Eat for Live พาไปหาอะไรหม่ำที่Japanคร้าบ...!
เวลา: 02.00 น.ของเช้ามืดวันที่ 14 มีนาคม 2006... สถานที่: คฤหาสน์รูหนู ที่รกกว่าเดิม เพราะยังจัดข้าวของไม่เสร็จดี... ประเทศ: ยุ่นปี่...ช่วงย่างเข้าฤดูใบไม้ผลิ แต่ยังเหน็บหนาว... อยู่กับ : โน้ตบุคตัวเดิม และแก้วกาแฟใบเดิม...เพลงโปรดเดิมๆ( ฟังซ้ำไปซ้ำมา) กำลัง : อัพบล็อกไป ยิ้มไป ด้วยความคิดถึง!!!อย่างยิ่ง ขอรับ....หายไปนานอีกแล้วขอรับ......สวัสดีครับผม พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ และก็แฟนคลับด้วยจ้า (แอบมีแฟนคลับกะเค้าด้วยแฮะเรา อิอิ..) คราวนี้หายไปนานเท่าไรเนี่ยผม ต้องขออภัยขอรับ...จำได้ว่าไม่ได้แตะคอมมานาน ไม่ได้เชคเมลล์ด้วย แย่จริงๆเรา....แต่อดทนคิดถึงไม่ไหว ยังไงอยู่จนโต้รุ่งก็ต้องอัพบล็อกให้ได้ครับวันนี้...แต่เันื่องจากพรุ่งนี้อัยคุงก็ต้องมีธุระแต่เช้า พรุ่งนี้ ก็ไม่ว่าง มะรืน มะเรื่องอีก (ไม่ได้โม้!!!นะครับผม..)ก็เลยมาขออัพเรื่องง่าย สบายๆ แบบพูดคุยกันเพลินๆดีกว่านะครับผม...ไม่ว่าอัยคุงจะไปที่ไหนไกลๆ ไม่ต่างบ้านต่างเมืองที่ต้องห่างบ้านไปนานๆ ห่างสายตาคุณนายไปนานๆจะต้องได้ยินเสียงกำชับหนักแน่น เรื่องกิน จากคุณนายเธอเสมอครับ...ตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถึงผมจะเป็นพวกกินไม่เลือก คือสามารถทานอะไรก็ได้ ทุกภาค ทุกชาติ ทุกประเภทยกเว้นแบบ ประเภทพิศดารโลดโผน หรือผิดศีลธรรม อันนี้ยกเว้นขอรับ...ถึงจะทานได้ไม่เลือก แต่บางทีก็ไม่หม่ำอะไรได้ทั้งวัน เช่นถ้าทำงานยุ่งๆ สมัยตอนจบใหม่ไฟแรงก็ไม่กินอะไรมันได้เลยทั้งวันซะงั้น....ดังนั้นก่อนจะมาดินแดนอาทิตย์อุทัยแห่งนี้ เพื่อไม่ให้คุณนายต้องกังวลใจ ผมต้องเพิ่มน้ำหนักให้ได้ฮึ!!!และก็ไม่ผิดหวังกับอาหารพี่ยุ่น ถึงแม้จะแซ่บสู้ส้มตำหน้าปากซอย หรือเข้าแกงซอยละลายทรัพย์ไม่ได้...แต่อัยคุงก็ฝาดเรียบขอรับ....แต่ยังไงก็เป็นหนุ่มโสด ไม่มีสาวใดมาทำกับข้าวให้ แถมยังต้องเรียนอีก อาหารที่กินทุกๆวัน จึงเป็นอะไรที่คล้ายๆกันทุกๆวัน...หากไม่มีโอกาสพิเศษอะไรฮะ...มาดูกันว่า อาหารยังชีพสุดที่รักผมมีอะไรบ้างครับ...เริ่มต้นจาก อาหารประเภทด้งๆ (Donburi)หรืออาหารจานเดียวราดข้าว( แบบรูปข้างบนนู้นล่ะครับ...)เช่น คัทซึด้ง กิวด้ง หรือถ้าหรูหน่อยก็ อุนาด้ง (ข้าวหน้าปลาไหล)....