5 ข้อควรรู้ ก่อนเลือกโปรโมชั่นให้มือถือตัวเอง

“จะเลือกโปรฯไหนดี” ทุกคนมักจะเจอคำถามนี้เหมือนกันไหมเวลาซื้อโทรศัพท์ใหม่ หรือเบื่อโปรโมชั่นเดิมๆที่แพนแสนแพง คำนวณรายจ่ายค่าโทร ค่าเน็ตแต่ละเดือนนี้ แพงยิ่งกว่าค่าไฟในบ้านเสียอีก...พอถึงจุดหนึ่งที่อยากจะเปลี่ยน ทีนี้ล่ะปัญหาใหญ่ เพราะไม่รู้จะเลือกโปรไหนให้ถูกใจดี คราวนี้เรามีวิธีช่วยค่ะ

โปรโมชั่นในทุกวันนี้ มีทั้งแบบเติมเงิน และรายเดือน ถ้าย้อนไปสมัยเมื่อ 5-7 ปีก่อน ที่การเล่นอินเทอร์เน็ตบนมือถือด้วย Edge หรือ3G ยังไม่บูม หรือเผลอยังไม่เกิดด้วยนั้น คนจะนิยมใช้แบบเติมเงินเสียมากกว่า เพราะว่าควบคุมค่าใช้จ่ายได้ เงินไม่พอก็ไม่เติม ใช้ยิงให้คนอื่นโทรกลับเอา

แต่พอเวลาผ่านมา สมาร์ทโฟนเป็นที่นิยม มีEDGE มี3G 4G WIFI คนก็เริ่มจะใช้งานอินเทอร์เน็ต ท่องโซเชียลด้วยสมาร์ทโฟนมากขึ้น ก็เลยพามาสู่ยุคที่โปรโมชั่นมือถือแบบรายเดือนเริ่มเป็นที่สนใจ แต่ก็ไม่ใช่เสียทั้งหมด เพราะบางคนใช้แบบเติมเงินที่มีโปรโมชั่นอินเทอร์เน็ตรายวัน รายสัปดาห์ ก็มีเหมือนกัน

ทีนี้ก็มาสู่คำถามคาใจ ของคนใช้สมาร์ทโฟน แท็บเล็ตว่า … “จะใช้โปรฯไหนดี”

โปรโมชั่นที่ดีดูจากอะไร?

จะเลือกโปรโมชั่นดีๆทั้งที ก่อนอื่นคือเราต้องมีเวลาในการตัดสินใจ เพราะโปรที่ดีไม่ใช่ว่าคุ้มค่าอย่างเดียว หรือเลือกโปรที่เล่นไม่อั้นอย่างเดียวซะเมื่อไร มันต้องดูอะไรหลายๆอย่าง เพราะสมัยนี้ โปรโมชั่นแต่ละค่ายมีเป็น10โปรฯ แล้วค่ายในเมืองไทย ก็4-5ค่าย เพราะฉะนั้นเราจะหาตัวช่วยในการตัดสินใจให้ค่ะ

1. ตั้งงบ

งบประมาณ รายจ่าย คือสิ่งสำคัญอันดับ 1 เลยที่ต้องพิจารณา เพราะถ้าเราอยากได้โปรเจ๋งๆ เน็ตแรงๆ แต่ค่าใช้จ่ายเกินตัว ก็คงไม่ได้ จะพากระเป๋าแฟบ แถมเป็นหนี้อีกต่างหาก
สิ่งที่ควรทำอันดับแรกคือเราต้องดูว่า เราตั้งงบรายจ่ายสำหรับโปรโมชั่นค่าโทรศัพท์ไว้เท่าไร จ่ายมากสุดได้แค่ไหน แล้วนั่นจะทำให้การตัดสินใจเลือกในขั้นต่อไปง่ายขึ้น

อย่างเช่น ถ้าเราตั้งงบไว้ว่า เราสามารถจ่ายค่าโทรศัพท์ได้ไม่เกิน 500 บาท ก็ควร ดูโปรโมชั่น ที่ราคาไม่เกิน 450 บาท อย่างพวกโปรฯ รายเดือน ราคา 299 ,399 เหรือไม่ก็ใช้แบบเติมเงินไปเลย ป็นต้น เพราะว่าราคาโปรโมชั่นที่แต่ละค่ายแจ้งไว้ ยังไม่รวม VAT เพราะฉะนั้นก็ต้องตั้งเผื่อเหลือเผื่อขาดไว้ แล้วไหนจะเผื่อโทรเกินโปรอีกต่างหาก

2. ดูไลฟ์สไตล์

ไลฟ์สไตล์เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะขีดขอบเขตโปรโมชั่นให้เราได้ว่า เราควรจะเลือกแบบไหน เพราะบางที่โปรโมชั่นโดนใจ ที่ราคาแพงๆ เน็ตแรงไม่อั้นก็ไม่ใช่โปรที่ดีที่สุดสำหรับเราเสมอไป บอกเลยว่าเปลืองเงินในกระเป๋าโดยใช้เหตุ

คนที่จะเลือกโปรโมชั่นต้องดูว่า เรามีไลฟ์สไตล์แบบไหน ชอบเล่นเน็ต ชอบโทร ชอบส่งข้อความ ชอบดูหนัง ชอบฟังเพลง แล้วจะช่วยให้เลือกง่ายไปอีกเปราะนึง

เพราะอย่างคนชอบเล่นเน็ต ดูหนังออนไลน์ ไม่เน้นโทร ก็จะพยายามมองหาโปรฯ ที่เวลาโทรน้อยๆ แต่เน็ตแรง เล่นไม่อั้น หนังจะได้ไม่สะดุดกึ้กให้เสียอารมณ์ แต่ถ้างบจำกัดด้วย ก็ให้หาโปรที่มีWIFI ฟรี เพื่อที่จะได้ประหยัดเน็ต ประหยัดเงินในกระเป๋าไปได้

แต่ถ้าคนไหนชอบเม้าท์ ชอบโทร เล่นเน็ตนิดหน่อย ก็มองหาโปรที่เวลาโทรเยอะๆ เน็ตไม่ต้องแรงมาก ไม่ต้องความจุมากก็ได้ เพราะยังไงก็ชอบเม้าท์อยู่แล้ว

นอกจากนี้ควรจะดูไลฟ์สไตล์ในการใช้จ่ายด้วย อย่างบางคนที่นอกจากงบประมาณจำกัดแล้ว ยังคุมรายจ่ายไม่ค่อยอยู่ ก็ควรจะหักดิบตัวเอง ด้วยการใช้แบบเติมเงินไปซะ ไม่พอก็ไม่ต้องเล่น หรือไม่ถ้าอยากใช้เติมเงิน ก็อาจจะเลือกโปรแบบ unlimited ที่ราคาไม่สูงมาก แล้วคอยหมั่นเช็คว่าตัวเองใช้ไปเท่าไรแล้ว จะได้ไม่ต้องเสียเงินเพิ่มภายหลังไงล่ะ

