกได้ถูกต้อง             

                    “ก็...เหมือนเคยน่ะค่ะป๊า” ปัณณธรพยายามฝืนยิ้ม แต่รู้สึกได้ว่าใบหน้าของเธอไม่น่าดูสักเท่าไหร่ เผลอๆ จะกลายเป็นว่าเธอกำลังแยกเขี้ยวให้บิดาเสียมากกว่า 

                    ใช่ เธอต้องหาทางใช้เวลาพักร้อนให้ได้ 

                    “ป๊าก็รู้นี่คะว่างานของปันยุ่งขนาดไหน”

                    “ยุ่งขนาดว่าครอบครัวเราไม่ได้ไปเที่ยวพร้อมหน้ากันมาหลายปีแล้วใช่ไหม”

                    เจอบิดาย้อนคำพูดคล้ายคลึงกับสดับพิณ ปัณณธรก็เริ่มจะทนไม่ได้ หน้ากากที่ปั้นแต่งมาอย่างดีเริ่มมีรอยปริร้าว  

                    “ป๊า” เสียงเรียกของเธออ่อนระโหย

                    “ม้าก็เห็นด้วยกับป๊านะ ปันแทบไม่ได้พักเลย แถมยิ่งทำงานหนักว่าเดิมอีกด้วย...ก็ตั้งแต่ตอนนั้นน่ะ”

                    โอ เธอรู้ดีทีเดียวว่ามันเป็นตอนไหน ก็ตั้งแต่เกิดเรื่องเมธาวุธยังไงล่ะ ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาสร้างผลกระทบต่อชีวิตเธอ เธอพยายามจะไม่คิดแล้ว แต่ยากเหลือเกิน

                    ปัณณธรไม่แน่ใจว่าน้ำตาไหลตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอไม่รู้ตัวด้วยซ้ำจนกระทั่งทั้งบิดาและมารดาร้องอย่างตกใจแล้วเข้ามาซับน้ำตาให้เธอเป็นพัลวัน




Create Date : 05 กรกฎาคม 2557
Last Update : 11 กรกฎาคม 2557 22:45:14 น. 4 comments
Counter : 935 Pageviews.

 
“ยายปัน!”

“ปัน ลูกเป็นอะไร ร้องไห้ทำไม”

“ปัน...ปัน...” เธอสะอึกสะอื้น “ปันแค่เหนื่อย”

“เหนื่อยก็พักสิ มีอะไรก็บอกม้ากับป๊าได้นะ ปันก็รู้ใช่ไหมว่าม้ากับป๊าจะช่วยปันเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร”

“ปันรู้” หญิงสาวเช็ดหน้าด้วยทิชชูที่มารดาส่งให้ น้ำตาเหือดหายไปอย่างรวดเร็ว เธอร้องไห้เพราะอารมณ์ต่างๆ ประดังประเดเข้ามามากเกินไป เธอไม่เคยอ่อนแอเท่านี้มาก่อน

“ถ้าไม่อยากทำงานก็ลาออกซะแล้วกลับมาอยู่ที่บ้าน ไม่ต้องทำงานที่อินฟินิตีดรีมของเราก็ได้ แค่พักเฉยๆ สบายใจแล้วปันก็ค่อยหาอะไรที่ปันอยากทำทำเสีย” แต่ยุทธภูมิทราบดีว่ามันไม่ได้มีแต่เรื่องงาน...ไอ้หมอนั่น ไอ้เมธาวุธทำลายความเชื่อมั่นของลูกสาวเขา และที่แย่...ที่ทำให้อาการของปัณณธรไม่ดีขึ้น คงเป็นเพราะคนชั่วนั่นลอยนวลเหนือกฏหมายไปเฉยๆ มันหนีไปได้ ไม่ได้รับโทษทัณฑ์ที่ทำกับลูกสาวของเขา

