All Blog
► Step 4 : สัมภาษณ์งาน Work and Travel


Step 4 : สัมภาษณ์งาน Work and Travel



บล็อกนี้ถูกแก้ไข ณ วันที่ 9 พฤศจิกายน 2556


(ขอบคุณภาพจาก : //myyouthcareer.com/tips-to-avoid-mistakes-in-a-job-interview-for-applicants/)


เนื่องจากว่า Nakoze เห็นว่าข้อมูลเดิมมันไร้สาระมาาาก

แต่.....บล็อกที่ทำใหม่นี้ก็ไร้สาระไม่แพ้ของเดิม

เอาล่ะค่ะด้านล่างนี้จะเป็นแค่เรื่องการเกริ่นนำการสัมภาษณ์สำหรับ Work and Travel นะคะ

nakoze จะขอพูดเป็นเรื่องความแตกต่างระหว่างการสัมภาษณ์โดยนายจ้าง

กับการสัมภาษณ์ผ่านตัวแทนองค์กร

โดยหากท่านใจร้อน ก็เลื่อนไปอ่านบล็อกถัดไปได้

แต่หากท่านไม่อ่าน ก็อาจจะพลาดข้อมูลดีๆไปก็ได้นะ

ดังนั้นอ่านกันเถอะค่ะ

---------------------------------------------------------


หลังจากตัดสินใจเลือกบริษัทเสร็จแล้ว

ก็เป็นขั้นตอนอันน่า หวาดเสียวของใครหลายๆคน

ก็คือเรื่องการสัมภาษณ์ขั้นต้นนี่เองค่ะ

ทำไมถึงบอกว่าขั้นต้น ก็เพราะว่ารอบแรกนี้เป็นการสแกนโดยพี่ที่บริษัทค่ะ

คือคร่าวๆว่า ระดับภาษา กับงานของเรามันไปด้วยกันได้มั๊ย

ซึ่งตรงนี้ Nakoze คิดว่าเด็ก WAT หลายๆคน เข้าใจผิดกันมากๆเลย

อย่างแรกเลยนะคะ คุณจะต้องรับรู้และวิเคราะห์ทักษะภาษาตัวเอง

อย่าเข้าข้างตัวเองนะคะ เพราะว่าไปถึงโน่นมันมีผลจริงๆ

มีน้องๆหลายคนมาขอคำปรึกษา แล้วก็ได้ทราบว่า

งานที่เด็ก WAT อยากทำ อันดับ 1 คือ งานเสิร์ฟในร้านอาหาร

ซึ่งหลายคนยังไม่ทราบว่า การเสิร์ฟอาหารที่อเมริกากับประเทศไทยมันต่างกันมากค่ะ

ประเทศไทยพอยกอาหารวางบนโต๊ะเสร็จนั่นคือหมดหน้าที่

แต่ที่โน่น คุณจะต้องเริ่มเทคแคร์แขก ตั้งแต่เค้าเดินมานั่ง

ต้องรู้จักพูดคุย ทักทาย แนะนำเมนู ที่สำคัญคือคุณต้องรู้ว่าในเมนูนั้นๆประกอบด้วยอะไรบ้าง

ซึ่งแน่นอนค่ะมันยากแน่ๆ สำหรับชื่อเมนูแปลกๆที่ไม่คุ้นเคย

พร้อมกับส่วนผสมที่ชื่อเรียกยากอย่างกับลอกชื่อมาจากคาถาของแฮร์รี่พอตเตอร์! Smiley

อีกทั้งฝรั่งนี่ค่อนข้างจะความอดทนต่ำค่ะ รอนานนิดนึงหน้าตาคุณท่านก็จะแสดงออกทันทีว่าไม่พอใจ

ดังนั้นแล้วหากใครไม่มั่นใจในภาษาอังกฤษของตัวเองจริงๆแล้วล่ะก็

กรุณาอย่าเลือกงานใดๆก็ตามที่เค้า require ระดับภาษาสูงกว่าที่ตัวเองเป็นจริง

อาทิเช่น ตัวเองประเมินตัวเองได้เป็น beginner แต่เลือกไปแบบ advance แบบนี้เจ๊งแน่ค่ะ



อีกอย่างนึงที่คุณต้องรู้ คือเอเจนซี่ที่ไทยเขาไม่ได้ส่งเราไปอเมริกาโดยตรง

แต่เขาจะทำการผ่านองค์กรที่สหรัฐอเมริกา(US Sponsor)

 ตัวอย่าง US sponsor ที่อเมริกาก็ CHI, AAG, CCI, CIEE, GEO, Spirit, Intrax และอื่นๆอีกมากมาย

ดังนั้นแล้วที่คุณเห็นว่าค่าโครงการมันแพง ก็เพราะว่าเงินส่วนนึงเอเจนซี่ที่ไทย

จะต้องเอาไปจ่ายให้ US Sponsor เพื่อเป็นค่าดำเนินการในการหานายจ้างและการทำเอกสารอื่นๆ

รวมถึงเป็นค่าใช้จ่ายในการจัด Job fair



Job fair คืออะไร? ยิ่งใหญ่เหมือนกรมการจัดหางานไหม?