3. ความจำเป็นการใช้งาน

แต่ละคนมีการใช้งานโทรศํพท์มือถือ สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตที่แตกต่างกันไป บางคนใช้เล่นแก้เหงา บางคนใช้เป็นอุปกรณ์ช่วยตัวหนึ่งในการทำงาน บางคนใช้ทำธุระประปรังทั้งหลายแหล่ บางคนก็ใช้เล่นๆในวันพักผ่อน

ซึ่งลักษณะการใช้งานเหล่านี้นี่เอง ที่จะกำหนดได้ว่า เราควรหาโปรโมชั่นแบบไหนในสมาร์ทโฟนของเรา
อย่างคนที่ใช้อุปกรณ์เหล่านี้ทำงาน ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลา ก็ต้องหาโปรโมชั่นแบบ unlimitted เพื่อที่จะได้ไม่พลาดการติดต่อผ่านอินเทอร์เน็ต หรือบางคนต้องมีโทรติดต่อธุระมากมาย หลากหลายค่าย ก็ไม่ควรเลือกโปรโมชั่น ที่โทรฟรีแค่เฉพาะในค่ายเท่านั้น แต่ถ้าเป็นคนที่เล่นแก้เหงา เล่นในวันพักผ่อนอันนี้สบายมาก ไม่จำเป็นต้องเลือกที่แพงหูฉีก แค่มีWIFIเชื่อมต่อเน็ตที่บ้าน ได้ก็พอแล้ว

4. ความคุ้มค่า

หลายคนเกิดคำถาม จะเลือกใช้เติมเงิน หรือ รายเดือนดี หรือบางคนถามว่าอันไหนคุ้มกว่ากัน
คำตอบของเรานั้น ถ้าถามว่าเลือกใช้เติมเงินหรือรายเดือนดี ให้ย้อนกลับไปดูข้อ 1และข้อ 2 ก่อนถ้าเกิดคุณไม่มีข้อจำกัดอะไร และมีไลฟ์สไตล์ที่โทรเยอะ เล่นเน็ตบนมือถือบ่อยก็เลือกแบบเติมเงินก็ได้

ทีนี้ก็ให้ดูสิ่งที่แต่ละค่ายโทรศัพท์นำเสนอมาว่า โปรโมชั่นราคาเท่าไร หรือโทรฟรีกี่นาที ส่งSMS ฟรีหรือไม่ เล่นเน็ตไม่อั้นหรือเปล่า เพราะโปรโมชั่นถูกแต่ดีสมันนี้มีเยอะ แล้วก็เอาแต่ละค่ายมาเปรียบเทียบกันแล้วจะได้คำตอบ

5. เช็คข้อจำกัด

โปรโมชั่นของแต่ละค่าย จะมีข้อจำกัดที่แตกต่างกันไป อย่างเช่น ต้องใช้แพ็คเกจนานติดต่อกันหลายๆเดือน กี่เดือนก็จะกำหนดมาให้เรา หรือบางค่ายก็ให้เล่นเน็ตแบบUnlimitted แต่จำกัดการเล่นเน็ตความเร็วสูงไว้ที่ 1-3 GB เท่านั้น หลังจากนั้นก็เล่นที่ความเร็ว 128 Kbt บาง 384Kbtบ้าง แต่เชื่อมต่อได้ตลอดเดือน หรือบางค่ายก็จะผูกไว้กับการซื้อเครื่องโทรศัพท์ ให้ส่วนลด ซึ่งผู้ใช้ควรจะคำนวณดูให้ดีว่า แบบไหนคุ้มกว่ากัน แบบไหนที่เราจะเสียเปรียบได้

ตัวอย่างการเลือกโปรโมชั่น
หลายคนอาจยังมองไม่เห็นภาพ เราจะอธิบายตัวอย่างการเลือกโปรที่เราใช้มาให้ดู

ยกตัวอย่างเช่น เราตั้งงบค่าโทรศัพท์แต่ละเดือนไว้ที่ ไม่เกิน 700 ประเมินไลฟ์สไตล์ของตัวเองว่า ชอบแชท อัพเดทโลกโซเชียล แต่ก็ต้องมีติดต่องานด้วย และจำเป็นต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลา มีโทรติดต่องานพอสมควร มีส่งSMSบ้างแต่ส่งน้อย และที่บ้านมีWIFIอยู่แล้ว

ก็หาอาจจะมองหาโปรที่ EDGE/3G/4Gไม่อั้น ราคาประมาณ 300 -600 แล้วก็ดูข้อเสนอของแต่ละค่ายว่า โทรได้นานสุดเท่าไร เล่นเน็ตความเร็วสูงได้นานแค่ไหนมีWIFIฟรีให้ด้วยหรือเปล่า แล้วเปรียบเทียบกัน

สุดก็จะได้คำตอบเป็นโปรฯที่โอเคสำหรับเรา (เราได้เป็นโปรโมชั่น รายเดือน 599 โทร250 นาที เน็ตไม่อั้นจำกัดที่ 2GB แต่มีWIFI ฟรีให้ไม่จำกัด)

คำแนะนำจากเราน่าจะช่วยใหุ้ณเลือกโปรที่เหมาะสำหรับคุณได้ ทีนี้คุณเองก็ลองเลือกดูตามที่เราแนะนำไป ใจเย็นๆ ค่อยๆเลือก หรือไม่ก็เลือกโปรฯที่ราคาถูกไว้ก่อน แล้วก็ลองเช็คดูว่าเพียงพอสำหรับเราหรือไม่ ถ้าไม่ ก็เปลี่ยน หรืออาจจะซื้อแพ็คเกจเสริมก็ได้ เพราะแต่ละค่ายจะมีให้อยู่แล้ว เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายให้คุณ

บทความจาก www.asiashop.co.th

ผู้แทนจำหน่าย มือถือ | แทปเล็ต | อุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ ครบวงจร

โทร.082-0186000

Create Date : 20 พฤศจิกายน 2557 Last Update : 20 พฤศจิกายน 2557 15:58:45 น. Counter : 445 Pageviews.		0 comment
Share Tweet

หลุด ภาพจอ Xperia Z4 พร้อมเทคโนโลยีที่เจ๋งกว่าเดิม ไปอีกหลายขุม

หลุดมาแล้ว ภาพจอTouch Screen ของ Sony Xperia Z4 mujพร้อมเทคโนโลยีที่เจ๋งกว่าเดิม ทั้งจอ ทั้งซีพียู ทั้งกล้อง ที่ยอดเยี่ยมกว่าเดิมอีกหลายขุม

