원대리 자작나무숲 : ป่าต้นเบิร์ช วอนแดรี



การเดินทางของหอบสเตอร์และป่าเปเปโระรสคุ้กกี้แอนด์ครีม


วันนี้เราจะนั่งรถไปเที่ยวกันที่ ป่าเบิร์ชวอนแดรี (원대리 자작나무숲) เมืองอินเจ (Inje) จ.คังวอน นะจ๊ะ




โดยเราได้หลอกลูกทัวร์มาได้คนนึง พกไปด้วยเอาไว้ช่วยกันถ่ายรูปและเป็นพยาน

หากใครคนใดคนนึงพลัดตกเขาเสียชีวิตไปจะได้บอกทางบ้านได้ถูก ฮ่าๆๆๆ


คังวอนโด หรือ จ. คังวอน เป็นสถานที่จัดงานโอลิมปิคฤดูหนาว 

Pyeongchang Olympic Winter Games 2018 เลยนะเธอ 

ดังนั้นมั่นใจได้ว่าเมืองนี้ต้องหนาว!!!


หลังเห็นเหล่าโคเรียนซิติเซ่นเค้าฮือฮาเรื่องป่าเบิร์ชที่อินเจกันดูขาวราวเอลซ่ามาดำรงชีพอยู่

อิฉันก็ต้องตามไปพิสูจน์ค่ะ


นั่งรถจากดงโซลไปเมืองอินเจ จ.คังวอน ลงรถที่ InJe Bus Terminal จะ ใช้เวลาราว ชั่วโมง

ค่ารถ 13,000 วอนต่อคน/ต่อเที่ยวแล้วก็ต่อแท็กซี่ไปอีกราวๆ 25 นาทีก็ถึงล่ะ


สิ่งแรกที่ทำเมื่อมาถึงคือ เช็คตารางรถขากลับจะได้วางแผนชีวิตถูกว่าจะกลับมาทันรถรอบไหน 

หรือถ้าไม่ทันรอบนี้ จะมีอีกรอบกี่โมง




แต่ก่อนอื่นลงรถบัสมา งงเต๊ก! แท็กซี่เมืองนี้ไปอยู่ไหนกันอ่าไม่มีให้เรียกเลย

ก็ไปกระมิดกระเมี้ยนถามเจ้าหน้าที่มา เค้าให้นามบัตรมาเพื่อโทรเรียก


เง่อะ! โทรไปจะคุยกันเข้าใจไหมอ่า แล้วไม่อยากเปิดโรมมิ่งด้วย เปลือง มีไลน์คอลไหม 555555


ทันใดนั้นก็มีป้าคนนึงบอกว่านางจะไปเหมือนกัน แชร์รถกันไหม

เอาค่ะ!! ไม่ลังเล เพราะลังเลไม่ได้ เดี๋ยวไม่มีทางไป 555

ป้าก็จัดการโทรเรียกแท็กซี่ให้เสร็จ พร้อมบอก “ป้าไปห้องน้ำแป๊บ ฝากดูกระเป๋าก่อนนะ”

จังหวะกำลังมึนงง ป้าก็เดินกลับมา แล้วชวนเราไปขึ้นรถ

ขึ้นรถไปเราก็ยังงงๆ นี่ป้าไปที่เดียวกับเราแน่ไหม

กลัวคุยกันเข้าใจครึ่งๆ กลางๆ แล้วไปผิดที่ ชีวิตจะเปลี่ยน

พอหันไปถาม มาจาโย? ฮวักชิเร?

ป้าก็บอก ไปๆ ป่าเบิร์ชที่เมืองนี้มีที่เดียวเท่านั้นแหละ


นั่งมาจนถึงทางเข้า ป้าบอกเดี๋ยวจ่ายให้ก่อนแล้วเราค่อยหารกันเนอะ


สรุปค่ารถแท็กซี่ทั้งหมด 20,000 วอน (ต่อเที่ยวนะ แพงกว่านั่งบัสข้ามเมืองอีกแหะ)

 หารกันคนละครึ่ง เราหมื่นป้าหมื่น วินทั้งคู่

หันไปถามลุงคนขับ ลุงๆ มี kakao ไหม แลกกันจะได้แชทไปบอกว่ามารับหนูขากลับด้วยนะ

ลุงบอก “มี แต่ไม่ให้ เอ็งบอกคนแถวนี้ให้โทรตามล่ะกัน เดี๋ยววนมารับ”

อืม....จ๊ะ ก็ตามลุงว่าก็ได้งั้น ไม่กล้าดื้อ


ลงรถมาแล้วป้าก็ถาม มีที่หุ้มรองเท้าเตรียมมาเดินหิมะไหม หมวกล่ะ ถุงมือล่ะ ข้างบนหนาวนะ

