ตรวจครรภ์ครั้งที่ 9


25 ต.ค. 2553
ช่วงนี้บางวันลูกก็สงบดี ไม่ดิ้นมากมายเท่าไหร่ แต่บางวันนี่ดิ้นเหมือนชีวิตนี้ไม่เคยดิ้นมาก่อน ทั้งรุนแรง ทั้งเล่นเอาเจ็บ แถมบางช่วงก็รู้สึกเจ็บสะโพกมาก บางวันก็เจ็บข้างเดียว บางวันก็เจ็บร้าวมันทั้งสองข้าง เหมือนกระดูกเชิงกรานจะขยายหรือเปล่าก็ไม่รู้ รู้แต่ปวดมากกกกกกก ยืน เดิน นอนหงายนี่ไม่เป็นไร แต่นอนตะแคงไม่ได้เลยจริงๆ ปวดร้าวไปหมด
...แต่ยังไงก็ชอบตัวเองตอนท้องนี่อยู่ดี ถึงจะทรมานไปหน่อยก็เถอะ

31 ต.ค. 2553
วันนี้ไปหาหมอที่นวบุตรตามรอบนัด บอกหมอว่าช่วงนี้บางทีท้องก็แข็งๆ แถมรู้สึกเจ็บตรงบริเวณขาหนีบอีกต่างหาก ไม่ได้เจ็บหน่วงๆ แต่เหมือนจะเจ็บกล้ามเนื้อซะมากกว่า หมอเลยลองกดท้องดู แล้วก็บอกว่า “เด็กกลับหัวแล้ว” ...กลับแล้วเหรอ หยั่งงี้จะออกมาเร็วหรือเปล่าเนี่ย มันเกี่ยวกันมั๊ยอ่ะ นี่ก็อีกแค่ 6 สัปดาห์ก็จะเข้าช่วงปลอดภัย ไม่เป็นเด็กคลอดก่อนกำหนดแล้ว สู้ๆนะลูก

ถึงหมอจะบอกว่านี่ก็ 31 สัปดาห์แล้ว ออกมาตอนนี้ก็ไม่เป็นไรแล้วล่ะ เอ่อ... แต่ยังไงก็ไม่อยากให้ลูกอยู่ในตู้่อบน่ะค่ะหมอ เห็นแล้วใจไม่ดี อย่างน้อยก็น่าจะพยายามทำให้ดีที่สุดก่อน ถ้าไม่ไหวจริงๆค่อยว่ากันอีกที เลยขอหมอกินยาอย่างต่อเนื่อง หมอก็ให้อ่ะนะ แต่ดันบอกว่า ...ก็ไม่รู้ว่าจะได้ผลมากน้อยแค่ไหน

ก็เข้าใจว่ายานี่มันไม่ได้กันได้่ 100% แต่หมอก็ไม่มีมาตรวจภายในดูด้วยว่า ยาที่กินเข้าไปนี่มันได้ผลยังไงบ้าง แล้วจะรู้มั๊ยว่าที่กินอยู่นี่ได้ผลมากน้อยแค่ไหน หมอที่ญี่ปุ่นดุก็จริง แต่ก็ยังมีตรวจให้เราได้สบายใจบ้าง ญี่ปุ่นนี่บางทีก็มากเกิน แต่ไทยเราบา่งทีก็สบายๆเกิน หาตรงกลางได้ที่ไหนเนี่ย

ตอนนี้อายุครรภ์ก็ 31 สัปดาห์กับ 2 วัน ความสูงมดลูก 29 ซ.ม. รอบพุง 87.5 ซ.ม. น้ำหนักขึ้นมา 6 กิโลแล้วค่ะ