ร้านประจำ ก็ Yoshinoya , Katsuya, Matsuya ประมาณนี้ครับผม... ตามด้วยฟาสต์ฟูดส์ชื่อก้อง ไม่ว่าซอกซอยไหนๆก็หาง่ายเหลือเิกิน.... Mc`Donald ฮะแมคฯ นี่เรียกได้ว่าช่วยกู้ชีวิตผมไว้หลายครั้งครับ เวลาหมดมุข หรือตกลงว่าจะกินร้านไหนกับเพื่อนๆไม่ได้ก็ลงที่นี่ล่ะฮะ....เมนูโปรดก็ Big Mc กับ Brend Coffee ราคา100 เยนนี่ล่ะครับประหยัดสุดๆ... แต่พักหลังผมเริ่มเบื่อหน้าพี่ Ronald ครับ เลยขอปันใจให้กับ ร้านแฮมเบอเกอร์ นัมเบอร์วันของเกาะญี่ปุ่น รามถึงในใจผมด้วย... MOS Burger..ครับ..เรียกได้ว่าเป็นร้าน Burgerพรีเมียมน้องใหม่ไฟแรงสัญชาติJapan ที่ครอบครองใจหลายๆคนตอนนี้ครับ...ถึงจะไม่เร็ว แต่ก็เป็นเบอร์เกอร์ที่ทำกันใหม่ๆฮะ ประกอบกับบรรยากาศร้านที่สามารถนั่งอ่านหนังสือ สังสรรค์ได้นานๆ สไตล์ร้านกาแฟเก๋ๆ แค่นี่ก็โดนใจไปเต็มๆครับ... ต่อกันด้วย ร้านเนื้อย่างร้อนๆ (Yaki niku)ทานกับข้าวสวยร้อนๆ โหยเกินบรรยายฮะ เรียกว่าเห็นร้านเนื่อย่างเมื่อไหร่ต้องขอชิมซักหน่อย...แต่ถ้าใครเผลอเข้าร้านเนื้อย่าง แบบเนื้อชั้นล้ำเลิศ หรือร้านพี่เกาฯขนานแท้ ล่ะก็.. พุงจะหนักอึ้งด้วยความอร่ิอย..แต่กระเป๋า(สตางค์)จะเบาขอรับ อิิอิ...จากรูป:นางแบบขาประจำกับเนื้อย่าง จำชื่อร้านไม่ได้ฮะ แถวๆเอกิ Shibuya โหอร่อยล้ำจริงๆ...ร้านนี้..ปิดท้ายด้วยของหวาน ไม่ว่าจะเค้กหลากหลาย อัยคุงRecoment ขอแนะนำชีสเค้ก และก็ขนมแบบในรูปของร้าน Yamasaki ครับ จำชื่อไม่ได้ฮะ เป็นถั่วแดงกับผลไม้ ราดด้วยซอสหวานๆ อร่อยดีครับผม!! หรือถ้ามีเวลาก็สามารถ ซื้อของจากซุปเปอร์มาร์เก็ตมาทำกับข้าวกันเองครับ ประหยัด สะอาด แต่ไม่รับประกันความอร่อยครับผม ฮ่า....!!จากรูป:ตอนถ่ายรูปนี้จำได้ว่าแวะไปซื้อตอนเที่ยงคืนได้ ก็เลยมีแต่ขนมขอรับ... นี่แหล่ครับอาหารง่ายๆของผม แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ เพราะก่อนหน้านี้น้ำหนักผมขึ้นมา 6-7โลได้ฮะ...แต่ตอนนี้ลดลงนิดหน่อย เพราะไม่ค่อยได้ทาน หนักไปทางดื่ม ฮี่ๆ...และก็ขอแจ้งข่าวเลยนะครับผม อัยคุงจะกลับบางกอกไปกินน้ำพริกปลาทู ไก่ย่างส้มตำ ในวันอาทิตย์ที่ 19 นี้แล้วครับผม...คิดถึงเมืองไทยจะแย่...แต่ก็ใจหายที่จะจากญี่ปุ่นไม่น้อย....จะอยู่ที่ไหนก็อัยคุงคนเดิมครับ...แล้วเจอกันประเทศไทย!!!สวัสดีครับ..~~""""""""""""""""""""""""""""
