บันทึกจากความทรงจำ จากการเดินทาง และ ข้อมูล บทความขำๆ เศร้าซึ้ง และ รูปภาพ จาก Forward Mail โดย นาย AUN_SAP
 
 

ถ้าเราหายเมื่อไหร่ เราจะไปส่งเธอที่บ้านอีกนะ!

มีเรื่องราวเศร้าๆ ซึ้งๆ จาก Forward Mail มาฝาก
เป็นอีกเรื่องราว ที่อ่านแล้ว.....ลองอ่านกันดูนะครับ

ถ้ารักแล้วมีความสุข ก็จงรักต่อไป

มีเพื่อนต่างเพศอยู่คู่หนึ่ง เป็นเพื่อนที่รักกันมาก

ที่โรงเรียน
ฝ่ายชายจะเดินไปส่งฝ่ายหญิงที่บ้านเสมอทุกวัน

เวลาผ่านไป จนทั้งสองอยู่ มหาวิทยาลัย
ฝ่ายหญิงเริ่มไปแอบชอบผู้ชายคนนึง และถามฝ่ายชายว่า
"นี่ เธอว่า เค้าเหมาะกับเราไหม"

"เค้าก้อหล่อดีนะ นิสัยดีด้วย "

"หรอ อืม อยากให้เค้ามาอยู่ข้างๆเราจังเลยเนอะ"

ต่อมาหญิงสาวก็ได้เป็นแฟนกับผู้ชายคนนั้นจิงๆ

วันนึงหญิงสาวบอกกับเพื่อนสนิทของตนว่า
"นี่ เธอไม่ต้องมาส่งเราทุกวันแล้วแหละ
ตอนนี้เค้าจะมาส่งเราแล้ว เราไม่อยากให้เค้าเข้าใจผิด"


"อืม"
ฝ่ายชายตอบรับ และไม่ไปส่งหญิงสาวอีก

ต่อมาหญิงสาวทะเลาะกับแฟนของตน
จึงมาปรึกษาเพื่อนชายว่า
"เธอ เด๋วนี้เขาไม่ค่อยสนใจเราเลยแหละ
เธอว่า เราจะทำอย่างไรดีหล่ะ"


"ก้อ เธอยังรักเค้าอยู่หรือป่าวหล่ะ" ฝ่ายชายตอบ

"รักสิ รักมากด้วย"

"ถ้าอย่างนั้น ก็มอบความรักให้เขาต่อไปสิ
ก้อเธอรักเค้านี่น่า"


"อืมม" หญิงสาวทำตามคำแนะนำของฝ่ายชาย

หลังจากนั้น วันหนึ่ง ระหว่างที่เพื่อนชายหนุ่มเดินกลับบ้าน
เค้าเห็นหญิงสาวนั่งร้องไห้อยู่ข้างทาง
"เธอ เป็นอะไรหน่ะ ให้เราช่วยไหม"

"เค้าไม่รักเราเลยหล่ะ เขาเปลี่ยนไป
เด๋วนี้เขาไม่เคยมาส่งเราที่บ้านเลย"


"แล้วเราจะช่วยอะไรเธอได้บ้างหล่ะ"

"ช่วยอยู่กับเราซักพักได้ไหม"หญิงสาวร้องขอ

ทั้งสองนั่งอยู่ด้วยกันโดยไม่พูดอะไรเลย

ในที่สุดหญิงสาวก็เอ่ยขึ้น
"เราควรจะทำอย่างไรดี เธอจะช่วยเราได้ไหม
ว่าเราควรจะทำอย่างไรดี"


"เธอยังรักเขาอยู่หรือป่าวหล่ะ"

"รักสิ เรารักเค้ามากเลย"

"ถ้าอย่างนั้นก้อรักเค้าต่อไปสิ"

"แต่เค้าไม่รักเราเลยนี่น่า" หญิงสาวร้องไห้โฮ

"แต่เธอก็รักเขาไม่ใช่หรอ"

และชายหนุ่มก็ส่งหญิงสาวที่บ้านอย่างที่เคยทำมาแต่ก่อน
"ถ้าเมื่อไหร่ที่เธออยากให้เรามาส่งเธอที่บ้าน
อย่าลืมเรียกเรานะ"


"อืม" และหญิงสาวก็เดินขึ้นบ้านไป

ต่อมาวันหนึ่งชายหนุ่มได้รับโทรศัพท์จากหญิงสาว
"เราไม่ไหวแล้ว ช่วยมารับเราที"

เสียงของหญิงสาวดูช่างอ่อนล้า และหมดกำลัง
เธอกำลังร้องไห้อย่างฟูมฟายอยู่
ชายหนุ่มไปหาเธอและไปรับเธอมาส่งบ้าน
เธอยังคงถามชายหนุ่มนั้นเมื่อที่เคยถามมา
"เราจะทำอย่างไรต่อไปดี"

"เธอเลิกรักเค้าแล้วหรอ"

"ป่าว เรายังรักเค้ามาก เรายังรักเขาอยู่"

"งั้นก็เหมือนที่เราเคยพูดไว้ รักเขาต่อไป
เพราะมันไม่สำคัญหรอกว่าเขาจะรักเธอไหม
แต่ถ้าเธอยังรักเขา
เธอก็คงทำได้แค่รักเขาให้มากขึ้น ให้เขารู้ว่าเธอรักเขา"


วันที่เธอเรียนจบ
เพื่อนชายหนุ่มของเธอมาแสดงความยินดีกับเธอ
เธอแปลกใจมากที่เพื่อนชายหนุ่มของเธอยังเรียนไม่จบ เธอถามเขาว่าทำไม

ชายหนุ่มตอบว่า เขาขี้เกียจไปหน่อย
ทำให้เขาต้องเรียนซ้ำวิชาหนึ่งจึงยังเรียนไม่จบ

หญิงสาวแปลกใจ
เพราะตลอดมา ชายหนุ่มคนนี้เป็นคนขยัน

ต่อมาแฟนหญิงสาวได้แต่งงานกับหญิงสาว
เนื่องด้วยเห็นถึงความรักที่หญิงสาวมีให้มากมาย
หญิงสาวได้ชวนเพื่อนของตนมางานแต่งของเธอ

"เราไม่ว่างจริงๆ เราติดธุระหน่ะขอโทษนะ"
เพื่อนชายตอบเธอด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

หญิงสาวโกรธและเสียใจที่ชายหนุ่มไม่มางานแต่ง
จึงวางหูใส่

แต่หญิงสาวก็ต้องประหลาดใจเมื่อวันที่เธอแต่งงาน
ชายหนุ่มได้มาก่อนที่งานแต่งจะจบ
"ยินดีด้วยนะ เรามาแล้วนะ"

หญิงสาวดีใจมากที่เพื่อนของเธอมา
ถึงจะเพียงชั่วเวลาสั้นๆ

ต่อมาหญิงสาวก็มีความสุขกับชีวิตแต่งงาน
จนไม่ได้ติดต่อกับชายหนุ่ม

จนวันหนึ่งหญิงสาวได้ทะเลาะกับสามีของตน
หญิงสาวไม่รู้จะไปปรึกษาใคร จึงนึกถึงชายหนุ่มขึ้นมา
แต่แม้ว่าหญิงสาวจะโทรไปเท่าไหร่
ก็ไม่สามารถติดต่อกับชายหนุ่มคนนั้นได้เลย