...ช่วงนี้ทารกในครรภ์จะเป็นยังไงบ้าง
ทารกในครรภ์อยู่ในตำแหน่งพร้อมคลอดแล้วค่ะ เริ่มเห็นท้องใหญ่ชัดเจน ช่วงสามเดือนหลังนี่ทารกจะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ปริมาณน้ำคร่ำจะไม่เพิ่มขึ้นอีก ทารกที่เคยเคลื่อนไหวเปลี่ยนท่าอยู่ตลอดเวลาก็จะเริ่มอยู่ในตำแหน่งและท่าทางที่แน่นอนมากขึ้น ทารกส่วนใหญ่ก็จะกลับหัวลงด้านล่างแล้ว (...งั้นของเราก็คงปกติ ไม่ได้เร็วเกินไป) ไขมันใต้ผิวหนังทั่วทั้งร่างกายมีมากยิ่งขึ้น ทำให้รอยย่นต่างๆเริ่มหายไป เริ่มมีรูปร่างที่กลมมนขึ้นเรื่อยๆ โครงสร้างกระดูกเกือบสมบูรณ์แล้ว การทำงานและรูปร่างของอวัยวะภายในอยู่ในสภาพใกล้เคียงกับทารกแรกคลอด การทำงานของกล้ามเนื้อและระบบประสาทก็มีมากขึ้น ทารกเริ่มที่จะสามารถขยับนิ้วมือแต่ละนิ้วได้แล้ว

ช่วงนี้ทารกจะมีการเคลื่อนไหวที่รุนแรงมากที่สุึด ซึ่งอาจจะทำให้คุณแม่รู้สึกเจ็บหรือไม่สบายตัวได้ ท้องก็เริ่มหนักมากยิ่งขึ้น อาการปวดเอวปวดหลังก็อาจจะรุนแรงมากยิ่งขึ้น อีกทั้งมือและเท้าอาจมีอาการบวมน้ำได้ง่ายขึ้นด้วย ถ้าอาการบวมเกิดขึ้นแค่ตอนช่วงเย็นๆแล้วหายไปก็ถือเป็นเรื่องปกติ ไม่มีอะไรต้องกังวล แต่ถ้าอาการบวมนั้นเป็นอย่างต่อเนื่อง เป็นไปได้ว่าอาจมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นแล้ว ให้ปรึกษาแพทย์ในทันที
ช่วงนี้ปริมาณเลือดเพิ่มมากขึ้นทำให้คุณแม่บางคนอาจจะเกิดอาการโลหิตจางได้ อีกทั้งอาการท้องแข็งหรือหน้าท้องตึงยังจะเกิดบ่อยครั้งขึ้่น ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ แตุ่ถ้ารู้สึกว่าอาการตึงนั้น “ต่างจากทุกครั้ง” แม้เพียงเล็กน้อย ก็อย่าปล่อยไว้ ให้ปรึกษาแพทย์ทันทีเช่นกัน
ทารกในครรภ์เติบโตขึ้น มดลูกมีขนาดใหญ่ขึ้น หน้าท้องจึงมีไขมันสะสมมากยิ่งขึ้่นทำให้เกิดรอยแตกบนผิวหนังได้ง่ายมากในช่วงนี้นะคะ




 

Create Date : 16 ธันวาคม 2553    
Last Update : 16 ธันวาคม 2553 21:28:34 น.
Counter : 695 Pageviews.  

ตรวจครรภ์ครั้งที่ 8


11 ต.ค. 2553
กินฮอร์โมนที่หมอให้มาครบหนึ่งสัปดาห์แล้ว วันแรกๆที่กินก็ไม่ได้รู้สึกดีขึ้นเลย ยังเจ็บท้องน้อยตอนนอนโดยเฉพาะตอนพลิกตัว ความกังวลก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆทั้งๆที่ไม่อยากกังวล ไม่อยากคิดมาก เพราะยิ่งคิดมากก็ยิ่งไม่ดีกับตัวเอง แล้วก็ไม่ดีกับลูกด้วย แต่พอนอนทีไรก็อดกังวลอดคิดไม่ได้ทุกที ช่วงนี้เลยกลายเป็นโรคนอนไม่หลับไปเลย พอหลับตาหัวมันก็พาลคิดนั่นนี่ไปตลอด เฮ้อ... กว่าจะหลับได้ก็เลยเที่ยงคืนตีหนึ่งไปซะทุกคืน จะมีผลอะไรกับลูกมั๊ยเนี่ย...

