Movie & Fiction บล็อกนี้คนรักหนังและอ่านนิยาย
Group Blog
 
All Blogs
 
October Sonata รักที่รอคอย : หนังคุณภาพ คนที่อินย่อมซาบซึ้ง แต่อาจไม่ถึงในบางประเด็น



รีวิวกึ่งวิจารณ์ ไม่สปอยล์เนื้อหาสำคัญครับ

น่าเสียดายที่หนังเรื่องนี้ทำรายได้ไปน้อยนิดตอนฉายในโรง รู้สึกจะไม่เกิน 10 ล้าน
น่าเสียดายที่คนดูหนังไทยหลายคน อยากให้วงการหนังไทยผลิตหนังดี มีบทที่แข็งแรงออกมา แต่พอถึงเวลานั้นหนังที่ทำรายได้ก็ยังเป็นหนังตลก ที่เน้นมุกหยาบคายอยู่ดี

ผมไม่ได้่ต่อต้านหนังตลกแต่อย่างใด เพียงแต่เสียดายแทนหนังน้ำดีที่ถูกมองข้าม (ตัวผมก็ไม่ได้ไปดูในโรงเหมือนกัน เพราะไม่ค่อยมีเวลา ช่วงหลัง ๆ มาก็ไม่ได้ไปดูหนังโรงนานแล้วเหมือนกัน อาศัยเก็บแผ่นเอา)

ผมดูหนังเรื่องนี้จบแล้วสัมผัสถึงกลิ่นอายของหนังที่มีส่วนคล้ายกับเรื่อง the Classic หนังรักเกาหลีในดวงใจของใครหลายคน

เปล่า ผมไม่ได้บอกว่าหนังก็อปปี้ แต่หนังอาจได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องนั้น ซึ่งสำหรับผมไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้วถ้าจะเป็นเช่นนั้น เพราะหนังก็มีเรื่องราวเป็นของตัวเอง มีแนวทางเป็นของตัวเอง และมีประเด็นที่หนังหยิบยกมาพูดเป็นของตัวเอง


October Sonata เป็นหนัง Romantic Drama ดำเนินเรื่องราวเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม 2513 ซึ่งเป็นวันที่พระเอกมิตร ชัยบัญชาเสียชีวิตจากการตกเฮลิคอปเตอร์ (งามศพของมิตร ชัยบัญชา ถือเป็นงานศพของบุคคลธรรมดาที่มีผู้มาร่วมงานมากที่สุดเป็นประวัติศาสตร์) หลังจากนั้นหนังก็ดำเนินเรื่องโดยมีฉากหลังเป็นเหตุการณ์สำคัญของบ้านเมืองไทยในยุคสมัยนั้นเรื่อยมา เช่น เหตุการณ์ 14 ตุลา และ 6 ตุลา เป็นต้น

แสงจันทร์ (รับบทโดยคุณก้อย รัชวิน) สาวโรงงานนางเอกของเรื่อง ได้พบกับ รวี (รับบทโดยคุณโป๊บ ธนวรรธน์) ซึ่งแปลว่าดวงอาทิตย์ (พระเอกบอกให้นางเอกทราบ และหนังให้นัยยะแก่เราเมื่อนางเอกบอกว่า ชื่อเขาตรงข้ามกับเธอที่หมายถึงดวงจันทร์) หนุ่มนักศึกษามีอุดมการณ์ที่กำลังจะไปศึกษาต่อเมืองนอกโดยบังเอิญ เขาและเธอได้ร่วมเดินทางและได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันสั้น ๆ แค่คืนเดียวที่บังกาโลหมายเลข 11 โรงแรมแสนมุก โดยแม้ไม่มีความสัมพันธ์ทางกายกัน แต่เขาและเธอมีสัมพันธ์ทางใจต่อกันและกัน