เขาจึงโทรหาเพื่อนของชายหนุ่มคนนั้น
เพื่อนของชายหนุ่มเล่าว่า ชายหนุ่มเป็นโรคร้าย
เขาไม่สามารถไปไหนได้
ตอนนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลมาร่วมหลายเดือน

หญิงสาวตกใจมากถามว่าเป็นอะไร
เพื่อนชายหนุ่มบอกว่า อาการกำเริ่ม
เพราะวันที่ชายหนุ่มต้องมาผ่าตัด
ชายหนุ่มดันหายตัวไป

และเพื่อนชายยังบอกอีกว่า
"เป็นนิสัยเสียของมันหน่ะ มันชอบหายตัวไปไหนก็ไม่รู้
ในช่วงเวลาสำคัญๆ
คราวที่แล้วสอบไล่ ก็หายตัวไปจากห้องสอบ"


หญิงสาวตกใจมาก
เลยขอที่อยู่ของโรงพยาบาลที่ชายหนุ่มรักษาตัว
หญิงสาวไปเยี่ยมชายหนุ่มที่โรงพยาบาล
เมื่อเปิดประตูเข้าไป ก็ต้องตกใจ

ชายหนุ่มที่เคยดูแข็งแรง กับผอมซูบ ไม่มีแรง
เมื่อชายหนุ่มเห็นเธอก็ดีใจทักทายเธอเป็นการใหญ่
"เป็นอย่างไรมั้ง ไม่เจอกันตั้งนาน"

หญิงสาวนิ่งเงียบซักพักน้ำตาหญิงสาวก็ออกมา

"อ้าวร้องไห้ทำไมหล่ะ เธอหน่ะ
ไปทะเลาะกับแฟนมาอีกแล้วหรอ
จะให้เราช่วยอะไรไหม
แต่เราก็คงจะแนะนำเหมือนเดิมหน่ะ"


หญิงสาวเข้าไปหาชายหนุ่มแล้วบอกกับชายหนุ่มว่า
"วันที่เธอมารับเราเป็นวันสอบไล่ใช่ไหม"

ชายหนุ่มทำหน้าตกใจและไม่กล้าพูดอะไรทั้งสิ้น
กลับนิ่งเงียบไป

หญิงสาวจึงพูดต่อ
"และวันที่เธอต้องผ่าตัดใหญ่
เธอกลับมางานแต่งงานของฉันใช่ไหม"


ชายหนุ่มไม่รู้จะพูดอะไรอีกแล้ว กลับนิ่งเงียบกว่าเดิม
หญิงสาวเข้าไปกอดชายหนุ่มแล้วพูดด้วยน้ำเสียงสั่น
"ตลอดเวลา เรารักแต่คนอื่น มองแต่คนอื่น
เรากลับไม่รู้เลยว่าเธอรักเรามากแค่ไหน
เรารู้สึกเสียใจจริงๆที่ไม่ได้รักเธอมากกว่านี้"


ชายหนุ่มยิ้มขึ้น
แล้วบอกกับหญิงสาวด้วยเสียงอันแผ่วเบาว่า
"เราบอกแล้วไง ถ้าเรารักใครซักคน
เราก็ต้องรักเขาให้มากๆ
ไม่สำคัญหรอกว่าเขาจะรักเราหรือไม่หน่ะ
มันสำคัญแค่เพียงว่าเรายังรักเธออยู่หรือเปล่า
แค่เราสามารถช่วยเธอได้
นั่นก็เป็นความสุขของเราแล้ว"


หญิงสาวรู้สึกเสียใจมาก
นั่งร้องไห้โห่อยู่ที่ตักของชายหนุ่ม

ชายหนุ่มจึงพูดขึ้นว่า
"ถ้าเราหายเมื่อไหร่ เราจะไปส่งเธอที่บ้านอีกนะ"

เป็นไงครับ อ่านแล้วซึ้งมั้ยครับ
อันแน่ เห็นเพื่อนบางท่าน แอบนั่งน้ำตาคลอเชียวน่ะ

ขอขอบคุณเจ้าของบทความ ไว้ ณ ที่นี้ครับ




 

Create Date : 17 มีนาคม 2549   
Last Update : 17 มีนาคม 2549 18:58:06 น.   
Counter : 5418 Pageviews.  


จะมีใครบ้างครับ ที่จะทำได้ขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่...........!

จาก Forward Mail เช่นเคยครับ
เหมือนกับว่าเคยได้รับมาแล้ว 1-2 ครั้ง
วันนี้ได้รับอีกที อ่านแล้วก็ยังซึ้ง เลยนำมาฝากครับ


เช้าวันหนึ่ง..ที่โรงพยาบาล...
"ขอให้ชั้นดูหน้าลูกหน่อย..ได้มั๊ยคะ"
คุณแม่คนใหม่เอ่ยขึ้น..

เมื่อห่อผ้าน้อย ๆ ..อยู่ในอ้อมกอดเธอ
เธอค่อย ๆ คลี่ผ้าที่ห่อออก..
เพื่อมองใบหน้าเล็ก ๆ ..

กรี๊ดดดด.....เธอกรีดร้อง
หมอต้องอุ้มเด็ก..ออกไปอย่างรวดเร็ว

**เด็กทารกที่เกิดมา...ไม่มีใบหู**

และแล้ว....กาลเวลาพิสูจน์ว่า....
การได้ยินของเจ้าหนู..ไม่มีปัญหา

ปัญหา..มีเฉพาะสิ่งที่มองเห็นภายนอก
คือ....ใบหูที่หายไป

หลายครั้ง..ที่เจ้าหนูกลับจากโรงเรียน แล้ววิ่งมาบอกแม่
เธอรู้ว่า..หัวใจลูกปวดร้าวแค่ไหน...

เจ้าหนูพูดโพล่งออกมา..อย่างน่าเศร้า
"พวกเด็กตัวโต ..พวกมันล้อผมว่า--ไอ้ตัวประหลาด--"

จนกระทั่ง... เจ้าหนูเติบโตขึ้น..หล่อเหลา..
เป็นที่รักของเพื่อน ๆ..เค้ามีพรสวรรค์
ในด้านอักษรศาสตร์.. วรรณคดี..และ ดนตรี..

เค้าอาจได้เป็นหัวหน้าชั้น...
แต่เพราะเจ้าสิ่งนั้น... ทำให้เค้า..ไม่อยากเจอใคร

"ลูกต้องพบปะกับผู้คนบ้างนะลูก"
แม่กล่าว..ด้วยความสงสารลูก

พ่อของเด็กชาย.. ปรึกษากับหมอประจำครอบครัว
และได้รับข่าวดีจากหมอว่า...

