คยองจู - 경주 - ม้วนเดียวจบ
เป้าหมายอีกอย่างในการท่องเที่ยวเกาหลีคือการไปเที่ยวเมืองเก่าเมืองโบราณ
ถ้าประเทศไทยมีสุโขทัย เกาหลีใต้ก็มี “คยองจู - 경주” นี่แหละ

ซอนแซงนิมบอกว่าบ้านเกิดอยู่ที่นี่ มีหลุมศพเป็นเนินลูกเบ้อเริ่มเยอะแยะ
เวลาหน้าหนาวหิมะกองก็ไปเล่นสไลเดอร์กัน ฟังแล้วน่าสนุก คิดว่าถ้ามีโอกาสสักวันจะไป

โอกาสมาล่ะ

ตั๋ว KTX บัตรเบ่งเวกุกอินวันที่สองจึงระบุปลายทางที่ Singyeongju นั่นเอง
วันนี้เลือกเที่ยว 06.30 น. มาขึ้นรถได้ตรงเวลาและถ่ายรูปในขบวนรถได้สนุกสนาน
ทรุดตัวลงนั่ง หลับก่อนเลย ตุนเวลาเพราะง่วงสะสม

9 โมงกว่าๆก็มาถึงแล้ว



อากาศสดชื่นมากๆเลย เดินไปหา Tourist Information ก่อนเป็นอันดับแรก
ศูนย์เปิด 9.30 น. อ่ะ แต่พนักงานก็ใจดี กระวีกระวาดหยิบแผนที่มาให้ก่อน ขอบคุณนะค้า ^^

เดินกางแผนที่ (อารมณ์นักท่องเที่ยวล่ะเว้ยยยย) แล้วออกไปรอรถเมล์เข้าเมือง
เยี่ยมๆมองๆ สายไหนจะพาเราไปที่ๆเราอยากไปได้บ้าง ทั้งสุสานทูมาลี ทั้งหอดูดาวชอมซองแด ทั้งวัดบุลกุกซา มีที่ๆอยากไปเยอะเลย
แต่ดูๆแล้วเอาในตัวเมืองก่อนล่ะกัน จึงจับสาย 70 แล้วก้าวเลยจ๊ะ นั่งรถเข้าเมืองไปดูเนินหลุม
(ภาษาวิบัติล่ะ จะหลุมหรือจะเนิน จะขุดลง หรือกลบขึ้นกันแน่วะ?)
นั่นแหละ จิ้มจุดไปดู กะว่าวนๆแถวนี้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน
แต่......รถเมล์ที่คยองจูน่ากลัวมากเลย มันจอดทั้งป้ายเล็กป้ายน้อย ในซอยและถนนใหญ่
ป้ายที่เขียนชื่อก็ฟังไม่ทัน ป้ายที่ฟังทันก็ไม่มีชื่อใน Bus Route

สรุป ตอนนี้อยู่ที่ไหนเนี่ยยยยยยยย

กรีดร้องและเลิกลั่กกับตัวเอง สุดท้ายก็ตัดใจลงที่ป้ายนี้ ชีวิตมันต้องเริ่มจากตรงนี้แหละน่า

“Gyeongju Station”



มันควรกลางเมืองแล้วล่ะเนอะ ลงมางงๆแล้วเดินไป Tourist Information อีกทีถามๆดูว่าอยากไปสุสานทูมาลี ไปยังไงคะ?
พนักงานถามแปลก จะเดินเหรอคะ? เอ๊ะ.....พยักหน้ารับ นางบอกทางมา เราขอบคุณแล้วเตรียมเดินทาง
ออกมาปุ๊บ ข้างหน้านี่เจอเลยศูนย์ให้เช่าจักรยานและมอเตอร์ไซค์ สีสันสดใสมากกกกกกก น่ารักจัง



แต่ด้วยความขี่จักรยานไม่แข็งมาก เลยคิดว่าเดินไปก็ดีนะ ออกกำลัง.......

