My Baby,Zurich
.. กุมภาพันธ์ 2009 .. 

.. Zurich International Airport (ZRH)..

" ฉันเกลียดที่นี่ "

13 ชั่วโมง ขอการเป็นนางเอก The terminal แบบจำเป็นของฉัน " มันไม่สนุกเลย .. (โว้ยยย) "

นั่นคือความทรงจำ ในส้วมที่สนามบิน ซูริค เมื่อครั้งที่ฉันเป็นผู้โดยสารทรานซิสโดยไม่รู้ตัว

" อย่าให้กุกลับอีกทีนะ ..คอยดู "  ฉันสบถ อยู่ในใจ ซ้ำแล้วซ้ำอีก



.. มกราคม 2012 ..

" ฮึ สนามบินซูิค " ไม่มีอะเปลี่ยนแปลงไปมากมาย ในสายตาของฉัน .. 

"กุบอกแล้วไงว่ากุจะกลับมา" ฉันยิ้มเยาะให้กับสถานที่เหมือนคนบ้า 

------------------------

มินิแวน ของโรงแรม Renaissance พาชั้นมายังย่าน Technopark ไม่ไกลมากนักจากใจกลางเมือ

บิสเนสโฮเทล เตียงนิ่มดูดวิญญาณ และอินเตอร์เนตความเร็วกว่าเต่า ฟรี



แม่งเอ้ย ฝนตก .. อาบน้ำล้างหน้า และ ทิ้งตัวลงเตียง หลับตั้งแต่ยังไม่สองทุ่ม .. 
(ไฟลท์ 7 ชั่วโมงผู้โดย 3 คน .. กุคงเหนื่อยมากสินะ)

------------------------------------------

ซูริที่รักของฉัน คงไม่เหมือนใครๆ แน่ เพราะมันทั้งอับชื้น และหนาว .. 
.. ช่างไม่ต่าง กับเมื่อหลายปีที่แล้ว ... แต่มาคราวนี้เรามีเพื่อนร่วมก๋วน อีกสอง .. รับรองไม่หลง !


และเช่นเดิมเริ่มต้นการเดินทางที่ ..คางเกยที่เค้าเตอร์รีเซฟชั่น .. 

ถามว่า "เพ่ๆ เข้าเมืองทางไหน ซื้อตั๋วรถไฟได้ป่าวเพ่"

เพ่รีเซฟชั่น  เอียงคอ ยิ้มเหล่ ยื่นแผนที่ลายทางให้ แล้ว วงๆๆๆๆๆๆ ปากก็พูดๆๆๆๆ !2!%###??? จากนั้นถามหาพาสปอร์ต ยื่นตั๋ววันแบบสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบก(ตั๋วเดียวจะขึ้นรถไฟ รถราง รถบัส จะขึ้นอะไรก้ขึ้นไป)ให้  .. เอาไปเลยน้อง!  O_O'

วันนี้วันเสาร์ เราเจอที่นี่ก่อน "ตลาดนัดขายของเก่า "




"การมากับเพื่อนทำให้เราได้รูปเพื่อนมากกว่ารูปตัวเอง
 และการมากับเพื่อนมักได้ของกินมากกว่าของใช้"

Smiley จำไว้นะฮร่าา


ฝนตกปรอยๆตลอดทั้งวัน ยิ่งเพิ่มความหนาวแบบเย็นเยือก ฉันรีบมองหาร้านที่หมายมาดว่าต้องมาให้ได้และเราก็เจอ ..


ร้านกาแฟเก่าแก่เล็กร้านนี้ นอกจากจะมีใบชาและเมล็ดกาแฟแล้ว ยังมีลูกกวาดสีสวยและเบเกอรี่ขนมหวาน มาการง ที่คนไทยไม่รู้จะเห่อกินไปไหนอีกด้วย
----Teecafe'----

ร้านกาแฟเจ้าของเดียวกับร้านมะกี้ ร้านเล็กๆเท่ารูหนูแต่คนมากมายถึงกับต้องยืนต่อโต๊ะกัน

.. ฉันแอบยิ้มอย่างผู้ชนะในใจ เมื่อเราเดินเข้ามาเจอโซฟาที่ขอแชร์นั่งกับกลุ่มลุงป้า ก่อนที่ลูกค้าอีกกลุ่มนึงจะเข้ามาเพียงแค่เสี้ยววินาที ..
Smiley

"ช้าอดนะน้อง คราวนี้พี่ไม่มีจิตเมตตาเพราะข้างนอกพี่หนาวมาก"