"ผมสามารถปลูกถ่ายใบหูได้ครับ ถ้ามีผู้บริจาค
..แต่ใครล่ะ..จะเสียสละใบหู..เพื่อเด็กน้อยคนนี้"
คุณหมอกล่าว

จนกระทั่ง ...2 ปีผ่านไป พ่อบอกกับลูกชาย..
"ลูกเตรียมตัวไปโรงพยาบาลนะ พ่อกับแม่..
หาคนบริจาคใบหูที่ลูกต้องการได้แล้ว...
แต่นี่เป็นความลับ"

การผ่าตัด..สำเร็จด้วยดี และแล้ว...คนคนใหม่ก็เกิดขึ้น..
....เค้ากลายเป็น..ผู้มีพรสวรรค์...
เป็นอัจฉริยะในโรงเรียน...ในวิทยาลัย
จนเป็นที่กล่าวขานกัน..รุ่นต่อรุ่น

ต่อมาได้แต่งงาน... และทำงาน..
เป็นข้าราชการในสถานทูต

วันหนึ่ง.. ชายหนุ่มถามผู้เป็นพ่อว่า..
"พ่อครับ.. ใครเป็นคนมอบใบหูให้ผมมา
ใครช่างให้ผมได้มากมาย..
แต่ผมไม่เคยทำอะไร.. เพื่อเค้าได้เลยสักนิด"

"พ่อไม่เชื่อว่า.. ลูกจะตอบแทนเค้าได้หมดหรอก..
เรื่องนี้..เป็นความลับ เราตกลงกันแล้ว"
พ่อตอบ..

หลายปีผ่านไป....
มันยังคงเป็นความลับ

และแล้ว..วันนึง..วันที่มืดมิดที่สุด..
ผ่านเข้ามา..ในชีวิตของลูกชาย

แม่เค้าได้เสียชีวิตลง..
เค้ายืนข้าง ๆ พ่อ... ใกล้หีบศพของแม่

พ่อเรียกเค้า..
"มานี่สิลูก..มานั่งใกล้ ๆ นี่"
พ่อลูบผมแม่อย่างช้า ๆ..และนุ่มนวล
ผมสีน้ำตาลแดง..ถูกเสยขึ้น จนมองเห็นใบหน้า..
ที่มองดูเหมือนคนนอนหลับ

...และแล้ว.. สิ่งที่ทำให้ลูกชาย..ถึงกับต้องตะลึง..
...ใบหูของแม่...หายไป!..
แม่ไม่มีใบหู...

"นี่เป็นคำตอบ.. ที่ลูกอยากรู้มาตลอดชีวิต"...
พ่อกระซิบผ่านลูกชาย

"แม่บอกพ่อว่า..เธอดีใจ.. ที่ได้ทำอย่างนี้..
ตั้งแต่วันผ่าตัด..แม่ไม่เคยตัดผมอีกเลย..
ไม่มีใคร..มองเห็นว่า.. เธอไม่สวยจริงมั๊ย?

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

จงจำไว้..

~สิ่งมีค่า..ที่แท้จริง~
ไม่ได้อยู่ที่..การมองเห็น.. หากแต่อยู่ที่..
~สิ่งที่เรา..มองไม่เห็น~

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

~ความรัก..ที่แท้จริง~
ไม่ได้อยู่ที่.. เราได้ทำอะไร.. แล้วมีคน..รับรู้..
หากแต่อยู่ที่.. สิ่งที่เรา..กระทำ..แล้วไม่มีใคร..รับรู้ ..

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

~ความรัก~
บางครั้ง.. ไม่จำเป็น.. ต้องพูดพร่ำเพรื่อ..
หากแต่อยู่ที่....การกระทำ.. ซึ่งเรา..อาจรับรู้..
เพียงแค่..ฝ่ายเดียว..

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

อ่านจบแล้ว..ใช้สมอง..ตรึกตรองสักนิด..
ถ้าพรุ่งนี้..เราตายไป..
บริษัท..สามารถหาคนมาแทนเราได้ ภายในไม่กี่วัน..

แต่ครอบครัวเรา..ต้องสูญเสีย..
และคิดถึงเรา..ไปตลอด

เราได้ใช้ชีวิต..กับการทำงาน
มากกว่าครอบครัว..หรือเปล่า?

ถ้ามากกว่า...ก็เป็นการลงทุน..
ที่ไม่ฉลาดเลยจริง ๆ..

ส่งต่อเรื่องดีๆมาจาก.. คุณอรพรรณ ศรีวิชัย
นักศึกษาปริญญาเอก มหาวิทยาลัยมหิดล

เป็นไงครับ ซึ้ง และ มีแง่คิดดีมั้ยครับ
ขออนุญาต และ ขอขอบคุณ
คุณอรพรรณ สำหรับเรื่องดีๆ
ไว้ ณ ที่นี้ครับ





 

Create Date : 28 กุมภาพันธ์ 2549   
Last Update : 15 มีนาคม 2549 19:26:57 น.   
Counter : 914 Pageviews.  


พระในบ้าน (เศร้า ซึ้ง แบบมี คติสอนใจ ครับ อยากให้อ่านครับ)

ได้เมล์นี้มา ยาวหน่อย แต่อ่านแล้วให้แง่คิดดีนะครับ
ลองอ่านกันดูเลยนะครับ


มีคุณนายคนหนึ่ง…..ใจบุญสุนทาน…ตักบาตรทุกเช้า
ตักบาตรเสร็จ..ก็แต่งสำรับกับข้าว…อย่างบรรจงประณีต
เพื่อเอาไปถวาย…..ท่านเจ้าประคุณสมเด็จ…ผู้เป็นเจ้าอาวาส
ด้วยความเคารพนับถือ..ในจริยวัตรของท่าน
และชอบฟังท่านคุย….เล่าเรื่องต่าง ๆ
เรียกว่า….ตักบาตรเสร็จ…คุณนายต้องมาวัดทุกวัน
ถวายอาหารเสร็จ…ก็คุยกับพระสมเด็จ

วันหนึ่ง…
หลังจากคุณนายกลับแล้ว….พระหนุ่มรูปหนึ่ง….ซึ่งเป็นศิษย์ก้นกุฏิของสมเด็จ
เข้าไปกราบเรียนว่า…คุณนายคนนี้…ใจบุญสุนทานจริง ๆ
แต่เคยได้ยินว่า…เป็นคนใจแคบ…เหลือแม่อยู่คนเดียว
ปล่อยให้อดๆ..อยากๆ…ไม่เอาใจใส่
ปล่อยให้อยู่ห้องแคบ ๆ…หลังบ้าน

ส่วนตัวเองและลูก ๆ ..อยู่ตึกใหญ่โต…สะดวกสบาย
เวลาพูดจากับแม่…ก็ฟังไม่ได้ หยาบคาย ขู่ตะคอก…กระแทกกระทั้น
ผิดกับตอนมาคุยกับสมเด็จที่วัด…ชนิดหน้ามือ..เป็นหลังมือ

แม่…จะออกมาเดินเล่นหน้าบ้าน ก็ไม่ได้…ไม่ยอมให้ออก
มีแม่แก่…หลงๆ ลืม ๆ สติไม่สมประกอบ..อายเขา
มีคนเขาเล่าให้ฟัง…หลายรายแล้ว เท็จจริงอย่างไร…ไม่ทราบได้

