บันทึกจากความทรงจำ จากการเดินทาง และ ข้อมูล บทความขำๆ เศร้าซึ้ง และ รูปภาพ จาก Forward Mail โดย นาย AUN_SAP
 
 

ทริปหาดบ้านกรูด ปี 2544 ตอนสาม ตอนจบครับผม

ต่อกันเลยนะครับ

วันที่สามของการเดินทาง 10 ธันวาคม 2544
ก่อนเดินทางกลับช่วงเช้า เราเล่นน้ำทะเลกันอีกรอบ
และ แวะนมัสการพระพุทธรูปใหญ่ และ พระธาตุ
ซึ่งสร้างอยู่บนเขาใกล้กลับที่พักบ้านกรูด



ทราบชื่อภายหลังว่า พระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ
หรือ เจดีย์เก้ายอด
(พุทธสถานธรรมอุทยาน และอยู่ในเขตของวัดทางสาย)
ขอบคุณ ภาพชัดๆ จาก Web นี้ครับ
//www.suanbankrut.com/t_point2_jaedee.html
ลองเข้าไปอ่านรายละเอียด ประวัติจาก Web นี้ได้นะครับ



ภายในตกแต่งสวยงามมาก
แต่ตอนที่ไปยังมีบางส่วนด้านนอกที่ยังสร้างไม่เสร็จ
ปัจจุบันน่าจะเสร็จหมดแล้วนะครับ









หลังจากไหว้พระกันแล้ว เราก็มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ
ซึ่งประมาณบ่าย 2 โมง เราได้แวะรับประทานอาหารกัน
ที่ร้าน ครัวคุณแมว



อาหารในร้าน รสชาดอร่อยใช้ได้ครับ
สมกับป้ายโฆษณา ซึ่งจะมีอยู่ตลอดทาง
ช่วงระหว่างทางขาเข้า กทม.ก่อนถึง อ.สามร้อยยอด



ทริปนี้ รถขาเข้า กทม. มีไม่มาก จึงขับรถกันสบาย ๆ
และกลับถึง กทม.
ด้วยรอยยิ้ม ความสุข และ ความทรงจำ
เป็นอีกทริปที่ประทับใจ

(แต่เสียดายที่ไม่ได้ดำน้ำตามตั้งใจครับ)/////.<

ขอจบทริปนี้เพียงเท่านี้นะครับ
หากมีเวลา ผมจะนำเรื่องราว มาเล่าสู่กันฟังอีกครับผม

สวัสดีครับ




 

Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2549   
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2549 19:19:11 น.   
Counter : 1808 Pageviews.  


ทริปหาดบ้านกรูด ปี 2544 ตอนสอง ครับผม

มาต่อกันเลยนะครับ
เช้าวันที่ 2 ทะเลสวยงามมาก
บรรยากาศหน้าที่พักยามเช้าสบายๆ
พระอาทิตย์ขึ้นเป็นภาพที่ประทับใจมาก
เจ้าหน้าที่ ที่ดูแลที่พัก บอกช่วงเช้าๆให้มานั่งชมทะเล
ซึ่งหากจังหวะดีๆ จะเห็น วาฬมาว่ายน้ำให้ดู



แล้วคณะเราก็มีเฮ ไม่ใช่เห็นปลาวาฬหรอกครับ
เพราะมี ผมกับแม่ 2 คน มานั่งชมทะเลคนอื่นยังไม่ตื่นกัน
แต่เรื่องที่เฮ คือเมื่อเราโทร.ไปถามเรื่องเรือ
ทางคนเรือ แจ้งว่าออกเรือได้



ทริปนี้เรามีเป้าหมายดำน้ำที่ เกาะทะลุ เกาะสังข์ เกาะสิงห์
คณะเราก็รีบทานอาหารเช้า และเตรียมตัวเดินทาง
ไปที่นัดหมายเรือ พอไปถึงคนที่เราติดต่อ
แจ้งให้ทราบว่า ต้องมีคนอื่นเพิ่มไปกับเราด้วย
จึงลดให้เรา เหลือ 3,000.00 บาท ซึ่งเราก็ OK
เพราะถึงเวลานี้แล้วยังไงก็ได้ ขอให้ได้ไปเถอะ
เรารอเรืออยู่ค่อนข้างนาน กว่าเรือจะมา