แต่เมื่อวิถีชีวิตถูกกำหนดว่าต้องจำจากกัน รวีได้นัดหมายกับแสงจันทร์ว่าในวันที่ 8 ตุลาคมที่นี่เราจะกลับมาพบกันใหม่
แต่บางทีชีวิตคนเราก็เล่นตลก สิ่งที่วาดหวังไว้ บางครั้งก็ไม่สมใจหวัง

ลิ้ม (รับบทโดยคุณบอยพิษณุ) คือชายหนุ่มเชื้อสายจีนที่เข้ามาในชีวิตของแสงจันทร์ เขามอบความรักและความปรารถนาดีให้แสงจันทร์ และหวังว่าจะได้ใช้ชีวิตร่วมกับแสงจันทร์ แต่นับจากวันที่ 8 ตุลานั้นเป็นต้นมา ที่ว่างในหัวใจของแสงจันทร์ก็ถูกแทนที่ด้วยรวี ชายหนุ่มที่เป็นรักแรกพบ และแรงบันดาลใจในการดำเนินชีิวิตของเธอ เธอไม่อาจตัดใจจากเขาได้ และเฝ้ารอคอยเขาด้วยความหวังว่าซักวันหนึ่ง.....

แต่จันทราซึ่งฉายแสงในเวลากลางคืน ก็ไม่อาจยืนเคียงข้างสุริยันในวันฟ้ากระจ่าง

ผมคิดว่า คำจำกัดความของโปสเตอร์ดารานำทั้งสามแบบให้ความหมายที่ครอบคลุมและลงตัวดีนะครับ

คนหนึ่งเฝ้าฝัน...คนหนึ่งเฝ้ารอ...อีกคนหนึ่งเฝ้ารัก....


หนังสร้างให้แสงจันทร์เป็นตัวละครที่มีภูมิหลัง ถูกพ่อแม่ทอดทิ้ง ต้องใช้ชีวิตตกระกำลำบากอยู่กับป้าที่ไม่ได้รักเธอ พระเอกมิตร ชัยบัญชาอาจคือสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจอย่างเดียวของเธอ ผมจินตนาการว่าความสุขของเธอคือการได้ดูหนังของพระเอกที่เธอชื่นชอบแสดง

สุดท้ายสิ่งยึดเหนี่ยวนั้นก็หลุดลอยไปด้วยอุบัติเหตุไม่คาดคิดของมิตร ชัยบัญชา
แสงจันทร์เป็นคนช่างคิด ช่างฝัน เธออาจเป็นคนที่มีโลกในจินตนาการในแบบของเธอ เพราะโลกความเป็นจริงของเธอนั้นมันไม่น่ารื่นรมย์

แต่แม้เธอเป็นคนช่างคิดช่างฝัน แต่ความคิดของเธอก็อยู่ในโลกแคบ เพราะความที่เป็นคนขาดการศึกษา ดังจะเห็นได้จากบทสนทนาของเธอที่มีต่อระวีในช่วงต้นเรื่อง

ต่อเมื่อเธอได้พบกับรวี ชายหนุ่มที่แสนดีและมีอุดมการณ์ เขาได้ทำให้เธอได้มองเห็นโลกใหม่ และได้เติมเต็มชีวิตส่วนที่ขาดหายให้เธอ ด้วยความที่มีจุดร่วมจากพื้นฐานชีวิตคล้าย ๆ กัน

ในค่ำคืนสั้น ๆ คืนนั้น บทประพันธ์ "สงครามแห่งชีวิต" จากปลายปากกาของศรีบูรพา (ซึ่งคุณสมเกียรติ์ วิทุรานิช ผู้กำกับ ได้บอกไว้ว่าเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างหนังเรื่องนี้) ที่รวีได้อ่านให้แสงจันทร์ฟัง รวมกับความรักที่เธอมอบให้ชายหนุ่ม เป็นแรงผลักดันให้เธอมีชีวิตที่มีเป้าหมายกว่าที่ผ่านมา



