ย่าติง แชงกรีล่าแห่งสุดท้าย ตอนที่ 24



เรากับเพื่อนเดินกลับมาถึงที่พักก็ประมาณบ่ายกว่าๆ แล้ว พร้อมกับอาการปวดหัวทั้ง 2 คนเลย บริเวณด้านหน้าที่พักมีม้า ลา ยืนอยู่เต็มไปหมดเลยคงจะมารอนักท่องเที่ยวเรียกใช้ เรากับเพื่อนเลยเดินเข้าไปสอบถามราคาดู ซึ่งก็เป็นราคาที่สูงเอาการคือคนละ 85 หยวน ซึ่งพวกเรา 3 คนคุยกันไว้ก่อนแล้วว่าจะนั่งม้าออกไปกันเพื่อเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง (แต่จริงๆ แล้วเดินไม่ไหว) โดยต่อรองกับคนจูงม้าว่าให้หยุดรอพวกเราวัดชงกู่ ประมาณ 1 ชั่วโมง เพราะด้านหลังวัดมีทะเลสาปอีก 1 แห่งที่พวกเราอยากไปดูกัน ซึ่งพวกเขาก็ตกลง เรากับเพื่อนเลยเดินเข้าไปในเต็นท์หาพี่เขา (คิดว่ายังนอนอยู่) ปรากฎว่าไม่เจอสุดท้ายเจอนั่งผิงไฟคุยอยู่กับเฮียเซินเจิ้นอยู่ในร้านอาหารแล้วเลยชวนกันกินข้าวกลางวัน แต่เฮียเซินเจิ้นบอกกินไม่ลงปวดหัวมากคลื่นไส้ด้วย ซึ่งพี่เขาก็ยังคงเหมือนเดิมคือได้น้ำพริกจากเมืองไทยช่วยให้กินข้าวได้เยอะขึ้น ระหว่างที่กินข้าวคนจูงม้าที่พวกเราตกลงราคาไว้ก็มานั่งกดดันอยู่ข้างๆ

พวกเรากินข้าวเสร็จท่ามกลางสายตา 3 คู่ที่นั่งมองพวกเรากินข้าวอยู่ เราเลยส่งน้ำพริกเผาให้คนละแพ็คเป้นการขอบคุณที่นั่งให้กำลังใจพวกเรากินข้าวกัน เข้าเต็นท์ไปแบกเป้ออกมา มองไม่เห็นพวกคนจีนที่มากับพวกเราคาดว่าคงนั่งม้าล่วงหน้าออกไปกันแล้ว ทันทีที่พวกเราพร้อมเดินทาง 3 คนนั้นก็พาพวกเราไปขึ้นม้าแล้วจูงออกเดินทันทีเลย พวกเขายังแบกกระเป๋าของนักท่องเที่ยวให้อีกด้วย



คนที่คอยบริการจูงม้าให้นักท่องเที่ยวนั่งจะใส่เสื้อเหมือนกันหมดเลย และแต่ละคนยังมีหมายเลขกำกับอีกด้วย ซึ่งพวกเขาส่วนใหญ่จะพูดภาษาจีนกลางไม่ค่อยได้ อย่างที่พาพวกเรานั่งม้าออกมามีแค่คนเดียวเท่านั้น (จากทั้งหมด 3 คน) ที่พูดจีนกลางได้ ทำให้ต้องคอยตอบคำถามพวกเรามากกว่าคนอื่นแต่ก็ท่าทางอารมณ์ดีไม่หงุดหงิดอะไร นอกจากนั้นพ่อหนุ่มคนนี้แกมีมุกยิงได้ตลอดเรียกเสียงหัวเราะจากพวกเราได้ตลอดทาง ตอนที่นั่งม้าออกมาไม่ค่อยได้ถ่ายรูปเท่าไหร่ เพราะว่าโยกไปโยกมาตลอดทาง กลัวกล้องหล่น (ไม่ได้กลัวตัวเองหล่นเลย)