เมื่อเราลงเรือไป ห่างจากฝั่งไม่เท่าไร
คนเรือก็โทร.ติดต่อเจ้าของเรือว่าลมแรง
และ เรือประมงเล็กเริ่มกลับเข้าฝั่งกันแล้ว
จะออกไปต่อหรือไม่ เท่าที่จับใจความได้
คำตอบของเจ้าของคือลองไปดูถ้าไม่ไหวค่อยกลับ
แต่ทางคนเรือไม่อยากไป เลยโทร.กลับไปอีก
ประมาณ 3 – 4 ครั้ง ก็ยังได้คำตอบเหมือนเดิม
ทางเมียคนขับเรือจึงถามพวกเรา และ คณะอื่นๆ บนเรือ
ว่าลมค่อนข้างแรง จะเสี่ยงเดินทางกันต่อหรือไม่
ซึ่งสรุปสุดท้ายว่า ถ้ามันเสี่ยงนัก ก็กลับเถอะ
เรือจึงกลับลำเข้าฝั่ง ซึ่งก็เป็นเวลาประมาณ 11 โมง แล้ว
โดยงานนี้เราช่วยเจ้าของเรือไป 500.00 บาท
เป็นค่านั่งเรือเล่น และค่าอาหารกล่อง 10 กล่อง
เศร้าเลยเรา อดดำน้ำ

แต่ผมว่าก็ดีกว่าเสี่ยงไปเน้อมีอะไรขึ้นมามันไม่คุ้มกัน
จริงมั้ยครับ

แล้วเราจะไปไหนต่อกันละ? เป็นคำถามที่ตามมา
เลยสรุปกันว่า หาที่นั่งกินข้าวก่อนดีกว่าแล้วค่อยคิดกัน

อันนี้อยู่นอกแผนครับ สรุปได้ว่า
อุทยานแห่งชาติน้ำตกห้วยยาง เป็นคำตอบสุดท้าย

ที่อุทยานทางเดินร่มรื่น สบายๆ ซึ่งมีอยู่หลายชั้นด้วยกัน



ที่น้ำตกชั้น 3 จะมีปลาพรวน อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
เด็กๆ ให้อาหารปลากันสนุกสนาน



เราเลยหยุดพักปลายทางที่ตรงนี้
แอบเก็บภาพสองสาวให้อาหารปลา
ลูกกับหลานผมเองครับ



เด็กๆ ลงเล่นน้ำกันสนุกสนาน



หมูน้ำตกครับ



เก็บภาพหมู เอ้ย! ภาพหมู่เด็กๆ
ไว้เป็นที่ระทึก เอ้ย! ที่ระลึกสะหน่อย



ภาพน้ำตกในชั้นต่างๆ ครับ



อีกมุม



นี้ก็อีกมุมครับ





พอได้เวลาบ่ายแก่ๆ ก็กลับที่พัก เพื่อเล่นน้ำทะเลกันต่อ



คู่แฝด คนละฝา



กลับถึงที่พัก เล่นน้ำทะเลกันอีกรอบ แล้วทานข้าว
จากนั้นก็จัดโปรแกรมสำหรับพรุ่งนี้

ขอต่อที่ตอนสาม ซึ่งเป็นตอนจบนะครับ




 

Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2549   
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2549 8:45:09 น.   
Counter : 1801 Pageviews.  


ทริปหาดบ้านกรูด ปี 2544 ตอนแรก ครับผม

ทริปนี้ย้อนอดีตไปหลายปีหน่อยนะครับ
เมื่อปลายปี 2544 ไปเที่ยว หาดบ้านกรูดมาครับ
โปรแกรม 3 วัน 2 คืน สนุกใช้ได้เลยครับ

เราเดินทางวันที่ 8 ธันวาคม 2544
เดินทางจากกรุงเทพฯ แต่เช้าตรู่ (ประมาณ 5.30 น.)
ทานอาหารเช้าง่ายในรถ
โดยมุ่งตรงสู่ จ.ประจวบคีรีขันธ์
ใช้เส้นทางหลวง หมายเลข 35 และ 4
ผ่าน จ.สมุทรสาคร, สมุทรสงคราม และ เพชรบุรี
ระยะทางโดยประมาณ 280 กม.

แวะนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ และ พระพุทธบาทจำลอง
ที่ เขาช่องกระจก ซึ่งเป็นภูเขาขนาดเล็ก
อยู่หลังศาลากลางจังหวัด
มีบันไดขึ้นสู่ยอดเขา ๓๙๖ ขั้น
ตอนเดินขึ้นเหนื่อยเอาเรื่องอยู่ครับ



ระหว่างทางก็มีลิงอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากทำให้มีกลิ่นไม่ค่อยสะอาดในช่วงทางเดินครับ



อากาศบนยอดเขาเย็นสบาย
แวะนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ และ
พระพุทธบาทจำลอง



ชมทิวทัศน์ของ อ่าวประจวบฯ สวยงามมากครับ




ทางทิศเหนือของภูเขามีช่องโปร่ง คล้ายกรอบกระจก
แต่วันที่ไป หาไม่เจอ เลยไม่ได้เห็นอะครับ



จากนั้นแวะทานอาหารกลางวัน
ร้านเค้กคลองวาฬ (เชลล์ชวนชิม)
"อาหารแนะนำ ส้มตำกุ้งสด, อาหารทะเล, ขนมเค้ก
และ ไอศกรีม ร้านอยู่ใกล้กับ สภอ.คลองวาฬ"
จากหนังสือเชลล์ชวนชิม



อาหารในร้าน ส้มตำกุ้งสด ประทับใจมากครับ
อร่อยมากๆ กุ้งตัวใหญ่ๆ สดมาก
ราคาจานละ 60.00 บาทเอง
อย่างอื่นก็อร่อย ส่วนขนมเค้กธรรมดาครับ
(คล้ายเค้กเมืองตรัง คือไม่ตกแต่งหน้า)
ไอศกรีมที่ร้านเลิกทำแล้วเลยไม่ได้ลอง



หลังจากทานอาหารเรียบร้อยแล้ว เดินทางต่อสู่ อ่าวมะนาว
เป็นที่ตั้งของกองบิน 53
เคยเป็น ยุทธภูมิ ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
ระหว่างกองทัพไทย และ กองทัพญี่ปุ่น



มีทิวทัศน์สวยงามมาก
มีที่อาบน้ำจืด แต่ช่วงนั้นคนจะหนาแน่น
ส่วนภาพที่ถ่ายไว้จะอยู่ช่วงปลายหาด
ด้านทางออกคลองวาฬครับ



อ่าวมะนาว เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์
และ มีสถานที่น่าสนใจหลายแห่ง เช่น
อนุสาวรีย์วีรชน 8 ธ.ค.2484 ,
ภาพสลักเหตุการณ์ในวันที่ญี่ปุ่นยกพลขึ้น



บังเอิญช่วงที่ไปพอดีตรงกับวันงานรำลึกวีรกรรม
เลยได้แวะเดินเที่ยวงานด้วยครับ
ซึ่งบรรยากาศคล้ายงานวัด มีการออกร้านขายของ
มีม้าหมุน ปืนลมให้เล่น สนุกครึกครื้นดีครับ



ถัดมาทางด่านปลายอ่าว คือเขาล้อมหมวก ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ อันเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าพ่อเขาล้อมหมวก



ตามโปรแกรม
"เราเดินทางต่ออีก 12 กม.
จากตัวเมือง ตาม ถ.เพชรเกษม ถึง กม.ที่ 335-336
เลี้ยวซ้ายอีกประมาณ 4 กม.
จะถึง อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ
เป็นสถานที่ซึ่ง พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ได้ทรงคำนวณอย่างถูกต้องและ แม่นยำว่า
วันที่ 18 ส.ค. 2411 จะเกิดสุริยุปราคาเต็มดวงที่หว้ากอ
เป็นแหล่งรวมเรื่องดาราศาสตร์ ไว้อย่างสมบูรณ์
และ เดินทางต่ออีกประมาณ 10 กม.ถึง กม.ที่ 345
เลี้ยวซ้ายอีกประมาณ 3.5 กม.
จะถึงอุทยานแห่งชาติหาดวนกร
ซึ่งมีชายหาดทอดยาวกว่า 7 กม.
เรียงรายด้วยทิวสนเป็นแนวยาว
ท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบสงบ"
แต่เราต้องปรับโปรแกรมช่วงบ่าย
อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ และ
อุทยานแห่งชาติหาดวนกร เลยต้องงด
เพราะเสียเวลาที่อ่าวมะนาวค่อนข้างมาก
เราต้องรีบเข้าที่พัก และติดต่อเรือ สำหรับดำน้ำในวันรุ่งขึ้น
เสียดายจังครับ