สมเด็จ….นั่งฟังเฉย…ไม่พูดว่าอะไระ

วันหนึ่งมีกิจนิมนต์…ไปทำบุญบ้าน
ขากลับ….เดินผ่านหน้าบ้านคุณนาย
ท่านก็แวะบ้านคุณนายก่อน…คุณนายดีใจมาก…ที่สมเด็จมาเยี่ยมถึงบ้าน
ถือเป็นมงคลอย่างสูง…ที่พระขั้นสมเด็จ มาเยี่ยมบ้าน
จึงเรียกลูกหลาน…มากราบเท้าท่าน…เป็นการใหญ่
แล้วก็คุยกันเรื่องต่างๆ ..มากมาย

ในตอนหนึ่ง…
สมเด็จท่าน ถามคุณนายว่า “พระในบ้าน”มีไหม

มีเจ้าค่ะ…พระในบ้าน มีหลายองค์ เป็นพระเก่า ๆ ทั้งนั้น
สมัยสุโขทัยก็มี เชียงแสนก็มี อาราธนาท่านสมเด็จ ขึ้นไปดูข้างบน

สมเด็จท่าน….เฉย….แล้วถามต่อว่า
ได้ทราบข่าวว่า คุณนายมีแม่อีกคนเดี๋ยวนี้อยู่เสียที่ไหน?

คุณนายสะอึก เสียวแปลบเข้าไปในหัวใจ
จะตอบตามตรง…ก็กลัวว่า สมเด็จจะเดินไปดู
เห็นสภาพความเป็นอยู่ของแม่…แล้วท่านจะติเตียน
อึกๆ …อักๆ …อยู่ครู่หนึ่ง….แล้วจึงตอบว่า ตอนนี้ท่านไม่อยู่เจ้าค่ะ
ออกไปเยี่ยมญาติ อีกนานจึงจะกลับ

สมเด็จท่านนั่งนิ่งอยู่สักครู่….แล้วจึงลากลับ
คุณนายก็ยังคงไปวัด…เป็นปกติ

วันหนึ่ง….
สมเด็จ….ท่านเห็นว่า วันนี้ คุณนายยิ้มแย้มแจ่มใส…พูดจาร่าเริง
อารมณ์ดีหลังการทำบุญทำทาน…

สมเด็จจึงถามว่า…
พระในบ้านของโยม โยมดูแลเรียบร้อยแล้วหรือยัง

เรียบร้อยเจ้าค่ะ…ดิฉันจุดธูปเทียน…ถวายอาหาร
บูชาเสร็จแล้ว…จึงมาที่วัด ท่านไม่ต้องเป็นห่วง

อาตมา..ไม่ได้หมายถึง…พระพุทธรูป
พระในบ้าที่อาตมาถามถึงนี่…เป็นพระที่ยังมีลมหายใจ
คือ…แม่พระ….ผู้มีพระคุณสูงสุดแก่โยม

แม่..ให้ชีวิตเรามา…โดยเอาชีวิตตัวเองเขาแลก
เลี้ยงดูเรามา..ตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย….จนได้ดิบได้ดีทุกวันนี้
แม่เหน็ดเหนื่อย….ทุกข์ทรมาน…แสนสาหัส
แม่…ทนหิว…เพื่อให้ลูกอิ่ม
แม่…ทนหนาว เพื่อให้ลูกอุ่น
แม่..ไม่เคยนอน..ถ้าลูกของแม่…ยังไม่หลับ

ยามลูกเจ็บป่วย…..ร้องไห้
หัวใจแม่ก็เจ็บปวด…และร้องไห้พร้อมกับลูกด้วย
แม่อยากเอาความเจ็บปวดทั้งหมด…ของลูก…มาไว้ที่แม่ ถ้าทำได้
แม่…ยอมตายเพื่อลูกได้
พระคุณของแม่นี้…..ใหญ่หลวงเกินกว่าจะคณานับ…..
เราต้องตอบแทนบุญคุณท่านบ้างน่ะโยม….

เอาตาดู…หูใส่…เอาใจใส่ท่านบ้าง
ไม่ใช้ปล่อยให้ท่าน …อด ๆ…อยากๆ
เจ็บไข้ได้ป่วย….ก็ดูแลท่านบ้าง

อาตมาได้ข่าวว่า….คุณโยมเหลือแม่อยู่คนเดียว
และ…ไม่ค่อยสนใจความเป็นอยู่ของท่าน
ปล่อยให้อยู่ในห้องแคบๆ อดๆ อยาก ๆ
ไม่สงสารท่านบ้างหรือ….โยม

โยมจัดอาหารมาถวายพระได้ทุกวัน….
แต่พระในบ้านอีกองค์…..โยมไม่เคยจัดให้….
และตอนที่โยมจัดมาให้อาตมา…..
สังเกตดู….โยมจัดมาให้อย่างดี…..ประณีตบรรจง
แต่ก่อน…..อาตมาไม่รู้ว่า…อะไรเป็นอะไร
ก็ฉันของโยมตามปกติ….แต่ตอนนี้…บอกตรงๆ…เลยว่า
กลืนไม่ค่อยลง…มาหลายวันแล้ว

อาตมาเป็นพระในวัด…
ไม่ควรเอาเปรียบพระในบ้าน….ของโยมเกินไป
ถ้าพระในบ้าน…ยังอด…พระในวัด…ก็…กลืนไม่ลง

การทำบุญให้ได้บุญมานะโยม…เลี้ยงพ่อแม่…ให้อิ่มหนำสำราญเสียก่อน
แล้วจึงถวายพระ……

คุณนาย….ไม่พูดอะไร…. นั่งน้ำตาไหล….

ลูกๆที่รักทุกคน…ได้ดูแลพระในบ้านของลูกๆ…แล้วหรือยัง
ถึงแม้ว่า…จะเพียงเล็กน้อย….ก็ยังดี
บางคน…..กว่าจะรู้…พ่อแม่เป็นพระในบ้านผู้ประเสริฐ…
ก็สายเสียแล้ว…
คือ..รู้เมื่อท่านทั้งสอง…..ไม่มีตัวตนอยู่ในโลกนี้แล้ว

อ่านแล้วเป็นไงบ้างครับ ฝากไว้ด้วยนะครับ
ยังไงก็นึกถึงพระที่บ้านของคุณ ดูแลท่านด้วย
ก่อนไม่มี พ่อ หรือ แม่ ให้ดูแลครับผม




 

Create Date : 08 กุมภาพันธ์ 2549   
Last Update : 15 มีนาคม 2549 19:35:20 น.   
Counter : 918 Pageviews.  


