แวววัน - โบตั๋น

**SPOILER ALERT






หนึ่งในหนังสือนอกเวลาสมัยมัธยมฯ พยายามขุดความทรงจำอยู่เหมือนกันแต่คิดไม่ออกว่าตอนนั้นรู้สึกยังไงกับเรื่องนี้ ที่จำได้ลางๆ คือเรื่องนี้ช่างแห้งแล้งแท้ -_-ll

แต่เมื่อได้อ่านอีกครั้งตอนเป็นผู้ใหญ่ความรู้สึกกลับเปลี่ยนไป ไม่ใช่หนังสือที่เรียกได้ว่าชอบเพราะอ่านสนุก แต่จัดไว้ว่าชอบเพราะเป็นหนังสือดีที่มีคุณค่า อ่านแล้วได้ข้อคิดอะไรๆ หลายอย่าง ได้มุมมอง และทัศนคติที่เอามาปรับใช้ในชีวิตจริง เป็นนิยายดีเล่มหนึ่งที่สะท้อนสภาพสังคมและผู้คนจริงๆ ไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมตอนเป็นเด็กน้อยคอซองถุงเท้ายาวถึงได้เฉยๆ อึนๆ กับหนังสือเล่มนี้ เพราะมันค่อนข้างลึกซึ้งเกินกว่าเด็กวัยรุ่นจะเข้าใจ

เนื้อเรื่องหลักๆ ของแวววันคือเรื่องราวของเด็กผู้หญิงที่พยายามถีบตัวเองให้ห่างจากความยากจนโดยใช้การศึกษาเป็นตัวผลักดัน การศึกษาในระดับที่สูงขึ้นทำให้แวววันได้พบเจอกับผู้คนหลากหลาย ความแตกต่างระหว่างสภาพสังคมที่เธออาศัยอยู่กับสังคมการศึกษาแตกต่างกันมาก ผู้คนที่ได้เจอปะสมาคมก็มีนิสัยแตกต่างกันไป กระนั้นแวววันก็ได้ค้นพบว่าไม่ว่าจะยากดีมีจน ทุกคนล้วนแล้วแต่มีปัญหาของตัวเองทั้งสิ้น คนรวยก็มีปัญหาแบบคนรวย คนจนก็มีปัญหาแบบคนจน ปากกัดตีนถีบ หาเช้ากินค่ำกันไป

ในบรรดาผู้คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของแวววัน เราคิดว่ารวิวรรณคือตัวแทนของผู้หญิงสมัยเก่าและสมัยใหม่ที่ผสมกันได้อย่างลงตัว เราชอบทัศนคติในตอนที่พยายามช่วยเพื่อนที่ตั้งท้องระหว่างการเรียน มีแนวคิดสมัยใหม่แต่ก็ยังแคร์และเข้าใจสังคม ขณะเดียวกันเมื่อผู้หญิงที่ดูจะสมัยใหม่อย่างระวิวรรณถูกบังคับแต่งงานกับคนที่ไม่ชอบ เจ้าตัวก็ยอมรับและพยายามประคับประคองชีวิตคู่

กรองกาญจน์ นักอุดมคติที่ถูกทุนนิยมกลืนกิน ความเคียดแค้นหลอมรวมให้กรองกาญจน์เกลียดชั้นชนเศรษฐี แต่สุดท้ายกรองกาญจน์ก็เลือกความสบายอยู่ดี ลืมความคิดที่จะพัฒนาบ้านเกิดแล้วหนีไปเมืองนอก แอบคิดว่าถ้าช่วงเวลาในเรื่องขยับช้าลงมาสักหน่อย กรองกาญจน์จะกลายเป็นหนึ่งในนักศึกษาที่หนีเข้าป่ารึเปล่าหนอ ? 

ตัวละครที่หดหู่สุดๆ ในสายตาของเราคงเป็นไววิทย์ ด้วยความที่เราติดพ่อแม่มาก เลยรู้สึกแย่จริงๆ ที่ลูกลืมบุพการีไปเสียสิ้น ลืมแล้วว่าใครเลี้ยงดูอุ้มชู แม้ว่าความเป็นอยู่ของครอบครัวจะไม่ได้ดีมากถึงขั้นพ่อแม่ตามใจได้ทุกอย่าง แต่ไววิทย์ก็ได้รับความรักและการอุปการะจากพ่อแม่ รวมถึงพี่สาวตลอดมา คนแบบไววิทย์เองก็มีในสังคมจริงๆ ยิ่งในข่าววงเวียนชีวิต เราก็เห็นคนแก่ที่ต้องอาศัยตัวคนเดียว หาเลี้ยงตัวเองเพราะลูกหลานล้วนย้ายหนีไปหมด 