เราเดินทางตรงตาม ถ.เพชรเกษม ผ่าน อ.ทับสะแก
ถึงหลัก กม.382 ชิดซ้ายเข้าทางคู่ขนาน 8 เลน
ผ่านปั๊มน้ำมัน ปตท. มีป้ายบอกทางเข้าบ้านกรูด
เลี้ยวซ้ายประมาณ 10 กม. ถึงชายทะเลเลี้ยวขวา
ประมาณ 1.5 กม. ถึงที่พัก ของเรา บานีโต้ บีช รีสอร์ท
เย้ ถึงทะเลแล้ว



เราถึง บานีโต้บีช รีสอร์ท ช่วงบ่ายประมาณบ่าย 3 โมง ทะเลสวยงามมากครับ



ราคาที่พัก 3 วัน 2 คืน พร้อมอาหาร 4 มือ
1,500.00 บาท/คน ณ เวลานั้นนะครับ

สนใจ หรือ อยากได้รายละเอียดบ้านพัก
ลองเข้าไปดูที่นี้เลยครับ

//www.banitobeach.com/thai/home.htm



แล้วเราก็รีบออกไปติดต่อเรื่องเรือ ที่จะไปดำน้ำ
ที่ เกาะทะลุ เกาะสังข์ เกาะสิงห์ ในวันพรุ่งนี้
ทาง บานีโต้ บอกว่ามีรับจองโดยคิดค่าบริการ
350.-บาท/คน เราเลยลองตระเวนสืบราคาจากที่อื่นบ้าง
ระหว่างทางไปซื้อของ ได้สอบถามข้อมูลจากร้านค้า
ได้คำแนะนำให้ไปติดต่อที่ บ้านพักแห่งหนึ่ง
อยู่เลย บานีโต้ ไปอีกไม่ไกล และ
ระหว่างทางกลับเจอร้านนำเที่ยว ลองสอบถามราคาดู
เขาคิดคนละ พันกว่าบาท แพงมาก
เลยลองไปติดต่อที่ ที่ทางร้านค้าแนะนำ
ปรากฏว่าเขา บอกว่าเรามา 10 คน ขอคิดเหมาลำให้
ในราคา 3,500.00 บาท แต่ยังไม่แน่ใจ
ว่าจะออกเรือได้หรือไม่ เพราะช่วงนี้ทางกรมอุตุฯ เตือน
ว่ามีลมว่าวเข้า ให้โทร.เช็คอีกทีตอนเช้า
เป็นอันว่าชาวคณะต้องอดใจรอ
ลุ้นกันในช่วงเช้าของวันรุ่งขึ้นอีกครั้ง

ไปต่อกันที่ตอนสองนะครับ




 

Create Date : 24 กุมภาพันธ์ 2549   
Last Update : 26 กุมภาพันธ์ 2549 11:16:41 น.   
Counter : 3199 Pageviews.  


งานเทศกาลดอกกระเจียวบาน ปี 45 (ตอนสอง ตอนจบครับ)

มาแล้วครับ มาต่อกันเลยนะครับ

หลังจากที่เรา นั่งพักผ่อน สูดอากาศบริสุทธิ์
เก็บภาพถ่าย จนเป็นที่พอใจ เราก็เดินเท้าต่อกัน
โดยเดิน ลัดเลาะหน้าผา มาตามทางเดิน เพื่อไปยังทุ่งดอกกระเจียว


ระหว่างทางเดิน ทุกคนมีความสุขมากครับ
โดยเฉพาะเด็กๆ ล่วงชมหน้าตาแต่ละคน จากภาพกันนะครับ


แล้วเราก็เริ่ม เดินตัดป่าเข้าไป


ทางเดินช่วงนี้ ค่อนข้างจะเล็กครับ เดินได้ทีละคน
แต่ไม่ทราบว่าปัจจุบันเป็นยังไงบ้าง
สมาชิกท่านใด เพิ่งไปมา ต้องรบกวนเวลา
Update ข้อมูลด้วย ขอบคุณล่วงหน้าครับ


อากาศดีครับช่วงนี้ ไม่ร้อนมาก สบายๆ
ระหว่างทางเดิน ได้ชมดอกไม้ ใบหญ้า เพลินดีครับ
เจอต้นนี้ เหมือนต้นไม้ในหนัง จูลาสสิค ปาร์ค อะครับ