สุดท้ายเราพากันเดิน ไปเจอร้านขายไอเดีย เป็นของที่ระลึก เสียดายเจ้าของร้านห้ามถ่ายรูป แต่แอบถ่ายมาได้แค่เท่านี้ ฮาาาาา

ทริปนี้จบกันแบบพูดน้อยๆรูปเยอะๆ เพราะความเย็นจัดของอากาศ ทำเอาปากคอแข็ง ปนเสีเขียวม่วงกันไปหมด ออกจากร้านเย็นย่ำไม่เท่าไหร่แต่มืดจริงจัง เลยกลับโรงแรมดีกว่า ก่อนที่มือเท้าจะช้าไปมากกว่านี้ 
... สวัสดี เบบี้ซูริค ..

" เธอทำให้ฉันรักเธอบ้างแล้วละ .. "











Create Date : 29 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 29 พฤศจิกายน 2555 18:23:12 น.
Counter : 762 Pageviews.

0 comment
Osaka ในแบบฉัน
Osaka-Kyoto เป็นเมืองล่าสุดที่ได้เผชิญ โลกกว้างด้วยตนเอง..

เริ่มต้นการเดินทาง แถวบ้านเรียก "อย่าง เอี้ย" ..

ไม่มีอะไรเลย .. "แปลว่า ไม่มีเลย นอกจาก วีซ่า กับพาสปอร์ต"

ก่อนเดินทาง เตรียมนะ เตรียมแต่เอกสารขอวีซ่า พอได้วีซ่าเสร็จ สบายใจ แฮ ..เรื่องอื่นช่างแม่ 

..ลืม..

สำนึกได้เอาก็ตอนจัดกระเป๋านี่แหละ ว่า ตรุแม่ง ไม่มี ห่าน อะไรทั้งนั้น เสื้อผ้า .. อย่าไปคิดมาก..

อากาศ แม่งต้อง สบายๆ (สะระตะ เอาเองหมด) แผนการท่องเที่ยว โอ้แม่เจ้า รู้ว่า ซื้อตั๋วไปโอซาก้า ..

.... แล้วหลังจากนั้นอะ ... โอ๊ยยยย สบาย ... สองวันก่อนเดินทาง โคตร ล่ก!!!!

สุวรรณภูมิ 04/22/12

ตื่นเต้นหว่ะ ได้ไปญี่ปุน 

แฟน: ตัวเอง โทมาบ้างนะ ถึงแล้วหน่ะ
ฉัน  : เอออออ รู้แล้วน่า ..
น้องสาว : ตัวเองจะไปญี่ปุ่น คนเดียวจิงๆอะ
ฉัน : เออออออ เด่ะ หุ้ยย

เช็คอินเรียบร้อย เดินผ่านกำลังจะเข้า ตม. ความรู้สึกเหมือนได้โบยบิน .. แต่ความฉลาด ส่วนนึกในสมองได้รั้งไว้หน่อยนึงว่า ... ถึงแล้วแม่ง .. ไปไหน ..

เออ.. ไปไหน .... แล้วไปยังไง .. เออ นั่นสิ เอาไง เอา ไง

ฉัน : ตัวเองๆ ซื้อหนังสือก่อนได้ป่ะ
แฟน : หนังสือไรอะ
ฉัน : (ชิบหาย หลุดไปไปแล้ว .. กุวางตัวดีมาตลอดว่า แพลน ทริปไว้ดีมาก) เออ เนี่ย ซื้อไปเพิ่มไง พอดีเค้า.. เค้า ลืม นิดหน่อย .. เฮ้ยๆ ไปซื้อ ... 

..เรื่องจริงก็คือ ขณะนั้น ฉัน "ไม่มีหนังสือ แนะนำการเดินทางอันใดเลย"...

 เล่มเดียวที่หาได้จาก"หน้าร้าน นายอินทร์" ที่สุวรรณภูมิ

จ่ายตังค์ มองหนังสือในมือ กลืนน้ำลายเอื้อกใหญ่ "มั่นใจว่าเอาอยู่" .. เหรอว่ะ???!!!

.. แฟน .. ที่ฉันคิดว่า มมันคงเริ่ม จับไต๋ได้ .. 

แฟน: ไหวป่ะเนี่ย ตัวเองเตรียมตัวพร้อม ครบละนะ 
ฉัน : สบ๊ายยย .. (เหรอว่ะ????!!!)