เดินไป 5 นาที เถียงกับตัวเองในใจตลอดเวลา เช่าดีไหม? ตอนอ่านมาเค้าว่าการขี่จักรยานเที่ยวคยองจูเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งนะ
ขี่ดีหรือไม่ดีนะ ขี่ไม่แข็ง แต่ไม่ได้ขี่นานล่ะเอาสักหน่อยก็ดี
เถียงตัวเองจนได้ทั้งข้อดีและข้อเสียในเวลาถัดมา

สรุป เดินย้อนกลับไปบอกเค้าว่าขอเช่าจักรยานคันหนึ่งจ้า เค้าให้เลือกคันที่ชอบ ก็ได้เจ้านี่มา



เพื่อนร่วมทางราคา 10,000 วอน ยื่นพาสปอร์ตให้ดู เค้าก็ยื่นกุญแจกับที่ล็อกมาให้ แลกกัน
เช่าได้ทั้งวัน ร้านปิดหกโมงเย็นนะจ๊ะ เอามาคืนให้ทันล่ะ….แค่นี้เอง ง่ายๆสบายๆ

ได้มาก็ปั่นๆไป ที่คยองจูนี่คงเป็นเมืองแห่งจักรยานจริงๆ เพราะถนนรอบๆนั้นมีเลนจักรยานให้ตลอด
ทั้งบนถนนและทางเท้า ทำพื้นให้จักรยานขี่สบายๆ มีป้ายสัญลักษณ์ให้ด้วยล่ะ
เลยทำให้การขี่จักรยานสนุกและเพลิดเพลินดี

จุดหมายหลักของเมืองนี้คือเนินเขียวๆนั่น ปั่นเลยยยยย ปั่นไป....หลงทิศ งงตั้งแต่จุดหมายแรก 555
แวะข้างทางถามคนแถวนี้ดูก่อน เค้าก็บอกว่าเลี้ยวซ้ายจ๊ะที่รัก โน่น ป้าย เห็นไหม อ้าว ตึง! อาย เขิน งึมงำขอบคุณแล้วปั่นๆๆๆๆ
มาโผล่ที่นี่ เย้! Daereungwon Tomb Complex สุสานหลวงแห่งราชวงศ์ชิลลา (รู้จักไหม? ไม่ เหมือนกัน)

จอดจักรยาน ล็อกล้อ อะฮ้า ดูเป็นคนท้องถิ่นล่ะ จอดจักรยานกับที่จอดได้ และยื่นทรัพย์จ่ายค่าเข้าไป 4,000 วอน
เข้าไปใน.......สวน อะไรสักอย่างที่ ถามตัวเองว่า มาทำไม?

ไอ้เนินเขียวๆดูในรูปว่าสวยดี แต่พอมาดูจริงๆคือมันหาจุดประสงค์ไม่ค่อยได้ ไม่อิน
มันก็เนินใหญ่ๆเขียวๆที่ดูแล้วไร้ความหมายอ่ะน่ะ แดดก็ร้อนนนน เสื้อเปียกแล้ว!!!!
มาเดินตากแดดดูก้อนกลมๆทำไมวะตรู เริ่มหงุดหงิด งุนงงกับตัวเองล่ะ
วนไปรอบหนึ่ง ดูก้อนกลมๆได้หลายก้อนก็ถีบรถจากมาไม่เหลียวหลัง



.......ไปต่อที่หอดูดาว Cheomseongdae Observatory ตามหลักฐานประวัติศาสตร์บอกว่ามีไว้ดูดาว อืม ก็ดูดาวนั่นแหละ
เจอเด็กๆมาทัศนศึกษากัน ถ่ายรูปหมู่ เราก็เดินดุ่มๆเข้าไป ได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายไล่หลังมา
หันไปดู ป้ามาหา “ทิคเก็ตๆ” อ่า ...... เดินถอยหลัง แหงะหน้าดู สามพันวอน?
แล้วหันกลับไปดูอีกที กวาดตามองรอบๆลานดินนี่ นอกจากหอดูดาวเตี้ยๆ ส่องไปจะเห็นดาวได้ไงวะ....รอบด้าน
ไม่-มี-อะ-ไร-เลย แล้วเนี่ย กล้าเก็บเงินฉันเลยเรอะ!!! ก็ถอยหลังจากมา ไปเดินวนๆ ถ่ายไกลๆเอาแทน