Xperia Z3 เพิ่งออกวางขายมาไม่เท่าไร ก็มีภาพหลุดของ Sony Xperia Z4 ออกมาซะแล้ว ซึ่งเป็นภาพชิ้นส่วนหน้าจอของXperia Z4 ที่นำมาเทียบกับหน้าจอของ Xperia Z3 ให้เห็นความแตกต่างทั้งเรื่องของขนาด ทั้งเรื่องของตำแหน่งกล้องหน้ากับเซ็นเซอร์สลับตำแหน่งกัน และรวมถึงลำโพงที่บนและล่างถูกย้ายไปที่ขอบจอ

จากภาพที่หลุดออกมา แหล่งข่าวรายงานว่า Sony Xperia Z4 จะมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด 2K QHD ความละเอียด 1440 x 2560 พิกเซล และก็มีข้อมูลสเป็คหลุดออกมาอีกว่า ซีพียู ของเจ้า Xperia Z4 นี้จะเป็นแบบSnapdragon 810 แรม 4GB หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง 32GB รองรับการชาร์จไร้สาย Qi wireless charging และมาตราฐานกันน้ำ IP68 ที่สูงขึ้นกว่าเดิม

และเท่าที่ดูจากตำแหน่งกล้องหน้า และรูรับแสงที่ถูกสลับตำแหน่งไปจากรุ่นเดิมๆรวมถึงมีขนาดใหญ่ขึ้นด้วยนั้น คาดการณ์ไว้ว่าเป็นไปได้ที่ Sony จะอัพเกรดกล้องหน้าให้ถ่ายได้แจ่มขึ้นตามสมัยนิยม selfie ด้วย

ในความคาดการณ์นี้ ยังรวมถึงเรื่องของวันเปิดตัว Sony Xperia Z4 ที่คาดว่าจะเปิดตัวในเดือนมกราคม 2015 ที่งาน CES 2014 ที่จะถึงนี้

ข่าวจาก FutureSupplier.com

บทความจาก www.asiashop.co.th

ผู้แทนจำหน่าย มือถือ | แทปเล็ต | อุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ ครบวงจร

โทร.082-0186000

Create Date : 20 พฤศจิกายน 2557 Last Update : 20 พฤศจิกายน 2557 9:12:21 น. Counter : 540 Pageviews.		0 comment
Share Tweet

ชาวHTC เฮ เตรียมอัพเดท Android 5.0 สัปดาห์หน้า… ข่าวร้ายชาว Nexus 7 อด

ข่าวล่ามาไว สำหรับผู้ใช้สมาร์ทโฟน แอนดรอยด์ ที่รออัพเดทเวอร์ชั่น เป็น Android 5.0 Lollipopอยู่ คราวนี้ข่าวดีตกเป็นของสาวก HTC ที่ทางรองประธานฝ่ายบริหารการผลิต ได้ออกมาคอนเฟิร์ม บนโซเชียล Twitter ว่า พร้อมจะให้สาวก HTC ได้อัพเดทระบบปฏิบัติการ อัพเดท timeline เป็น Android 5.0 Lollipop ได้แล้วในสัปดาห์หน้า

แต่ทั้งนี้ ทางรองประธานฝ่ายบริหารการผลิต ของ HTC ก็ได้ระบุรุ่นไว้ว่า สามารถอัพเดทได้เฉพาะ สมาร์ทโฟนรุ่น HTC One M8 และHTC One M7 ที่เป็นของ Google Play Edition เท่านั้น ที่สามารถอัพเดทได้ในเบื้องต้น

โดยข่าวการคอนเฟิร์มให้อัพเดทเวอร์ชั่นระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ใหม่ ของHTC นี้ ก็ถือเป็นค่ายที่สอง ถัดจาก Google ที่เปิดให้ลิ้มรส ได้ก่อนใครเป็นรุ่นแรก ในสมาร์ทโฟนรุ่น Nexus เราก็คาดว่า หลายๆค่ายมือถือ ก็จะเริ่มทยอยให้อัพเดท Android 5.0 Lollipop ได้เช่นกัน

เพราะอย่าง LG G3 ก็ได้รับการเห็นด้วยจากคณะกรรมการบริหารแล้ว ส่วน ฝั่ง Samsung ก็เปรยๆมาแล้วเหมือนกันว่า จะให้ลื้มรสได้ใน Galaxy S5 and S4 ก่อน เป็นรุ่นเบื้องต้น ซึ่งคาดว่าน่าจะประมาณเดือนธันวาคมนี้ ในขณะที่ HTC One M8 และ M7 เวอร์ชั่นปกติอาจจะต้องรอไปอีก 3 เดือน คาดว่าน่าจะได้อัพเดทประมาณเดือนกุมภาพันธ์ แต่ก็ไม่แน่ว่า อาจจะปล่อยมาเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้

แต่ท่ามกลางข่าวดี ก็มีข่าวร้าย สำหรับชาว Nexus7 รุ่น ปี 2012 และปี 2013 ที่ดูเหมือนว่า จะล้าหลัง เพราะในขณะที่ Nexus 5 , Nexus 10 รวมทั้ง Nexus 7 รุ่นรองรับ Wi-F ได้ให้อัพเดทใช้ Android 5.0 Lollipop ก่อนใครแล้ว ชาว Nexus 7 รุ่นปี 2012 และ 2013 ที่เป็นรุ่นรองรับ 3G / LTE ครับ (อย่าสับสนกับรุ่น Nexus 7 ที่รองรับ Wi-Fi นะ)ทั้ง 2 รุ่นนี้อยู่ก็รอต่อไป เพราะยังอัพเดทเวอร์ชั่นไม่ได้ในตอนนี้ เสียใจด้วยจริงๆครับ

*สามารถอ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ website ครับ

บทความจาก www.asiashop.co.th

ผู้แทนจำหน่าย มือถือ | แทปเล็ต | อุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ ครบวงจร

โทร.082-0186000

Create Date : 18 พฤศจิกายน 2557 Last Update : 18 พฤศจิกายน 2557 11:21:29 น. Counter : 526 Pageviews.		0 comment
Share Tweet

โกอินเตอร์ กับ ไลน์ ด้วยLine Dictionary แอพแปลภาษาบนมือถือ

ดูปากณัชชานะคะ… Line มี Dictionary แล้ว!!... 