น้องสาว อินี่ย์ มันฉลาด มันรู้ทัน ...

น้องสาว : ตัวเอง แน่ใจนะว่ามีที่อยู่ที่พักแล้ววอะ ตัวเองไม่มีแผนเหรอว่าจะไปไหนอะ ..
ฉัน : ก็นี่งายยยย ที่อยู่ เรื่องเที่ยวที่ไหน ไปถึงเดี๋ยว ก็รู้เองละน่าาา ..
น้องสาว : ไหวป่ะเนี่ย ..

"4 ชั่วโมง 15 นาที .. คือไฟลท์ไทม์"

เฮ้ย รีบกันเหรอว่ะ คราวที่แล้วตั้ง ห้า หกชั่วโมง

ไม่เป้นไรเรามีหนังสือ เรายังอุ่นใจ

.... และ ฉัน หลับ ....

Smileyตื่นเอาตอนชั่วโมงสุดท้าย

สิ่งแรกที่คิดได้

แอร๊ยยยยยยยยยยยยย!!!!! ลงสนามบินแล้วกุไปไหน กุจะเข้าเมืองยังไง???Smiley

คลุ้มคลั่งอยู่ในสมองคนเดียว ตาขวางหน้ามืด .. เอาแล้วไง เอาแล้วไงล่ะ

ชีวิตตามปกติของฉัน การข้ามน้ำข้ามทะเลลงสนามบิน - เข้าโรงแรม เป็นเรื่องง่าย

"เพราะถูกจัดการมาให้แล้ว"

..แต่ นี่มาเอง นอนโฮสเทลกระจอก So????!!! ..Smiley

ผ่าน ตม.มาได้ อัด iTune เข้าหูตัวเอง เพลง Survivor ของ destiny's Child ปลุกใจ 1 จังหว่ะ เอาว่ะ!!! 

แน่นอน .. อังกฤษ ใช้ไม่ได้ ญีปุ่น ไม่เป็นเลย 

เราจึงใช้ ทักษะทางภาษาขั้นสูง นั่นคือ ภาษามือ ฮาา

ฉัน : May I have a Map??? A.. a .. Mm a pp (ทำท่า สี่เหลี่ยม ด้วย )Smiley
เจ้าหน้าที่ : ทำหน้า งง แล้ว อ่อ หนึ่งที ชุนิ้วชี้ ทำท่าคิดออกแล้ว ยื่นแผนที่รถไฟให้ 

... รอด ซื้อตั๋ว ... แล้วกระเตง ในนั่งรถไฟ เข้าเมือง 

..บอกตามตรงนะ จังหว่ะนั้น ง่วงมาก แต่หลับไม่ได้กลัวเลย กลัวหลง.. 

ที่สำคัญ ข้างๆ มีผู้ชายออฟฟิช นั่งด้วย ... หัวมันเว่อร์ อ่ะ  กลัวหลัวคอพับ ไปซบ อึ๋ยยยย



กว่าจะตามหาโรงแรมเจอ ด้วยความชาญฉลาด และหลงทิศเก่งยิ่งกว่า หนู เราใช้เวลา หาที่พักนี้ร่วมครึ่งชั่วโฒงทั้งๆที่ มันอยู่หน้าสถานี ฝั่งตรงข้ามของสี่แยก เดิน ไม่เกินสองนาทีถึง หากขายาวกว่านั้นก็ไม่เกินนาทีครึ่ง!!!! โคตรใกล้!!!!


หลังจากนั้นอีก 9 วัน ในญี่ปุ่น .. ฉันได้เรียนรู้ว่ามันแตกต่าง จากญี่ปุ่นที่เคยเห็นเมื่อ 5 ปีก่อน 



วันนั้นอากาศ เย็นๆ แต่แดดแรงนะ เดินจนหลังเปียกเสื้อ แต่ดีใจนะ ที่ยังได้เห็นซากุระอยู่ 



เข้าในตัวเมือง โอซาก้า ผ่าน ห้างใหญ่ มีชิงช้าสวรรค์ คิดไปเองว่าคงเหมือน London eye's

แน่นอน ไม่มีใครหลอกฉัน .. ฉันหลอกตัวเองขึ้นไป เป็นจุดชมวิวที่มีแต่ตึกบัง 555 

.. หลังจากอ้อล้อ กับโอซาก้า มาสองสามวัน ถึงเวลาขยับตูดไป เกียวโตบ้างแล้วล่ะ..