ฉากหนึ่งในเรื่องตอนที่แวววันเริ่มเป็นครู แล้วถูกขอให้ลดการสอนในชั้นเรียนเพื่อนำเนื้อหาไปสอนในชั้นเรียนพิเศษ มันทำให้เรารู้สึกว่าจริงๆ การศึกษามันล้มเหลวมาตั้งแต่สมัยนั้นเลยนะ แถมไอ้การเรียนพิเศษมันก็มีมานานแล้ว สมัยเราจะเอ็นท์ฯ ก็ว่าเรียนพิเศษเยอะแล้ว ปิดเทอมเรียนเช้ายันค่ำ ใช้ชีวิตอยู่แต่ในห้องเรียน หน้าจอทีวีที่เปิดเทปบันทึกการสอน แต่เห็นเด็กสมัยนี้เค้าเรียนพิเศษแล้วหนักใจกว่า ปัญหาที่ว่าความรู้จากครูในห้องเรียนไม่เพียงพอจนต้องไปหาครูสอนพิเศษชนิดที่ต้องแย่งกันจองคอร์สเรียนนี่มันฟักตัวมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน แล้วมันจะดำเนินไปอีกนานแค่ไหน

ชอบตอนจบของเรื่อง ฉากสุดท้ายที่แวววันพูดคุยกับพันธ์สุรีย์ ความคิดที่อยู่ในใจของแวววันที่ว่าพันธ์สุรีย์คงหลงตัวเองที่คิดว่าแวววันยังอยู่เป็นโสดจนถึงตอนนี้เพราะรอเขา เราคิดว่าแวววันตัดสินใจได้ถูกต้องที่สุดแล้ว ถึงแม้จะเสียดายอยู่ลึกๆ ว่าทำไมไม่มีใครมองเห็นคุณค่าที่แท้จริงของสตรีคนนี้ โดยไม่ได้มองเธอเป็นแค่ตัวสำรองหรือตัวแทนของใครบ้างนะ

ถึงแม้ว่าเราไม่ได้เข้าใจทุกอย่างที่แวววันเป็น ไม่ได้ชื่นชอบทุกการกระทำของแวววัน แต่เข้าใจว่าคนอย่างแวววันมีอยู่จริง แอบหวังอยู่ในใจลึกๆ ว่าขอให้พวกเขาเป็นเช่นหินผาแวววันที่มั่นคงในการทำความดี ไม่หวั่นไหวไปตามกระแสสังคมหรือกระแสธารของทุนนิยม




Create Date : 03 เมษายน 2556
Last Update : 2 พฤษภาคม 2557 17:47:23 น.
Counter : 14127 Pageviews.

13 comments
  
เห็นสภาพเล่มแล้ว รู้สึกเหมือนเกิดไม่ทันเลยค่ะ (ขำๆ)
โดย: คุณหนูฤดูร้อน วันที่: 3 เมษายน 2556 เวลา:15:57:53 น.
  
เหมือนเจ้าของบ้านเลยค่ะ อ่านตอนอายุน้อยรู้สึกว่าช่างเป็นเรื่องที่น่าเบื่อ อ่านไปเซ็งไป

พออายุมากขึ้นกลับไปอ่านใหม่ รู้สึกเป็นนิยายที่มีคุณค่า ให้ข้อคิดที่ดี ถึงเข้าใจว่า ทำไมบังคับให้เด็กอ่าน เพราะว่ามันดี แต่เสียดาย อ่านตอนเด็กเข้าไม่ถึง
โดย: ~:พุดน้ำบุศย์:~ วันที่: 3 เมษายน 2556 เวลา:16:58:39 น.
  
เราว่านิยายของโบตั๋นเป็นนิยายที่มีความเป็นปุถุชนเอามากๆๆ นางเอกส่วนใหญ่สู้ชีวิต ไม่ได้มีบุคลิกนางเอ๊กนางเอก

เรื่องแวววัน ตอนเราอ่านช่วงที่ยังเป็นละอ่อน รู้สึกขัดใจกับตอนจบมาก อยากให้แวววันแต่งงาน ตอนนั้นนิยมอ่านนิยายที่นางเอกได้แต่งงานกับพระเอกตอนจบ

แต่พอถึงตอนนี้ เราว่ามันเป็นนิยายที่สมจริงที่สุดแล้ว และชอบนิยายเรื่องนี้มาก ทำให้ตามอ่านนิยายคุณโบตั๋นอีกหลายๆ เรื่อง (คนรอบตัวเราบ่นว่าเธออ่านอะไร ทำไมมันเครียดมันหนักแบบนั้น)

โดย: ข้าวปั้น IP: 122.111.11.196 วันที่: 3 เมษายน 2556 เวลา:18:07:03 น.
  