อะไรมันจะครบเครื่องขนาดนั้น สำหรับแอพพลิเคชั่น Line ที่นอกจากจะมี เครื่องไม้เครื่องมือสารพัดมากมาย ทั้ง Line Camera เอาใจคนชอบแต่งรูปฟรุ้งฟริ้ง Line Shop เอาใจพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ที่ครั้งก่อนรีวิวให้ดูกันไป >>รีวิว Line Shop< และนี่ไม่รวมถึง Line Webtoon,Line Card ,Line Play ,Line Antivirus และอีกมากมายจนใช้ไม่หวาดไม่ไหว

ล่าสุด แอพพลิเคชั่นไลน์ พาสาวกสมาร์ทโฟนทั้งหลาย โกอินเตอร์ ด้วยการเพิ่มแอพพลิเคชั่นบนมือถือ แอพใหม่ Line Dictionary
ให้เรามีเครื่องมือแปลภาษาดีๆ บนมือถือ ที่ไม่ว่าจะพกพาไปไหนก็ใช้ได้สะดวกสบาย ไม่ต้องนั่งงงกับศัพท์ยากอีกต่อไป

แอพ LINE Dictionary นี้จะรวมเนื้อหาสอนภาษาอังกฤษและ เครื่องมือแปลภาษาจากพจนานุกรม อังกฤษ-ไทย โดย Oxford (ออกซ์ฟอร์ด) และ พจนานุกรมไทย-อังกฤษ โดย SE-ED (ซีเอ็ด)

คราวนี้ถ้าเราจะหาคำแปลของศัพท์ไหน เวลาที่คุยไลน์ ก็ง่ายๆ เพียงเปิดไลน์ ดิค แล้วก็เสิร์ชหาคำแปลได้เลย

แต่ถ้าหากไม่รู้ว่าจะหาคำศัพท์ภาษาอังกฤษอะไรดี แอพ Line Dictionary ก็มี Daily English ที่จะสอนศัพท์ใหม่ หรือประโยคใหม่ให้คุณรู้จักศัพท์ใหม่หรือประโยคภาษาอังกฤษใหม่มากขึ้น ซึ่งอัพเดตใหม่ทุกวัน เช่นเดียวกับน้องณัชชา

หน้าตาของแอพ ก็สีเขียวๆ ตามแบบฉบับ Line โดยมีสัญลักษณ์เป็นอักษรสีขาวว่า Line Dic. โดยตัวแอพLine Dictionary นี้ มีฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์ของสิ่งที่ผู้ใช้ส่วนใหญ่ต้องการนั่นคือการพัฒนาความสามารถทางด้านภาษา ที่ง่ายยิ่งขึ้น ด้วยอุปกรณ์ที่ติดตัวอยู่ตลอดเวลา
ที่น่าสนใจคือ ในแอพพลิเคชั่น Line Dictionary นี้มีทั้งคำศัพท์ และประโยคตัวอย่าง มากกว่า 7 ล้านประโยค มีเสียงอ่านจากเจ้าของภาษา 5หมื่นคำ รวมคำพ้องความหมาย การผันรูปคำ บทความสนทนา และคำคม ถูกรวมไว้ให้พร้อมในไลน์ดิค

โดยการค้นหาคำแปลนั้น เราสามารถเพิ่มคำศัพท์ที่เคยค้นหา หรือค้นหาบ่อยๆ ไปยังการ์ดคำศัพท์ได้โดยอัตโนมัติ ทำให้ง่ายต่อการค้นหาในภายหลัง ไม่ต้องพิมพ์เพื่อค้นหาใหม่ สามารถบันทึกได้ถึง 1000 คำ และยังสามารถดูความหมายของศัพท์ได้แม้อยู่ในโหมดออฟไลน์ด้วย แต่ข้อจำกัดของการใช้งานในขณะที่ไม่ได้เชื่อมต่ออินเทอรฺเน็ต ก็คือใช้ได้เฉพาะฟังก์ชั่น ออโต้ คอมพลีตในหน้าค้นหาคำศัพท์เท่านั้น แต่ก็ยังสามารถบันทึกไปไว้ในการ์ดคำศัพท์ได้เช่นเดียวกัน

นอกจากนี้ยังสามารถค้นหาการออกเสียงได้ เช่นเมื่อค้นหาด้วยภาษาไทย จะแสดงคำศัพท์ไทยและอังกฤษที่ออกเสียงเหมือนกันไว้ให้ด้วย

วิธีใช้งาน Line Dictionary

หลังจากโหลดจาก App Store และ Play Store แล้วให้ทำการ sign in เข้าสู่ระบบด้วยบัญชี Line ของคุณ และระบบก็จะให้คุณกดอนุญาตก่อน จากนั้นก็พร้อมใช้งานได้ทันที

1. วิธีการค้นหาคำแปล
เวลาหาคำแปลของคำศัพท์ ให้พิมพ์คำศัพท์ลงไปตรงช่องค้นหาด้านบน เมื่อพิมพ์ลงไปแล้วแอพก็จะดำเนินการค้นหาให้ทันที โดยผลลัพธ์จะขึ้นมาให้

***แต่การค้นหานี้ ต้องดูให้แน่ใจก่อนว่าคุณเชื่อมอินเทอร์เน็ตอยู่หรือไม่ เพราะการค้นหาแบบกรอกคำลงไปนี้จำเป็นต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตด้วย

2. การดูประโยคตัวอย่างและ ศัพท์ที่เกี่ยวข้อง

ฟังก์ชั่นนี้ สำหรับ แอพ Line Dictionaryบนมือถือก็ทำได้อย่างไม่มีข้อจำกัด เพราะเมื่อหาคำแปลได้แล้ว ก็สามารถคลิ๊กดูตัวอย่างประโยค ซึ่งมีให้หลายตัวอย่างรองรับการทำความเข้าใจของหลายๆคน ที่ใช้กับศัพท์อังกฤษคำนั้น

และก็ยังข้อมูลความรู้ภาษาอังกฤษอื่นๆ เช่น คำเหมือน คำตรงข้าม คำพ้องเสียง คำพ้องความหมาย รวมถึงบทสนทนาภาษาอังกฤษ คำคม สุภาษิตรายวัน

3. ฟังก์ชั่นการอ่านออกเสียง

เมื่อพิมพ์คำศัพท์ เรียบร้อยแล้ว แอพก็จะแสดงข้อมูลเกี่ยวกับคำศัพท์นั้นๆ และจะปรากฏรูปลำโพงมาให้ทางด้านขวา ให้แตะที่ไอคอนลำโพง หน้าประโยค จะมีเสียงภาษาอังกฤษจากเจ้าของภาษาด้วย

4. การแชร์คำศัพท์

การแชร์คำศัพท์ให้ไปที่หน้าแรก ตะปรากฏแถบเครื่องมือแชร์มาให้ โดยเราสามารถแชร์คำศัพท์ให้เพื่อนๆเห็น ได้ 3 ช่องทางคือ ผ่านทาง line , facebook และ twitter ซึ่งก็ต้องล็อกอินเชื่อมต่อกับSocial Media เหล่านี้ไว้ด้วย อย่างการแชร์ในไลน์ก็สามารถเลือกบุคคลที่จะแชร์ได้ สะดวกมากๆเลย

วิธีทำคือ เวลาที่กดค้นหา หลังจากที่พิมพ์คำที่ต้องการค้นหาลงไปแล้ว ให้สไลด์คำศัพท์ที่ปรากฏอยู่ด้านบนสุดไปทางด้านขวา คำศัพท์ก็จะถูกบันทึกโดยอัตโนมัติในการ์ดคำศัพท์