(เอาจริงๆ ป้ารัวเกาหลีมาขนาดนี้ หนูเข้าใจ 20% เท่านั้นแหละ

ที่เหลืออาศัยจับคำเอา + ท่าทาง ก็เลยคุยกันได้ตลอดรอดฝั่ง)


แล้วป้าก็พาเราไปแนะนำกับลุงสองคนที่ยืนตกแต่งป้ายตรงทางเข้า

ว่านี่คนไทยนะสองคน จะขึ้นไปข้างบน ฝากดูด้วย(ว่ามันมีชีวิตรอดลงมาไหม)

ลุงบอกได้ๆ เมียลุงเป็นฟิลิปปินส์ (เกี่ยวอะไรเนี่ยยยยย)

ส่วนลุงอีกคนบอก “ชัล คัตตะ ฮวา” แปลเป็นไทยก็เออ ไปเหอะ รีบๆ กลับมา หรือ ไปดีมาดีนะ ประมาณนั้น


จ๊ะ หนูจะรีบไปรีบมา


ก็ค่อยๆ เดินขึ้นไป ส่วนป้าสปีดไวมาก


ก่อนไปป้าก็บอกถ้าไม่เจอกันขากลับเตรียมไว้สองหมื่นนะค่ารถรู้ไหม?

ขอบคุณค่ะป้า!

แล้วป้าก็เดินเชิ้บๆ จากไปปล่อยกะเหรี่ยงไทยงกเงิ่น


จนถึงทางเข้าหลัก เจอลุงอีกคนยืนคอยแนะนำเส้นทาง trekking ให้แบบไม่สนใจว่าเราฟังออกรึไม่ Smiley

แต่ลุงก็ชี้ๆ แผนที่ให้ดูว่าไปตามทางนี่นะ เป็นคอร์สเอ บี ซี ใช้เวลาเดินเท่าไร อะไรยังไง

(เสียดาย แผนที่การเดินที่ลุงให้มาหล่นหายไปตอนไหนไม่รู้ เลยไม่ได้เอามาแปะไว้ดูเลยเนี่ย)

แล้วบอกว่าให้เอาท่อนไม้บางๆ ขึ้นไปด้วย ใช้ค้ำ ใช้ยึดหิมะกันลื่นเอา

หิมะมันลื่นนะหนู หน้าพวกเอ็งยิ่งโง่ๆ อยู่(อันนี้ลุงพูดด้วยสายตา)

แต่คนเกาหลีนี่มาแบบ ใช้ไม้สกีกันเลยทีเดียว โปรสุดๆ


ป่าต้นเบิร์ช วอนแดรี ที่เมืองอินเจนี้ เอาจริงๆ คือเป็นศูนย์การเรียนรู้ทางธรรมชาติน่ะ

ไม่มีค่าเข้า ใครอยากมาก็ได้เลยเพราะคนเกาหลีมีนิสัยชอบปีนเขา (ก็ประเทศมีแต่เขาเนอะ)

คนที่นี่จึงชินกับการเดินเขาเอามากๆ เลยดังนั้นป่าไหนดี ป่าไหนเด่นเค้าก็อนุรักษ์ไว้ให้คนมาเดินออกกำลังกันงิ


ถ้าเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิหรือฤดูร้อนที่ต้นไม้เขียวๆ ก็จะมีนักเรียนมาศึกษาธรรมชาติกันเยอะเลย

แต่พอหน้าหนาว มันจะเปลี่ยนไปอีกแบบเลยอ่ะคุณ


เราไปถึง เริ่มต้นเดินกันตอน 9.38 น. ตามกำหนดเราต้องไปถึง viewpoint ภายใน 3 ชั่วโมง


แต่ .... เดินได้ 10 นาทีก็หอบจะบ้าแล้ว!!!!




มันคือเดินขึ้นเขาอ่ะ ชันขึ้นๆ แม้จะหนาว แม้จะหิมะ แม้จะขาวโพลนไปตลอดทาง


แต่มันเหนื่อยมากกกกกกกกก




หยุดพักตลอดเวลา จนไม่รู้ว่าชีวิตนี้จะไปถึงไหม


พักไป เล่นหิมะข้างทางไป ปั้นตุ๊กตาบ้าง ถ่ายรูปบ้าง




เรามันไม่ใช่คนชอบออกกำลังกาย เลยเหนื่อยกว่าคนอื่นเป็นเท่าตัวแต่มาแล้ว ต้องไปให้ถึงเนอะ


คืบก็หิมะ ศอกก็หิมะ





มุมถ่ายรูประหว่างทาง




พักแล้วพักอีก มันมีเก้าอี้อยู่ตรงไหนเรานั่งตลอด!!!