คุณก้อยแสดงหนังเรื่องนี้ได้ดีในบทของสาวซื่อ ไร้เดียงสาที่อ่อนแต่โลก และบูชาในรักแท้ แต่ในส่วนของบทสาวโรงงาน เธอยังไม่อาจทำให้คนดูอย่างผมเชื่อได้สนิทใจ อาจเพราะคุณก้อยมีภาพลักษณ์ที่ดูดีเกินกว่าจะเชื่อได้ว่าเธอเป็นสาวโรงงานที่ตกระกำลำบากและอยู่กับผู้ปกครองใจร้าย

ทำให้ความรู้สึกเห็นอกเห็นใจในตัวละครในแง่มุมนี้ถูกลดทอนลงไป แต่เราจะไปเห็นใจเธอจากการยึดมั่นในความรักที่มีต่อรวีซะมากกว่า

ส่วนพระเอกของเรา คุณโป๊บ สำหรับพระเอกหน้าใหม่ของวงการถือว่าสอบผ่านในบทที่ไม่ต้องแสดงออกทางอารมณ์อะไรมากนัก นอกจากเป็นผู้ชายแสนดี ที่ทำให้ผู้หญิงประทับใจ (แต่หน้าตาก็มีส่วนสำคัญ ถ้าหน้าตาแย่ มาขอจูงมือ หรือทายาใส่เท้า หรือนอนค้างคืนโรงแรมเดียวกัน ผู้หญิงที่ไหนจะมายอม...อนิจจา โลกเราช่างไร้ความยุติธรรมสำหรับผู้ชาย) กับทำหน้าซึม ๆ เศร้า อีกประมาณ 60 เปอร์เซนต์ของเรื่อง (ไม่ได้ประชด)

แต่คนที่ต้องได้รับคำชม และก็ได้มาแล้วจากหลายคนที่ดูหนังเรื่องนี้ คือ คุณบอยพิษณุ ในบทเฮียลิ้ม หนุ่มเชื้อสายจีนที่เทใจให้แสงจันทร์ตั้งแต่ต้นจนจบ

ลิ้มเป็นตัวละครที่ยืนอยู่บนโลกที่สุดแล้วล่ะครับ เขารักผู้หญิงที่เขาหลงรัก แต่ชีวิตก็ต้องก้าวต่อไป แม้ในท้ายที่สุด เขาเริ่มยอมรับได้ว่าเธอคงไม่รักเขาตอบ เขาก็ยินดีทำให้หญิงที่เขารักมีความสุขได้ ไม่ได้ทำตัวเป็นตัวอิจฉา ทั้งหมดในชีิวิตเขาก็แค่ต้องการสร้างครอบครัว สร้างฐานะและครองรักกับคนที่เขามอบหัวใจให้เท่านั้น แต่ชีวิตคนเราบางทีก็เหมือนนิยาย รักเขามากมาย แต่เขากลับรอคอยคนที่ไร้ตัวตน

เป็นคนนอกสายตามันเจ็บปวดอย่างนี้นี่เอง

ฉากที่เฮียลิ้มเอาซิปมาให้แสงจันทร์ทำให้ผมยิ้มออกมาได้ในความใสซื่อบริสุทธิ์ของเขา การแสดงออกของคุณบอยเป็นธรรมชาติมาก ๆ แม้บทจะกำหนดให้สำเนียงการพูดเป็นแบบคนไทยเชื้อสายจีน แต่นั่นไม่ได้ทำให้ดูตลกเหมือนอย่างหนังตลกไทยบางเรื่องเลย

กลับทำให้เป็นคำพูดที่ฟังแล้วใสซื่อ เปี่ยมไปด้วยความจริงใจ

โดยเฉพาะช่วงที่ต้องแสดงอารมณ์ กับประโยคสำคัญของเฮียลิ้มในเรื่องที่พูดว่า "ผู้ชายคนนี้มันมีตัวตน มันมีความรู้สึก มันรักแสงจันทร์ ทุกวัน ทุกเดือน ทุกปี และจะดูแลให้ดีด้วย" สำเนียงจีนของเฮียลิ้มก็ถูกบอยสื่อสารออกมาอย่างมีพลัง คนดูคงไม่อาจจะละเลยความรู้สึกของเขาไปได้ (แต่แสงจันทร์ใจแข็งและละเลย ด้วยประโยคประมาณว่า คุณดีเกินไป) และเห็นใจตัวละครตัวนี้แน่ ๆ