อุ๊ย เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่รู้จักกับโบตั๋น และก็เหมือนกับหลายๆ คน อ่านเพราะเป็นหนังสือนอกเวลา แต่มันทำให้ติดอกติดใจกับผลงานของเธอมาโดยตลอดนับแต่นั้น

เห็นด้วยจริง ๆ นะคะ ช่วงนั้นอ่านก็รู้สึกอย่างหนึ่ง ตอนนี้มาอ่านก็รู้สึกอีกอย่างนึง

เปิดตู้ดู...เล่มนี้เรายังไม่มีแฮะ คราวหน้าต้องสอยมาเก็บบ้างแล้ว
โดย: Serverlus วันที่: 3 เมษายน 2556 เวลา:21:52:01 น.
  
เคยอ่านตอนเป็นหนังสือนอกเวลาเรียนเหมือนกันครับ ทำให้รู้สึกถึงความแตกต่างของงานเขียนในอีกสไตล์ ที่เป็นลักษณะเฉพาะตัวของคุณโบตั๋นเลยครับ
เรื่องแรกที่มีโอกาสอ่านงานของท่านคือ จดหมายจากเมืองไทย ครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สอง
โดย: สามปอยหลวง วันที่: 4 เมษายน 2556 เวลา:8:18:29 น.
  
ตอนเด็กๆเคยเห็นพี่สาวอ่านเป็นหนังสือนอกเวลาเหมือนกันครับ ปกเดียวกับในรูปเลย พออ่านจบพี่สาวบ่นเหมือนไม่ถูกใจตอนจบเท่าไหร่
ส่วนตัวผมเองยังไม่เคยอ่านครับ แต่ดูแล้วน่าสนจเหมือนกัน^^
โดย: มาช้ายังดีกว่าไม่มา วันที่: 7 เมษายน 2556 เวลา:1:16:52 น.
  
เล่มนี้ชอบนะคะ คงเป็นเพราะหวานเย็นก็เป็นลูกชาวสวนมั้งคะ ? ก็เลยอ่านแล้วไม่รู้สึกเบื่อน่ะค่ะ เป็นนิยายที่มีคุณค่าอีกเล่มหนึ่งของคุณโบตั๋นเลยทีเดียวเชียวค่ะ
โดย: หวานเย็นผสมโซดา วันที่: 7 เมษายน 2556 เวลา:1:36:35 น.
  
สมัยนั้นต้องอ่านหนังสืออ่านนอกเวลาหลายเรื่อง อย่างแวววัน ปุลากง รัตนาวดี ชีวิตที่รุ่งเรืองมาจากทาส มานึกเนื้อหาตอนนี้ นิยายทุกเรื่องน่าอ่านทั้งหมด แถมยังมีคุณค่าทางวรรณกรรม นิยายของโบตั๋นที่จำได้ก็เกิดแต่ตมมั้ง ตอนนั้นทำเป็นละครด้วย พระนางก็ให้ทัช-กบ เล่น เป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตของดิฉันเลย ตอนนั้นเรียนไปเล่นไป พอดูละครแล้วเห็นพระนางสู้ชีวิตจนได้ดีก็เลยพยายามทำตาม สุดท้ายปัจจุบันอายุ 30 ปลาย มีรายได้เดือนละแสน ก็ยังขอบคุณบทประพันธ์เรื่องนี้ที่ให้เราตั้งใจเรียนจนมีชีวิตสุขสบาย
โดย: asasa IP: 171.5.142.237 วันที่: 7 เมษายน 2556 เวลา:22:56:19 น.
  