เดินจนหอบ จนเหลือ 1.9 กิโล หอบแฮ่กๆ ยิ่งกว่าอะไร เจอป้ายบอกทางอีกที เหลืออีก 1.7 กิโล


บ้า!!!! 200 เมตรมันไกลขนาดนี่เลยเหรอวะ






เดินมาจนจะเป็นลม ตกเขาตาย ผ่านมาสองร้อยเมตร แม่เจ้าาาาาาาา


สรุป เดินต่อไป เดินไป พักไป เดินไป แวะกินไป เดินไป บ่นไป




อีก 0.53 กิโลจะถึงเป้าหมาย เจอป้า car pool กำลังจะลงเขา

ป้าถาม เพิ่งมาถึงกันเหรอ? นี่ป้าเดินนะหันไปมองตลอด สองคนนั้นหายไปไหน? ฮ่าาาาาา

ก็หนูเดินไป พักไป ถ่ายรูปไปอ่ะป้า มันก็จะช้าๆหน่อย




ป้าบอกขึ้นไปข้างบนนะ สวยยยยย กว่านี้อีก ใส่หมวกด้วยนะ ถุงมือด้วยนะ มันจะหนาวเอา

แล้วป้าก็ถามจะให้รอกลับไหม (ป้าคงต้องรอจนอยากด่าหนูแน่ ดังนั้นเชิญป้าไปก่อนค่ะ ไม่ต้องห่วงหนู)


สุดท้ายเราก็มาถึง ตอนอีก 5 นาทีจะเที่ยง




ถือว่าทำเวลาได้ไม่ทุเรศนักถ้าวัดจากการที่หยุดพักตลอดทาง

(ขอยาดมด้วยค่ะ)

เหมือนมาแสวงบุญ เพราะพอหมดทุกข์แล้ว ที่เหลือคือสุขใจจริง

ป่าเบิร์ช สวยมากกกกกกกกก สวยจริงๆ




หิมะขาวโพลน นุ่มๆ ฟูๆ เดินจนจมลงไปในหิมะเลย 

เปลือกต้นเบิร์ชก็ขาวมันดูเหมือนเปเปโระ รสคุ้กกี้แอนด์ครีมมากๆ

มันสวยสมกับดั้นด้นมาดู วิวสวยยยยยย ไม่รู้จะชมยังไง

คือ ถ่ายรูปไม่เก่ง รูปเลยไม่ออกมาสวยเท่าของจริงอ่ะ


พยายามจะถ่ายให้ดูฮิปสเตอร์ แต่ที่แท้ทรูคือหอบสเตอร์ หายใจแฮ่กๆ ตลอดเวลา Smiley




รู้สึกว่า เออ คุ้มค่าที่ไต่เขาขึ้นๆ ลงๆ มาตลอดทาง มันชื่นหูชื่นตามากๆ เลย


และนี่คือ กระโจมแลนด์มาร์ค 

ที่ลุงข้างล่างบอกว่าต้องเดินมาให้ถึงนะ มันจะแปลว่าคุณจะมาถึงบริเวณที่สวยที่สุดแล้ว






ก็ตะลุยถ่ายรูป ออกมาสวยบ้าง อนาถบ้าง

แต่ก็ไว้เป็นที่ระลึกว่าครั้งหนึ่งเคยปีนเขาเกาหลีกับเขาเหมือนกัน 5555555











นั่งกินไข่ต้มท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บ ถ่ายรูปจนพอใจก็ถึงเวลาไต่ลงเขากลับ Smiley Smiley


แต่ขากลับดีหน่อยมันลงเขาไง ก็เดินรวดเดียวไม่พักเลย




เย้ๆๆๆๆๆๆ ลงมาถึงเขาราวๆ บ่ายสองโมงได้ ก็เจอหลายคนที่มาแล้วไม่ได้ขึ้นวันนี้

เพราะหน้าหนาวที่นี่จะให้เข้าได้ถึงแค่สองโมงเท่านั้น หลังจากนั้นปิด

เพราะมันมืดเร็ว กว่าคุณจะขึ้นไปถึงและกลับลงมามันจะอันตราย


ลงมาก็บอกคุณลุงคนนึงว่าช่วยเรียกแท็กซี่ให้หน่อยได้ไหมคะ

ลุงหันมามองหน้าแล้วบอก “อี อาเกอชือ” แน่ะ จำเราได้อีก เรายังจำเขาไม่ได้เลย

ป้า car pool ฝากไว้ดีจริงๆ แหะ


ลุงก็โทรตามลุงแท็กซี่ให้แล้วกวักมือเรียกเราให้ตามไป เราก็วิ่งๆ ตามลุง

ไปจนถึงถนนทางเข้า ลุงก็เปิดประตูห้องพักให้

เชิญให้เข้าไปนั่งรอรถ เปิดฮีทเตอร์ให้ ชงกาแฟให้ 

อันนี้อเมริกาโน่ อันนี้ครีมมี่นะ ต้มน้ำร้อนเป็นไหม




แล้วบอกว่าเซอร์วิสๆ กินได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ เอาขนมให้กินด้วย