17 ต.ค. 2553
พอเค้าช่วงไตรมาสสุดท้าย หมอก็เริ่มนัดถี่ขึ้น จากเดือนละครั้ง เป็นสองสัปดาห์ครั้ง

พอไม่ได้มีการอัลตราซาวน์ ก็เพิ่งรู้ว่าที่เมืองไทยนี่จะตรวจจากการฟังเสียงหัวใจเด็ก ...หยั่งงี้เราก็ไม่รู้พัฒนาการของลูกอ่ะดิ จริงๆขอให้หมอซาวน์ให้ก็ได้ แต่มันไม่ฟรีเหมือนที่ญี่ปุ่นนี่ซิ เลยแอบงก... ไม่ซาวน์มันก็ได้

แล้วที่นี่จะตรวจปัสสาวะให้ครั้งเว้นครั้ง ครั้งที่แล้วตรวจไปแล้ว ครั้งนี้เราเลยไม่ต้องตรวจอีก แล้วก็ไม่ได้วัดรอบพุงให้

นอกนั้นก็เหมือนกับที่ญี่ปุ่น คือ วัดความสูงของมดลูก แล้วก็ตรวจความดันกับน้ำหนักทุกครั้ง

ตอนนี้อายุครรภ์ก็ 29 สัปดาห์กับ 2 วัน ความสูงมดลูก 28 ซ.ม. รอบพุง 85 ซ.ม. ...ขนาดท้องใหญ่ขึ้นก็จริง แต่น้ำหนักไม่เพิ่มขึ้นเลยซักขีด คุณหมอบอกว่า อาจจะเป็นผลมาจากความกังวลเรื่องปากมดลูกของเราก็ได้ ...ว่าแล้วเชียว ทั้งกังวล ทั้งนอนไม่หลับ น้ำหนักจะขึ้นได้ไง แต่หน้าท้องขยายก็แสดงว่าลูกยังเติบโตตามปกติ ค่อยโล่งอกหน่อย

ครั้งนี้นอกจากจะตรวจครรภ์แล้ว ก็ถือโอกาสปรึกษาหมอเรื่องวัคซีนไข้หวัดใหญ่ H1N1 ด้วยเลย ที่ญี่ปุ่นนี่เลิกระบาดไปแล้ว แต่พอกลับมาเมืองไทย ได้ยินว่าคนนู้นก็เป็นคนนี้ก็เป็น ...แล้วคนตั้งครรภ์อย่างเรานี่จะเอาไงดี

พอถามหมอเท่านั้นแหล่ะ หมอไม่รอช้าจับฉีดเลย รวดเร็วทันใจดีจริงๆ

...มาดูกันดีกว่าค่ะว่าช่วงที่ผ่านมาทารกมีการพัฒนาการด้านประสาทสัมผัสไปอย่างไรบ้าง

การมองเห็น
ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 24 เป็นต้นไป ทารกจะเริ่มรู้สึกได้ถึงแสงสว่าง แต่ช่วงที่อยู่ในครรภ์ทารกจะรู้สึกได้แค่แสบตาเท่านั้น แต่จะสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนก็ต้องประมาณช่วง 3 เดือนหลังคลอดไปแล้ว

การได้ยิน
ประสาทสัมผัสทางการได้ยินจะค่อนข้างสมบูรณ์ประมาณสัปดาห์ที่ 25 จะเริ่มได้ยินเสียงต่างๆ แต่จะสามารถแยกเสียงหรือเข้าใจความหมายได้ก็ต้องเป็นหลังคลอดประมาณเดือนที่ 5 – 6 เป็นต้นไป