** แอบดูพี่ Sumo ฝึกซ้อม...แถมขับกล่อมด้วย Sanshin ครับ...**
เนื่องจากบล๊อกเดิมแช่อิ่มจนได้ที่แล้ว ก็ต้องถึงเวลามาอัพซักกะทีครับผม...ก่อนอื่นต้องแจ้งข่าวก่อนครับว่า อัยคุงใกล้จะเดินทางกลับเมืองบางกอกในไม่ช้านี้แล้วล่ะครับ ช่วงนี้ก็เลยตารางแน่นเอียด ไหนจะเรื่องเรียน(มีสอบอาทิตย์หน้าครับ)...เรื่องอรูไบท์โตะ (งานparttime)...เรื่องกิจกรรมต่างๆที่โรงเรียน และที่สำคัญจะขาดเสียไม่ได้ก็คือเรื่อง "เรื่องเที่ยว" อิอิ...อันนี้ขาดไม่ได้ครับ !! ยังเที่ยวไม่ทั่วเลยนิ...ถึงจะชอบเที่ยวแต่ก็เที่ยวแบบมีสาระครับผม...(เที่ยวแบบมีสาระ เป็นไงหว่า... (- -") ฮ่า..!!)อย่างเมื่อวานก็เพิ่งไปเที่ยวแบบมีสาระมาสดๆร้อนๆครับผม...งานนี้ต้องขอบคุณอาจารย์ที่มาชักชวนไปเที่ยวแบบมีสาระ (เน้นจาง..คำเนี้ย!!)อยู่เสมอๆ เมื่อมาเสนอผมก็ต้องสนองใช่ไหมครับ อย่างนี้ไม่มีปฎิเสธอยู่แล้วฮะ...คราวนี้ถือว่าเป็นครั้งที่พิเศษสักหน่อยครับผม เพราะว่าแม้แต่คนญี่ปุ่นเองก็ไม่ใช่ว่าจะทำแบบพวกผมได้ง่ายๆฮะ แอบภูมิใจนิดหน่อย....คราวนี้ผมไปดูการฝึกซ้อมของ" Kotooshu ซูโม่" มาครับ ใช่ครับ !!เป็นพี่ซูโม่ที่ดังที่สุดในตอนนี้ที่ญี่ปุ่นฮะ...สำหรับคนที่อยู่ญี่ปุ่นคงเห็นหน้ากันบ่อยจนเบื่อแล้ว!!สำหรับพี่ๆเพื่อนๆที่เมืองไทยผมเอา linkมาให้ทำความรู้จักกับ Kotooshu มากขึ้นฮะ...//www.novinite.com/view_news.php?id=55925//sumo.goo.ne.jp/eng/ozumo_meikan/rikishi_joho/rikishi.php?A=2510เชื่อว่าหลายๆคนถ้าลองหลับตาแล้วจินตนาการถึงซูโม่ หลายคนคงนึกถึงชายอ้วนตุ๊ต๊ะ ตัวใหญ่ๆ เชื่องช้าอยู่หรือเปล่าครับ...เมื่อก่อนผมก็เคยคิดแบบนั้นฮะ แต่พอได้มาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ได้ดูการแข่งขันซูโม่ประจำปี ความคิดเกี่ยวกับซูโม่ก็เปลี่ยนไปบัดดล !!ซูโม่กับคนญี่ปุ่น (เน้นที่วัยคุณลุงคุณป้า) อยู่คู่กันมาช้านานครับ เรียกได้ว่าเป็นกีฬาทางวัฒนธรรมที่ได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบันฮะ... ซูโม่ เป็นอะไรที่มากกว่ากีฬาของคนอ้วนครับ!!ภายใต้รูปร่างอ้วนใหญ่ ที่ดูเหมือนว่าจะมีแต่ชั้นไขมัน...ความจริงแล้วกลับเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อและพละกำลังมหาศาลครับ...และการจะเป็นซูโม่ก็ไม่ได้เป็นกันง่ายๆ เรียกว่าต้องฝึกฝนกันตั้งแต่ยังเด็กๆเลยที่เดียว..." ฝึกหนัก แล้วก็กินกันหนักด้วยครับ..." และที่สำคัญซูโม่เป็นเสมือน ประเพณี เหมือนวัฒนธรรมที่สืบทอดมานาน...