5. การใช้งานการ์ดคำศัพท์

การ์ดคำศัพท์ถูกออกแบบมาให้เราบันทึกคำศัพท์ที่เคยค้นหาเอาไว้ เพื่อที่จะได้ง่ายเมื่อกลับมาหาอีกครั้ง โดยการบันทึกทไได้ง่ายๆโดย เมื่อเราค้นหาคำศัพท์คำนั้นเรียบร้อยแล้ว ให้กดเข้าไปที่คำศัพท์ที่มีคำแปลพร้อม จากนั้นเลื่อนแถบคำศัพท์ไปทางด้านขวา ก็จะมีปุ่มสีเขียวด้านซ้ายมือขึ้นมา เป้นอันเรียบร้อย หากปุ่มยังไม่เป็นสีเขียวทั้งอัน ให้กดที่ปุ่มนั้น ก็เท่ากับเป็นการบันทึกคำศัพท์ลงการ์ด

การบันทึกคำศัพท์ลงการ์ดคำศัพท์ สามารถบันทึกได้มากถึง 1000 คำศัพท์ และเมื่อครบ คำศัพท์เก่าสุดจะถูกลบไป หรือเราจะเข้าไปลบเองก็ทำได้เช่นกัน

วิธีโหลดแอพ Line Dictionary

วิธีใช้เพียงดาวน์โหลดแอพ Line Dictionary ลงมือถือหรือแท็บเล็ต โหลดได้ทั้งทาง App Store และ Play Store หรือจะเปิดเข้าไลน์ หาจากใน Line App ก็ได้เช่นกัน

นอกจากแอพ Line Dictionary เวอร์ชั่นอังกฤษ-ไทย สำหรับคนไทยแล้ว ก็ยังมีแอพ Line Dictionary เวอร์ชั่นอังกฤษ-จีน และเวอร์ชั่นอังกฤษ-อินโดนีเซีย ด้วย แต่ใช้ได้เฉพาะเบอร์ของuserประเทศนั้นๆเท่านั้น

ไม่น่าเชื่อว่า Dictionary แอพบนมือถือ กลับมีความสามารถมาก เสียจนTalking Dict ถูกลืมไปเลย คราวนี้ก็มี Dictionary ติดตัวกันทุกคนแล้วนะ โกอินเตอร์ง่ายๆ ด้วยแอพเดียวบนมือถือทุกคน

บทความจาก www.asiashop.co.th

ผู้แทนจำหน่าย มือถือ | แทปเล็ต | อุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ ครบวงจร

โทร.082-0186000

Create Date : 12 พฤศจิกายน 2557 Last Update : 12 พฤศจิกายน 2557 14:31:01 น. Counter : 788 Pageviews.		0 comment
Share Tweet

รีวิว Samsung Galaxy Note 4 : 7 สิ่งมหัศจรรย์ของสมาร์ทโฟนยอดอัจฉริยะ “Note 4”

รอที่จะสัมผัสมานานพอสมควรกับ Samsung Galaxy Note4 ซึ่งได้ยินข่าวลือมาหนาหูมาก ๆ ถึงความเจ๋ง ของสมาร์ทโฟนยอดอัจฉริยะ ที่คาดว่าน่าจะเป็นเรือธงตัวฉกาจ ของค่าย Samsung เลยก็ว่าได้ 

สำหรับราคาของ Samsung Galaxy Note 4 เปิดตัวมาค่อนข้างแรงครับ อยู่ที่ 25,900 บาท แรงกว่า Samsung Galaxy Note 3 พอสมควร แต่ว่าจะคุ้มค่ากับราคาไหม อันนี้ลองพิจารณาไปพร้อมๆผมเลยละกันครับ

ผมไม่ได้โม้นะ แต่สำหรับเจ้า Note 4 นี้ ความอัจฉริยะของมัน อาจทำให้คุณลืมสมาร์ทโฟนเครื่องเจ๋งๆ หรือแม้กระทั่ง iPhone 6 ก็ไม่สนแล้วก็ได้ เอ๊า ไม่เชื่อล่ะสิ เอาเป็นว่าผมจัดมาให้เลยครับ กับ 7 สิ่งมหัศจรรย์ที่ผมเห็นในเจ้า Note4 นี้ ที่จะให้คุณๆ พิสูจน์กัน ว่าเจ้า Note4 นี้เจ๋งจริง หรือ ไม่ ?

รู้จักหรือยัง? Samsung Galaxy Note4

Samsung Galaxy Note4 สมาร์ทโฟนยอดอัจฉริยะตัวนี้ ถูกพัฒนามาเพื่อกลบข้อผิดพลาด และทำให้สมรรถนะการใช้งานของเครื่องนี้สมบูรณ์แบบที่สุด

ที่สะดุดตาของหลายๆ คน ก็คงเป็นเรื่องของดีไซน์ที่สวยเกินกว่าจะมาจากค่ายซัมซุง และที่สะดุดใจหลายๆคน ก็คงเป็น RAM 3 GB และ CPU แบบ Quad-Core ความเร็ว 2.7 GHz และแบบ Octa-Core ความเร็ว 1.9 GHz ที่บอกเลยว่าปราดเปรียว ว่องไว แถมการทัช และการใช้ S Pen ก็จับเซ็บเซอร์ได้ไวมากๆ ลื่นปรื้ดเลยทีเดียว

ในแง่ของฮาร์ดแวร์ของ Samsung Galaxy Note4 นอกจาก นำขบวนความเจ๋งมาด้วย RAM 3 GB และ CPU ก็ใช้เป็น Exynos Octa 5433Quad-Core ความเร็ว 2.7 GHz และแบบ Octa-Core ความเร็ว 1.9 GHz แล้ว ก็ยังเสริมทัพด้วยระบบปฏบัติ Android เวอร์ชั่น 4.4 ล่าสุด ที่รวดเร็วขึ้นมากกว่าเดิมเป็นไหนๆ และแถมระบบ GPS และ A-GPS ในตัว ที่แม่นยำ และใช้งานคู่กับแอพพลิเคชั่นนำทาง ระบุตำแหน่งได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ส่วนลูกเล่น และอินเทอร์เฟสต่างๆ ก็ยังคงเป็นมาตรฐานเดิมๆ ของซัมซุง เช่น ปัดเพื่อปลดล็อค แต่บน Samsung
Galaxy Note 4 ได้เพิ่มการปลดล็อคด้วยการสแกนลายนิ้วมือเข้ามา แบบเดียวกับ Samsung Galaxy S5 ที่สามารถบันทึกลายนิ้วมือได้สูงสุด 3 นิ้ว

นอกจากนี้ยังมีระบบฟังก์ชั่นการใช้งานที่เจ๋งสุดยอด มีการพัฒนาระบบสัมผัส Multi-Touch ที่เปิดใช้ 2 แอพพลเคชั่นในเวลาเดียวกัน สามารถเลื่อนแอปฯ ไปมา หรือย่อขยายก็ได้ นอกจากนี้ ยังสามารถลากแอปฯ นึง ซ้อนทับอีกแอปฯ นึงได้อีกด้วย ไม่จำเป็นต้องแบ่งหน้าจอเหมือนแต่ก่อนก็ได้