เสร็จลานดิน หยิบแผนที่มาดูใกล้ๆกันพอปั่นถึงนี่มีสวนอันอั๊บจิ ...อ่ะ ไปต่อ
ปั่นๆๆ ที่ไหนขึ้นชื่อว่าต้องไปดู อิฉันก็ถีบจักรยานคู่ชีพไป มาถึงจ่ายค่าเข้า 1,500 วอน แล้วเดินท้าแดดหน้าดำเข้าไป

งง

ไอ้หอดูดาวเมื่อกี้ว่างงแล้ว ไอ้สระน้ำ Anapji Pond นี่ว่างงกว่าเยอะ
เค้าบอกว่าเป็นสวนกว้างๆๆๆๆ เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของราชวงศ์
เราไม่มีเชื้อเจ้า ไม่เข้าใจโซชอน เดินไปจึง “ไม่อิน” อีกล่ะ
เค้าบอกอีกว่าถ้ามาตอนเย็นๆมืดๆแสงสีจะสวยงามน่าชม แต่เรามาบ่ายแก่ แดดเปรี่ยง
คือ มันร้อนอ่ะ ร้อนมาก อากาศไม่ไหวล่ะ เหงื่อชุ่มตลอดเวลา หน้ามืด มองอะไรก็ล้วนไม่สวยไม่งาม
เจอฝรั่งมาเมียงมอง พอมองกลับ ฝรั่งถามมาจากไหนอ่ะ
"ไทย"
มาทำอะไรทีนี้อ่ะ ไม่เห็นมีอะไรเลย
"แล้วยูมาทำอะไรล่ะ"
ไอนึกว่าจะมีอะไรดู
"อืม ไอก็นึกเหมือนยูแหละ"
ตอบแบบสะบัดๆ คนยิ่งร้อนๆอย่ามาก่อบทสนทนากระตุ้นต่อมกริ้วซิยะ!
 
แต่มาแล้วก็พยาย๊ามมม พยายามจะถ่ายรูป หาความสวยงามของสถานที่ให้จงได้
ถ่ายเสร็จ เออ กลับเหอะ....





กางแผนที่อีกรอบ ไปไหนต่อดี ก็เห็นว่าจากตรงนี้มีสาย 11 ไปวัดพุลกุกซา
เย้......ทิ้งจักรยานไว้ที่นี่เลยล่ะกันเนอะ ขากลับมาขี่กลับย้อนทางเดิมพอดี
ก็วิ่งแท่ดๆออกไปยืนรอรถเมล์ มั่นใจว่าคงไม่หลงเพราะป้ายนี้คนน่าจะลงเยอะ
พอสาย 11 มาก็ขึ้นไปนั่งเจิดจรัสยิ้มแป้น ดีใจได้ไปวัดแล้ว ..... นั่งไป 30 นาทีเห็นจะได้
เริ่มเข้าทุ่ง เริ่มไกล เริ่มสงสัย เริ่มลังเล เริ่มไม่มั่นใจว่าจะไม่หลง เอาแล้วไง เอาอีกแล้ว มั่วอีกแล้ว
กลับตัวทันไหม แต่อยากไปวัด มาทั้งที อุตส่าห์มาแล้วก็ควรไปที่ๆต้องไปหรือสมควรไปนะ....
ว้าวุ่นในหัวสมอง แต่บอกตัวเอง เต็มที่ถ้ากลับไม่ทัน KTX รอบที่จองไว้ก็แค่เลื่อนเวลา
เลวร้ายนักก็แค่ค้างคืนมันที่นี่ ยังไงซะ ตั๋วรถก็ยังใช้ได้อีกวันเต็มๆ .....
คิดแบบนั้นแล้วก็นั่งรถต่อไปแบบไร้กังวลนะ