เอาไปเลย 10 กระโหลก สมกับรางวัลที่ได้มา

หนังแบ่งคนดูออกเป็นสองพวกด้วยกัน คือพวกที่รู้สึกว่าเรื่องราวความรักนี้ขาดความสมเหตุสมผล ทำให้ยากจะอินไปกับเรื่องราว แต่โดยรวมก็ถือว่าโอเค

กับพวกที่มีประสบการณ์ตรง หรือคนที่เฝ้าหาและรอคอยรักแท้ในชีวิตจริง คนกลุ่มนี้จะเชื่ออย่างไม่ตั้งข้อสงสัยใด ๆ และประทับใจกับหนังเรื่องนี้อย่างเต็มที่และเต็มใจ และอาจเสียน้ำตาให้กับบทสรุปของเรื่องราวในตอนท้ายได้

ยากที่จะมีพวกที่สามที่บอกว่า หนังห่วย แย่ ไม่ได้เรื่อง หรือถ้ามีก็ถือว่าใจร้ายไม่ใช่น้อย

เพราะแม้ตัวหนังเองจะมีจุดที่ตั้งใจจนเกินไป ขาดความสมเหตุสมผลอยู่บ้างเช่น
1) ง่ายไปไหมที่ตอบรับคำเชิญให้ร่วมเดินทางของคนที่เจอกันครั้งแรก (หรือเพราะเขาหล่อ)
2) ทำไมไม่ใส่รองเท้าก่อนวิ่ง เท้าเจ็บไม่ใช่เหรอ (อ๋อ เพราะถอดรองเท้าวิ่งมันได้ฟีลลิ่งกว่า)
3) บังกาโลวิวสวยขนาดนี้ เช่าเหมาปีเหรอ เห็นว่างตลอด
4) .... นึกอะไรออกอีกบ้างครับ

และมีคำพูดที่ประดิษฐ์ประดอยอยู่บ้าง

แต่หนังก็มีความดีงามในตัวอยู่ไม่ใช่น้อย เช่น

การสร้างเงื่อนไขการพลัดพรากของตัวเอก ก็ถือเป็นการเล่นตลกร้ายกับชีวิตจริง (ในหนังนะครับ) ที่น่าพึงพอใจ
การจับเอาเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์มาสร้างเสริมเป็นประเด็นในหนังได้อย่างลงตัว แม้จะมีสิ่งที่ดูไม่สมเหตุสมผลอยู่บ้าง เช่น มิตร ชัยบัญชาตายวันที่ 8 ตุลาคม 2513 ตายปุ๊บจัดงานศพปั๊บในวันนั้นเลยเหรอ (อันนี้ผมไม่รู้แฮะ ไม่มีข้อมูลและเกิดไม่ทัน)

การใช้กิมมิกในการสร้างสีสันให้กับหนัง เช่น รอยสลัก หิ่งห้อย การเปลี่ยนชื่อของนางเอก เป็นต้น

นอกจากนี้แล้วการสร้างโลเกชั่นย้อนยุคแบบหนังพีเรียดก็ทำออกมาได้ดี จนผมคิดว่างานกำกับศิลป์น่าจะเป็นตัวเต็งของหนังเรื่องนี้ได้ไม่ยาก

การถ่ายภาพก็ออกมางดงามสมกับเป็นหนังโรแมนติก

และถ้าการแสดงของนักแสดงหลักจะไม่อาจทำให้คุณพอใจได้ ผมว่าเฮียลิ้มน่าจะช่วยคุณได้นะครับ