ส่วนแบตเตอรี่มีความจุเพียง 3,220 mAh แต่มาพร้อมเทคโนโลยี Fast Charge ที่อย่างที่บอกไปว่าสามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มได้เร็วมากขึ้น

หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูลขนาด 32 GB และ RAM ขนาด 3 GB พร้อมรองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card (TransFlash) ได้สูงสุดขนาด 64 GB การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านระบบ WiFi, LTE, HSPA+, EDGE หรือ GPRS พร้อมการเชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่าน NFC, Bluetooth, ANT+ หรือ Infrared Port

ข้อมูลสเป็คเครื่องอย่างละเอียด >> คลิ๊กที่นี่ <<

7 สิ่งมหัศจรรย์ที่พบในสมาร์ทโฟนยอดอัจฉริยะ “Note 4”

ความน่าสนใจของ Samsung Galaxy Note 4 ผมรวบรวมได้ 7สิ่ง ซึ่งมีทั้งสมรรถนะของตัวเครื่อง อุปกรณ์ที่ใช้ควบคู่ ไปจนถึงฟีเจอร์ที่น่าสนใจ เรามาดูกันว่า ในสมาร์ทโฟน Note4 ที่ผมบอกว่าเป็นยอดอัจรฉริยะที่สุดตัวหนึ่งนี้ มีอะไรดีบ้าง

1. ดีไซน์ โฉบเฉี่ยว ทิ้งคราบ Samsung

แค่ยังไม่ทันใช้งานก็ปลื้มแล้ว เพราะผมว่าดีไซน์ของเจ้า Note4 นี้สวยเฉี่ยว ทิ้งความเป็น Samsung ไปได้เยอะเลย ผมบอกตามตรงว่าดีไซน์ของรุ่นอื่นๆจากค่าย Samsung ที่ผ่านมานั้น ผมไม่ค่อยปลื้มเสียเท่าไร ดูเทอะทะ และเบากระหล่องมากเลยครับ แต่สำหรับตัวนี้ ปลื้มมากๆครับ สวยขึ้นผิดหูผิดตา แต่ทว่าความเป็นSamsung ก็ยังทิ้งไว้ด้วย เคสฝาหลังแบบหนัง Faux Leather ตามฉบับ Samsung

ทางค่าย Samsung บอกว่า นี่คือดีไซน์ใหม่ ที่ใช้วัสดุเป็นอลูมิเนียม มหรูหรา มีระดับสมกับเป็นสมาร์ทโฟนระดับ Hi-End ของปีนี้ แถมตัวเครื่องยังบางเพียง 8.5 มิลลิเมตร ขนาดตัวเครื่อง 153.5x78.6x8.5 มิลลิเมตร และ น้ำหนักกำลังดี 176 กรัมเท่านั้น

หน้าจอของ Samsung Galaxy Note 4 นี้ก็เด็ดครับ ใช้กระจกหน้าจอแบบ Corning Gorilla Glass 3 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันแรงกระแทก หรือรอยขีดข่วน และเสริมด้วยกระจกแบบ 2.5D มีความโค้งมนเล็กน้อยที่บริเวณขอบของหน้าจอ ส่วนขนาดก็ 5.7 นิ้ว ใหญ่พอตัว แต่ถือจับสะดวกอยู่ครับ พอดีมือ ความละเอียดหน้าจอก็ระดับ QHD หรือ 2560 x 1440 พิกเซล คมชัด สีแจ่ม คอหนัง คอเกมส์ ชอบแน่นอน

Samsung Galaxy Note 4 นั้นจะมีให้เลือกทั้งหมด 4 สี นั่นก็คือ Charcoal Black, Frost White, Bronze Gold และ Blossom Pink ซึ่งตัวเครื่องแต่ละสีสันนั้น ก็จะมีขอบโลหะที่มีสีสันแตกต่างกันออกไปด้วยเช่นเดียวกัน

ส่วนปุ่มก็ดีไซน์มา ค่อนข้างลงตัว สวยงามครับ ด้านบนของตัวเครื่อง มีช่องหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร, ไมโครโฟนสำหรับบันทึกเสียงขณะบันทึกวีดีโอ และใช้สำหรับตัดเสียงรบกวนรอบข้าง ส่วนรูกลมๆ เล็กนั้น เป็น พอร์ตอินฟราเรด ทำให้ Samsung Galaxy Note 4 กลายเป็นรีโมตคอนโทรลได้Add Media

ส่วนด้านล่างของตัวเครื่อง ประกอบด้วย ปากกา S Pen, ไมโครโฟนตัวที่ 1 และ 2 ที่ทางซัมซุงเผยว่า จะช่วยทำให้การบันทึกเสียง คมชัดมากยิ่งขึ้น ส่วนตรงกลาง เป็นพอร์ต microUSB 2.0 เรียกว่าดีไซน์การวางปุ่มได้ดีครับ

มีอยู่อย่างหนึ่งเกี่ยวกับรูปลักษณ์ภายนอก ที่ไม่ค่อยปลื้มเท่าไรนัก นั่นก็คือฝาหลังครับ ที่บางมากๆ แกะออกมาจับดู ผมรู้สึกเหมือนมันจะหักง่ายยังไงก็ไม่รู้ แต่ลองบิดๆ งอๆ ดู มันก็ยังไม่หักนะครับ เพราะSamsung ก็ต้องออกแบบและทดสอบมาเป็นอย่างดีแล้ว ว่าคงไม่หักง่ายอย่างที่คิด

2. ไมโครโฟน 3 ตัว

ใน Samsung Galaxy Note 4 จะมีไมโครโฟนที่มากถึง 3 ตัว ถามว่าดีอย่างไร มันดีอย่างนี้ครับ...

คือในกรณีที่คุณต้องใช้ สมาร์ทโฟนเพื่อบันทึกเสียง ไม่ว่าจะเป็นการประชุม หรือการสัมภาษณ์ รวมถึงบันทึกช่วยจำก็ตาม การที่สมาร์ทโฟนมีไมโครโฟนมากกว่า 1 ตัว จะช่วยให้คุณได้เสียงบันทึกที่ชัดเจนและสามารถตัดเสียงรบกวนได้ดียิ่งขึ้น แล้วสำหรับ ไมโครโฟนตัวที่ 3 ของ Note4 นี้ก็จะช่วยจับตำแหน่งต้นทางของเสียงได้โดยอัตโนมัติ บอกแล้วว่าอัจฉริยะสุดๆ

3. S voice และ 4 เซ็นเซอร์ อัจฉริยะ

ในความอัจฉริยะของ Note4 ยังเห็นได้จาก ฟีเจอร์พื้นฐานที่่มีเหมือน Iphone เลย นั้นก็คือ ระบบสั่งการด้วยเสียง ที่เรียกว่า S Voice เป็นแบบเดียวกับ Siri บน iOS นั่นเอง แต่จะออกแบบมาให้เหมาะกับคนเอเชียใช้มากกว่า