การเดินทางไม่ยากเย็นเพราะเรามีแผนที่รถไฟเป็นคัมภีร์ 

วัดน้ำเย็นน้ำใส,วัดทองวันไม่ทอง ศาลเจ้า ร้างบ้างไม่ร้าง ข้าไปหมด เหนื่อยเว่อร์แต่สนุกมาก

และปราสาทฮิเมจิ เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่เป็นมรดกโลก ..

.. แน่นอนที่สุด สถาที่แบบนนี้มีแต่เด็กๆมาทรรศนะศึกษา ..

บอกตรงๆ ฉันไม่ใช่นางงามรักเด็ก "มันน่าเบื่อมากกก" 

ที่มีเด็กยั่วเยี้ย เด็กเกรียน เด็กกร่างทั้งหลาย มันมีทุกมุมโลกและหัวระแหง จริงๆSmiley






วัดทองเป็นอีกที่นึงที่เจอแก๊งค์นักท่องเที่ยวชาวไทย เยอะมาก .. และกลุ่มนักเรียน

พยายามถ่ายรูปตัวคนเดียวอยู่นาน.. ซักพักมีมือเย็นๆมาแตะเบาๆที่หัวไหล่ ..

ฉัน : เขร้...(อุทานเบาๆ) แล้วค่อยหันไป .. เจอหน้าลุงป้า คู่นึงน่าตาใจดี 
ลุง : @#%&%>??!!!
ฉัน : หืมมมม ... ยิ้มแหยๆ ทำท่าหมางง เกาหัวสามที
ป้า : ชี้มาที่กล้องของฉัน .. แล้วชี้ตัวป้า  ..
ฉัน :อ๋ออออ จะถ่ายรูปให้ โอ้ว ก้มคำนับ สามทีเป็นการขอบคุณ แต่ที ที่สาม สายกล้องไม่รู้ยังไง พาดให้เข้าที่หน้าผาก เจ็บ จนอยากจะร้องไห้ ...

ลุง-ป้า : มองหน้ากัน แล้วทำหน้าประมาณว่า ไม่ต้องซึ้ง น้ำตาจะไหล ขนาดนั้นก็ได้หนู
ฉัน : กรูคงดูหน้าตา ซาบซึ้งมากเลยซินะ ...ป่าว !!! เจ็บ!!!

มีคนบอกว่าถ้าอากาศสดใสท้องฟ้าเปิดกว่านี้วัดจะสวยมากเพราะแสงของปราสาทที่ตกกระทบที่ผืนน้ำ .. อืม คิดในใจ คราวหน้ามาใหม่จะถ่ายตอนท้องฟ้าสดใสกว่านี้ละกันนะ

บ่ายๆของวันนั้น ฉันเดินทางต่อไปที่วัดฟูชิมิอินาริ

บอกตรงๆนะใครจะไปวัดนี้แนะนำให้มีเพื่อน เพราะถ้าจะเดินชมไอ่เสาโทริอิ คนเดียว อาจเกือบจบชีวิตหลงป่าหลงเขาที่วัดนี้ก็เป็นได้

.. ไม่คิดว่าจะเดินผิดสวนทาง กับชาวบ้าน ตอนที่ไปถึงก็ประมาณ บ่ายสามแล้ว เดินขึ้นเขาไปเรื่อยๆ เดินคนเดียว จากที่แรกๆมีเพื่อนร่วมทางสองสามคนก็ค่อยๆหายไป ...

..พอซักห้าโมงได้ เริ่มรู้สึกว่าเฮ้ย เหมือนจะมืด หาทางออกไม่ได้ ไปตันอยู่ตรงมุมๆนึง มีเสาหินโทริอิ เยอะมาก เยอะและร้าง หันไปมองรอบตัวมีแต่สีเขียวสีดำ ต้นไม้แผ่ปกคลุมรอบตัว ได้ยินเสียงน้ำไหล จากธารน้ำเล้กๆใกล้ ... ไม่มีใครเลย .. ท้องฟ้าเริ่มมืด แล้ว ... บอกตรงๆ ตอนนั้นเริ่มกลัว ...

... ฉันเริ่มมองหาเสาไฟฟ้า .. นั่นไง ..ในใจแอบหายใจหายคอโล่งมาหน่อย มีทางดินที่เหมือนมีคนเดินสัญจรอยู่ ฉันเดิน ตามมันแต่สุดท้ายก็หายไป .. ทางเดินหิน หรือที่ลาดซีเมนส์ไว้หายไปไหน..