ในที่สุดก็ถึง คนลงเยอะจริงดังว่า และ ลานกว้าง เจี๊ยกกกกกก ต้องไปทางไหนอ่ะ?
เดินตรงไปเจอบันได เอ้า ขึ้น! ขึ้นมา อ้าววว เจอสวนป่า งง ทางขึ้นวัดเรอะ ทำไมเงียบ มองไปมองมา
โน่นนนนน ทางขึ้นเขาทำเป็นทางซีเมนต์ให้เดินแล้วจ๊ะ ก็วิ่งไปตามทางเขาและ .... หมดแรง

ชันมาก Bulguksa Temple นี้ชันมากๆๆๆๆๆๆๆ อากาศก็ร้อนดุเดือด เหนื่อยจัง คอแห้ง ถึงทางเข้าวัด จ่ายค่าเข้า



เดินสะโหลสะเหลตรงไปเรื่อยๆจนมาถึงบันไดนี้ สิ้นสุดการเดินทางเสียที



เหนื่อยจัง

นั่งถ่ายรูป พักเหนื่อย กวาดตามองซ้ายขวา คนมาเยอะพอสมควร สวยดี

วัดมรดกโลกรับรองโดยยูเนสโก



หายเหนื่อยก็เดินอ้อมขึ้นไปกราบพระที่ด้านบนโน่นน่ะ ขอพรๆ แล้วกลับลงมา











......เดินลงมาเจอทางลง Front Gate – Back Gate ก็คิดว่าน่าจะเป็นทางต้นไม้ที่เจอตอนลงรถเมล์มา
เรามาทางประตูหน้าแล้วหอบ ขากลับลงประตูหลังล่ะกันเนอะ เปลี่ยนวิว

เดินมาไกล ไกลนะ ไกลเลย ถึงประตูหลังเพื่อค้นพบว่าถ้าออกประตูนี่มีหวังได้หลงทางในคยองจูอีกรอบแน่
ถอนสะอื้นแล้วเดินกลับไปประตูหน้าใหม่ ทำไมว้า......ทำไมถึงหลงตลอดเวลา เดินวนในเมืองนี้ตลอดเวลาเลย
เหนื่อยก็เหนื่อย ร้อนก็ร้อน หิวก็หิว
บ่ายสองแล้วยังหาอะไรกินไม่ได้ มองไปร้านไหนๆก็ขายแต่ขนมปังคยองจู คนที่นี่ไม่กินข้าวเหรอ???
หอบตัวเองมาถึงป้ายรถเมล์ได้ เดินปาดเหงื่อ (หรือน้ำตาก็ไม่รู้) เข้า Tourist Information อีกรอบ
มาเกาหลีก็หลายที ใช้บริการศูนย์นี่จริงจังก็วันนี้แหละนะ......ไปถามว่าจะกลับไปอันอั๊บจิ ไปไงคะ?
คือคิดว่ามาสาย 11 ก็ควรสาย 11 ย้อนศรกลับไป แต่ป่าวเลยต้องนั่งสาย 10 กลับ งงนะ
แต่นางบอกงั้นก็เชื่อนางอ่ะ ไม่อยากหลงแล้ว นางบอกลงป้ายอันอั๊บจินะ พอดีเป๊ะเลย ก็ เอา พร้อม....ไปเงี่ยหูฟังต่อ

ขึ้นรถได้ นั่งไปยาวๆอีก 30 นาที ได้ยินว่า “ทาอึม ยอค อันอั๊บจิ” ก็ลุกเลย......ไม่พลาดๆ ไปยืนรอเลย อิอิ
..... กระหยิ่มได้แวบเดียว รถเลย ไม่จอด อ้าวววววว เฮ้ยๆๆๆ กดกริ่งรัวๆ รถเมล์ก็แล่นความเร็วปกติ ไม่จอด เฮ้ยยยยยยยยย
ก่อนคนขับจะมองกระจกหลังและเดาได้ว่ากะเหรี่ยงบ้านนอกแน่ๆ เค้าถามอะไรสักอย่างที่เดาว่าจะลงป้ายไหน?
ก็ชี้นิ้วว่า อันนี้ๆอ่ะ ไม่รู้อ่ะ นึกว่าจะจอดให้ ต้องกดกริ่งตอนไหนจังหวะไหนอ่ะ งง >”<