ระหว่างที่นั่งม้าออกมาก็ลองถามพ่อหนุ่มคนนี้ว่าเวลาที่พวกเขาออกไปหา ตงฉงเฉ่า นั้นมีข้อสังเกตอะไรจึงรู้ว่าสิ่งที่พวกเขาต้องการหานั้นอยู่ตรงไหน แต่ว่าพ่อหนุ่มมุกเยอะไม่ยอมตอบ ต้องคะยั้นคะยอตั้งนานแล้วยังต้องคอยย้ำว่าไม่มาแย่งหาหรอก จึงจะค่อยๆ บอกออกมาว่าต้องมองหาส่วนปลายของมัน (สีดำๆ) ที่จะโผล่พ้นดินขึ้นมาประมาณ 2 – 5 เซนติเมตร ดังนั้นพวกเราจึงเห็นคนที่ไปหาต้องคลานสี่ขากันทุกคน



พวกเรานั่งม้ากันออกมาประมาณ 30 นาที (เมื่อยก้นสุดๆ) ก็ถึงวัดชงกู่แล้ว ตรงจุดนี้เหมือนกับเป็นจุดพักม้าเลย เพราะมีม้ายืนอยู่หลายตัว บางตัวก็กำลังและเล็มหญ้าข้างทางอยู่ ส่วนคนจูงม้าบ้างก็นั่งบ้างก็นอนอยู่ในละแวกใกล้เคียง และตามที่ตกลงกับพวกเขาไว้ว่าให้รอพวกเราที่นี่สักประมาณ 1 ชั่วโมง เพราะว่าพวกเราจะเดินไปทะเลสาปไข่มุก หรือ เจินตูห่ายกัน (珍珠海, zhenzhuhai) ตอนแรกพวกเราอยากจ้างให้พวกเขานำทางไป แต่พวกเขาไม่ยอมไปบอกว่าต้องเฝ้าม้า เลยบอกทางและให้พวกเราลองเดินไปดูเอาเอง พวกเราเลยจำต้องเดินไปเองพอเดินเลยหลังวัดชงกู่ไปสักพักก็เกิดอาการลังเลแล้ว เพราะที่คนจูงม้าบอกว่าทะเลสาปอยู่หลังวัดไม่ไกลนัก แต่ที่เห็นตรงหน้ามองยังไงก็ไม่เห็นอะไรที่ดูคล้ายกับทะเลสาปเลย แล้วต้องเดินไปทางไหนต่อก็ไม่รู้ เพราะเป็นทางขึ้นเขาตลอด มองซ้ายมองขวาก็ไม่รู้จะถามใครช่วงที่กำลังอับจนสิ้นหนทางนั้นเอง เจอแต่เด็กผู้ชายอายุประมาณไม่เกิน 14 ปีเดินเล่นอยู่แถวนั้นพอดี เราเลยลองถามทางไปทะเลสาป ปรากฏว่าไอ้หนูนี่แสบใช่ย่อยโดยบอกว่าจะพาไปเองแต่ขอค่านำทาง 20 หยวน และมีข้อแม้ว่าขากลับให้พวกเราเดินกลับเองนะ พวกเราได้ยินคำตอบปุ๊บก็ขำกันใหญ่เลยขำในความคิดแบบหัวการค้าแถมยังเจ้าเล่ห์ซะด้วย แต่ว่าไอ้หนูนี่กล้าขอพวกเราก็ยินดีจ่ายให้ ตอนแรกคิดว่าไม่ไกลแต่จริงๆ แล้วต้องเดินขึ้นเขาไปอีกสูงมาก ไอ้หนูเลยเอากระเป๋า (กระเป๋าใบใหญ่อยู่ที่คนจูงม้าหมดเลย) ขวดน้ำ
หรืออะไรก็ตามที่เห็นว่าเกะกะหรือว่าถ่วงน้ำหนักพวกเราไปถือให้หมดเลย ใครทำท่าเดินไม่ไหวก็จะมาคอยดึง หรือดันตูดให้ โดยเฉพาะพี่เขาชอบมากบอกว่าช่วยให้ไม่ต้องออกแรงมากนัก บริการดีจริงๆ พอพ้นเนินมาก็เห็นภูเขาหิมะเซียนหน่ายรื่อ (仙乃日, xiannairi) ภูเขาที่สูงที่สุดในเขตอนุรักษ์ธรรมชาติย่าติงในระยะประชิดเลย แต่ว่าน่าเสียดายนิดๆ ตรงที่มองไม่เห็นยอดข้างบนเพราะมีเมฆลอยปกคลุมอยู่ ข้างบนนี้อากาศหนาวมากแถมยังมีลมโชยมาให้สั่นกันเป็นครั้งคราว (โชคดีที่ยังใส่เสื้อกันหนาวอยู่)