ดูแลดีมากกกกกกกกกกกก ดีเว่อร์แล้วถามว่าเราอายุเท่าไร

ก่อนลุงจะบอกว่า โน ฉันเป็นโอป้าเธอจ๊ะ Smiley (ผิดที่หน้าแก่นะ)

พร้อมควักบัตรประชาชนมายัน ว่าเกิดปี 1972 ฉันเป็นแค่โอป้านะจ๊ะ

เออๆ โอ้ปก็โอ้ปวะ เอาไงก็เอา

แล้วโอ้ปแกก็เม้าท์นั่นนี่ให้ฟังโดยไม่สนใจว่าเราเข้าใจไหมเช่นเคย

พอเราทำหน้าโง่ๆ หน่อย โอ้ปก็จะบอกว่า “เรานี่พูดเกาหลีเก่งนะเนี่ย เรียนมาเหรอ ดีๆ”

(ตูยังไม่ได้พูดไรเลยไหม)

พอหันไปเจอพี่อีกคนก็ถาม แล้วคนนี้ล่ะ เด็กกว่าหรือแก่กว่า

พอเราบอก แก่กว่า น่าจะเป็นนูนาของโอ้ปนะ โอ้ปก็ หื้ออออไม่เชื่ออีก


คนไทย หน้าเด็ก ตัวเล็ก มีชัยค่ะ Smiley


พอควักพาสปอร์ตให้ดูก็บอก อู๊ยยยไม่ต้องขนาดนั้นหรอก ไม่ดูก็ได้

แต่ไหนๆ ก็เอาออกมาดูแล้วก็ขอดูหน่อยล่ะกัน


พอเห็น เอ้าาาา มั่นใจ ทีนี้จากนูนานางเพิ่มความยำเกรงเรียกนูนิมไปเลยจ้า 5555555555

จะฮาไปไหนวะ

แล้วสุดท้ายก็เอาขนมให้นูนิมหมดเลยบอกอันนี้แพงนะ ชิ้นนึงตั้ง 1USD กินเลยๆ ใจป้ำสุดๆ

นูนิมแกเลยเอาขนมที่ติดตัวมาแลกกันไป 5555




โอ้ปบอกที่นี่นะ คนไทย คนฮ่องกง คนไต้หวันมาเยอะมากเลย (ก็พวกบ้านไม่มีหิมะไงคะ)

แล้วก็บอก ถ้าหนาวๆ หิมะตกใหม่ๆ นะ จะสวยมากกกกก

วันก่อน -20 หนาวมากเลย วันนี้อุ่นแล้ว


ที่นี่อีซึงกิเคยมาถ่าย MV ด้วยนะ เท่านั้นแหละ

อิฉันหูผึ่ง วิญญาณไอเร็นเข้าสิงทันใด 55555


โอ้ปเม้าท์ไม่หยุด เม้าท์ไปยันลูกสาวแกแน่ะ

ได้แต่ภาวนา รถมาสักทีซิวะ!! พอรถมา ดีใจมากรีบพุ่งตัวไปขึ้นรถ

โอ้ปมาส่งขึ้นแท็กซี่แล้วบอกดีใจได้เจอนะ ก่อนยื่นมือมาหา ขอจับมือก่อนลาจากกัน

เป็นการรับรองจากเจ้าหน้าที่อุทยานที่ประทับใจมากกกกกกกก จัดเต็มสุดๆ


สุดท้ายก็กลับมาขึ้นรถที่ Inje Bus Terminal เพื่อกลับโซลตามเดิม

วันนี้สนุกมาก สวยมาก คุ้มค่าที่มามากกกกกกก

ชอบธรรมชาติสวยๆ (แต่ต้องไม่ใช่ปีนเขานะ แงๆๆๆ)


แนะนำว่าหากใครมีโอกาสได้มาเกาหลีหน้าหนาวแวะมานะ 

มันสวยมากๆ เลยล่ะ







Create Date : 25 มกราคม 2561
Last Update : 26 มกราคม 2561 10:24:01 น.
Counter : 2834 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ณ เงา
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]



New Comments