ใช้เวลาในการเดินทางโดย JRจากที่พัก มาถึง JR Nijo ทั้งหมดประมาณ45 นาที จากนั้น เดินต่อมายังประสาท อีก 10-15 นาที (หากใครมีบัตร Subway จะเดินใกล้กว่ามาก) เมื่อมาถึงหากจะเข้าไปชมประสาทด้านในต้องเสียค่าเข้าชมเพิ่ม (600YEN/คน)
แผนที่การเดินทางจาก JR Nijo Nijo castle เราได้มาจากนายสถานี JR
ปราสาทนิโจ ปราสาทแห่งมรดกโลก
จากนั้นเราไปเที่ยวกันต่อที่วัดฟูชิมิอินาริ(Fushimi Inari temple) โดยนั่ง JR Nijo-Inari ใช้เวลาเพียงแค่ 10นาทีเท่านั้น พอเดินขึ้นมาจากสถานีมองไปฝั่งตรงข้ามก็เห็นวัดฟูชิมิอินาริ(FushimiInari temple) ทันที
ในส่วนของวัดฟูชิมิอินาริ (FushimiInari Temple) หากจะเดินครบทั่วทุกส่วนต้องใช้เวลาค่อนข้างมาก เพราะสามารถเดินขึ้นเขาด้านหนึ่งแล้ววนไปลงอีกด้านหนึ่งได้เลย โดยระหว่างทางเดินมีเสาโทโอริตลอด2ข้างทาง
เราออกจากวัดฟูชิมิอินาริ (Fushimi Inari Temple)ไม่เกินบ่าย 2 เพื่อนั่ง JR กลับมายัง Osakaอีกครั้ง จากนั้นไปเที่ยวยังปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle) (ค่าเข้าชม 600YEN/คน) รอบๆปราสาทโอซาก้า(Osaka Castle) เป็นสวนสาธารณะ ซึ่งเราสามารถปั่นจักรยานชมสวนรอบๆได้ หากใครอยากชมการแสดงซามูไรหรือว่าจะแต่งตัวในชุดซามูไร แล้วถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกก็มีไว้บริการ แต่ทั้งนี้ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอีกนิดหน่อยค่ะเรานั่งท้าลมหนาวเพื่อเก็บทุกมุมของปราสาทโอซาก้า(Osaka Castle) ตั้งแต่ยามบ่าย โพล้เพล้จนพระอาทิตย์ตกดิน พร้อมกับซึมซับบรรยากาศความยิ่งใหญ่ของสถานที่แห่งนี้ไว้ หากใครอยากทำแบบเราสามารถนำไปใช้ได้เลยค่ะ ได้ความโรแมนติกไปอีกแบบ (ไม่สงวนลิขสิทธิ์นะคะ)
บรรยากาศยามบ่าย ท่ามกลางอากาศเย็นๆ ณ สวนสาธารณะรอบปราสาทโอซาก้า
ก่อนพาไปชมปราสาทโอซาก้าพาเพื่อนๆไปชมกำแพงกันก่อนว่าสวยแค่ไหน
สะพานสู่ปราสาทโอซาก้า ซึ่งหากยืนตรงจุดนี้จะได้ยินเพลงบรรเลงเพราะๆยิ่งเพิ่มอรรถรสถึงความยิ่งใหญ่ของตัวปราสาทมากยิ่งขึ้นอีก
หลังจากเราชื่นชมความยิ่งใหญ่จนหนำใจแล้วเราก็กลับไปหาอะไรกิน และเดินเล่นยังย่านโดทงโบริอีกครั้ง (Dotonbori)
TIPS: หากใครชอบแช่ Onsenอย่าลืมนึกถึง Spaworld และหากยิ่งเลือกที่พักแถวShin-immamiya สามารถเดินจากสถานีไปได้เลย สามารถเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.spaworld.co.jp