In the last analysis, our only freedom is the freedom to discipline ourselves. - Bernard Baruch
Group Blog
 
All Blogs
 
Trading For a Living



Author Dr. Alexander Elder


ไม่น่าเชื่อว่ามีคนสนใจการเทรดทางเทคนิคด้วยแฮะ ตอนแรกบอกไปว่าจะเอาหนังสือเทคนิคภาษาไทยมาลงให้ แต่คิดไปคิดมา เอาเล่มนี้มาลงเลยดีกว่า เพราะเท่าที่ผ่านมา(น้อยเล่ม) คิดว่าหนังสือเล่มนี้เป็นพื้นฐานที่ควรจะอ่านมากที่สุด หนังสือภาษาไทยส่วนใหญ่เน้นไปที่เทคนิคการเทรด หรือการคำนวณหาค่าอินดิเคเตอร์มากไป แต่เล่มนี้มีบอกตั้งแต่พื้นฐานยันขั้นเทรดเลย เหมาะกับทั้งมือใหม่หัดเทรด และมือเก่าเก๋ากึ้กรื้อความรู้ครับ


เล่มนี้เป็นเล่มแรกในหนังสือไตรภาคของDr.Elder (จริงๆมีสี่เล่ม แต่อีกเล่มนึงเกี่ยวกับการท่องป่า) คือ Trading For a Living, Come Into My Trading Room, Entries And Exits ซึ่งในเล่มแรก(คือเล่มนี้แหละ)จะพูดถึง พื้นฐาน ที่มา และแนวคิดในการเทรดของDr.Elder ส่วนในเล่มที่สองจะเป็นการขยายแนวคิดและการนำแนวคิดไปสู่กระบวนการเทรด ในเล่มที่สามนั้นเป็นการสัมภาษณ์นักลงทุนจากที่ต่างๆ16คน ซึ่งถ้าอ่านครบไตรภาคแล้ว(ยังกับเดอะลอร์ดเลย:) ) ก็น่าจะพัฒนาการเทรดไปได้เยอะเลยครับ


สำหรับเล่มนี้ก็จะแบ่งออกเป็นสามส่วนที่สำคัญๆในการเทรด(ที่หนังสือไทยยังไม่เคยมีใครพูดถึง) คือ Mind, Method, Money Management


ส่วนแรก Mind หรือสภาพจิตใจ แนวคิดของผู้เทรด Elderเน้นว่าการเทรดนั้นสำคัญที่จิตใจ เราต้องไม่หวั่นไหวไปตามราคา แต่ต้องยึดมั่นในแผนที่เราวางเอาไว้ และที่สำคัญที่สุด "ต้องStop"ทันที ที่ราคาหลุดแนวสำคัญที่เราตั้งไว้ เพราะคนส่วนใหญ่ที่ขาดทุนเพราะไม่ยอมStop Lossนั่นเอง ในหนังสือElderยกตัวอย่างของกลุ่มผู้ติดสุรา ว่ามีความคล้ายคึงกับผู้ที่ขาดทุนจากการเทรด อยากรู้ว่าเหมือนอย่างไร มีวิธีแก้ไหมหาได้ในหนังสือครับ อิอิ


Method วิธี หรือแผนในการเทรดซึ่งในหนังสือจะมีบอกรายละเอียดของอินดิเคเตอร์ต่างๆ ว่าคำนวณอย่างไร และจะใช้ได้อย่างไร การวางแผนเทรดกับอินดิเคเตอร์ต่างๆ รวมทั้งมีแผนการเทรดเป็นตัวอย่าง2-3ระบบ


Money Management หรือการบริหารเงินในการรับความเสี่ยง การที่เรามีระบบการเทรดที่ดี แต่ถ้าบริหารเงินไม่เป็นเราอาจจะเจ๊งก็ได้ เช่น ลงทุนได้กำไรครั้งละ10-20% แล้วเอากำไรที่ได้มาทบกับทุนเก่าแล้วเทรดไปเื่รื่อยๆ พอขาดทุนครั้งหนึ่ง กำไรที่ได้มาก็หายวับ!!! นั่นคือที่มาของการกำหนดจำนวนเงินที่จะเสี่ยงในการเทรดแต่ละครั้ง ไม่ควรเกิน2%ของเงินลงทุน และถ้าขาดทุนเกิน6%ของเงินลงทุนให้หยุดเทรดในเดือนนั้นๆ