“ป๊าไม่ต้องห่วงนะคะ” ปัณณธรซึ้งใจกับความรักของพ่อแม่ เธอกอดเอวบุคคลอันเป็นที่รักทั้งสองไว้แน่น “ปันรู้ตัวดี ปันกำลังจะขอหัวหน้าลาพักร้อนสักเดือนนึง”

“งั้นก็ดีแล้ว ทำงานหนักไปก็ไม่ดีหรอก คนเราต้องเดินทางสายกลาง ระหว่างงาน ครอบครัว ชีวิตส่วนตัว...และชีวิตรักให้ดี”

ปัณณธรทราบว่าบิดากำลังเตือนถึงเรื่องในอดีต

“ปันกำลังพยายาม”

“สัญญานะ ม้าไม่ชอบให้ปันเป็นแบบนี้เลย ปันของม้าสมควรจะมีความสุขมากๆ อย่าให้คนเลวๆ คนเดียวมาทำให้ปันไม่มีความสุขเสียละ”

ผิดกับยุทธภูมิ ชมนาดซัดเข้าเต็มเหนี่ยวเพราะหมดซึ่งความอดทน เธอไม่อาจทนดูลูกสาวคนเล็กเก็บกดความเศร้าไว้คนเดียวอีกต่อไป

“ค่ะ ม้า” ปัณณธรเอ่ยเสียงเบาแต่หนักแน่น เธอไม่ได้สู้เพื่อตัวเอง แต่เพื่อครอบครัวของเธอด้วย เธอทำให้ใครๆ เป็นห่วง เธอควรจะเลิกทำตัวแบบนี้สักที

“งั้นปันขึ้นห้องก่อนนะคะ” ก่อนจะลุกขึ้น สายตาก็เหลือบไปเห็นอัลบั้มรูปเล่มใหญ่หลายเล่ม

ชมนาดมองตามแล้วเอ่ย “อัลบั้มรูปงานแต่งงานของเพียวกับดาวน่ะ”

“งั้นหรือคะ” ลูกสาวเลิกคิ้วอย่างไม่เชื่อ

“เร็วใช่ไหม ตากล้องทีมนี้ทำงานไวดี” เพียงอาทิตย์เดียวก็ได้เห็นรูปงานแต่งงานของพิชัยยุทธกับดาวสวรรค์แล้ว

ปัณณธรหยิบขึ้นมาหนึ่งเล่มแล้วพลิกเปิด ตามองหาผู้ชายคนนั้น...คนที่แหย่เธอด้วยคำพูดไม่เข้าท่า คนที่เคยทำไวน์หกใส่เสื้อชุดเธอและแย่งช่อดอกไม้เจ้าสาวมาโดยมิได้ตั้งใจ เธอไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องมองหาเขา...ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่เป็นประกายตลอดเวลายามเขาล้อเลียนเธอ เธอไม่มีวันลืมแน่ และเธอรอจะค้นหาเขาจากอัลบั้มรูปงานแต่งงานของพี่ชายมาตั้งแต่วันก่อน

“ปันเอาขึ้นไปดูสิ ม้ากับป๊าดูเสร็จแล้วละ”

ดังนั้นปัณณธรจึงหอบอัลบั้มภาพกองโตขึ้นบันไดไป ใจจดอยู่ที่คนๆ เดียว เธออยากรู้นักว่าเขาเป็นใคร

หญิงสาวรีบอาบน้ำสระผมแล้วยกตั้งอัลบั้มมากองบนเตียง ไม่ยอมเป่าผมให้แห้งเหมือนเคยเสียด้วยซ้ำ เธอรู้แต่ว่าเธอรอไม่ได้ เธอรอมานานแล้ว จะถามพี่ชายตรงๆ ก็ไม่กล้า กลัวเขาจะสงสัย...ซักถาม แล้วเธอก็ไม่อยากตอบความจริง ไม่อยากแก้ตัวด้วย ส่วนพี่โมก็ตัดทิ้งไปได้เลย ขืนถามไป พี่โมคงคาบข่าวไปเมาท์กับเฮียเพียวแหง ดังนั้นทางที่ดีคือคาดเดาจากรูปภาพของเขาในอัลบั้มงานแต่งงานนี่แหละ ขอบคุณพระเจ้าที่ช่างภาพทำงานรวดเร็ว ไม่งั้นเธอคงอกแตกตาย