คุณคุณหนูฤดูร้อน
หนังสือเหลืองกรอบกำลังดีเชียวค่ะ ฮิฮิ

คุณ~:พุดน้ำบุศย์:~
กระทรวงคงคิดว่าแต่พอพ้นจากม.6 ไปแล้วก็ไม่มีช่วงเวลาให้อ่านหนังสือนอกเวลาแล้วล่ะค่ะ
อย่างน้อยได้อ่านผ่านๆ ตา ถ้าเกิดโตแล้วอยากระลึกความหลังก็หยิบมาอ่าน
อาจจะได้อะไรดีๆ ก็ได้

คุณข้าวปั้น
เราว่านิยายของคุณโบตั๋นออกจะแห้งแล้ง แต่หลายๆ อย่างในนิยายมันเป็นข้อเตือนใจในชีวิตจริงได้ดีค่ะ

คุณServerlus
สอยเลยค่ะคุณ Serverlus เรื่องนี้อ่านแล้วคิดถึงสมัยมัธยมเหมือนกันนะคะ :D

คุณสามปอยหลวง
ขอเรากลับกันกับคุณสามปอยหลวงค่ะ เราอ่านแวววันก่อน
จดหมายจากเมืองไทยอ่านเป็นเรื่องที่สอง ว่าแล้วก็ไปหยิบมาอ่านอีกรอบดีกว่า XD

คุณมาช้ายังดีกว่าไม่มา
เรื่องมันไม่สุขนิยมน่ะค่ะ ถ้าอ่านตอนเด็กอาจจะไม่ชอบหรอก
ไม่แน่ว่าอ่านตอนโตแล้วจะเปลี่ยนไป

คุณหวานเย็นผสมโซดา
ตอนอ่านไม่ได้เบื่อสวนที่เป็นเรื่องบ้านสวนของแวววันนะคะ ส่วนนั้นอ่านสนุกดีค่ะ
เคยคิดอยู่ว่าอยากลองไปเที่ยวเล่นตามร่องสวนบ้าง :)

คุณasasa
ถ้าผู้ประพันธ์ท่านทราบคงยินดีที่งานเขียนของท่านเป็นแรงบันดาลใจให้คนอ่านค่ะ :D
โดย: a murder suicide วันที่: 9 เมษายน 2556 เวลา:20:21:57 น.
  
ปกติเป็นคนไม่ค่อยชอบอ่านหนังสือ แต่อ่านเรื่องแวววันแล้วทำให้วางหนังสือไม่ลงเลย ชอบมาก อยากให้ทำเป็นละครบ้าง อยากเห็นตัวแสดงต่างๆในเรื่องว่าจะเหมือนที่เราจิตนาการไว้มั้ย
โดย: chaba IP: 118.174.198.181 วันที่: 11 ธันวาคม 2556 เวลา:11:41:49 น.
  
ปกติเป็นคนไม่ค่อยชอบอ่านหนังสือ แต่อ่านเรื่องแวววันแล้วทำให้วางหนังสือไม่ลงเลย ชอบมาก อยากให้ทำเป็นละครบ้าง อยากเห็นตัวแสดงต่างๆในเรื่องว่าจะเหมือนที่เราจิตนาการไว้มั้ย
โดย: chaba IP: 118.174.198.181 วันที่: 11 ธันวาคม 2556 เวลา:11:43:52 น.
  
ปกติผมเป็นคนไม่ค่อยได้อ่านนิยายนะ แต่แวววันนี่เคยอ่านตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว ก็เกิดอาการเหมือนเพื่อน ๆ ครับ คือไม่สนุกไม่อิน ไม่มัน แต่พอเอามาลองอ่านตอนวัยทำงานแล้ว เป็นนิยายเล่มโปรดเลย มาอินเอาตอนโตนี่เอง พอมาอ่านซ้ำอย่างละเอียด ไม่น่าเชื่อแม้เรื่องนี้จะเขียนมานานมาก ๆ กว่า 40 ปีแล้ว แต่เหตุการณ์ต่าง ๆ ของเรื่องในอดีตยังมีความทันสมัยอยู่เลย แต่ในความเห็นส่วนตัวคิดว่าเรื่องนี้ถ้าทำเป็นละคร อาจไม่ค่อยสนุกนะ เพราะเนื้อหาของเรื่องไม่ได้เอาใจแฟนละครสักเท่าไร เหมาะแก่การอ่านจินตนาการเอาเองมากกว่า
โดย: คิดถึง 1980 IP: 1.10.197.57 วันที่: 22 ตุลาคม 2557 เวลา:2:49:10 น.
  
ใครอ่านแววันแล้วบ้างคะ หนูต้องสรุปส่งครูอ่ะคะ
โดย: aviNcaiN IP: 49.229.9.28 วันที่: 10 มกราคม 2559 เวลา:14:32:14 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

a murder suicide
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]



fat NEET and sometimes Hikki.
living in the small and blind world, kind of closed mind, a light level of bipolar, not much friendly with human.



All Blog