Job fair สำหรับโครงการ Work and Travel ไม่ได้ยิ่งใหญ่เลิศหรูอลังการแบบที่คุณวาดฝันค่ะ

Job fair คือการที่นายจ้าง หรือ ตัวแทนจาก US Sponsor

บินมาที่ประเทศไทยเพื่อมาสัมภาษณ์งานกับผู้เข้าร่วมโครงการนั่นเองค่ะ

โดยในวันนั้นๆทางเอเจนซี่ต่างๆก็จะมีการนัดสถานที่ซึ่งก็ต่างกันไป

เอเจนซี่ที่มีเด็กน้อยหน่อยก็จะจัดแค่ที่บริษัทตัวเอง

เอเจนซี่ไหนลงทุนหน่อยก็จะเป็นที่ห้องประชุมของโรงแรม

วัน Job fair ทาง US Sponsor ก็จะมีการเปิดวีดีโอหรือเปิดสไลด์เพื่ออธิบายโครงการ

พูดถึงความเป็นมาของบริษัทตัวเอง  อธิบายเอกสารต่างๆคร่าวๆ

แล้วจากนั้นก็จะเริ่มเข้าสู่การสัมภาษณ์  แต่บางแห่งลัดขั้นตอนไปถึงได้สัมภาษณ์เลยก็มีค่ะ

ในการสัมภาษณ์นี้ส่วนมากเค้าจะจับคนที่เลือกงานเดียวกันมาสัมภาษณ์พร้อมๆกัน

ที่เห็นก็ 3-5 คน  ถ้ามากกว่านี้เค้าก็จะแบ่งกลุ่มสัมภาษณ์ย่อยๆอีกทีค่ะ




การสัมภาษณ์จะมีอยู่หลักๆด้วยกัน 3 แบบคือ

Smiley  สัมภาษณ์ผ่านเจ้าหน้าที่ของเอเจนซี่ที่ไทย Smiley

คืองานบางงานทางอเมริกาก็จะให้เอเจนซี่ที่ไทยเป็นคนสัมภาษณ์

หรืออาจจะติดปากเรียกว่า งานที่ไม่ต้องสัมภาษณ์ ซึ่งจริงๆแล้วมันต้องสัมภาษณ์

แค่ว่าเป็นการสัมภาษณ์ง่ายๆผ่านคนไทยด้วยกันเอง

(ปีหลังๆมานี้ไม่เคยเจอลักษณะการสัมภาษณ์แบบนี้อีกเลยค่ะ)


Smiley สัมภาษณ์ผ่านนายจ้างโดยตรงไม่ว่าจะมีการจัด Job Fair หรือ Skype Smiley

คนสัมภาษณ์คุณก็คือนายจ้างที่คุณต้องไปทำให้เขาตลอดระยะเวลาเข้าร่วมโครงการ

คนที่ได้สัมภาษณ์กับนายจ้างโดยตรงก็จะมั่นใจได้ค่อนข้างมาก

เพราะนายจ้างมาสัมภาษณ์ด้วยตัวเอง ดังนั้นแล้วสิืทธิ์ขาดในการตัดสินใจ

มันก็จะอยู่ที่ตัวนายจ้างเองเลย หากเขาโอเครับเราเข้าทำงาน

นั่นก็หมายถึงว่าเค้าพอใจในระดับภาษาเราแล้ว


Smileyสัมภาษณ์ผ่านตัวแทนองค์กร Smiley


อย่างที่บอกไปว่าเอเจนซี่ที่ไทยจะต้องดำเนินการผ่าน US Sposor อีกทีนึง

คราวนี้คนที่มาสัมภาษณ์ก็จะเป็นตัวแทนขององค์กร ซึ่งเป็นตัวแทนของนายจ้างอีกทอดหนึ่ง

 ส่วนมากก็จะเป็นการจัด Job Fair หรือ Skype เช่นเดียวกับการที่นายจ้างมาเอง

คราวนี้เราคงจะเห็นความแตกต่างได้แล้วนะ ว่าบางครั้งแล้วในการจัด Job Fair

ก็จะมีทั้งนายจ้างของเราจริงๆกับตัวแทนองค์กรมา

ที่น้องๆ WAT ส่วนมากจะเข้าใจว่าเป็นคนเดียวกัน แต่จริงๆไม่ใช่นะคะ


การสัมภาษณ์กับตัวแทนองค์กร ถามว่าไว้ใจได้ไหม? สบายใจได้หรือยัง?