..ไปไหน หายไปไหน  เดินไปทางไหนนนน ดี โว้ยยย..

..อารมณ์นั้นแอบอยากร้องไห้นะ หาทางกลับ ทางเดินเท้าที่เดิมไม่เจอ ..

เหมือนนิทานที่เคยอ่านเลย .. เด็กดื้ออยากรู้อยากเห้นมากเกินไป ไปในที่ๆคนปกติไม่ไป เป็นไง

สุุดท้าย .. มีพระรุปนึง ไม่แน่ใจว่าพระรึป่าว หรือไม่ก็คงเป็นศิษย์ผู้ดูแลวัด
โผล่มาจากไหนไม่รู้จากอีกมุมนึง ฉันรีบวิ่งเข้าไปหา

..อยากจะถามทางออก ..ตอนนั้น เริ่มมืดแล้วจริงๆ ยุงก็เริ่มมาก..

ฉันพยายามตะโกนเรียกเป็นภาษาอังกฤษ และ ภาษาญี่ปุ่นง่อยๆ ท่านก็ไม่ยอมหันมา

ทางคดเคี้ยว ชั้นพยายามจะตามไปให้ทัน แต่ด้วยมันเป็นทางดิน ชั้นต้องมองพื้นด้วย มองข้างหน้าด้วยสุดท้าย พระรูปนั้น เดินเลี้ยวหายไป..

ชั้นวิ่งตามแบบไม่มีฟอร์ม ปากก็ตะโกน เฮ้ยๆ ... (แมร่ง โคตรสุภาพเลยตรู)

และในที่สุด ชั้นเจอจุดเชื่อมต่อ มันเป็นทางแยก ของทางดินที่ชั้นเดินมา กับทางที่เป็นซีเมนต์ลาดปกติ 
อ๋อ... นึกออกแล้ว ชั้นตัดสินใจแยกเดินมาทางดิน แทนที่จะเดินไปทางปกติ 

เฮ่อ!!!!!!!!


กลับออกมาได้เหนื่อยมาก ฉันไม่รู้หรอกนนะว่า พระจริงหรือป่าว แต่เอาเป็นว่า ออกมาได้ ณ.จุดๆนั้น ดีใจมาก สัญญากับตัวเองเลยว่า จะรักษาเวลาในการเดินทางให้มากกว่านี้
..อันที่จริง ความรู้สึกกลัวคงจะไม่มีเลย ถ้ามันไม่เย็นย่ำค่ำมืด..
.. เฮ่อ วันนั้นกลับที่พัก และไม่ลืมจะซื้อสายไหมเรียกขวัญตัวเองกลับมา ..
นอนตาย ไม่สนใจฟ้าดิน เพื่อนร่วมห้องเลย



มาถึงตั้งญี่ปุ่น..แน่นอน นี่คืออีกหนึ่งสิ่งไร้สาระ ..แต่มีสไตล์ (รู้สึกเองนะ)

นั่นคือ สตาร์บัคส์ ฉันต้อลองนั่งสตาร์บัคส์ทุกที่ ในดลกที่ไป นั่นคือคำปฎิญาณสัตย์!!!

วันนี้ กลับมากที่โอซาก้าอีกครั้งเตรียมตัวกลับกรุงเทพ ในอีกสองวัน 
หลังจากที่หลงเกียวโต ไปสามวันสองคืน ..จากแผนการเดิมที่จะค้างแค่คืนเดียว :D

แบบนี้แหละนะ ข้อดีของการเดินทางคนเดียว มัน flexible เรื่องของเวลามากๆ 

ฉันตัดสินใจจะหาอะไรกินบ่ายนี้ รวมถึงสำรวจแถบที่อยู่ ด้วยการนั่งรถบัส บ้าง รถไฟบ้าง 
.. คิดว่าน่าจะเจออะไรที่น่าสนใจแล้วก็เจอ ..


 เฮ่ๆ งานวัด และตลาดนัด มันไม่ได้มีแค่ในไทยแลนด์โอ่นลี่

พูดแบบนี้ไม่ได้แล้วละ เพราะที่แถบคันไซนี้ก็มี ได้แป้งต้ม แป้งทอดมากิน เย็นนี้อิ่มสไตล์งานวัดมี"ความสุข"


...04/30/12..

นี่คงเป้นวันสุดท้ายแล้ว สำหรับการเยือนดินแดนในฝันครั้งเยาว์วัย..