การรับรู้รส
ประสาทในการรับรู้รสชาติจะเริ่มพัฒนาตั้งแต่สัปดาห์ที่ 27 เป็นต้นไป กลูโคสเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับทารกในครรภ์ ดังนั้นจึงมีแนวโน้มว่าทารกจะชอบรสหวานเป็นพิเศษ แต่ยังไม่สามารถแยกความเข้มข้นของรสชาติได้

การดมกลิ่น
ถ้าให้ทารกหลังคลอดดมกลิ่นแผ่นซับน้ำนมของแม่กับของคนอื่น ทารกจะหันไปหาแผ่นซับน้ำนมของแม่ นั่นหมายความว่าประสาทสัมผัสเรื่องการดมกลิ่นนั้นได้เตรียมพร้อมมาตั้งแต่ยังอยู่ในครรภ์แล้ว

การสัมผัส
ประสาทด้านการสัมผัสนั้นเริ่มพัฒนาขึ้นในสัปดาห์ที่ 24 – 25 แต่ความสามารถในการรับรู้ได้ถึง “ความเย็น” “ความร้อน” ผ่านทางผิวหนังจะเริ่มตั้งแต่สัปดาห์ที่ 23 แล้ว พอเข้่าสัปดาห์ที่ 26 ก็สามารถรับรู้ถึง “ความเจ็บปวด” ได้




 

Create Date : 16 ธันวาคม 2553    
Last Update : 16 ธันวาคม 2553 15:39:56 น.
Counter : 698 Pageviews.  

รู้เพศลูกกะเค้าซะที ^ ^


3 ต.ค. 2553
หลังจากที่พักผ่อนอยู่บ้านชิลล์ๆไป 1 สัปดาห์เต็มๆ วันนี้ก็ได้ฤกษ์เข้าไปฝากท้องที่เมืองไทยเป็นครั้งแรกกับคุณหมอบุญชัย ที่นวบุตรค่ะ

หมอ “อายุครรภ์กี่เดือนแล้ว”
เรา “6 เดือนแล้วค่ะ”
หมอ “แล้วนี่จะอยู่คลอดที่นี่เลยหรือเปล่า”
เรา “ใช่ค่ะ”
หมอทำหน้างงๆ “จะอยู่เมืองไทยยาว 9 เดือนเลยเหรอ ทำไมรีบกลับมาจัง”
เรา “...เอ่อ หมอคะ หนูท้อง 6 เดือนแล้ว ก็อีกแค่ 3 เดือนเองนะคะ”
หมอ “อ้าว หมอก็นึกว่าท้องแค่ 6 สัปดาห์”
...นี่ท้องหนูมันเล็กขนาดนั้นเลยเหรอคะเนี่ย > <

หมอถามต่อ “งั้นเคยอัลตราซาวน์แล้วซินะ ที่ญี่ปุ่นเค้าซาวน์ให้ทุกครั้งนี่”
เรา “ใช่ค่ะ แต่ยังไม่รู้เพศเลย”
หมอ “เออ... ที่ญี่ปุ่นนี่เค้าไม่ค่อยดูให้เนอะ คนที่มาหาหมอก็ไม่มีใครรู้เพศมาเลยซักคน”

พอหมอเริ่มซาวน์ ก็บอกเลยว่า “ได้ลูกผู้ชายนะ”
เรา “ดูตรงไหนอ่ะคะหมอ”
หมอ “ก็ดูที่จู๋น่ะซิ”
...เอ่อ... ก็รู้แล้วอ่ะค่ะ หนูหมายถึงว่ามันอยู่ส่วนไหนของจอหรือคะคุณหมอ

จากนั้นหมอก็ซาวน์ไป อุทานไป “เด็กหัวโตมากนะเนี่ย” “น้ำหนักใช้ได้เลย”
เอ่อ...เมื่อกี้หมอยังดูท้องหนูเป็น 6 สัปดาห์อยู่เลยนะคะ 555++