แต่สุดท้ายเค้าก็จอดให้ ขอบคุณนะ ....... เดินย้อนนิดหน่อย ก็ถึงสวน ดีใจจังเลยยยยยยยย

เหนื่อย ล้า แต่ก็ถือว่ามาครบทุกจุดที่อยากไปแล้ว กลับมาตรงเวลาด้วย
เดี๋ยวคงไปถึงสถานี KTX ตรงเวลา เดินฮัมเพลงหงุงหงิงไปเอาจักรยานที่จอดทิ้งไว้
แล้วปั่นช้าๆ ร้องเพลง ออกเดินทางย้อนทางเมื่อเช้า เตรียมกลับโซล

นางเอกเอ็มวีมากกกกกก แดดร่ม ลมตก อากาศเริ่มดี ขี่จักรยาน ร้องเพลง มีความสุข
ไม่ต้องปั่น เพราะทางลาดลง ล้อหมุนไปเอง ไม่เมื่อย ตัดสินใจถูกจริงๆที่เช่าจักรยานมา เที่ยวได้ไกลดีนะ

และแล้ว มันก็เกิดขึ้น.....เรื่องที่ไม่ควรเกิด มันก็เกิดขึ้น

เมื่อขี่ๆมาเจอคนสองคนเดินขวางทาง สั่นกระดิ่งบอกเท่าไรก็ไม่ได้ยิน ทำไงดีวะ
ตัดสินใจหักรถไปทางขวาเพื่อหลบ แต่พบว่ามีคนมาทางซ้าย ถ้าไม่หยุดต้องชนเขาแน่ๆเลย อั๊ยยะ!!!
หักกลับปุ๊บ รู้ทันทีเป้าหมายฉันคือต้นไม้ข้างหน้า

โครม!!!!!

ชนเข้ากลางต้นไม้เลยจ๊ะ ตรงๆเน้นๆ แทบจะเห็นภาพสโลว์
อุบัติเหตุที่ไม่รู้ตัวว่าจะเกิด กับ อุบัติเหตุที่รู้ว่าจะเกิดขึ้นแต่หยุดมันไม่ได้ แบบไหนแย่กว่ากัน???
ฉันวันนี้รู้ตัวว่าต้องชนแน่ๆแต่หยุดล้อไม่ทันแล้ว บีบเบรคมือรถก็ไม่หยุดเพราะมันทางลาดลง รถไหล ชนเต็มๆ
รถหงาย อิ่มเอมลอยคว้าง ล้มโครม กระเด็นจากฟุตบาทลงถนนกระแทกเข้ากับรถที่จอดอยู่ริมฟุตบาท
(โชคดีไป ไม่งั้นกลิ้งลงถนนใหญ่ล่ะ สนุกกว่านี้แน่)
ขอบคุณรถคันนี้ที่เบรคฉากแอคชั่นให้เราได้ แล้วจักรยานก็เอน เอี๊ยดๆๆๆ แล้วล้มตึงทับลงมาบนตัวอีกรอบ

แอ่ก......สมบูรณ์แบบที่สุด

วินาทีนั้น ความคิดแรกคือ iPhone ฉันเป็นอะไรหรือป่าว? 555 ยังจะห่วงสมบัตินะ
ประคองตัวเองลุกขึ้น ยอกไปทั้งสรรพางค์กาย คุณผู้ชายคนที่เดินสวนมารีบวิ่งมาดึงจักรยานขึ้นให้
คุณตาฝั่งตรงข้ามวิ่งมาพยุงตัวให้แล้วถามว่าเป็นอะไรไหม ..... ไม่เป็นค่ะ
เจ็บนิดหน่อย แต่เพราะรู้ตัว เลยตะแคงตัวลง หัวไม่กระแทก แขนขาไม่หัก แต่ถลอกไปรอบตัวแหะ
คนใจดียังถามไถ่ “ไปโรงพยาบาลไหม ไม่เป็นไรแน่นะ ชนน่ากลัวมากเลย” - - อัดคลิปไว้ไหม อยากดูง่ะ??
ไม่เป็นไร ขอบคุณมากๆที่มาดูแลค่ะ โค้งขอบคุณไปหลายรอบๆจนเจ็บท้อง