สำหรับผมแล้วหนังถือว่ามีองค์ประกอบที่ลงตัว ทั้งบทภาพยนตร์ การถ่ายทำ การแสดง การตัดต่อ หรือเสียงประกอบ เพียงแต่เมื่อหนังเลือกจะพาอารมณ์คนดูไปถึงจุดที่ต้องการ หนังกลับดึงอารมณ์คนดูไปได้ไม่สุด ถ้าหนังจะใส่ช่วงเวลาที่ตัวละครได้ทอดอารมณ์สลับกับการดำเนินเรื่องราวไปตามเนื้อหาบ้าง อาจจะทำให้อินได้มากกว่านี้

หลายคนที่ดูอาจจะรู้สึกอึดอัดไปกับนิสัยและการกระทำของนางเอกที่ดูเหมือนโลเล เฝ้ารอคอยรักที่ดูเหมือนไม่มีตัวตน กับคนที่มีตัวตนและแสนดีอย่างเฮียลิ้มกลับไม่รักเขา

ผมอยากบอกว่าถ้าคุณรู้สึกหงุดหงิดกับนางเอก แสดงว่าหนังเรื่องนี้สร้างได้เข้าถึงคุณแล้วล่ะครับ และการแสดงของตัวละครก็ทำให้คุณเชื่อในเรื่องราวที่ผู้กำกับต้องการเสนอจริง ๆ

เพราะในโลกแห่งความเป็นจริง มีคนแบบนี้อยู่เยอะเลยครับ เพียงแต่เราอาจไม่เข้าใจเขา เพราะเราไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้นเท่านั้นเอง

ในขณะที่ลิ้มยืนอยู่บนโลก แสงจันทร์เป็นมนุษย์ที่ยืนอยู่บนดวงจันทร์ เฝ้าฝัน เฝ้ารอที่จะได้พบชายคนรัก แต่ดวงจันทร์ไม่เต็มดวงในทุกวัน ชีิวิตเธออยู่ในคืนเดือนมืดและจันทร์แรมซะเป็นส่วนใหญ่

รวี ชายหนุ่มแห่งดวงอาทิตย์ มากด้วยความคิดและอุดมการณ์ เปล่งแสงเจิดจ้า เป็นความหวังของดวงจันทร์ แต่ด้วยวิถีชีวิตที่เขาเลือกเดิน วงโคจรของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์จึงประสานกันได้แค่ชั่วคราวในยามอัสดงและรุ่งอรุโณทัย เมื่อฟ้ากระจ่างก็จากลา

ใครคนหนึ่่งบอกว่ารักคนที่เขารักเราดีกว่า แต่ใครอีกคนหนึ่งบอกว่าจงเลือกอยู่กับคนที่เรารัก อย่าทำร้ายตัวเราและคนอื่นเลย

ความรักบางทีก็ง่ายบางทีก็ยาก แถมออกแบบก็ไม่ได้ และหลายครั้งก็โทษใครไม่ได้เลยในเรื่องความรัก

เหมือนที่บางคน (อีกเช่นกัน) บอกว่า ถ้าเลือกจะรักต้องพร้อมรับความทุกข์ เพราะสุขและทุกข์เป็นของคู่กันเหมือนสุริยันและจันทรา

ผมให้คะแนนเรื่องนี้ 7.5/10 ครับ

ขออภัยที่บทความนี้เวิ่นเว้อ และ (เหมือนจะ) ปรัชญาไปหน่อย บรรยากาศหลังดูหนังมันพาไป






Create Date : 28 เมษายน 2553
Last Update : 10 พฤษภาคม 2553 1:13:39 น. 16 comments
Counter : 4717 Pageviews.