ส่วนเรื่องปากมดลูกสั้นนี่ เราบอกหมอว่า ...หมอที่ญี่ปุ่นตรวจให้ว่าระยะระหว่างปากมดลูกกับช่องคลอดอยู่ที่ 36 ม.ม. เลยต้องกินยามาตลอด แต่ตอนนี้หมอไม่ได้ให้ยาแล้ว ไม่ทราบว่ายังต้องกินอยู่อีกหรือเปล่า

หมอก็โบกไม้โบกมือ เป็นเชิงว่า “โอ๊ย... เรื่องเล็ก”

...จริงดิ

แต่คุณแม่ของเราค้างคาใจค่ะ อยากให้หมอตรวจให้รู้แล้วรู้รอดกันไป เพราะไม่ได้กินยามาตั้ง 1 สัปดาห์ ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง

แม่ “คุณหมอที่ญี่ปุ่นเค้าว่าอาจจะคลอดก่อนกำหนดได้ หมอช่วยตรวจให้อีกรอบได้มั๊ยคะ”
หมอ ”ได้ครับ”

แล้วก็จับเราขึ้นขาหยั่งทันที พร้อมด้วยคำถามที่ว่า “ที่ญี่ปุ่นนี่เค้าตรวจปากมดลูกให้ด้วยเหรอ”

เรา “ใช่ค่ะ” ...อยากจะบอกหมอว่า ตรวจบ่อยจนเลิกอายไปเลยล่ะค่ะ

ผลสรุปออกมาว่า ปากมดลูกเราสั้นจริง หมอเขียนคอมเม้นต์ลงใบฝากครรภ์ไว้ว่า 25 ม.ม. เท่านั้น พระเจ้า!!!!! ทำไมถึงลงมาต่ำได้ขนาดนั้นล่ะ ถ้าอยู่ที่เท่านี้จริงเป็นที่ญี่ปุ่นนี่โดนจับ admit ไปแล้ว ...แล้วนี่เราจะไม่เป็นอะไรจริงๆเหรอ

คำสั่งหมอก็เลยไม่ต่างจากที่ญี่ปุ่นคือ ไม่ให้ทำอะไรมาก ให้นอนพักผ่อนเยอะๆ แถมให้ยามากินอีกรอบ แต่ยาที่ได้จากเมืองไทยนี่ไม่เหมือนของญี่ปุ่น หมอให้เป็นฮอร์โมนมากิน หลังกินก็ไม่ได้รู้สึกว่าใจเต้นแรงเหมือนยาที่เคยกินก่อนหน้านี้ ...แต่ก็หวังว่าจะได้ผลเหมือนกัน
นอกจากฮอร์โมนแล้ว หมอก็ให้แคลเซียมกับธาตุเหล็กมาด้วย ...ที่ซื้อมาจากญี่ปุ่นยังกินไม่หมดเลย

ตกลงว่ายังไงๆก็ต้องทนอยู่อย่างสงบๆไปจนคลอดแล้วจริงๆ T ^ T


ซาวน์ที่นี่หมอให้มาหลายรูปเลย ...แต่ดูไม่ออกมันซักกะรูป เหอๆ

ตอนนี้อายุครรภ์ 27 สัปดาห์กับอีก 2 วัน เด็กน้อยหนัก 860 กรัมแล้วค่ะ ส่วนเราก็น้ำหนักขึ้นมา 4 กิโล ความสูงมดลูก 26 ซ.ม. รอบพุงก็ 83 ซ.ม.แล้ว




 

Create Date : 16 ธันวาคม 2553    
Last Update : 16 ธันวาคม 2553 13:48:56 น.
Counter : 1651 Pageviews.  