ก้อนหินก็เริ่มแปลกตา รวมตัวเด็กๆ ถ่ายภาพกันสักหน่อย


เดินต่อกันอีกนิด ใกล้ถึงแล้วครับ


แล้วเราก็มาถึง ทุ่งดอกกระเจียว


บริเวณทุ่งดอกกระเจียว ทางอุทยาน จะทำทางเดินไว้
เพื่อป้องกันการทำลายต้นดอกกระเจียว โดยไม่รู้ตัว


ระยะทางเดิน บริเวณทุ่งนี้ ก็ได้สัก 1 เพลินอะครับ


เสียดายช่วงที่ไป ดอกกระเจียว ดอกยังไม่ค่อยใหญ่ ครับ


และยังมีไม่ค่อยเติมทุ่ง จะมีเยอะเป็นหย่อมๆ


แต่ก็ยังมีเสน่ห์ อวดความงาน ของตัวเองได้เป็นอย่างดี


ขอยืมภาพสวยๆ จาก Web อื่น มาลงเพิ่มเติม
ต้องขอขอบคุณเจ้าของภาพ ไว้ ณ ที่นี้ครับ
ผมว่า สีสรรของดอกกระเจียว จะสวยเกินบรรยาย


ธรรมชาติ ช่างสรรสร้าง สิ่งสวยงามมาให้เราได้ชื่นชม
เราควรจะรู้จักรักษา สิ่งเหล่านั้นไว้ เพื่อชื่นชมกันไปนานๆ


ดังนั้น หากท่านได้มีโอกาสเดินทางไป
ต้องขอฝากเรื่องขยะ ทิ้งให้ถูกที่ทาง
และ เดินตามทางที่กำหนดด้วยนะครับ
จะได้เก็บความงามของธรรมชาติไว้ให้คนรุ่นหลัง
ได้ชมกันบ้าง ขอบคุณมากครับ


เดินมาสุดทางบริเวณป้ายทุ่งดอกกระเจียว
ผมว่าน่าจะเป็นทางเข้าอะครับ แล้วเดินชมไปเรื่อยๆ
ไปสุดที่ สุดแผ่นดิน แล้วนั่งรถกลับ
แต่กลุ่มผมเหมือนเดินสวนทางออกมาอะครับ


แล้วเราก็เดินทางต่อ ด้วยรถของทางอุทยาน สู่ป่าหินงาม


ซึ่งมีหินรูปร่างแปลกๆ อยู่เติมบริเวณ อย่างเช่นก้อนนี้
รูปร่างคล้าย ถ้วยฟุตบอลโลก หรือ FIFA World Cup Trophy


บางท่านจะนึก ถ้วยฟุตบอลโลก หรือ FIFA World Cup Trophy ไม่ออก ผมเลยหารูปมาลงเปรียบเทียบให้เห็นครับ


ชมภาพเปรียบเทียบแล้ว ดูคล้ายมั้ยครับ
หินพวกนี้เกิดจากธรรมชาติครับ
ก้อนใหญ่เล็กแปลกตากันไป ก้อนนี้คล้ายก้อนที่ประกอบ
ในฉากหนึ่งของภาพยนต์ Lion King
หลานชายผมเลยไปเป็นนายแบบให้ครับ


เดินกันไปยังไม่ทันทั่วเลย ใกล้เวลาต้องเดินทางกลับแล้ว


ต้องกลับแล้วครับ เดี๋ยวจะไปขึ้นรถไฟไม่ทัน
ก่อนกลับเก็บภาพ เพิ่มเติมสะหน่อย


เรากลับมาที่ทำการอุทยานตามเวลานัดหมาย
เวลาเดินของเราน้อยไป ประมาณ 1 ชม.
เนื่องจากรถไฟ Delay อย่างที่ได้กล่าวไว้ในตอนแรกครับ
แต่ก็ยังพอมีเวลาให้ ซื้อของที่ระลึกกันนะครับ


ในภาพจะเป็น ดอกกระเจียวยักษ์ครับ ดอกใหญ่มากๆ
(ดอกไม้ประดิษฐ์ครับ ไม่ใช่ของจริง)



เวลา 15.15 น.รถออกจากอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม
กลับสู่สถานีรถไฟบ้านวะตะแบก (เทพสถิต)
เวลากลับเท่าเดิมทำให้เรามีเวลาที่ป่าหินงามน้อยไปครับ