โดยส่วนตัวแล้วผมชอบหนังสือของElderมากๆเลยครับ อาจเนื่องมาจากเค้าเป็นหมอชาวรัสเซียที่อพยพ(จริงๆแล้วหนี)ไปอยู่ที่อเมริกา ทำให้การเขียนหนังสือใช้ภาษาที่อ่านเข้าใจง่าย ใช้ศัพท์พื้นๆ และเค้าโครงการเขียนแบบลำดับความที่ไม่ซับซ้อน(สมกับที่ว่า เรื่องเงิน เรื่องง่ายๆจริงๆ) ไม่เหมือนหนังสือที่คนอเมริกาเขียน เค้กะเขียนเอารางวัลด้านภาษาเลยมั้งครับ อ่านแล้วนึกว่าวรรณกรรม:)


ยังไงคนที่อยากเทรดทางด้านเทคนิคผมแนะนำเล่มนี้เป็นเล่มพื้นฐานครับ ถ้าภาษาพอไปไหว และถ้าจะให้ดีแนะนำให้อ่านทั้งสามเล่มเลย ส่วนใครที่ภาษาไม่ไหวจริงๆ เดี๋ยวันหลังจะมาแนะนำเล่มภาษาไทยใหครับ


โชคดีในการลงทุนทุกท่านครับ



Create Date : 15 กันยายน 2551
Last Update : 15 มิถุนายน 2552 23:06:03 น. 4 comments
Counter : 1685 Pageviews.

 
Trading for a living
มีเล่มฉบับภาษาไทยรึปล่าวคะ :)


โดย: Trader IP: 223.205.56.78 วันที่: 30 กันยายน 2554 เวลา:15:42:27 น.  

 
ไม่มีครับ


โดย: ขอบฟ้าบูรพา วันที่: 4 ตุลาคม 2554 เวลา:10:07:37 น.  

 
จะลองอ่านดูค่ะ แม้ว่าภาษาอังกฤษจะไม่แข็งแรง..
ขอบคุณมากนะคะ น่าสนใจมากค่ะ


โดย: ขอบคุณค่ะ IP: 49.48.139.98 วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:15:37:31 น.  

 
ผมได้รับหนังสีอเล่มนี้จากเพื่อน ให้มา2เล่ม Elloite Wave,Trading for a living แล้วเล่มหลังเปนหนังสือที่ทำให้ผมเปนsmart trader เนื้อหาความสำคัญอยู่ในบทที่1,2 ถ้าคุณอ่าน2บทนี้ ทุกครั้งที่tradeไม่ว่าจะได้หรือเสีย อ่านจนมะนอยู่ในสายเลือดของคุณ( ผมอ่าน2บทนี้ประมาณ40ครั้ง)+การเขียนบรรทึกถึง ความผิดพลาด+ความสำเร็จ ของการเทรดในแต่ละครั้ง ในเวลาไม่เกิน3ปี คุณจะเปนsmart trader


โดย: Precha IP: 27.145.105.212 วันที่: 17 มกราคม 2559 เวลา:7:30:09 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ขอบฟ้าบูรพา
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 19 คน [?]




ผู้ประกาศกรุงเทพธุรกิจทีวี พิธีกรรายการแกะรอยหยักสมองและ World Class Smart Thai
สนใจประวัติศาสตร์ ศาสนา ปรัชญา ต่างประเทศ เทคโนโลยี สังคม และชนชั้น

ติดตามทวิตเตอร์ได้ที่ @atis_kttv นะครับ
New Comments
Friends' blogs
[Add ขอบฟ้าบูรพา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.