พี่ซูโม่จะเดินไปไหนก็ดูน่าเกรงขาม และยิ่งถ้าเิกิดดัง มีรางวัลเป็นเครื่องการันตีแล้วล่ะก็....รับรองสาวน้อยสาวใหญ่กรี๊ดครับ... อิอิ!! และก็ยืนยันครับว่าพี่ซูโม่เค้ามีแฟนสวยจริงๆครับ..แต่ว่าพักหลังไม่ใช่เพียงแค่คนญี่ปุ่นเท่านั้นที่จะเล่นกีฬาซูโม่ครับ ชาวต่างชาติก็หันมาสนใจกันมากขึ้นมากขึ้น...และดูเหมือนว่าจะแซงหน้าพี่ยุ่นด้วยซ้ำ้เพราะอย่างพี่ซูโม่ที่แข็งแกร่งที่สุดก็เป็นชาวมองโกเลีย มีนามว่า "Asa- shouryu" ส่วนพี่ "Kotooshu" ในรูปก็เป็นชาวบัลแกเรียครับผม...วันนั้นได้มีโอกาสไปดูพี่ซูโม่เค้าซ้อมกัน ลักษณะก็จะเป็นเหมือนบ้านหลังใหญ่ๆครับผม และกลางบ้านก็จะมีลานฝึกซ้อมครับผม...ลานก็จะเป็นเหมือนดินผสมทรายฮะ ล้มทีน่าจะเจ็บ อูย!!พวกผมไปถึงก็ได้ไปนั่งแถวหน้าสุดฮะ ไม่ใช่แขกVIPแต่อย่างใด... แต่พวกเราพร้อมใจกันแซะตัวเองจากที่นอนแต่เช้าแล้วรีบไปครับผม..ก็ดูพวกพี่ๆซูโม่ เค้าซ้อมกันไปจนเลิกครับ ประมาณเกือบเที่ยงๆ ก็เดินทางกลับ ไปเรียนต่อครับ ฟิตจริงๆ มาเที่ยวคราวนี้ได้รู้จัก ได้สัมผัสวัฒนธรรมของญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้นครับ...แฝงไว้ด้วยสาระนิดๆแถมช่วงปิดท้าย กับนายแบบจำเป็น(เขิล~~จัง..)พร้อมเครื่องดนตรีที่ทำให้ผมหมกมุ่นเมื่อครั้นมาเหยียบแดนอาทิตย์อุทัยแห่งนี้ใหม่ๆ Sanshin ตอนนี้ต้องหยิบมาปัดฝุ่น และมาหมกหมุ่นอีกครั้ง ก็เพราะ===========> แหะ แหะ ยังเฉลยไม่ได้ครับแล้วจะมาบอกในไม่ช้าขอรับ ตอนนี้ลองฟังเสียงกันเพลินๆก่อนนะครับ...... ก็คือเพลงที่ฟังอยู่ตอนนี้ล่ะครับผม...ก่อนหน้านี้ก็ยุ่งจนไม่มีเวลาไปเยี่ยมไปกวนพี่ๆเพื่อนๆ หลังจากที่อัพบล้อคนี้ก็จะมาขอลาไปทำภารกิจ เพื่อประเทศชาติ (ไม่ได้ไปเกณฑ์ทหารนะขอรับ) บวกกับไปเที่ยวต่อเลย (อีกแล้ว ฮี่ๆ) คราวนี้จะไปกลิ้งโชว์บนลานสกีคร้าบ...แล้วกลับมาปุ๊บ ถ้ายังครบ32ไม่ขาดไม่เกิน จะรีบมาทักทายพร้อมรูปเลยครับผม...เหมือนเดิมครับ รักษาสุขภาพมากๆครับผม...ปล1. แม่กับพ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ สบายอยู่แล๋น..(^ ^) ปล2. รูปคราวนี้เบลอกระจาย สายตาท่านยังไม่ผิดปกติครับผม ที่ผิดปกติคือรูปอัยคุงเอง m(_ _)m
ท่องเที่ยว...หม้อไฟ....แผ่นดินไหวin Japan
หิมะ...ความสุข...และรูปภาพ...
เรื่องเล่าเขย่าขวัญ โปรดใช้วิจารนญาณในการอ่านนะคร้าบ..