มือนึงเริ่มพลิกหน้าอัลบั้ม ส่วนมืออีกข้างเช็ดผมไปเรื่อยๆ ระหว่างดูก็นึกถึงหน้าเขาตลอดเวลา
ไม่...ไม่...นี่ก็ไม่ใช่...

หมดไปสามอัลบั้ม ยังเหลืออีกครึ่งหนึ่งให้เปิดดู เธอพลิกมือไปเรื่อยๆ อย่างไม่ย่อท้อ

มี ต้องมีสิ ต้องมีเขาสิ เขาปรากฏตัวทั้งในงานแต่งงานของเจ๊อันและเฮียเพียว...น่าจะเป็นเพื่อนของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ดังนั้นต้องมีภาพเขาเป็นแขกร่วมถ่ายรูปในงานแต่งงานสิ

ในงานแต่งงานของเจ๊อัน เธอยังไม่ได้สนใจเขามาก แต่เมื่อได้พบกับเขาอีกครั้งในงานของเฮียเพียว เธอก็รู้ว่าเธอปล่อยเขาไปไม่ได้ ไม่ใช่เพราะสนใจเขาหรอกนะ เธอแค่อยากรู้ตามประสามมนุษย์คนหนึ่งเท่านั้น

แล้วปัณณธรก็เจอเขา เธอมองเห็นชายไม่แปลกหน้าที่ยืนอยู่ตรงกลางรูปทันที สายตาของเธอพุ่งไปยังเขา เขากอดคอพี่ชายของเธอ ถ่ายรูปในกลุ่มเพื่อนชายตั้งแต่สมัยประถมของพิชัยยุทธ หนึ่งในนั้นมีนะโมพี่เขยของเธอด้วย ลองอยู่ในแก็งนี้ เห็นทีจะหนีไม่พ้นเป็นเพื่อนร่วมโรงเรียนชายล้วนนั่นแหละ

เธอไม่ยักจะจำเขาได้ แต่เห็นได้ชัดว่าเขารู้จักเธอ...รู้ว่าเธอเป็นใคร เขานำเธอไปหนึ่งก้าว
เขาชื่ออะไรนะ

จะรู้ชื่อเขาโดยไม่ต้องถามเฮียเพียวหรือพี่โมได้ยังไง

ตาของเธอมองร่างสูงผิวคล้ำที่ยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวเรียงเป็นระเบียบ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่เธอจำได้หยีลงเป็นสระอิ เข้ากับน้ำเสียงกวนๆ ของเขาได้เป็นอย่างดี

‘เป็นลูกแหง่หรือไง ถึงต้องทำหน้าบูดหน้าบึ้งไม่พอใจในงานแต่งทั้งของอันและของเพียว’

อีตาบ้าที่ไม่มีชื่อ...กวนประสาทเธอ

ไม่ใช่เธอไม่พอใจ แต่เขาจะไม่มีวันเข้าใจเหตุผลจริงๆ ของเธอหรอก
อย่าให้เจอหน้านะ เธอจะ...เธอจะ...