นอกจากนี้ ยังมีเซ็นเซอร์ที่ติดมากับตัวเครื่อง ที่สามารถใช้ประโยชน์ได้หลายส่วน เริ่มจาก

- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Finger Sensor) บนปุ่ม Home ที่สามารถตั้งค่าป้องกันความปลอดภัยในการเข้าถึงสมาร์ทโฟนด้วยการสแกนบันทึกและจดจำลายนิ้วมือของผู้ใช้ ที่สามารถบันทึกได้มากถึง 3 บุคคล เลยทีเดียว

- เซ็นเซอร์ตรวจจับการเปิด-ปิดของฝาเคส (Hall Sensor)

- UV Sensor เซ็นเซอร์วัดความเข้มของแสง ปรับแสงหน้าจออัตโนมัติให้ดีต่อสายตาของผู้ใช้

- เซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ Heart Rate Sensor นี่คือสิ่งที่เหนือความคาดหมายคือ ส่วนด้านหลัง มี Heart Rate Sensor หรือเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ ที่ใช้คู่กับแอปพลิเคชัน S Health เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพเป็นหลัก

4. Fast Charging

ไม่เพียงแค่นี้อย่างแน่นอน เพราะ Samsung Galaxy Note 4 มีอะไรมากกว่านั้น สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างนั้นก็คือ ใน Note4 ได้มีการปรับปรุงความเร็วในการชาร์จแบตเตอรี่ กับฟีเจอร์ Fast Charging โดยสามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ถึงระดับ 50% ในเวลาแค่ 30 นาที จากเวลาปกติที่ประมาณ 55 นาที

และยังมีโหมดUltra Power Saving Mode หรือโหมดประหยัดพลังงานเป็นพิเศษ ด้วยการเปลี่ยนหน้าจอเป็นขาวดำ ทำให้ใช้งานได้ต่อเนื่องประมาณเกือบ 2 วัน หรือนานถึง 24 ชั่วโมง แม้ว่าแบตเตอรี่จะเหลือแค่ 10% ก็ตามครับ เจ๋งสวดยอด

5. การพัฒนาปากกา S-Pen ที่ดียิ่งขึ้น

สำหรับปากกา S-Pen บน Samsung Galaxy Note 4 นั้นดีกว่าเดิมเยอะครับ ทำงานได้แม่นยำมากขึ้นกว่าเดิมถึง เท่าตัว เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนๆ ที่ทั้งช้า และผิดพลาดเยอะ ซึ่งผมว่าSamsung พัฒนาแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียว

แม้ว่าขนาดจะเล็กกว่าปากกาจริง จนจับเขียนลำบาก แต่ผมว่า ดีไซน์ และน้ำหนักก็เขียนไม่ยากเท่าไรนัก คนมือเล็กอาจจะชอบก็ได้ครับ ส่วนแรงกด ซึ่งได้รับการปรับปรุงใหม่ ให้รองรับน้ำหนักในการกดเพิ่มขึ้นถึง 2048 ระดับ จากเดิม 1024 ระดับ หรือจะเป็นองศา และ การตอบสนองของ S-Pen ก็ถือว่าใกล้เคียงกับการเขียนด้วยปากกาจริงๆเลย ทดลองวาดภาพดู ก็วาดง่ายดีเกือบจะเท่ากับดินสอเลยครับ

แถมยังมีฟีเจอร์ใหม่ๆ ให้เลือกใช้ได้อย่างสะดวก และก็สนุกสนาน ไม่ว่าจะเป็น

- Action Memo ฟีเจอร์ที่ผู้ใช้สามารถเขียนคำสั่งต่างๆ ด้วยลายมือของตัวเอง เช่น ถ้าหากเขียนเบอร์โทรศัพท์ลงไป ตัวเครื่องจะทราบว่า นั่นคือหมายเลขโทรศัพท์ ก็สามารถสั่งงานเพื่อโทรออกในเบอร์ดังกล่าว หรือบันทึกได้ทันที

จริงๆก็ไม่เฉพาะตัวเลขนะครับ ตัวอักษรแทบทุกภาษาก็สามารถจะเขียนได้ อย่างภาษาอังกฤษที่ลองทดสอบดู ก็แม่นยำอยู่นะครับ แต่ภาษาไทยก็มีผิดบ้างนิดหน่อย อาจจะด้วยลายมือผมเขี่ยไปเล็กน้อย แต่การใช้งานโดยรวมก็ถือว่าสะดวกมากเลยทีเดียว

- Smart Select เป็นฟีเจอร์สำหรับ crop หน้าจอแล้วเก็บภาพไว้ โดยสามารถเลือกเก็บกี่ภาพก็ได้ ซึ่งฟีเจอร์นี้ มีประโยชน์ตรงที่เวลาเจอข้อมูลสำคัญๆ บนหน้าเว็บไซต์ก็สามารถ crop เพื่อเก็บไว้ จะได้ไม่ต้องสลับหน้าไปมานั่นเอง

- คลิปรูปภาพ คือการวาดรูปลงบนคอนเทนต์ที่น่าสนใจ แล้วบันทึกเก็บไว้ ซึ่งผู้ใช้สามารถร่างเป็นรูปอะไรก็ได้ หรือใช้เทมเพลตที่มีในตัวเครื่อง

- Screen Write (เขียนบนหน้าจอ) จะเป็นเหมือนกับการ capture หน้าจอครับ แล้วสามารถเขียนข้อความ วาดรูป หรืออะไรก็ได้ ลงไปบนภาพๆ นั้น

6. Wide camera กล้องหน้าเซลฟี่ฟรุ้งฟริ้งและ ฟังก์ชั่นที่ดาวน์โหลดเพิ่มได้

Samsung Galaxy Note 4 ตัวนี้ กล้องหน้าพัฒนามาเป็นความละเอียด3.7 ล้านพิกเซล ส่วนกับกล้องหลัง16 ล้านพิกเซล และมีระบบ OIS ป้องกันภาพสั่นไหวขณะถ่าย

ที่พิเศษกว่านั้นคือ ค่ารูรับแสง ยังได้มากถึง f1.9 ซึ่งสูงกว่าเดิมพอตัว และเลนส์กล้องก็ดูจะ wide นิดๆ ในแนวตั้ง ใครที่ชอบถ่ายSelfie ต้องชอบแน่ๆ เพราะหน้าจะเรียวขึ้น ดูจากตัวอย่างก็ได้ครับ