Story ในโลกมนุษย์ที่เราอาศัยอยู่ทุกวันนี้ มีเรื่องราวเล้นลับมากมายซ่อนเล้นอยู่ มนุษย์พยายามพิสูจน์หาบทสรุปที่แน่ชัด แต่ทว่าจวบจนถึงปัจจุบันนี้สิ่งเหล่านั้นก็ยังคงเป็นปริศนามืดดำอยู่คงไม่มีใครบอกได้แน่ชัดว่าสิ่งนั้นคืออะไร นอกเสียจากว่าคุณจะได้สัมผัสกับสิ่งนั้นด้วยตัวของคุณเอง.....สิ่งที่เรียกว่า "~~วิญญาณ~~".........!! ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่เคยหลงงมงายกับภูตผีวิญญาณ ไม่กลัว แต่ไม่เคยลบหลู่ ผมเคยเกิดอาการที่หลายคนเรียกว่าผีอำ หลายต่อหลายหน แต่นั่นมันเกิดจากผีจริงๆน่ะเหรอ....ไม่ใช่มั้งอาจเกิดจากอาการเหน็บชาของร่างกายมากกว่าผมคิดเช่นนั้นเสมอ... แต่สิ่ึงที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ เป็นเพียงเหตุการณ์เดียวที่ผมคิดว่า เกิดจากวิญญาณ แม้มันจะไม่สามารถพูดได้เต็มปาก 100% ก็ตาม....( ปล. ขอสงวนชื่อบุคคลและสถานที่จริงไว้ณ.ที่นี้นะครับ ) หลังจากผมเอนทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยของรัฐแห่งหนึ่งได้สำเร็จ ชีวิตใหม่ของผมก็เริ่มต้นขึ้น เนื่องจากมหาวิทยาลัย ค่อนข้างอยู่ไกลจากบ้าน ผมจึงเลือกที่จะอยู่หอพักของมหาวิทยาลัย แต่เนื่องจากหอพักมีจำนวนไม่เพียงพอต่อจำนวนนักศึกษาที่ต้องการเข้าพัก ดังนั้นในหนึ่งห้องจะมีนักศึกษา 4-5 คนอาศัยอยู่ร่วมกัน หอพักที่ผมอยู่นั้นค่อนข้างอยู่ไกลทีเดียว มีต้นไม้ใหญ่ครึ้มเรียงรายขนาบตัวตึก ในตอนกลางวันมันร่มรื่นดีทีเดียว แต่ในยามค่ำคืนก็ชวนขนลุกได้เช่นกัน... เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เกิดหลังจากที่ผมเข้าพักได้ประมาณ 1 เดือน ....ผมเลือกนอนเตียงชั้นบน ส่วนชั้นล่างเป็นที่นอนเพื่อนผมที่อยู่คณะ และชั้นปีเดียวกัน ส่วนเพื่อนร่วมห้องคนอื่นๆ เป็นรุ่นพี่ทั้งสิ้น ไอ้เจ้าเพื่อนผมเนี่ยมันเป็นคนอ้วนท้วน กินเก่ง เลยอาจจะดูขี้เกียจสักหน่อย...มันชื่อว่าต๊ะ...มันนอนอยู่เตียงชั้นล่าง... คืนวันนั้นก็เป็นเหมือนปกติทุกวัน...ที่ผมมักจะนอนดึกกว่าคนอื่นเสมอ ไฟทุกดวงในห้องทุกปิดหมด จะเหลือก็เพียงแสงไฟจากหัวเตียงชั้นสองของผม และก็แสงไฟจากทางเดินนอกห้องที่ส่องผ่านกระจกหน้าต่างเท่านั้น....วันนั้นผมไม่ค่อยง่วงเลยอ่านหนังสือยาวจนเกือบเที่ยงคืน บรรยากาศตอนนั้นเงียบเชียบ มีเสียงลมที่พัดเสียดสีกับกิ่งไม้ใหญ่ และเสียงกรนของไอ้ต๊ะ... แมร่งกินง่ายหลับง่ายจริงวุ้ย... ผมนึกอิจฉามัน...แอบเหล่ไปมองพี่ห้องก็นอนเงียบเชียว สงสัยจะหลับกันหมดแล้ว....ผมยิ่ึงรู้สึกเกรงใจมากยิ่งขึ้น กลัวพวกเค้าตื่น... ผมอ่านหนังสือต่อไปเรื่อยๆ จนเริ่มง่วงนอน มองดูนาฬิกา เฮ้ยจะตีหนึ่งแล้ว พรุ่ึงนี้มีเรียนเช้าด้วย ก็เลยปิดไฟข่มตานอน ภายในห้องเหลือเพียงแสงไฟจากทางเดิน ที่ค่อนข้างสว่างเหมือนกัน.... เนื่องจากดึกแล้วผมเลยหลับได้ไม่ยากนัก แต่ผมเกิดฝัน...ฝันว่ามีหมาดุ แยกเขี้ยวมาแง่งๆจะกัดผมที่ใกล้ๆขาน่ากลัวมากเลยครับ จนทำให้ผมตกใจสะดุ้งตื่น...