กลับไปนั่งๆนอนๆที่เมืองไทย


จากปัญหาระยะระหว่างปากมดลูกกับช่องคลอดสั้น หมอสั่งห้ามทำกิจกรรมที่ไม่จำเป็นทุกอย่าง เลยต้องกลับไปเป็นลูกแหง่ นั่งๆนอนๆเฉยๆให้แม่เลี้ยงดูที่เมืองไทย

ครั้งนี้เราบินกลับกับการบินไทยค่ะ เงื่อนไขการขึ้นเครื่องของคนท้องของการบินไทยก็คือ...
ณ วันที่บิน ถ้าอายุครรภ์ตั้งแต่ 28 สัปดาห์ขึ้นไป (แต่ต้องไม่เกิน 33 สัปดาห์) ต้องมีใบรับรองแำพทย์เป็นภาษาอังกฤษ ที่ออกก่อนหน้าบินไม่เกิน 7 วัน แนบมาด้วยตอนเช็คอิน

แต่ของเราตอนกลับเมืองไทยนี่อายุครรภ์แค่ 26 สัปดาห์กับอีก 2 วันเท่านั้น เลยไม่จำเป็นจะต้องใช้ใบรับรองแพทย์แต่อย่างใด (แต่เราก็ขอเผื่อไปด้วยอ่ะนะ)

ก่อนบินได้วันนึงก็โทรไปสอบถามกับทางสายการบินว่ามีบริการอะไรเป็นพิเศษสำหรับคนท้องบ้างหรือเปล่า คำตอบที่ได้คือ ”ไม่มี” แต่ถ้าอยากได้บริการอะไร ก็ให้เราไปแจ้งที่เคาน์เตอร์ตอนเช็คอินได้เลย ที่เค้าทำให้เราได้ ณ ตอนนี้คือ จองที่นั่งแถวหน้าสุด ใกล้ห้องน้ำไว้ให้ได้

26 ก.ย. 2553
สามีขับรถไปส่งที่สนามบินนาโงย่า ...ใช่แล้วค่ะ เราบินคนเดียว พร้อมกับสัมภาระอีกสองใบ ตอนแรกกะจะเอาใบใหญ่ไปแค่ใบเดียว แต่ถ้าเกิดหาคนช่วยยยกที่สนามบินไม่ได้ขึ้นมา เราก็ต้องยกเอง ...ไม่ไหวแน่ๆ เลยขอแบ่งเป็นเบาๆ 2 ใบแทนละกัน

ตอนเช็คอินก็แจ้งเจ้าหน้าที่เลยค่ะว่า อยากได้คนช่วยหลังจากลงเครื่องที่เมืองไทยแล้ว เจ้าหน้าที่ก็ประสานงานให้เสร็จสรรพ แต่ตอนนั้นก็ยังไม่รู้หรอกค่ะว่าเราจะได้รับบริการอะไรมากน้อยแค่ไหน

พอเข้าไปถึงตรงที่ boarding เราก็กะว่าจะรอให้คนขึ้นเครื่องไปให้หมดก่อน แล้วค่อยเดินเข้าไป ไม่อยากไปยืนต่อแถวนานๆ (ก็หมอเค้าห้ามยืนนานๆนี่นา...) แต่นั่งรอได้แค่แป๊บเดียว เจ้าหน้าที่ที่จัดการเรื่องเช็คอินให้เราก็เข้ามาบอกให้เราขึ้นเครื่องได้เลย ไม่ต้องไปต่อแถวแบบคนอื่นเค้า (ดีจัง อิอิ)

...ในที่สุดก็กลับมาถึงเมืองไทยโดยสวัสดิภาพ ทั้งตัวเครื่องบินเองและตัวเราด้วย โดยปกติเครื่องที่บินมาจากนาโงย่านี่จะไม่เป็นทางเดินงวงช้างให้ แต่ต้องนั่งรถบัสเข้าไปที่ตัวอาคารแทน ...ก็ทำใจไว้แล้วอ่ะนะ

แต่พอเดินโผล่พ้นประตูเครื่องออกมาเท่านั้นแหล่ะ ก็มีเจ้าหน้าที่ของการบินไทยยืนชูป้ายชื่อเราเห็นเด่นเป็นสง่ามาก ไอ้เราก็ใจง่าย เลยเดินตามเค้าไป ...ปรากฏว่าเค้ามีรถตู้มารับเราเข้าไปที่ตัวอาคาร นั่งคนเดียวสบายใจเฉิบ