 
แม้ไม่ได้อยู่ด้วยกัน
แต่เพราะมีดวงตะวัน
พระจันทร์จึงสามารถส่องแสงได้ไงครับ


บางคนว่า บทสนทนาบางช่วงมันออกน้ำเน่า ๆ หน่อย ๆ
แต่ผมว่าเขาตั้งใจนะ เพราะถ้าใครเคยอ่าน "สงครามชีวิต"
จะรู้เลยว่าลีลาภาษาแบบนี้เลย


โดย: ole IP: 111.84.87.54 วันที่: 28 เมษายน 2553 เวลา:21:22:06 น.  

 
ใช่ครับ ผมก็ว่างั้น


โดย: born 1993 วันที่: 29 เมษายน 2553 เวลา:0:22:57 น.  

 
มันก็เป็นอีกมุมหนึ่งของชีวิต

มุมมองผู้หญิง...
รักครั้งแรก...ที่มีความทรงจำและความหวัง...ก็ยากที่จะลืม

มุมผู้ชาย...
ถ้าเป็นผู้ชายทั้งสองคนในเรื่อง... ก็เป็นคนที่รักมั่นคง...
พร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อหญิงที่เขารัก...
เพียงแต่...เงื่อนไข...เวลา...ความจำเป็น

แง่คิด... ทุกคนก็จะมีความทรงจำที่เป็นเหมือน เตือนใจ ให้แรงใจ เป็นพลังที่จะดำเนินชีวิตได้ต่อไป


โดย: ปานระวี IP: 222.123.13.254 วันที่: 1 พฤษภาคม 2553 เวลา:22:20:09 น.  

 
โดยรวมเป็นหนัง drama ที่ดีเรื่องหนึ่งนะแต่ผมอยากจะ Comment เพื่อการพัฒนาวงการบันเทิง

1. บทภาพยนต์ : โดยเนื้อเรื่องผู้ประพันธ์นำเสนอ " แสงจันทร์" เป็นสาวโรงงานที่คลั่งใคล้พระเอก มิตร ชัยบัญชา
พบพระเอกชื่อระวี แล้วมีเหตุให้ทั้งสองผูกพันและสัญญาว่าจะมาพบกันทุก ๆ วันที่ 8 ตุลาคม โดยระวีไม่รู้มาก่อนว่าแสงจันทร์อ่านหนังสือไม่ออก
ประเด็นอยู่ที่ว่า แสงจันทร์รู้ได้อย่างไรว่า " ระวี " หมายถึงพระอาทิตย์ จึงสลักรูปดวงอาทิตย์ บนหัวเตียงในบักาโลที่ตัวละครทั้งสองสัญญาว่าจะพบกัน


โดย: Mana IP: 118.174.51.2 วันที่: 1 พฤษภาคม 2553 เวลา:22:21:27 น.  

 
คุณ Mana ลืมหรือเปล่าครับว่า ตอนที่ระวีลงชื่อเข้าบังกาโล เขาแนะนำตัวกับแสงจันทร์ว่า "ระวี ที่แปลว่าดวงอาทิตย์"
แล้วแสงจันทร์ก็เลยบอกเขากลับว่า ชื่อพี่ตรงข้ามกับชื่อเธอไงครับ


โดย: born 1993 วันที่: 2 พฤษภาคม 2553 เวลา:1:42:43 น.  

 
ขอบคุณสำหรับคำวิจารณ์นะคะ

ขออนุญาตเอาไปฝากแฟนคลับบอยด้วยค่ะ^^


โดย: ข้าวหลามหนองมน IP: 183.89.239.186 วันที่: 5 พฤษภาคม 2553 เวลา:17:38:17 น.  

 
ชอบบทวิจารณ์มากค่ะ เป็นสาระที่มีศิลป์


โดย: รักเขาที่มีตัวตน IP: 203.155.224.193 วันที่: 5 พฤษภาคม 2553 เวลา:20:46:28 น.  

 
เป็นหนังไทยที่ดีเรื่องหนึ่ง
กำลังจะดู สามชุก และ เฉือน หนังไทยดีๆ ในปีเดียวกัน


โดย: คนขับช้า IP: 110.49.158.225 วันที่: 9 พฤษภาคม 2553 เวลา:13:47:21 น.  