ผมรักแม่! แต่ผมทำได้แค่นี้

เรื่องเศร้า ซึ้ง มาอีกแล้วครับ เก็บไว้นานแล้วนะ
แต่กลับมาอ่าน ก็ยังกินใจอยู่ครับ
ลองอ่านกันดูนะครับ

ผมรักแม่ แต่ผมทำได้แค่นี้


มีครอบครัวหนึ่งอยู่กันมาอย่างรักใคร่กันเป็นที่สุด
ซึ่งเพื่อนบ้านต่างอิจฉากับความรักใคร่กันของครอบครัวนี้
ครอบครัวนี้มีด้วยกัน 4 คน มีแม่ และลูก ๆ อีก 3 คน
วันหนึ่งแม่ก็เกิดเป็นโรคร้ายแรงขึ้นมานั่นก็คือเป็นโรคหัวใจร้ายแรง
จำเป็นต้องผ่าดัดเปลี่ยนหัวใจโดยด่วน ลูกชายทั้ง 3 รักแม่มาก
และรู้ว่าตนเองนั้นต้องทำอะไรซักอย่างให้กับแม่บังเกิดเกล้าของเขา
คนโตเป็นนักธุรกิจพันล้านมีธุรกิจใหญ่โต
ได้รับผิดชอบในเรื่องของค่าใช้จ่ายในทุก ๆ ด้าน
ยอมสละเวลาในการเซ็นสัญญาเพื่อมาคอยเฝ้าไข้คุณแม่
คนรองเป็นนายแพทย์ชั้นนำของโลก รับผิดชอบในการรักษาคุณแม่
และทำการเรียกประชุมสมาคม แพทย์ทั่วโลกเพื่อหาวิธีรักษาคุณแม่ของเขา
คนเล็กนั้น ยังไม่มีงานทำ
เนื่องจากตนนั้นมิได้มีความเฉลียวฉลาดเหมือนกับพวกพี่ๆเขา
และก็สำนึกตัวอยู่ตลอดว่าตนเองนั้น
คงไม่มีกำลังพอที่จะช่วยแม่ที่เขาเทิดทูนได้อย่างที่พี่ ๆ ทั้ง 2ทำได้
แต่เขารู้ว่าตนเองต้องทำอะไรซักอย่างเพื่อแม่ของเขา
…………………………………………………

หนึ่งอาทิตย์ต่อมา การผ่าตัดหัวใจเป็นไปได้ด้วยดี
และ คุณแม่ก็ฟื้นขึ้นมาหลังจากหลับไปนานถึง 4 วันทีเดียว
คุณแม่ได้พบหน้าลูกทั้งสองคน คือคนโตและคนรอง
แต่กลับไม่ได้พบหน้าลูกคนเล็ก
คุณแม่จึงถามลูก ๆ ทั้งสองว่า
"น้องไปไหน" แต่คนโตกลับบ่ายเบี่ยงไปว่าคุณแม่พึ่งฟื้น
ให้ทานอาหารก่อน แล้วเขาก็ออกไปนำอาหารมาให้คุณแม่
คุณแม่ถามคนรอง แต่คนรองก็บอกกับคุณแม่ว่า
ผมต้องไปนำยามาให้แม่ทานหลังอาหาร
และก็จากไป คุณแม่สงสัย เพราะอาการของลูกทั้งสองนั้นไม่ธรรมดาเลย

เมื่อทุกคนอยู่พร้อมกันคุณแม่จึงถามขึ้นมาอีกครั้ง "น้องอยู่ไหน"
ทั้งสองอ้ำอึ้ง และไม่มีใครที่อยากจะตอบคำถามแม่ของเขาเลย
คุณแม่ย้ำ "บอกมานะ น้องอยู่ที่ไหนกัน"
คนโตตอบคุณแม่ด้วยน้ำตาคลอเบ้า "น้องอยู่ในหัวใจคุณแม่ครับ"

คุณแม่ งงกับคำตอบของลูกชายคนโตมาก!
จึงหันหน้าไปถามคนรองซึ่งกำลังร้องไห้อยู่เหมือนกัน
"หมายความว่าไงลูก"
คนรองตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ดวงตาเอ่อล้นด้วยหยดน้ำที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดหย่อน
"พวกเราสามคน พอรู้เรื่องว่าแม่ไม่สบาย
ก็กระวนกระวายใจเป็นอย่างยิ่ง
ผมและพี่ได้ทำในสิ่งที่ตนเองทำได้และควรกระทำแล้ว
และน้องก็ได้ทำสิ่งที่พวกผมไม่มีความกล้า พอที่จะทำได้ให้กับแม่……"

"แม่ไม่เข้าใจ ลูก"

"วันนั้นเป็นเวรของน้องที่จะมาเฝ้าไข้แม่
โดยที่พวกผมจะมาเปลี่ยนเวรกันในตอนเช้า 6 โมง
เมื่อผมเข้ามาถึงกลับไม่เห็นน้องอยู่ในห้องของแม่
แต่มีโน๊ตเขียนไว้ตรงเตียงแม่ว่า
'พี่รอง ผมอยู่ในห้องน้ำ และไม่ต้องตกใจสิ่งใดทั้งสิ้น'

ผมก็เดินไปที่ห้องน้ำ ปรากฏว่า
น้องได้ทำการฆ่าตัวตายโดนใช้มีดที่นำมาปลอกผลไม้ กรีดที่ข้อมือตัวเองในอ่างน้ำ
โดนให้เลือดไหลช้า ๆ เพื่อที่หัวใจจะยังสามารถทำงานและยังจะสามารถนำมาช่วยแม่ได้

น้องเขียนจดหมายไว้ในห้องน้ำว่า
'นำหัวใจผมไปช่วยแม่ ผมรักแม่ แต่ผมทำได้แค่นี้'

น้องเสียแล้วเพราะเลือดไหลมากเกินไป
และผมก็ได้นำหัวใจของน้องมาช่วยแม่ครับ"!

"ไม่จริงใช่ไหมลูก น้องออกไปหางานทำเท่านั้นใช่ไหมอย่ามาหลอกแม่เลย"

ลูกคนโตปลอบโยนคุณแม่ที่ทำท่าปฏิเสธทั้งน้ำตาว่า
"แม่ครับ พวกผมสองคน ให้แม่ยังไม่ได้ครึ่งของน้องเลยครับ
เราสามคนรักแม่มาก และผมก็เข้าใจน้องดีครับ แม่ทำใจนะครับ"

"พวกเรา จะยังคงอยู่ด้วยกัน 4 คนเหมือนเดิม
ไม่มีวันใดที่พวกเราจะแยกจากกันหรอกครับ…"

แม่สะอื้น แต่เริ่มทำใจได้แล้ว
"แม่รักลูก รักลูกทุกคน และลูกทุกคนจะอยู่กับแม่เสมอ และตลอดไป"

ทั้ง 3 คน ร้องไห้ และพร่ำเรียกหาน้องคนเล็ก
แม้เขาจะไม่มีโอกาสได้ยินเสียงของแม่และพี่ชายทั้งสองคนอีกครั้งก็ตาม



อีเมล์นี้ผมได้จากเพื่อนส่งต่อมาให้อ่านแล้วผมประทับมากเลยครับเลยนำมาให้เพื่อนๆได้อ่านกัน





 

Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2549   
Last Update : 15 มีนาคม 2549 19:37:53 น.   
Counter : 701 Pageviews.  