พอถึงตัวอาคาร เจ้าหน้าที่คนเดิมก็พาเราเดินลัดเลาะไปตรวจคนเข้าเมืองที่ช่อง VIP ของ First Class เค้า เราเลยไม่ต้องรอคิวเลย ...เวลาบินปกตินี่กว่าจะโผล่พ้นออกมาถึงตรงตรวจคนเข้าเมืองได้ก็ต้องเดินแล้วเดินอีก แต่ที่เจ้าหน้าที่คนนี้พามานี่เดินไม่ถึง 3 นาทีก็ถึง

พอตรวจคนเข้าเมืองเสร็จ ก็ออกมารอรับกระเป๋า ซึ่งทางการบินไทยก็ประสานงานกับเจ้าหน้าที่สนามบินไว้ให้ก่อนล่วงหน้าแล้ว ก็เลยมีเด็กยกกระเป๋าส่วนตัวให้ด้วย เดินออกมาเป็นคุณนายเลยค่ะ ^ ^

บริการของสายการบินอื่นเป็นยังไงนี่ก็ไม่รู้เหมือนกันนะคะ เพราะเพิ่งเคยขอใช้บริการแบบนี้เป็นครั้งแรก อาจจะเพราะไม่ได้คาดหวังอะไรมากมายด้วย แต่ที่ได้รับบริการกลับมานี่ถือว่าถูกใจมากเลยทีเดียว ...การบินไทย รักคุณเท่าฟ้าค่ะ ^ ^


รูปนี้ถ่ายก่อนขึ้นเครื่อง 1 วัน อายุครรภ์ก็ 26 สัปดาห์ เพิ่งอาบน้ำทาน้ำมันเสร็จ ผิวมันแผล็บเลย แหะๆ น้ำหนักขึ้นมา 2 โลครึ่งแล้วค่ะ




 

Create Date : 15 ธันวาคม 2553    
Last Update : 15 ธันวาคม 2553 12:06:02 น.
Counter : 1389 Pageviews.  

ตรวจครรภ์ครั้งสุดท้ายก่อนกลับเมืองไทย


22 ก.ย. 2553
ครั้งนี้จะว่าเป็นการตรวจครรภ์ครั้งที่ 7 ก็คงจะไม่ใช่ เพราะไม่ได้เป็นการตรวจครรภ์ตามรอบที่หมอนัด แต่เป็นการตรวจเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนบินกลับเมืองไทยต่างหาก

จากทีแรกตั้งใจไว้ว่าจะกลับต้นเดือนตุลา แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้วก็เอาเป็นว่ากลับเร็วที่สุดเท่าที่จะเตรียมตัวทันก็แล้วกัน ก็ได้กลับวันที่ 26 ก.ย.ค่ะ ก่อนที่จะบินก็มาตรวจครรภ์กันเหนียวไว้ซะหน่อย พร้อมขอใบรับรองแพทย์ด้วยเลย จริงๆไม่ต้องใช้หรอกค่ะ แต่ถือไปกันเหนียวเท่านั้นเอง อีกอย่าง... ทางสายการบินเค้าขอเป็นภาษาอังกฤษ

...เหมือนโชคจะเข้าข้าง คุณหมอที่เคยตรวจด้วยเป็นประจำไม่สามารถออกเอกสารเป็นภาษาอังกฤษได้ เลยให้ไปตรวจกับคุณหมออีกคน ซึ่งใจดีโคตรๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไม่น่าเชื่อว่าเป็นหมอในคลินิคเดียวกัน