ก็ขอให้คำตอบว่า วางใจได้แค่ระดับนึงเท่านั้นเหตุเพราะว่า

องค์กรนั้นจะรับเงินเราไปอีกทอดนึง ดังนั้นแล้วเค้าก็ต้องการเงินเหมือนกัน

ทำให้เกิดการปล่อยผ่านได้อย่างไม่ยากเย็นเท่ากับการสัมภาษณ์กับนายจ้างโดยตรง

เหตุผลที่พูดแบบนี้ ก็เพราะว่าในการสัมภาษณ์บางครั้ง ตัวแทนองค์กรแทบจะไม่ถามอะไรเลย

ถามคำถามอะไรที่แบบไม่ต้องใช้สมอง เช่น กินข้าวหรือยัง รู้จัก Mcdonald ไหม? จบ!!

แล้วหากคุณดวงซวย เมื่อคุณดีใจว่าคุณผ่านสัมภาษณ์งานแล้ว

วันที่คุณเดินทางไปประเทศอเมริกา อย่าลืมภาวนาให้นายจ้างรับคุณเข้าทำงาน

เพราะว่าเมื่อคุณไปเจอกับนายจ้างแล้ว นายจ้างไม่ได้เป็นคนสัมภาษณ์คุณด้วยตัวเอง

ดังนั้นเค้าไม่ทราบระดับภาษาคุณ ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้สูง ที่ระดับภาษาคุณจะต่ำกว่าที่เค้าคิดไว้

แน่นอนค่ะถ้าเค้าไม่ใจดีจริงๆ เค้าไม่เอาคุณไว้แน่

ถ้าถาม Nakoze ว่าเวอร์ไปไหม ? จะไล่ออกเลยหรอ ?

ตอบเลยค่ะว่ามันมีกรณีแบบนี้เกิดขึ้นทุกปี

จะยกตัวอย่างเหตุการณ์ของคนรู้จักจริงๆ ไม่ใช่จากเขาเล่าว่า นะคะ


:: กรณีแรก ::

เราคิดว่าระดับภาษาของเพื่อนเราคนนี้ไม่ได้ขี้เหร่แน่นอน

สัมภาษณ์กับองค์กรแล้วเค้าได้ไปทำงานเสิร์ฟในร้านอาหารแห่งนึงที่ให้เรทสูงมาก

ปรากฏว่าทำงานไปได้ไม่เท่าไร ก็ถูกเปลี่ยนตำแหน่ง

จากเด็กเสิร์ฟ กลายมาเป็นคนล้างจาน แต่เพื่อนเราคนนี้ก็ได้ส่งเมล์ไปหาองค์กร

ว่าทำไมมาเปลี่ยนตำแหน่งอย่างนี้ องค์กรก็ได้ให้คำตอบว่า นายจ้างบอกเค้าว่า

เพื่อนเราคนนี้ ภาษาไม่ดี แล้วเพื่อนเราก็โต้ตอบจดหมายอีกนิดหน่อย

ทางนายจ้างก็ให้ตัวเลือกมาว่า จะทำงานในตำแหน่งล้างจานต่อหรือจะออกไปหางานอื่นก็ได้


:: กรณีที่สอง ::

ได้งานทำในร้านกึ่งฟาสฟู้ด ซึ่งเรทต่ำมากสำหรับการทำงานในเมืองที่ค่าครองชีพสูง

คนที่เรารู้จักคนนี้เคยไปเวิร์คมาแล้วครั้งนึง เป็นคนกล้าพูด แต่สำเนียงและทักษะการฟังค่อนข้างอ่อน

ผลที่เกิดขึ้นคือเค้าทำงานได้ประมาณ 3 อาทิตย์

แมเนเจอร์มาคุยว่าจะไล่ออกเนื่องจากภาษาไม่ค่อยแข็งแรง

แต่เอเจนซี่ที่ไทยและองค์กรที่อเมริกาก็ช่วยเหลือเต็มที่

สุดท้ายแล้วจากตำแหน่งที่ควรจะเป็น line cook ได้ทำอาหารบ้าง

กลับต้องไปนั่งล้างจาน ล้างแก้วอยู่ในครัว

กรณีนี้ยังถือว่าโชคดี เพราะอยู่เมืองใหญ่โอกาสได้งานมีค่อนข้างสูง

แต่ไม่ได้หมายความว่าอยู่เมืองใหญ่จะมีโอกาสได้งานมากกว่าเมืองเล็กนะ

ตรงนี้มีรายละเอียดยิบย่อยอีกเยอะ   แล้วก็ยังโชคดีที่แมเนเจอร์ไม่ไล่ออก


:: กรณีที่สาม ::