เช้านี้ ฉันเดินผ่าน สวนสาธารณะ ผู้คนมากมายกออกมานั่งสูดอากาศ บริสุทธิ์ บางก็นั่งเป็นแบบให้จิตรกร  เด็กหนุ่ม วัยรุ่น หญิงชาย ช่างภาพศิลปะ ต่างมารวมตัว แต่งแต้มจินตนาการบนแผ่นกระดาษ บ้างก็เลือกที่จะสร้างสรรผ่านเลนส์ ...

.. ฉัน หนึ่ง ในกลุ่มคนที่มา พึ่งพาอาศัย อากาศบริสุทธิ์ รวมถึงชื่นชมความงามของดอกไม้ท่ามกลางป่าคอนกรีต ของนครโอซาก้า แห่งนี้ ..

" ฉันหยุดเดิน มอง ภาพ มุม กว้าง ของสถานะที่แห่งนี้ พลางคิดใน ใจว่า มันช่างเป็นหยุดพักร้อน ที่ดีที่สุด ครั้งหนึ่ง ของฉัน เลยก็ว่าได้ "

" สัญญา ..ว่าจะกลับมาอีก .."


Raizan Hostel,Osaka,Japan
04/30/12



Create Date : 21 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 22 พฤศจิกายน 2555 18:31:47 น.
Counter : 1551 Pageviews.

3 comment
My very first Munich
อันที่จริงเรื่องนี้เขียนไว้ ที่Blogger มานานแล้ว แต่คิดว่า ไหนๆก็ย้ายมา bloggang ก็เอามาลงซะหน่อยดีกว่า เพราะถือว่า เป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ กับ มิวนิค ครั้งแรกที่ได้ไปเหยียบย่ำ ยุโรป เมืองโลกสวยต้นแบบของวอลดิสนีย์ กันเลย .. แต่ .. ฉันเรื่องของชั้นนั้น เป็นเหมือนต้นฉบับ นิยายกริมม์ ซะมากกว่า ในแบบของดิสนีย์ .. 

อยู่ๆก็โดนเรียกจากวันออฟ มาทำไฟลท์ในฝัน...มิวนิค 3 คืนซะด้วย


ดีใจเหมือนได้แก้วได้แค่ไม่นาน เข้าห้องบรีฟเห็นหน้าเพื่อนร่วมงานต้องบอกว่า


ไฟลท์นี้เค้า"คัดมาแล้ว"ทั้งนั้น....




-----------มิวนิค------------





โอ้ว....ช่างสวยงามและมีแสงสีเสียง บันเทิงอลังการมากกว่ามัสกัตเป็นไหนๆ...



เข้านอนซะตีหนึ่ง...ดูทีวี..โรงแรมสวยดี อินเตอร์เนตไม่ฟรี..ห้องก็มีสองเตียง....



ประทับใจที่สุด....ห้องน้ำค่ะ...





-------เช้าวันนี้ที่สดใส---------





เดินออกจากโรงแรมด้วยความไม่มั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม..ฟันธงกับตัวเองว่า


" กุหลงแน่ๆ "



พี่รีเซฟชั่นแกบอกว่า เดินไปร้อยเมตร ก็เจอสถานี เดินครบร้อยเมตรแล้วหันซ้ายแลขวา..





เห็นแต่หมากับแมว..... ยืนงงก่อน....บ้าอ้วนคนนึงคุยโทสับเสียงดังบ้าคลั่งเดินใกล้เข้ามา...



ป้าวางโทสับแล้ว....นึกในใจ...เอามั้ย ...เอาเลย..เอาเลย...เอ่อ ป้าคะ ป้าหันมาแสยะยิ้ม..



ชั้น:เอ่อ...อยากไปซับเวย์อะคะ เอ่อ..หมายถึงรถไฟอะคะ


ป้า:Ae..U U ok ok


ชั้น:คะ?



หลังจากนั้นป้าลากเลย ทำท่าประมาณมาด้วยกันๆ

ป้า: train trian is U ป้าบอกว่ารถไฟคือ อูแล้วชี้ไปที่สัญลักษณ์รูปตัวยู สอนชั้นว่า อ่านว่า อู..



ชั้น:อ๋อ แต๊งคิว ค่ะ


ป้า:where you fom?