เรื่องเศร้า ของคุณแม่ ท่านหนึ่งครับ อ่านแล้ว น่าสงสารมากๆ

เรื่องยาวหน่อยนะครับ หาเวลาว่างๆ แล้วค่อยอ่านนะ
(อ่านแล้วน้ำตาไหลอีกแล้วครับ)

บ้านพักคนชราที่ผมไปเยี่ยมเยืยนมาหลังวันเกิดในเดือนที่แล้ว เป็นอาคารไม้ชั้นเดียวไม่ใหญ่โตนัก ที่นี่เป็นส่วนหนึ่งของวัดเล็ก ๆ

ที่สมภารเจ้าอาวาสอดีตนักเรียนโรงเรียนเดียวกับผม ท่านเอาเงินที่ญาติโยมศรัทธาถวายท่าน มาปลูกสร้างเพื่อให้ผู้เฒ่าผู้ชราได้มาพักอาศัยยามเมื่อขาดที่พึ่งพิง

มีโยมผู้หญิงวัยกลางคนไร้ญาติและสิ่งเกาะเกี่ยวทางโลกมาบำเพ็ญธรรมโดยไม่บวชชี ท่วงท่าเจรจาพาทีดูสำรวมราบเรียบ พร้อมเด็กวัดลูกชาวบ้านแถบนั้นแวะเวียนผลัดเปลี่ยนกันเป็นผู้ดูแล ผู้ชราทั้งหญิงชายที่ถูกทอดทิ้งรวม 13 ชีวิต ค่าจ้างคนดูแล น้ำไฟ เสื้อผ้ายารักษาโรค ข้าวปลาอาหาร สมภารใจดีอดีตนักเรียนช่างกลที่รอดตายมาจากเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 เหมาจ่ายคนเดียว โดยไม่เคยพิมพ์ฏีกาเรี่ยไรใคร

พูดคุยกับท่านหลายเรื่องจนตอนจะลากลับผมควักเงิน500 บาท ใส่ซองถวายท่านเป็นค่าใช้จ่าย ท่านจึงนึกอะไรขึ้นมาได้ ชวนผมเดินลงจากศาลาไปที่บ้านพักคนชราแห่งนั้น เปิดนรกบนดินอีกขุมหนึ่งให้คนบาปอย่างผมมีดวงตาเห็นธรรม โดยไม่ต้องฟังเทศน์เทียบชาดกบทใด ๆ

หญิงชรารูปร่างเล็กผิวสองสีบอบบาง ทอดกายเหยียดตรงบนเตียงเล็กๆ แต่สะอาด มีผ้าห่มผืนบางๆ ห่มปิดทรวงอกที่ยังกระเพื่อมเบา ๆ ราวเครื่องยนต์ใกล้ดับอย่างเหนื่อยหน่าย แม่เฒ่าพยายามยกขึ้นประนมไหว้ เมื่อท่านสมภารพาผมมานั่งอยู่ข้างขอบเตียง

กังวานน้ำเสียงแห่งพุทธบุตรผู้เมตตาเปล่งวาจาถามไถ่อาการและให้ศีลให้พรเบาๆ แต่เข้มขลังศักดิ์สิทธิ์หยาดน้ำตาแห่งความปิติ ท่วมท้นดวงตาสีขาวขุ่น แล้วค่อย ๆ ซึมเซาะรินไหลไปตามร่องขอบตา ที่เหี่ยวย่นบนใบหน้าเวทนาบังเกิดจนผมต้องเบือนหน้าหนี

ผู้เฒ่าอายุ 91 ปี อาวุโสสูงสุดในจำนวน 13 คนชราของที่นี่ เรื่องราวทั้งหลายในอดีตยังเจิดจ้าอยู่ในความทรงจำ เหมือนเพิ่งเกิดเมื่อวาน.......

แม่เฒ่ามีลูกชายสองคนและหญิงหนึ่งคน 60 ปีที่ผ่านมาครอบครัวแม่เฒ่าจัดอยู่ในระดับผู้มีอันจะกินของจังหวัด สามีของแม่เฒ่ามีอาชีพรับเหมาก่อสร้าง ก่อร่างสร้างตัวจากกรรมกรกินค่าแรงรายวัน โดยแม่เฒ่ารับจ้างทอผ้าอยู่ในโรงงงานแห่งหนึ่ง อดออมสะสมจนฐานะดีขึ้นสามารถสร้างหลักฐานจนมีที่ดินบ้านช่องสมฐานะ แต่สามีก็ยังทำงานหนักไม่ยอมพักหวังจะฟูมฟักลูก 3 คน ให้อยู่อุ่นกินอิ่มโดยไม่ต้องลำบาก ช่วงนั้นแม่เฒ่าเลิกทอผ้าแล้วอยู่บ้านเลี้ยงลูก 3 คนที่อยู่ในวัยซวนไล่เรียงตามลำดับ

เช้าวันหนึ่งเมื่อลูกชายคนโตอายุได้ 6 ขวบ สามีของแม่เฒ่าก็หลับไปไม่ตื่นมาร่ำลา หมอที่โรงพยาบาลบอกว่าสามีตับแข็งตายทั้ง ๆ ที่ไม่เคยแตะเหล้าซักหยด

แม่เฒ่าเปลี่ยนสภาพบ้านพักเปิดเป็นร้านค้าโชห่วยขายของสารพัดชนิดอดทนอดออมเลี้ยงลูกทั้ง 3 คน ให้ร่ำเรียนจนจบปริญญา

ครอบครัวอบอุ่นพี่น้องรักใคร่กันดี ไม่มีเค้าลางว่าจะแตกหัก ดั่งหนึ่งคนละสายเลือด ลูกชายคนโตแต่งงานไปกับลูกสาวเจ้าของร้านขายทองในตลาด ในชีวิตของแม่เฒ่าไม่เคยมีความสุขครั้งไหน เหมือนวันที่ลูกชายแต่งงาน สมบัติที่มีแม่เฒ่าจัดแบ่งเป็นสามส่วนให้ลูกชายคนโต เปิดร้านขายทองตามที่สะใภ้ต้องการ

ปีต่อมาลูกคนที่สองแต่งสาวเข้าบ้านอีกคน แม่เฒ่ายกบ้าน และที่ดินที่เปิดร้านขายของสองคูหาสามชั้นให้เป็นสมบัติของลูกด้วยความยินดี โดยที่แม่เฒ่าขอสิทธิ์แค่อยู่อาศัย

สองปีถัดมาลูกสาวคนสุดท้องแต่งกับข้าราชการระดับหัวหน้ากองในจังหวัดแม่เฒ่ายกที่ดินและเงินสดก้อนสุดท้ายของแม่เฒ่า รับขวัญลูกเขยด้วยความปรีดา

สัตว์โลกทั้งหลายล้วนเวียนว่ายก่อเกิดเพื่อมาชดใช้กรรมเก่า สะใภ้คนที่สองเริ่มจุดประกายแห่งการแตกหัก ตั้งแต่แต่งเข้าบ้านไม่เคยแม้แต่เสียบปลั๊กหม้อหุงข้าว แม่เฒ่ากลายเป็นทาสในเรือน ซักผ้า ทำกับข้าว จัดสำรับคับค้อนตั้งโต๊ะคอยท่าสองผัวเมียกินก่อนจนอิ่ม แม่เฒ่าจึงมีโอกาสได้กินของเหลือก่อนจะเก็บกวาดถ้วยชามไปล้าง กวาดเช็ดบ้านช่องเรียบร้อยแล้วจึงได้พักผ่อนด้วยการเดินออกไปคุยกับเพื่อนบ้านในวัยไล่เลี่ยกัน