หมออธิบายภาพอัลตราซาวน์ละเอียดยิบ ขณะที่หมอคนเก่าไม่พูดอะไรเลย (ลูกเจ้าของคลินิคนะนั่น) น้ำหนักเด็กเกินกว่ามาตรฐานอยู่ 200 กรัม แต่ความยาวนี่ปกติดี เสียดายที่ไม่รู้ว่าได้ลูกชายหรือลูกสาว เพราะนอนหนีบขาเรียบร้อยหาช่องว่างไม่เจอเลย หมอคนนี้พยายามดูให้ตั้งแต่เริ่มซาวน์ พอมองไม่เห็นก็ไปดูส่วนอื่นๆของเด็กก่อน ก่อนจะซาวน์เสร็จก็มาดูเพศให้อีกรอบ เพราะเด็กเคลื่อนไหวตลอด แต่ก็ไม่ยอมเปิดขาให้ดูอยู่ดี เฮ้อ.... (หมอคนเดิมนั่น ไม่แม้กระทั่งจะพยายามดูเพศให้เลยด้วยซ้ำ ถามทีไรก็ตอบกลับมาแต่ว่า “มันก็ได้แค่คาดการณ์ ถ้าอยากรู้จริงๆก็ต้องรอตอนเกิด” ...เฮ้ย มีงี้ด้วย!!)

ทำไมไม่ได้ตรวจกับหมอคนนี้ตั้่งแต่แรกวะคะเนี่ย

ส่วนผลการตรวจความห่างระหว่างปากมดลูกกับช่องคลอด ปรากฏว่าก็ยังอยู่ในระยะเท่าเดิม คือ 36 ม.ม. ยาไม่ได้ช่วยไปมากกว่านี้ แต่ก็ช่วยรักษาระดับไม่ให้มันลงมาต่ำกว่านี้ได้ หมอเลยบอกว่า

“โอ๊ย... ขึ้นเครื่องได้สบาย”

หมอดูไม่ซีเรียส หน้าตายิ้มแย้ม ถามอะไรตอบหมด ลักษณะท่าทางของหมอจากที่เดียวกันแต่แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน แค่คำพูดและท่าทีของหมอที่แตกต่างกันก็ช่วยลดความเครียดลงไปได้มากมายมหาศาล ...หมอคนเดิมเค้าไม่ได้รู้เรื่องจิตวิทยาอะไรบ้างเลยหรือยังไง

แต่ถึงหมอจะพูดจาฟังดูดี ทำให้มีกำลังใจขึ้นมาก็เถอะ ยังไงก็ต้องไม่ประมาท เพราะหมอก็หยุดให้ยาเราด้วย บอกว่าให้ไปให้หมอที่เมืองไทยวินิจฉัยเอาอีกที

...เอางั้นก็ได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าช่วงที่ไม่ได้กินยาเนี่ยจะส่งผลยังไงบ้าง


หมอคนนี้ค่อยถ่ายออกมาเห็นเป็นหน้าเป็นตาบ้าง ไม่ใช่เห็นแต่หัวเหมือนหมอคนที่แล้ว




 

Create Date : 14 ธันวาคม 2553    
Last Update : 14 ธันวาคม 2553 23:26:27 น.
Counter : 1038 Pageviews.  

1  2  3  4  5  

HappyToBeMe*
Location :
Shizuoka Japan

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




เรียนเอกญี่ปุ่น ทำงานบริษัทญี่ปุ่น แต่งงานกับคนญี่ปุ่น มาใช้ชีวิตอยู่ที่ญี่ปุ่น บางช่วงก็เกลียดญี่ปุ่นเข้าไส้ บางช่วงก็รักใจจะขาด ไม่นึกว่าญี่ปุ่นจะมายุ่งเกี่ยวกับชีวิตมากมายขนาดนี้เลยนะเนี่ย

เพื่อการอ่านหน้าบล็อคให้ได้ตามความตั้งใจของจขบ. ลองดาว์นโหลดฟอนต์ดู ที่นี่ เลยค่ะ
ขอขอบคุณคุณ iannnnn มากๆที่สร้างสรรค์ฟอนต์สวยๆให้ได้ใช้กันนะคะ

**สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของรูปภาพ และ ข้อความใน blog แห่งนี้ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่และเพื่อการอ้างอิง โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุดนะคะ**

New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add HappyToBeMe*'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.