ชั้น:Thailand


ป้า:ticket ticket


ชั้น:ยังไม่มีอะคะ ขอบคุณค่ะ



------รอด------



นั่งรถไฟ รุ้สึกโง่ๆ กับการซื้อตั๋วซิตี้ทัวร์...เพราะไม่มีใครช่วยหนูเลย


" ไม่มีคนเลย แปลว่าไม่มีใครเลย "



นี่วันอาทิดไม่คิดจะมีใครออกไปไหนเลยเหรอคะ... ส่วนป้า เดินอ้วน เข้าสถานีไปละ



ขึ้นจากรถไฟ ออกมาเจอจตุรัสเทียนอันเหมิน



เดินมานิดหน่อยเจอโบสถ์ เสียงระฆังเหงหงาง เดินเข้าโบสถ์ซะหน่อย.....


โอ้ว..แม่เจ้า...

โบสถ์สวยมาก.. ไปดูในเฟซบุค..บอกตรงๆขี้เกียจโหลดมาแปะไว้ตรงนี้


เลยร่วมนมัสการตอนเช้าไปเลย...ฟังไม่รู้เรื่องหรอก ร้องเพลงก็เค้าก็ไม่ได้ด้วย ได้แค่ฮึมฮัมไปกะเค้า

แต่..ออกมาสุขใจเหลือเกิน....


ออกจากโบสถ์ เพียงแค่ตรงข้ามเท่านั้น.....สัญชาตญาณมันเรียกร้องมีลุงหนวดใจดีหมุนรถของเล่นดนตรี เรียกไม่ถูก ยิ้มเหล่ อยู่หน้าทางเข้า


....พุงเข้าไปเลย เป็นตลาดเล็กขายของกินและของที่ระทึก


ซัดไป เบอร์เกอร์ไส้กรอก...อิ่มแปล้ สบายตัว..

เดินต่อไปเรื่อยๆ ตัดสินใจเขวี้ยงแผนที่ทิ้งเดินไปเรื่อยๆแม่งเลยละกัน


แวะหลายโบสถ์มาก สามสี่โบถส์ได้....พี่ต่ายแกบอกเป็นทัวร์ศาสนา...เหอๆ ก็คงจริง

นี่ถ้าอยู่ไทยคงทัวร์เก้าวัด...ฮาาา


เดินมาจนถึง"จุตรัสมาเรีย"ที่มีชื่อเสียง ระหว่างทางไม่ต้องถาม ทุกไส้กรอกที่ไม่เคยเห็นชี้และ ซื้อ กิน..


คนยืนรอตุ๊กตาออกมาเต้นๆหลังจากถ่ายรูปเสร็จ รุ้สึกคอแห้ง เลยเดินไปร้านใกล้เคียง..


ชั้น: มีช๊อกกาแลตร้อนปะคะ

คนขาย:ไม่มี

ชั้น:เอ...แล้วนี้อะไรอะคะ (ชี้ที่หม้อ)

คนขาย:ไวน์อุุ่น

ชั้น:งั้นเอาแก้วนึงค่ะ

--------!@#$$Z**))-------ตุ๊กตาเต้น-------*&&^%^$$

เมา!

โอเค้..ยื่นนิ่งๆยืนนิ่งๆ ฝ่ายดีกำลังบอกตัวเอง

โอ๊ยลมเย็นอากาศดี...เฮ่อ.. ฝ่ายซาตานก็ทำหน้าที่

------ลุงป้า ใส่ชุดบาวาเรีย ดั้งเดิมเดินผ่าน------

ป้ายิ้มให้แล้ว เอามือป้องปาก พูดว่า...สุขสันต์วันคริสมาสนะจ๊ะ O_0!

สุขสันต์วันคริสมาสเหมือนกันค่ะ......ตอบไปไม่รู้ว่ากุเมา หรือป้าแก เมา.....


ปล.ตุ๊กตาเต้นๆ: Maria Plaz จะมีหอคอยนาฬิกา เมื่อตีครบ 11โมง, บ่ายสาม และ สองทุ่ม ของทุกวัน (ถ้าจำไม่ผิด) จะมีตุ๊กตาที่ยอดหอคอย ออกมาเต้นระบำ แบ่งออกเป็น3ชั้น แสดงถึง วัฒนธรรม ความเป็นอยู่และประเพณี ของชาวบาวาเรี่ยน ในสมัยก่อน (อันนี้ ไปอ่านมาทีหลัง ต้องขอโทษด้วยที่ ไม่มี Reference for now)


-------------------------   หอคอยโบสถ์เซนต์ปีเตอร์ -------------------------


1.5คือค่าผ่านประตู....เอาวะ

ทางเล็กและคดเคี้ยวมากกกกกก ที่สำคัญ ชั้นและสูงมาก เดินวนจนสร่าง จนรู้สึกว่า กูไม่ไหวแล้ว

เมื่อไหร่จะถึง.....ฟิเนเล่..เมื่อถึงยอดหอคอย...นั่งหอบที่เก้าอี้ก่อนหนึ่งนาที...