สะใภ้สองเข้มงวดแม้แต่ของสดทุกชนิดที่ซื้อมาทำกับข้าว ต้องถามราคาแล้วยกไปชั่งน้ำหนักราคาสินค้ากับเงินทอนที่เหลือต้องตรงกับเงินที่ให้ไปตลาด แต่แม่เฒ่าก็ไม่เคยเก็บมาเป็นอารมณ์

วันหนึ่งสะใภ้สองก็จัดระเบียบการกินใหม่ หล่อนไปสั่งผูกปิ่นโต เพื่อนกินกันแค่สองผัวเมียแล้วสั่งให้ผัวจ่ายเงินให้แม่เฒ่าแค่วันล่ะยี่สิบบาทไปหากินเอาเองด้วยเหตุผลโง่ ๆ คือต้องการประหยัด แต่ลึก ๆ ในใจไม่ต้องการให้แม่ผัวเม้นส่วนเกิน

แม่เฒ่าคิดเอาเองว่าลูก ๆ คงไม่อยากให้แม่เหนื่อย จึงน้อมรับประกาศิตลูกสะใภ้ด้วยดุษฎี สองสามวันต่อมาแม่เฒ่าก็ลืมสิ้นเพราะความรักลูก

หลายครั้งที่แม่เฒ่าคิดถึงลูกชายคนโตที่เปิดร้านขายทองในตลาด แม่เฒ่าจะเจียดเงินที่เก็บออมไว้ ซื้อผลไม้ที่ลูกชอบติดมือไปด้วย แต่ทุกครั้งที่แม่เฒ่าเดินเข้าไปในบ้านสะใภ้ใหญ่จะมองอย่างเหยียด ๆ แล้วเดินหนีเข้าห้องแอร์ปิดประตูนอนดูโทรทัศน์ สั่งคนใช้ให้คอยสอดส่องเดินตามแม่เฒ่า เธอกลัวแม่ผัวขโมยของในบ้าน

จะคุยกับลูกชายไอ้นั่นก็ออกอาการไม่ว่างถามคำตอบคำเหมือนหนามตำโดนโคนลิ้นจนอ้าปากลำบากลำบน อึดอัดแม่เกรงใจเมีย แกล้งถอดสร้อยคอทองคำเส้นโตที่ห้อยแขวนพระเครื่องราคาแพงในกรอบทองฝังเพชรพวงใหญ่ขึ้นมาส่องทีละองค์ด้วยความเลื่อมใส และไม่แม้แต่จะชายตามองแม่เฒ่าที่นั่งซึมอยู่ข้างตู้ทองอย่างเดียวดาย

เก้ ๆ กัง ๆ อยู่พักใหญ่ ก็เดินออกจากบ้านลูกชายคนโตอย่างเหงา ๆ โดยมีคนใช้ของลูกหิ้วถุงผลไม้ตามมายัดคืนใส่มือ ระหว่างทางก็แวะทักทายคนรู้จักเพื่อรักษามารยาท แต่ในใจของแม่เฒ่ามันวังเวงจนจำไม่ได้ว่าพูดคุยกับใครไปบ้างระหว่างทาง

ลูกสาวคนเล็กที่แม่เฒ่าทั้งรักทั้งหวงนั่นแทบไม่ต้องพูดถึง เธอยื่นคำขาดกับแม่เฒ่าตั้งแต่ครั้งแรกที่ไปเยี่ยม ว่าถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องไปหาเพราะบ้านเธอมีแขกที่เป็นลูกน้องของผัวและพ่อค้าวานิช เข้าพบผัวของเธอ เพื่อขออำนวยความสะดวกในทางธุรกิจบ่อย ๆ

และผัวของหล่อนก็ค่อนข้างเจ้ายศเจ้าอย่าง ถ้าแม่เฒ่ารักลูกก็ควรจะต้องรักษาเกียรติรักษาหน้าตาของผัวลูกด้วย แม่เฒ่าไม่เข้าใจว่าการรักษาหน้าตาของลูกเขยนั้นต้องทำอย่างไร

แม่เฒ่ายังเคยปลื้มกับคำชมของเพื่อนบ้าน เขาว่าแม่เฒ่าวาสนาดีลูกเขยเป็นเจ้าคนนายคน
แม่เฒ่าก็ได้แต่แอบปลื้มทั้งๆ ที่ไม่เข้าใจว่าทำไมการเป็นเจ้าคนนายคน จึงเหมือนกำแพงชนชั้นปิดกั้นระหว่างความเป็นแม่ลูกจนหนักหนาสาหัสขนาดนั้น

ร้านสะดวกซื้อและห้างสรรพสินค้าขนาดยักษ์โผล่ขึ้นมารายรอบร้านค้าของลูกชายคนที่สอง กระทบธุรกิจของสองผัวเมียจนทรวด เซ ของขายไม่ได้มากเหมือนเก่าที่เอาอะไรมาวางก็ขายหมดปัญหาและวิกฤติการเงินในบ้านส่งสัญญาณถึงขาลง สองผัวเมียเริ่มมีปากเสียงกันบ่อยครั้ง
และแทบทุกครั้งลูกสะใภ้ก็จะฉวยโอกาสด่ากระทบแม่ผัวเป็นของแถมโดยไม่มีเหตุผล โดยที่ลูกชายก็ไม่ออกอาการปกป้องแม่เฒ่าแต่อย่างใด...

12 มิถุนายน 2530 ประมาณ 3 ทุ่มของคืนโลกาวินาศ ท้องฟ้ามืดครึ้มไปด้วยพยับเมฆสลับกับเสียงฟ้าร้องดังกึกก้องเป็นระยะๆ

ครู่ใหญ่ ๆ ต่อมาสายฝนจึงโปรยปรายชุ่มฉ่ำน้ำนองไปทั่วเมือง ลูกชายลูกสะใภ้ออกไปกินข้าวนอกบ้านยังไม่กลับปล่อยแม่เฒ่าเฝ้าร้านค้าคนเดียว แม่เฒ่าจำได้ว่าวัยรุ่นสองคนขี่รถเครื่องฝ่าสายฝนมาจอดหน้าร้าน ขอซื้อเบียร์หนึ่งขวด แม่เฒ่ารับเงินแล้วเดินเข้าไปเก็บในลิ้นชักโดยไม่ระแวงว่า สองวัยรุ่นแอบยกลังใส่บุหรี่ที่ลูกชายสั่งมายังไม่แกะกล่อง ช่วยกันแบกขึ้นรถขี่หายไปกับความมืด