เจ๋งกว่าเดิมอีกก็ตรงฟีเจอร์นี่ที่มาพร้อมกล้องนี่แหละครับ ดูเหมือนว่ากล้องหน้าจะออกแบบมาเพื่อเอาใจคนรักSelfie โดยเฉพาะ ก็เลยมีโหมดถ่ายภาพสำหรับกล้องหน้ามาด้วย อย่างโหมด Wide Selfie การถ่ายภาพพาโนรามา แบบ 120 องศาด้วยกล้องหน้า เพื่อให้คุณถ่ายภาพ wefie ได้สนุกกว่าที่เคย ได้ภาพมุมกว้าง จะรวมกลุ่มเพื่อนถ่ายกันเยอะแค่ไหนก็สบายมากครับ แต่มีข้อแม้ว่า ผู้ถูกถ่ายหรือวัตถุ ห้ามขยับเขยื้อนเด็ดขาด

ไม่เฉพาะ Wide Selfie ยังมีโหมดอื่นๆให้เลือกอีก โดยผู้ใช้ก็ดาวน์โหลดเพิ่มมาลงเครื่องไว้ได้ กล้องหลังเองก็ไม่น้อยหน้า ที่มาพร้อมฟีเจอร์ Select Focus เลือกจุดโฟกัสในการการถ่ายภาพได้ จะถ่ายClosed Up หน้าชัดหลังเบลอ นี่ก็ละลายหลังได้ใจมากครับ ขอบชัดพอสมควรเลย หรือจะเลือกวัตถุหลังชัด ก็ได้เช่นกันครับ ภาพสวยเว่อร์

7. สมาร์ทรีโมท

สิ่งมหัศจรรย์ที่โดดเด่นสิ่งสุดท้ายของ Samsung Galaxy Note 4 ก็คือการมีพอร์ตอินฟราเรดในตัว ซึ่งสามารถใช้งานเป็นรีโมตคอนโทรลได้ โดยจะใช้คู่กับแอปพลิเคชัน Smart Remote หรือไม่ก็แอพWatch On

วิธีการใช้งานอันนี้ไม่ยากครับ ผมได้ทำรีวิวสำหรับการใช้ Note4 แทนรีโมทที่มีอยู่มหาศาลในบ้านไว้ให้แล้ว ชีวิตสะดวกกว่าเดิมเยอะ

เพราะSmart Remote ของ Note4 นี้ ใช้ได้ทั้งกับทีวี แทบทุกรุ่น ทุกสัญชาติ ใช้กับกล่องรับสัญญาณต่างประเภทกันก็ได้ แล้วก็ใช้กับพวกเครื่องเล่นทั้งหลายแหล่ด้วยเช่นกัน ในแอพเดียว สามารถตั้งค่าสร้าง Room ของอุปกรณ์ที่ใช้บ่อยๆได้ด้วย กดเล่นสนุกเลยล่ะครับ

ครบถ้วนกระบวน 7 สิ่งมหัศจรรย์ บนสมาร์ทโฟนยอดอัจฉริยะ Note4 ทีว่าทั้งหมดนี้ โดยรวมผมว่ามันเจ๋ง และล้ำหน้า พัฒนาไปค่อนข้างเยอะสำหรับกลุ่มสมาร์ทโฟนมากๆ เลยนะ แม้ว่ามันจะไม่ใช่เรือธงอันดับ 1 แต่ความฉกาจ และบวกด้วยดีไซน์ที่สวยเฉี่ยว ได้ใจผมไปเต็มๆเลยครับ

ส่วนคะแนนการทดสอบ ก็มาดูกันต่อจากนี้เลยครับ

คะแนนการทดสอบของ Galaxy Note4

ผลค่อนข้างแปลกใจครับกับการทดสอบคะแนนของ Samsung Galaxy Note 4 นี้ โดยแอพ Antutu Benchmark เพราะปรากฏว่าเจ้าเครื่องนี้ ได้คะแนนอยู่ที่ 29470 ซึ่งน้อยกว่า Note 3 และ S5 เสียด้วยซ้ำ

แต่หลังจากที่ Compare เปรียบเทียบกัน ก็พอจะทราบเหตุผลครับ เพราะในคะแนนในหลายๆส่วน จะพบว่า Note 4 ชนะได้ เพียงแต่ว่าใน Note 4 ไม่มีในบางส่วนที่ Note 3 มี อย่างเช่น 3D graphic ก็เลยทำให้คะแนนส่วนนี้หายไปไงล่ะครับ

การทดสอบ Multi touch

นับได้ 10 ครบถ้วน สมบูรณ์ ยืนยันว่า เป็น Multi Touch ของแท้แน่นอน และแถมไวด้วยครับ

การทดสอบ GPS

เมื่อผมทำการทดสอบประสิทธิภาพการใช้งานด้าน GPS ในพื้นที่เปิดโล่ง ด้วยแอพพลิเคชั่น AndroiTS GPS Test จะเห็นว่าสามารถรับสัญญาณจากดาวเทียมได้โดยประมาณ 17 ดวง ล็อคสัญญาณได้16 ดวงส่วนระดับความแม่นยำโดยประมาณอยู่ที่ 8 เมตร

และเมื่อทดสอบอีกครั้งบนพื้นที่เปิดโล่งด้วยแอพพลิเคชั่น GPS Test ซึ่งรับสัญญาณจากดาวเทียมได้โดยประมาณ 16 ดวง ล็อคสัญญาณได้โดยประมาณ 16 ดวง และระดับความแรงของสัญญาณอยู่ในช่วงประมาณ 2-208 ส่วนระดับความแม่นยำโดยประมาณอยู่ที่ 34 เมตร อย่างไรก็ดี ผลการทดสอบการรับสัญญาณดาวเทียมในแต่ละช่วงเวลาก็จะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมขณะทดสอบ เช่นท้องฟ้าเปิดโล่งมากน้อยขนาดไหน หรือมีอาคารสถานที่มาบดบังสัญญาณมากน้อยเพียงใด

ความแม่นยำที่มากพอตัวของ Galaxy Note 4 นี้ ทำให้สามารถใช้งานระบบ GPS และ A-GPS ร่วมกับ แอพพลิเคชั่น Google Maps และแอพพลิเคชั่นนำทางต่างๆ ได้อย่างไม่มีข้อบกพร่อง

ความอัจริยะ และสมรรถนะการใช้งานดีเอาเรื่องขนาดนี้ ใครที่ตั้งงบไว้ประมาณ 2 หมื่น ก็อาจจะต้องหยิบขึ้นมาเทส มาพิจารณากันเสียหน่อย สมาร์ทโฟนตัวใหม่ ที่มาพร้อมดีไซน์ใหม่ และฟีเจอร์ เครื่องมือใหม่ๆตัวนี้ เจ๋งจริง คุ้มค่า สมราคา เผลอๆจะฆ่า iPhone 6 ให้ตายสนิทได้เลยนะครับเนี่ย

บทความจาก www.asiashop.co.th

ผู้แทนจำหน่าย มือถือ | แทปเล็ต | อุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ ครบวงจร

โทร.082-0186000

Create Date : 07 พฤศจิกายน 2557 Last Update : 7 พฤศจิกายน 2557 9:30:34 น. Counter : 2013 Pageviews.		0 comment
Share Tweet