พวกเราถือโอกาสถ่ายรูปกันก่อนที่จะเดินลงไปทะเลสาปที่อยู่ด้านล่าง แต่ไอ้หนูไกด์ไม่ยอมบอกว่าลงทะเลสาปด้านล่างก่อนแล้วค่อยขึ้นมาถ่ายรูปก็ได้ พวกเราเลยต้องเดินตามเด็กอายุไม่ถึง 14 คนนี้ลงไปยังทะเลสาปด้านล่าง หลังจากที่ส่งพวกเราเดินลงไปริมทะเลสาปกันเรียบร้อยแล้ว ไอ้หนูนั่นก็ขอรับค่าจ้างแล้วบอกลาพวกเราทันทีเลย แต่ก่อนไปยังหันมาบอกพวกเราด้วยสีหน้าจริงจังว่าอย่าเล่นน้ำในทะเลสาปนะเพราะที่นี่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา แล้วก็ทิ้งให้พวกเราถ่ายรูปกันตามอัธยาศัย ในความคิดเราที่นี่สวยกว่า 2 ทะเลสาปเมื่อเช้ามากๆ เลย อาจจะเป็นเพราะมีต้นไม้มาช่วยเพิ่มสีสันก็ได้ ส่วน 2 ทะเลสาปเมื่อตอนเช้าดูแล้วแห้งแล้งมากๆ



บรรยากาศที่ริมทะเลสาปนี่เงียบมากๆ มีพวกเราแค่ 3 คนเท่านั้น พวกเราถ่ายรูปกันที่ริมทะเลสาปไม่นานนักเพราะรู้สึกเกรงใจบรรยากาศ และความเงียบมากๆ ก็เดินกลับไปตรงที่ม้ารออยู่ ขากลับนี่ง่ายมากเพราะเดินลงเขาแต่ก็ลื่นมากเช่นกันแต่ก็ยังเร็วกว่าขาขึ้นมากเลย

พวกเขาพอเห็นพวกเราเดินมาก็จูงม้าออกมารอเลย ทำให้พวกเราต้องขึ้นม้าแล้วจูงออกเดินต่อทันที ไม่ได้นั่งพักกันเลย จากหน้าวัดชงกู่ถึงปากทางที่ หลงต้งปา ก็ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ลงจากม้าจ่ายค่านั่งแล้วทิปให้กับทั้ง 3 คนไปอีกเพื่อตอบแทนพวกเขาที่อุตส่าห์นั่งรอพวกเรา



Create Date : 10 มกราคม 2551
Last Update : 12 มกราคม 2551 14:31:48 น. 1 comments
Counter : 722 Pageviews.  

 


แวะมาเที่ยวแบบลุยๆ ด้วยคนนะครับ
และชวนไปพิชิตภูกระดึงด้วยกันครับ

Photo by Mr.hong

มีดอกไม้สวยๆ จากไร่จิม ทอมป์สัน ที่โคราชมาฝากด้วยเช่นกันครับ

Photo by Mr.hong

สามารถคลิกที่ภาพเพื่อมาเที่ยวด้วยกันครับ




โดย: มิสเตอร์ฮอง วันที่: 10 มกราคม 2551 เวลา:19:53:22 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

liminghui
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add liminghui's blog to your web]