โอ้ว...สูงจริงๆ ขากลับแทบอยากจะกลิ้งลงมา....

คาดว่าจะจบการผจญภัยไว้แต่เพียงเท่านี้ เพราะเดินทั่วแล้ว....ตัดสินใจว่าโรงเบียร์กะสนามบอลไว้มากับเพื่อนตอนปีใหม่ดีกว่า...


เราจึงเดินเท้ากลับบ้าน แน่นอน แวะซื้อของกิน เจอสิ่งอัน ที่สัญฐานคล้ายโดนัท

ซัดไปสองชิ้น..เจออนุสาวรีย์หน้าสถานที่ซักอย่างคาดว่าศาลากลาง...


นั่ง..กินโดนัทอย่างเอร็ดอร่อย....กร๊าก กริีซ ฮาา กริ๊วววว....

"....ไอ่สัด..." อุทานในใจ เหมือนเป็นภาพสโลว์...โดดดดน้าทททททจะร่วงงงงงงง

....คว้าไว้ได้....เฮ่อ...


อีเด็กเปร๊ต...ที่มันวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน อยู่มาเบรคแตกวิ่งทับข้าพเจ้านั่นเอง

แม่มัน.....ยืนขำ แล้วพูดประมาณว่า สงสัยลูกชั้นคงอยากเล่นกะหนูอะคะ...

ปรี๊ดดดด..ในใจ แสรดดดดอายุกรุก็เท่ากับมึงละม้างคะคู๊ณณณณ แค่กรุยังไม่มลูกผัวและตัวสั้นเท่านั้น!

เฮ่อ...เลยไม่รู้จะภูมิใจเลยดีมั้ย.......


ขากลับกลับทางเดิมค่ะ...ผ่านตลาดเดิม..เดินซะหน่อย..เผื่อเจออะไร เจอจริง

คนขายไม่ได้หลอกหรอกค่ะ "ดิชั้นหลอกตัวเอง"


ซื้อแอบเปิ้ลเคลือบน้ำตาลสีแดงสวยจัง....อร่อย......


ทริปนี้หมดง่ายๆแบบนี้แหละคะ...ดูแล้วตัดอารมณ์มากๆเนอะ ไม่ใช่อะไรหรอกปวดฉี่..

ร้านรวงก็ปิดหมด...เลยคิดว่ากลับไปฉี่ที่โรงแรมดีกว่า...กลับสายสีเขียวสายเดิมค่ะ.....

กลับถึงห้องเข้าส้วม....อย่างมีความสุข.....



ราตรีสวัสดิ์

Westin Hotel,Munchen ,German




Create Date : 20 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 20 พฤศจิกายน 2555 20:18:23 น.
Counter : 863 Pageviews.

2 comment
At the airport on the way home

12/25/10 at 23.45 PM ,Muscat International Airport


Tonight,I'm going to leave here to my home,Thailand.


Everything seems to be easy starts with checking in.


This my first time in this year that I'm easily getting the ticket.


Of cause,it's annual leave ticket :p


Now I have almost 2 hrs and 30 miniuts to go to the gate.


I'm sitting at Costa coffee,Somebody probably sleeping with sorrow now.


But baby,It's going to be OK soon,trust Me!!


Next 3 tables from mind.There's a big fat pilot,Eating,reading together with coke.He looks so starving O_o"


The table next to me.There's a couple playing cards.Seems likethe husband's getiing bored of playing but the wife's still...



I'm so excited to going back home now but some part of my feeling is still thinking about something..


I believe in this hard time is happened with the reason for both of us.


And I do believe that we'll be pass it through together.And that's the prove of our love.



--------------------------------------------------------


Started again ...


My back pain and now I'm feeling weak on my right hand.


------------ Hmmmmmm---------------------




Create Date : 20 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 20 พฤศจิกายน 2555 19:52:48 น.
Counter : 477 Pageviews.

0 comment
1  2  

LadyNokyoong
Location :
Muscat  Oman

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



..ฉันก็คืออีกคน ที่มองโลกกว้างใบนี้ในอีกมุมหนึ่ง..