เวลา 16.00 น.ขบวนรถพิเศษนำเที่ยวออกจากสถานีบ้านวะตะแบก (เทพสถิต)
ก่อนขึ้นรถไฟ ก็หาเสบียงมื้อเย็นไว้ทานกันบนรถ บริเวณสถานีจะมีอาหารขาย โดยเฉพาะไก่ย่างอันลือชื่อ ขายดีมากๆ

เวลา 20.55 น.ขบวนรถถึงสถานีกรุงเทพ ตรงเวลา
ด้วยความเหนื่อยล้า แต่ก็สนุกดีครับ สรุปว่าประทับใจมาก คงจะหาโอกาสไปอีกโดยทางรถยนต์

ต้องขอบคุณเจ้าของภาพ และ Web ที่ผมยืมข้อมูลมา
และขออภัยทุกท่าน หากได้ล่วงเกินไปโดยมิได้เจตนาครับ


ก็คงจบทริปนี้ไว้เพียงเท่านี้ครับผม
มีอะไรแนะนำ ติชม Comment ได้เลยครับ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม สวัสดีครับ




 

Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2549   
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2549 9:59:12 น.   
Counter : 1532 Pageviews.  


งานเทศกาลดอกกระเจียวบาน ปี 45 (ตอนหนึ่ง)

จากโปรแกรม Picasa

ซึ่ง โหลดฟรี มาจาก Google

เลยไปเจอภาพ ตอนปี พ.ศ.2545 ที่ไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม

ตอนนั้นเราไปกับ การรถไฟแห่งประเทศไทย

ตามรายการ เที่ยวทั่วไทย ไปได้ทุกเดือน
ประจำเดือน มิถุนายน 2545
รายการ งานเทศกาลดอกกระเจียวบาน
ณ อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม อำเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ

จากคำแนะนำใน Web กล่าวไว้ว่า
หลังจากที่ฝนแรกมาเยือนประมาณเดือนมิถุนายนของทุกปี
จะมีพันธุ์ไม้ที่ทุกคนตั้งใจจะไปดูคือบัวสวรรค์
หรือนักท่องเที่ยวเรียกกันติดปากว่า "ดอกกระเจียว"
ยามเบ่งบานจะดารดาษไปด้วยสีชมพูอมม่วงสลับกับ
ใบที่เขียวขจี ราวกับปูพรมให้กับป่าเต็งรังซึ่งหมู่เทพ
จากสรวงสรรค์ได้ประทานไว้กับแผ่นดิน
ซึ่งนอกจากจะเพลิดเพลินกับความสวยงามของดอกกระเจียวแล้ว
จะนำท่านไปชม "ป่าหินงาม"
โขดหินที่มีรูปลักษณ์สวยงามน่าอัศจรรย์
และจุดชมวิว "สุดแผ่นดิน"
ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของเทือกเขาพังเหย
สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 846 เมตร
และ เป็นแนวสันเขาที่แบ่งระหว่างลุ่มน้ำป่าสักในภาคกลาง
และ ลุ่มน้ำชีในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

เป็นไงครับแค่คำเชิญชวน
อ่านแล้วก็ชวนให้อยากไปแล้วเน้อ!
ชาวคณะเราก็เลยเลือกเดินทาง
ในวันอาทิตย์ที่ 2 มิถุนายน 2545
ซึ่งต้นเรื่องทริปนี้มาจาก พี่สาวผมอีกเช่นเคย
โดยทริปนี้ จะเป็นทริปแรกๆ ที่เธอแบ่งปันความสุข
โดยหาสมาชิกร่วมเดินทางไปกับครอบครัวเธอครับ


เวลา 06.10 น.พร้อมกันที่สถานีรถไฟกรุงเทพ บริเวณชานชาลา

เวลา 06.25 น. ขบวนรถพิเศษนำเที่ยว "งานเทศกาลดอกกระเจียวบาน" ออกจากสถานีกรุงเทพ

ภาพบรรยากาศบนขบวนรถไฟ
(ภาพจะไม่ค่อยชัดนะครับ เพราะเป็นภาพตัด Shot จาก VDO ยังไงต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้)