เฮ้อ....ฝันร้ายนี่หว่า ผมรู้สึกเหนื่อยและหงุดหงิดเล็กน้อย... หลังจากที่หายตกใจผมข่มตานอนต่อได้ประมาณ 5 นาทีกำลังเคลิ้มได้ที่ ก็มีความรู้สึกว่าเท้าไปปัดหมอนใบเล็ก(ผมมีหมอนสองใบ) ตกลงไปข้างล่าง .... อะไรกันวะเนี่ย... เออช่างมัน!! เดี๊ยวตอนเช้าค่อยเก็บละกัน ผมคิด....ข่มตานอนต่อ.... สักพักก็มีความรู้สึกว่าเหมือนมีใครโยนผ้าห่มสะบัดขึ้นมาให้ผม อ้าวไม่ใช่หมอน....ผ้าแพรตกหลอกเหรอ แล้วไอ้ต๊ะมันเป็นไรวะ!! อุตส่าห์ตื่นมาเก็บผ้าโยนมาให้ผม แปลกว่ะ!! ผมคิดขำแกมนึกขอบคุณมันในใจ ตาก็ยังหลับอยู่..............แต่.. แต่ทำไมผ้ามันไม่ตกลงมาสักที ผมมีความรู้สึกว่าผ้าแพรผืนนั้นมันโบกสะบัดอยู่เหนือตัวผมนานผิดปกติ.....จนทำให้ผมเอะใจลืมตาขึ้นมาดู..!! ณ.ช่วงเสี้ยววินาทีนั้นเอง.... ณ. เสี้ยววินาทีนั้นก็มีเงาดำู รูปร่างผอมสูง ไม่มีใบหน้า กระโดดขึ้นมาจากชั้นล่างขึ้นมาที่ตัวผมอย่างรวดเร็ว สองมือของเงาดำนั้นกดลงที่หัวไหล่ผม ส่วนสองเท้านั้นก็วางกดอยู่บนขาผมเช่นกัน คล้ายกบ.... ตัวผมชาทันที แล้วหน้าของเงาดำนั้นหล่ะอยู่ห่างจากหน้าผมไม่เกิน 2 นิ้วได้มั้ง....เฮ้ยนี่มันอะไรวะเนี่ยผมยังงงๆ ผมหลับตาปี๋ และเบือนหน้าไปอีกทางหนึ่ง... หลังจากที่ตั้งสติได้สักครู่เอาวะ คราวนี้แหล่ะที่ผมจะได้รู้ว่าผีมีจริงหรือเปล่า ผมคิดที่จะลืมตาไปมองสิ่งนั้นแต่ถึงผมจะอยากทำ แต่มันทำไม่ได้ครับ มันสุดๆจริงๆ ทีนี้ก็เลยสวดมนต์ไม่รู้กี่บท ไม่รู้ว่าตอนนั้นผมสวดผิดหรือเปล่าเพราะตัวผมยังชาตลอด หรือว่าเป็นฝรั่งไม่เข้าใจภาษาไทย (><) ตอนนั้นผมคิด อย่างนั้นจริงๆ ก็เลยขอร้องให้เค้าไปซะทีเถอะ เพราะเริ่มอึดอัดมาก อยากจะร้องไห้ประมาณนั้นเลย...ก็เลยบอกว่าจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้......ทันใดนั้นพี่ห้องอีกคนของผมกลับมาจากเที่ยวข้างนอกทันทีที่เปิดประตูห้องเข้ามา เชื่อมั้ยครับ ตัวผมหายชาทันที รีบเอื้อมไปเปิดไฟหัวเตียง แสดงว่าผมไม่ได้ฝันไป!!!! ( ฝันยังจะดีซะกว่า) พี่ห้องผมคนนั้นเค้าก็คงงงครับ ถามว่าเป็นอะไร....ตื่นมาทำไม...ผมบอกว่าไม่มีอะไรครับ เพราะถ้าบอกไปเป้นอันไม่หลับไม่นอนกันแน่.....ผมดูนาฬิกาจะตี5แล้ว ก็เลยนอนต่อใจก็ยังเต้นแรงไม่หาย ใช่ครับคราวนี้เปิดไฟนอนครับ..... หลังจากนั้น ผมก็ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เงาดำนั้น....ผมไม่ได้ย้ายห้องไปไหน แค่เอาพระมาคล้องที่หัวเตียงกับเปลี่ยนตำแหน่งเตียงนิดหน่อยครับ แล้วก็ไม่มีเหตุการณ์ใดๆเกิดขึ้นอีกเลย.... เหตุการณ์นี้ผมก็ไม่สามารถบอกได้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง นึกทีไรขนลุกทุกที.....โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะครับ ....คืนนี้สวดมนต์ก่อนนอนหรือยังครับ...นอนหลับฝันดี ราตรีสวัสดิ์!!//nextmusic.weez.mu/s/rateconv/listen20040929230122.m3u