ก่อนสี่ทุ่มเล็กน้อยสองผัวเมียจึงขับรถกลับเข้าถึงบ้านช่วยกันเก็บของเข้าร้าน วางของทุกชิ้นเข้าที่ ๆ เคยวางเมื่อไม่เห็นลังบุหรี่จึงหันไปตะโกนถามแม่เฒ่าที่กำลังจุดธูปไหว้รูปสามีบนหิ้ง เพียงคำตอบที่แม่เฒ่าตอบว่า ไม่เห็นก่อนปักธูปลงกระถาง

เสียงสบถด้วยคำหยาบของลูกชายก็ดังสวนสนั่นบ้าน ครู่เดียวทั้งลูกสะใภ้กับลูกชาย ก็สลับปากจิกหัวด่าแม่ กึกก้องประสานเสียงกับสายลมนอกบ้าน ก่อนที่ทั้งคู่จะขับรถไปโรงพักแจ้งจับแม่ลักทรัพย์

ตำรวจพาแม่เฒ่าไปนั่งอยู่หน้าโต๊ะร้อยเวร แม่เฒ่าให้การไม่รู้ด้วยซื่อบริสุทธิ์โดยไม่ตัดพ้อต่อว่าลูกชายแม้แต่คำเดียวกว่าชั่วโมงในห้องแอร์เย็นเฉียบ แต่ในอกในใจของร้อยเวรหนุ่มร้อนรุ่มเหมือนถูกไฟนรกแผดเผา ที่ต้องวิงวอนสองผัวเมีย ให้เห็นบาปบุญคุณโทษ แต่สองผัวเมียกลับโยนภาระตอกย้ำให้ตำรวจอบรมแม่เฒ่า

ก่อนที่จะสะบัดก้นกลับไปบ้านโดยไม่ใส่ใจแม่เฒ่าที่เปียกฝนนั่งสั่นสะท้านด้วยความหนาวเหน็บ สายฝนยงสาดซัดกระหน่ำหนักเหมือนฟ้าแตก

ตำรวจยศนายดาบขับรถร้อยเวรมาส่งแม่เฒ่าที่บ้านบ้านซึ่งประตูเหล็กถูกปิดสนิท แม่เฒ่าลงจากรถเดินฝ่าฝนถึงหน้าบ้าน แล้วแม่เฒ่าก็ตกใจสุดขีดกับภาพเบื้องหน้าที่พื้นหน้าบ้าน

เสื้อผ้าเก่า ๆ ยัดแน่นอยู่ในถุง ถูกโยนออกมากองเรี่ยราดเหมือนขยะบนกองเสื้อผ้าของ
แม่เฒ่า กระถางธูปและรูปถ่ายของสามีแตกกระจายเกลื่อนกราด หยาดฝนสาดซัดรูปถ่ายขาวดำของสามีจนเปียกปอนขาดวิ่น
แม่เฒ่าก้มลงหยิบรูปของสามีมากอดแนบอก น้ำตาแห่งความรันทดทะลักล้นปนน้ำฝน ปวดร้าวเหมือนถูกฟ้าผ่าเข้ากลางใจ แม่เฒ่ากอดรูปนั้นไว้เหมือนจะปกป้องจากสายฝนสุดชีวิต สองเท้าออกก้าวช้าๆ เหมือนร่างไร้วิญญาณเข้าตลาดไป

หยุดนิ่งอยู่หน้าร้านขายทองของลูกชายคนโต เหมือนเป็นการบอกลา แล้วลัดเลาะฝ่าความมืดและสายฝน ไปยืนอยู่หน้าบ้านลูกสาวคนเล็ก เก็บภาพแห่งความรักความทรงจำสุดท้ายเป็นครู่ใหญ่ จึงเดินจากไปท่ามกลางเสียงกึกก้องของฟ้าร้องระงม สลับกับเสียงฟ้าผ่าแน่นหนักเป็นระยะ

ดั่งเจ้ากรรมนายเวรกำลังเร่งรีบกรีดนิ้วกัปนาท บรรเลงเพลงกรรมในอดีตชาติ ติดตามมาทวงคืนให้แม่เฒ่าต้องชดใช้อย่างบอบช้ำยับเยิน

รถกระบะเก่า ๆ คันนั้นวิ่งฝ่าสายฝนมาจอดสงบนิ่งอยู่หน้ากุฏิพระของสมภารเจ้าวัดตอนตีสามเศษๆ คนขับรถพบแม่เฒ่าเดินโซซัดโซเซอยู่ข้างถนนเปล่าเปลี่ยวเดียวดายด้วยใจเมตตา

เมื่อแม่เฒ่าต้องการมาที่นี่ จึงขับรถมาส่งด้วยความสังเวช แม่เฒ่ามักคุ้นกับสมภารวัดนี้มานานแล้วตั้งแต่เจ้าอาวาสองค์เก่ายังอยู่

นาทีสุดท้ายของการตัดสินใจครั้งใหญ่ของชีวิตจึงไม่มีที่ไหนอบอุ่นให้พึ่งพิง เหมือนร่มเงาฉัตรแก้วกงธรรมแห่งรัตนะทั้งสาม

ฟ้าเริ่มขมุกขมัวใกล้ค่ำลงทุกขณะ ผมจำเป็นต้องบอกลาท่านสมภารและแม่เฒ่าเจ้าของเรื่องราวน่าสลด นับแต่นาทีแรกที่แม่เฒ่ามาถึงที่นี่จนวันนี้ แม่เฒ่าไม่เคยออกไปนอกวัดเหมือนๆ กับที่ทรพีทั้งสามคนก็ไม่เคยออกติดตามถามหา จะรู้หรือไม่ก็แล้วแต่ว่าแม่ซมซานมาอยู่วัด แต่ก็ไม่เคยปรากฏแม้แต่เงาของสามเนรคุณ

ผมจากลาออกมาทั้งที่น้ำตาเปื้อนหน้า ประโยคสุดท้ายของแม่เฒ่าที่ฝากมา..
"แม่จำลูกได้ทุกอย่างตั้งแต่เกิดจนโต จะทุกข์ จะสุข ก็คือลูกของแม่ แม่ให้โดยไม่เคยวาดหวังจะได้จากลูกทุกคนเป็นการตอบแทน ลูกเอ๋ย...เมื่อลูกยังเป็นทารกทุกครั้งที่แนบอกดูดดื่มน้ำนมจากเต้า สองมือน้อย ๆ ของเจ้าไขว่คว้าอยู่ไหว ๆ วันนี้แม่สิ้นแรงแทบสิ้นใจจะมีมือของลูกคนไหนเอื้อมมาปิดตาให้แม่ก่อนสิ้นลม..




 

Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2549   
Last Update : 15 มีนาคม 2549 19:43:03 น.   
Counter : 2351 Pageviews.  


1  2  

AUN_SAP
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




"ภาพจากเมืองเก่าต้าหลี่ "
เพราะชอบท่องเที่ยวครับ แรกๆ ก็เข้า Pantip
มาหาข้อมูลท่องเที่ยวก่อนเดินทาง
นานเข้า ก็เลยหลงเสน่ห์ดาวเคราะห์สีน้ำเงิน
Blue Planet ไปแล้วอะครับ
[Add AUN_SAP's blog to your web]

MY VIP Friend

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com