ปัณณธรถอนฉุน ยังคิดอะไรไม่ออก แต่เชื่อว่าพอเห็นหน้าเขา เธอรู้ดีว่าเธอจะทำอะไร

หญิงสาวไม่รู้ตัวเลยว่ายามเมื่อคิดถึงหนุ่มไม่แปลกหน้าแต่ไร้ชื่อ เธอไม่ได้คิดถึงอดีตคนรักอีกเลย






สวัสดีค่ะ

มาแปะช้ากว่าที่คิดนะคะ พอดีอาทิตย์นี้ยุ่งงานมากๆ เลยไม่ได้มาแปะเลย
คราวนี้มาพร้อมผังตัวละครจากเรื่องเก่าๆ ที่เชื่อมกันมา เผื่อคนอ่านใหม่ๆ จะได้จับต้นชนปลายได้ง่ายขึ้นค่ะ เข้าไปดูได้ในบทที่ 1 นะคะ พอดีมีปัญหาเรื่องที่ไม่สามารถลงทั้งบทความได้ในคราวเดียว ไม่แน่ว่าคราวหน้าอาจจะลิงก์ไปให้อ่านในเด็กดีกันแทน เพราะมันยุ่งยากเหมือนกันเวลามาแปะแยกในคอมเมนต์ค่ะ

ใครคิดถึงหนูพิณคงจะได้เจอกันในเรื่องบ่อยกว่าใครเพื่อน ในฐานะที่เป็นญาติสนิทของปันปันนะคะ แล้วเจอกันในบทหน้าค่ะ

มิถุนา
คลิก Like แฟนเพจ จะได้ไม่ตกข่าวนะคะ https://www.facebook.com/MithunaNiyay

บล็อกรวมนิยาย (และเรื่องจิปาถะ) //mithuna.bloggang.com

อ่านนิยายตัวโตๆ สะใจได้ที่ //my.dek-d.com/Mithuna


โดย: มิถุนายน วันที่: 5 กรกฎาคม 2557 เวลา:0:40:35 น.  

 
แต่งดีครับ


โดย: บูรพากรณ์ วันที่: 5 กรกฎาคม 2557 เวลา:8:27:44 น.  

 
คิดถึงคะ :)


โดย: sai IP: 101.108.57.10 วันที่: 6 กรกฎาคม 2557 เวลา:23:44:08 น.  

 
บูรพากรณ์ ขอบคุณมากค่ะ :-D

sai หวัดดีค่า คิดถึงเหมือนกันค่ะ แวะมาทักทายกันได้เรื่อยๆ นะคะ


โดย: มิถุนายน วันที่: 11 กรกฎาคม 2557 เวลา:22:44:46 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มิถุนายน
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]





บล็อกนี้เริ่มต้นจากการเก็บรวบรวมนิยายของมิถุนาให้เป็นหลักแหล่ง และต่อมาได้เพิ่มความชอบเกี่ยวกับเครื่องสำอาง การท่องเกี่ยว การกิน และเรื่องจิปาถะอื่นๆ ค่ะ ว่างๆ ก็แวะมาทักทายกันบ้างนะคะ

มิถุนา (busaba401แอตhotmail.com)

แวะทักทาย/ฝากคำถามได้ที่ cbox นะคะ แล้วจะมาตอบให้ทุกคนค่า








Fanpage นิยายของมิถุนา
(เฉพาะนิยายนะคะ ไม่ได้อัพเรื่องเครื่องสำอางค่ะ)
มิถุนา Mithuna นิยาย

โฆษณาหน้าของคุณด้วยเลยสิ



E-book ของมิถุนา
คืนปรารถนา
มิถุนายน
www.mebmarket.com
ทั้งหมดเริ่มต้นจากความเข้าใจผิด...อชิระคิดว่ามิลินท์หักหลังเขา เขาจึงใช้ความรักที่เธอมีให้เขาเป็นเครื่องมือในการแก้แค้น มิลินท์จาก...
ร้ายนัก(ไม่)รักเสียดีไหม
มิถุนายน
www.mebmarket.com
เมื่อยอดคุณป๊า ที่ถือคติที่ว่า “เรือล่มในหนอง ทองจะไปไหน” พยายามจับคู่ลูกๆ ที่เหลือให้ครบ อดีตคู่กัดสมัยละอ่อนเลยได้โคจรมาพบกันอีกครั้งในฐานะเจ้าบ่าวและเจ้าสาว...
New Comments
Friends' blogs
[Add มิถุนายน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.