พอคนใจดีเดินจากไป เปิดชายเสื้อดู....ลมจะใส่

เหนือพุงน้อยๆของเราคงโดนจักรยานทับซินะ มันเป็นแผลถลอกยาว แดง เลือดซึมเหอะ
กรี๊ดดดดดด ฉันจะตายไหมๆๆๆๆๆๆๆๆ เจ็บปวด เหมือนจะหมดลมหายใจทันใด
หันมาดูแขนขวาคลุกฝุ่น ถลอกเป็นทาง หัวเข่าซ้าย ช้ำม่วงมากๆ แล้วปลายนิ้วชี้กลางนางก้อยก็โดนอะไรไม่รู้บาดเลือดซิบ
......กลอกตามองฟ้า “ซวยล่ะ”..........

ได้แต่ประคองตัวเองกับรถตั้งขึ้น ตั้งต้นขี่ใหม่ เอาวะ อย่างน้อยก็ขากลับ
ถ้าขามาเที่ยวนี่คงหมดสนุกแย่เลย ขี่ไปสองสามจึ้ก......โซ่หลุด กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด อีกรอบ
เวรล่ะชีวิต แค่โซ่หลุดหรือรถพัง ฉันทำรถเค้าพังไหม?
ฉันต้องเสียเงินจ่ายค่าซ่อมไหม? โอ๊ยยย คุณพระ แล้วจะกลับยังไง เจ็บไปทั้งตัว
ไม่มีจักรยาน ระยะทางไม่ใช่ใกล้ๆนะ จิกหัวๆๆๆๆ ทำไงดี ซ่อมไม่เป็น ลงมาจับมันตั้ง แล้วแทบจะร้องไห้
(เวลาเราไม่สบายตัวเนี่ย ชีวิตมันจะดราม่าง่ายจริงๆ)
ออตอเก ออตอเก นานึนออตอเก

**โปรดอย่าลืม อิ่มเอมยังหิวและยังร้อนอยู่ เหนื่อยด้วย มาเจอแบบนี้อีก ชีวิต ณ เวลานั้นจึงรันทดมาก**

พิลาปรำพันกับตัวเองไป จนเห็นคนขี่จักรยานผ่านมา สองสาว โบกๆๆๆๆๆ แล้วขอความช่วยเหลือ
สาวเกาหลีสองคนพูดอังกฤษได้ดี จอดจักรยานแล้วมาช่วยดู
โทรกลับไปยังเจ้าของร้านหมายให้มาช่วย ที่ร้านก็ไม่รับโทรศัพท์ สองนางเลยแนะนำให้เราเข็นกลับไป
อิฉันจึงต้องเล่ากรรมเก่าให้ฟังพร้อมโชว์เรือนร่างให้ยล สองสาวร้องดังกว่า “อ๊า ออตอเก นอมุ อาพาโย?”
แล้ว 1 ใน 2 ก็ตัดสินใจก้มลงช่วยดึงโซ่ ดัดนั่น จับนี่จนมือเลอะน้ำมันไปหมด
ก่อนหันมาทำเสียงหงอยๆว่า “ทำไม่เป็น ช่วยไม่ได้ ขอโทษนะ”

ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้ก็ซึ้งแล้ว ขอบคุณมากจริงๆที่มาดูให้ ที่แสดงน้ำใจ
เราเป็นผู้หญิงเหมือนกันถนัดแต่ขี่ เรื่องซ่อมไม่เป็นเข้าใจได้ ขอบคุณมากๆๆๆๆๆๆๆ
ก็เลยต้องประคองรถเดิน ทั้งเจ็บ ทั้งหิว ทั้งร้อน ทั้งเหนื่อย และตอนนี้....หนัก
จักรยานที่คิดว่าเป็นเพื่อนคู่ใจ กลายเป็นภาระ เดินไปเรื่อยๆผ่านทุ่งดอกบัวที่มีอยู่ในแผนที่ว่างามนัก (งามตรงไหน)
ผ่านสวนดอกไม้ที่ตอนนี้ไม่มีสักกะดอก
ผ่านหมู่บ้านโซชอนสถานที่ถ่ายทำของ MBC ผ่านมาจนถึงหอดูดาว....ที่นึกได้ว่า
ข้ามหอดูดาวไป ฝั่งตรงข้ามคือสุสานทูมาลีที่ด้านหน้าก้มีร้านให้เช่าจักรยานเหมือนกัน
เลยรีบไปขอให้เค้าช่วยซ่อมให้ คนคยองจูใจดีหยิบๆจับๆไม่ถึงนาที จักรยานอิ่มเอมก็วิ่งได้ดังเดิม กรี๊ดดดดดดดดดดดด จุดพลุ!!
ก้มโค้งไป 3-4 ที แล้วรีบปั่นกลับด่วน

ปั่นแบบระแวดระวัง ใครสวนมา อิฉันจอด ไม่กล้าสวนแล้ว กลัวเจ็บอีก

ในที่สุด “Gyeongju Station” ก็อยู่ตรงหน้า ตะกร้าจักรยานที่บุบลง โดนตบให้เข้าสภาพเดิม
อิ่มเอมก็จูงไปคืนที่ร้านแบบหน้าด้านๆ ไม่บอกสักคำว่าไปทำวีรกรรมอะไรไว้ (ขอโทษนะคะ)
คืนรถได้ ปาดเหงื่อ เดินไปร้านขายยา ประสบการณ์ใหม่ที่เกาหลี - เข้าร้านขายยา – ไปเล่าให้เภสัชกรฟังได้ยามาหลอดหนึ่ง
เดินโผเผไปป้ายรถเมล์ รอรถมาเพื่อจะนั่งกลับไปสถานี KTX

มาถึงได้เข้ามินิมาร์ท ไปนั่งจ้องตรงมุมขายยา ใจตอนนี้อยากได้เบตาดีน คิดถึงเบตาดีนมาก
บ้านฉันเป็นแผลต้องล้างแผลทายาดิ เลือดซิบแบบนี้ จะให้ทาเจลเนี่ยนะ?
งั้นหายาทำเองก็ได้ฟะ จดๆจ้องๆได้พลาสเตอร์ยากะแอลกอฮอล์มาก็เดินเข้าห้องน้ำไปทำแผลให้ตัวเอง
....ร้องไห้ไป ทำไป แสบเป็นบ้าเลย ฮือออออออ ชีวิตตรู.....

16.58 น. สะเงอะสะงะมารอรถ KTX ขบวน 158 ตามที่จองไว้
ชอบสถานีนี้นะ อากาศดีมากเพราะล้อมด้วยภูเขาทั้งหมด แต่ถ้ามานั่งหน้าหนาวคงหนาวมากๆแน่เลย





พอรถไฟเทียบชานชาลา Singyeongju อิ่มเอมก็ก้าวขึ้นไปหาที่นั่งและทรุดตัวลงหลับทันที
รู้สึกชีวิตเหนื่อยมาก มาทำไมวะ สนุกหรือก็ป่าว เจ็บตัวอีกต่างหาก
ข้าวก็ไม่ได้กิน จะหา 7-11 ยังแทบไม่มีเลย......

คยองจูจ๋า.....ลาก่อนนนนนนนน

คนอื่นมา รีวิวไว้ สวยหยด ทำไมฉันมาจึงรันทดดั่งนี้



Create Date : 13 กันยายน 2556
Last Update : 25 กันยายน 2556 15:35:48 น.
Counter : 7286 Pageviews.

1 comments
  
น่าไปออกค่ะ สวยดี
ไม่น่ารันทดสักหน่อย

รีวิวสนุกดีค่า ^^

โดย: lovereason วันที่: 15 กันยายน 2556 เวลา:0:18:35 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ณ เงา
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]



New Comments