 
สุดยอดครับ ขอบคุณที่เขียนได้แทนใจของผมทั้งหมดเลย
ขอไป share นะครับ

ปล. รอลุ้นเรื่องนี้ในสุพรรณหงส์มากๆ เห็นใจคนทำหนังดีๆ ถึงไม่ได้เงิน ได้กล่องก็ยังดี


โดย: ฉ่ำ IP: 58.8.208.82 วันที่: 9 พฤษภาคม 2553 เวลา:22:22:52 น.  

 
ขอบคุณครับทุกท่าน ที่แวะเข้ามาอ่านบล็อกผม


โดย: born 1993 วันที่: 10 พฤษภาคม 2553 เวลา:0:16:01 น.  

 
ผมมีประสบการณ์จริงแบบนี้แหละครับเลยเศร้า T^T


โดย: Doraefy IP: 192.168.16.101, 222.123.212.57 วันที่: 14 พฤษภาคม 2553 เวลา:10:41:17 น.  

 
เพิ่งดูเรื่องนี้จบพอดีเลยค่ะ ชอบเรื่องนี้มากกกกกกกกก สำหรับเราขอยกให้เป็นหนังรักเรื่องโปรดเลยล่ะค่ะ ^^

ที่จขบ.บอกว่า "ง่ายไปไหมที่ตอบรับคำเชิญให้ร่วมเดินทางของคนที่เจอกันครั้งแรก" ตอนดูตอนแรกก็ทำให้คิดแบบนั้นค่ะ ว่าเด็กคนนี้เป็นอะไรมากป๊ะเนี่ยย?? และฉากช่วงแรกๆมันทำให้เราดูแบบกระอักกระอวนในความน้ำเน่านิยายลูกไม้ขาวมากเลยค่ะ..หิ่งห้อยเอย วิ่งลงทะเลไปเดินเล่นเอย แล้วผู้หญิงอะไรจะไร้เดียงสาอยู่ดีๆขึ้นรถผู้ชายใครก็ไม่รู้มาตอนค่ำคืน..แต่พอดูไปเราว่าหนังได้ปูพื้นถึงความเป็นคนช่างฝันช่างจินตนาการของแสงจันทร์ได้ดีเลยนะคะ.. อย่างฉากตอนที่อยู่ในโรงงานเย็บผ้า หนังถ่ายให้เห็นว่าแสงจันทร์ฟังละครวิทยุอยู่ตลอดเวลา และคลั่งมิตรชัยบัญชามาก อย่างตอนที่แสงจันทร์บอกว่ามาทะเลเพื่อที่จะมาดูสถานที่ที่มิตรตาย..แบบนี้ เราว่าไม่แปลกเลยล่ะค่ะที่เด็กผู้หญิงวัยช่างฝัน อินกับนิยายขนาดนั้นจะนั่งรถไปกับผู้ชายแปลกหน้าเพื่อไปดูสถานที่ตายของดาราที่ชอบ... ;)

แล้วก็ไม่แปลกอีกเหมือนกันค่ะที่มันจะเป็นความประทับใจของเด็กช่างฝันคนนึงที่เจอกับเจ้าชายขี่ม้าขาวในในคืนกับสถานที่ที่โรแมนติกแบบนั้นจนทำให้รอมาได้มาหลายปี ;)


โดย: เจ้าหญิงกระต่ายน้อย IP: 82.45.218.65 วันที่: 15 พฤษภาคม 2553 เวลา:4:38:37 น.  

 
คุณ Doraefy จริงเหรอครับ โห เศร้าแทน

คุณเจ้าหญิงกระต่ายน้อย ใช่จริง ๆ ครับ
ชีวิตแสงจันทร์อยู่ในโลกแห่งความฝันมาตลอด เพราะชีวิตจริงยากลำบาก

จนเจอพระเอกในชีวิตจริง ก็เลยให้ใจเขาไปหมดเลย


โดย: born 1993 วันที่: 16 พฤษภาคม 2553 เวลา:23:08:12 น.  