ระหว่างทางเราก็นั่งคุยกันไป ชมวิวข้างทางกันไป


เวลา 09.32 น.ถึงเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์  จอดที่จุดชมวิวกลางเขื่อน 10 นาที

ภาพทางรถไฟช่วงโค้ง บนเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์


วิวสวยๆ บริเวณเขื่อนครับ


10 นาทีบนเขื่อน เราเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึก


เมื่อถึงกำหนดเวลา เราก็เดินทางต่อ
ระหว่างทางจะผ่านเข้า อุโมงค์ จำชื่อไม่ได้แล้วครับ

นั้นไงทางเข้าอุโมงค์


ช่วงของอุโมงค์ไม่ยาวมากนัก
แต่ก็พอทำให้เด็กๆ ได้ตื่นเต้นกัน
ถึงทางออกแล้วครับ


เจ้าหน้าที่ของการรถไฟก็ใจดีครับ
อนุญาตให้เด็กๆ ไปอยู่ บริเวณด้านหน้าหัวรถจักร
ลูกๆ หลานๆ ผมชอบมาก เพราะได้ดึงสายบังคับวูดรถไฟ
อยู่หลายครั้งเลย ต้องขอขอบคุณ เจ้าหน้าที่ของการรถไฟไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ

ภาพบริเวณที่นั่งบังคับ รถไฟครับ


รางรถไฟช่วงนี้สวยมากครับ


นั่งเล่น เดินเล่น บางคนก็นอนเล่นๆ
รถไฟก็พาเรา เข้าเขต ชัยภูมิ แดนอีสานแล้วครับ


เวลา 11.10 น.ขบวนรถถึงสถานีรถไฟบ้านวะตะแบก (เทพสถิต) เดินทางโดยรถบัสที่จอดรอรับอยู่หลังสถานีรถไฟ
มุ่งสู่อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ระยะทางประมาณ 35 กม.วันที่เราไปรถไฟเสียเวลาประมาณ 1 ช.ม.ทำตารางเวลาเปลี่ยนไป 1 ช.ม.

เวลา 11.40 น.เดินทางถึงอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม อาหารกลางวันตามอัธยาศัย คือหาทานกันเองครับ

เก็บภาพป้ายอุทยานไว้สักหน่อย


เวลา 12.30 น.เดินทางโดยรถสองแถวที่อุทยานแห่งชาติจัดไว้
เพื่อเดินทางไปเที่ยวชม "สุดแผ่นดิน,ทุ่งดอกกระเจียว และป่าหินงาม"

เป้าหมายแรกของเราสุดแผ่นดินครับ


รถจอดส่งเราบริเวณที่จอดรถ
แล้วให้เราเดินเท้าต่อกัน
เด็กๆ เดินกันไป คุยกันไป สนุก สนานครับ


ระยะทางเดินไม่ไกลครับ ระหว่างทางเจอ ดอกนี้ครับ
ดอกกระเจียว ดอกแรกที่เจอ สวยมากๆ ครับ


แล้วเราก็มาถึง "สุดแผ่นดิน" เดินต่อไม่ได้จริงๆ ครับ


บริเวณ สุดแผ่นดิน อากาศเย็นสบาย วิวสวยมากๆ
ลองเข้าไปอ่านประวัติ อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม
และ ชมภาพสวยๆ ได้จาก Web
//www.hamanan.com/tour/chaiyaphum/krajiaoflowerfield.html
ยืมภาพมาลงสักหน่อยนะครับ

ขอขอบคุณ มา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ


ก่อนจะเดินทางต่อ ผมขอ อนุญาตไปนอนก่อน
เพราะมัน ตี 1 กว่าแล้ว ง่วง อะครับ
สัญญาว่าจะมาพาเที่ยวต่อ กันในตอนสองครับผม




 

Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2549   
Last Update : 15 พฤศจิกายน 2549 1:26:14 น.   
Counter : 1292 Pageviews.  


1  2  3  4  5  6  

AUN_SAP
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




"ภาพจากเมืองเก่าต้าหลี่ "
เพราะชอบท่องเที่ยวครับ แรกๆ ก็เข้า Pantip
มาหาข้อมูลท่องเที่ยวก่อนเดินทาง
นานเข้า ก็เลยหลงเสน่ห์ดาวเคราะห์สีน้ำเงิน
Blue Planet ไปแล้วอะครับ
[Add AUN_SAP's blog to your web]

MY VIP Friend

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com