 
แล้วรู้หรือยังล่ะ "วันใดขาดฉันแล้วเธอจะรู้สึก"
อยากบอกอะไรก็จะรับรู้ไว้...ว่าฉันก็เป็นเหมือนเธอ..
อยากบอกให้เธอได้รู้ไว้เธออยู่ในใจฉันเสมอไม่เคยลืม
เวลาเจอก็ดีใจถึงแม้ว่าไม่ได้พูดได้คุยกับเธอก็ตาม
แต่อยากให้รู้ว่า "ยังรัก" เสมอ เช่นกัน


โดย: วินัย นักรบนพดล IP: 210.246.186.4 วันที่: 21 ธันวาคม 2554 เวลา:23:02:13 น.  

 
ปกติจะเลี่ยงหนังรัก โดยเฉพาะดรามา เพราะชีวิตก็เข้มข้นพอแล้ว

ดูเรื่องนี้เพราะแค่เปิดผ่าน แล้วอยากรู้ว่าชื่อเรื่องอะไร
แต่พอดูๆไป ความตั้งใจก็เปลี่ยนเป็นอยากรู้เรื่องราว
เนื้อเรื่องพอเดาได้ไม่ยาก รู้ว่าต้องจาก รู้ว่าต้องเข้าป่า รู้ว่าต้องตาย แต่ติดตามเพราะชอบอารมณ์ตัวละคร
รู้สึกว่าหนังเรื่องนี้น่าดูจัง แต่ทำไมไม่ค่อยมีใครพูดถึง
ดูจบปุ๊บ ถามพี่กูเกิ้ลทันที อยากรู้ว่ามีใครคิดเหมือนกันบ้าง ดีใจที่มีเพื่อนบางคนคิดเหมือนกัน
เสียดายที่ทำยอดได้น้อย

ขอบคุณ
ปล.คงเป็นคนพวกที่สี่ ไม่มีประสบการณ์แต่เข้าถึงตัวละครได้ไม่ยาก แค่ปล่อยให้หนังนำทาง อย่ายึดติดมากนัก


โดย: zombi IP: 101.109.240.125 วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:1:38:28 น.  

 
เป็นคนไม่ชอบดูหนัง ละคร หรือดูทีวี หนังเรื่องนี้แค่บังเอิญแฟนเปิดทิ้งไว้ แต่พอดูแล้ว...เหมือนโดนสะกดอยากรู้ ลุ้น สุดท้ายตอนจบ ร้องไห้ค่ะ 555 ถ้าเป็นเรื่องจริง นี่เป็นตลกร้ายของโชคชะตาโดยแท้

กลั้นน้ำตาไม่อยู่ตรงวาระสุดท้ายของพระเอก ที่ระวีนอนป่วยอยู่บนเตียงแล้วพูดว่า ขออยู่ที่นี่น่ะๆ เพราะแสงจันทร์จะกลับมา

จากใจค่ะ ตกหลุมรักเลยจริงๆๆๆ


โดย: ปลาดาว IP: 124.120.198.138 วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:17:39:15 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

born 1993
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




คะแนนที่ให้กับหนังหรือหนังสือในบล็อกนี้มาจากความพึงพอใจของจขบ.นะครับ ผมให้โดยใช้เกณฑ์ว่าหนังหรือหนังสือเล่มนั้นทำหรือเขียนได้ดีตามแนวทางของตัวเองหรือเปล่า
ดังนั้นอย่าแปลกใจที่บางเรื่องอาจได้มากกว่าบางเรื่อง เพราะมันอาจจะเป็นคนละแนวกันก็ได้
ยินดีต้อนรับ และขอขอบคุณที่แวะเวียนเข้ามานะครับ
Friends' blogs
[Add born 1993's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.