เขาเป็นกลุ่มเพื่อนกัน 3 คน มาทำงานที่ร้านฟาสฟู้ดร้านหนึ่งในเมืองใหญ่

และกำหนดเริ่มงานก็เป็นต้นเมษา แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น

เพราะพอไปรายงานตัวกับนายจ้างวันแรก

นายจ้างกลับปฏิเสธอย่างไร้เยื่อไย ไม่รับทั้ง 3 คนนี้เข้าทำงาน

ไม่ใช่ทำไปแล้วค่อยบอกนะ อันนี้คือไม่รับเข้าทำงานเลย ทั้งๆที่เป็นร้านฟาสฟู้ดธรรมดา

เนื่องจากเขาไม่พอใจภาษามากๆ

เราจำไม่ได้นะคะว่า 3 คนนี้สัมภาษณ์ผ่านเอเจนที่ไทยอย่างเดียว หรือสัมภาษณ์กับองค์กรของอเมริกาแล้ว

ผลก็คือ 3 คนนี้ตกงาน ต้องรองานจากองค์กรอยู่ราวๆ 3-4 วัน

และเป็นเรื่องน่าเศร้าที่องค์กรเองก็มีงานจำกัด คือ เขาไม่มีทางเลือก

จะต้องแยกกันไปทำงาน คือแยกที่ทำงาน แยกเมือง

จากงานฟาสฟู้ด ก็ได้กลายเป็นเฮ้าส์ ที่ทราบมาว่า

ทำงานได้เงินรายห้อง ห้องละ $4 เท่านั้น


ได้ยินแบบนี้แล้วอาจจะฟังดูโหดร้าย แต่ก็เป็นสิ่งที่อยากจะเตือนน้องๆ WAT เอาไว้ก่อน

ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันมีหลายด้าน หลายมุม ฟังเรื่องดีแล้ว ก็ควรจะรับรู้ด้านร้ายบ้าง

บล็อกนี้ Nakoze ขอทำเกริ่นนำเรื่องการสัมภาษณ์นิดหน่อย

แต่บล็อกหน้าจะพยายาม รวบรวมคำถามและแนวทางการตอบคำถามให้นะคะ



สำหรับบล็อกหน้า nakoze จะมีตัวอย่างการสัมภาษณ์กับเอเจนซี่คนไทย

และตัวอย่างการสัมภาษณ์กับนายจ้างและ US Sponsor ค่ะ

วันนี้ราตรีสวัสดิ์นะคะ Smiley



คลิกเพื่ออ่านต่อ Step 4 : สัมภาษณ์ part I [ กับเอเจนซี่ไทย]
คลิกเพื่อย้อนกลับไปอ่าน Step 3 : ชำแหละ Agency (สารบัญเอเจนซี่)






Create Date : 06 กันยายน 2552
Last Update : 9 พฤศจิกายน 2556 17:10:40 น.
Counter : 31335 Pageviews.

7 comments
  
ขอบคุณมากค่ะพี่กำลังจะไปสัมภาษณ์อีกประมาณสองอาทิตย์น่ะค่ะ เก็บข้อมูลๆเยอะๆ :D
โดย: น้ำ IP: 182.52.210.85 วันที่: 21 ตุลาคม 2554 เวลา:14:35:55 น.
  
ขอเมล์ จขblog ได้ไหมคะ อยากปรึกษาเรื่อง WT คะ
โดย: economix IP: 182.53.228.226 วันที่: 23 ตุลาคม 2554 เวลา:20:15:38 น.
  
claz_zic@hotmail.com ค่ะ

ปล.แอดเอ็มนะคะ ปกติไม่ค่อยรับแอดเฟส
โดย: nakoze วันที่: 23 ตุลาคม 2554 เวลา:20:59:05 น.
  
พี่เป็นคนที่เขียรได้น่าอ่านมากกกกค่ะ

ตบมือ นี่ตามมาจากพันทิพย์เลยคร้า :)
โดย: ชอบค่ะ IP: 27.55.0.113 วันที่: 1 กันยายน 2555 เวลา:12:33:52 น.
  
ขอบคุณมากๆค่ะ เป็นเรื่องยิบย่อยแต่ก็ควรรู้ไว้ทีเดียว
โดย: Denim IP: 49.48.151.206 วันที่: 4 มกราคม 2556 เวลา:11:22:03 น.
  
Thank you ka.
โดย: porn IP: 203.146.78.178 วันที่: 21 พฤษภาคม 2556 เวลา:8:59:35 น.
  
สวัสดีจ้า นี่หนูตามมาจาก pantip เลยนะเนี่ย 5555 เป็นบล็อกที่น่าอ่านมากๆค่าา ขอเป็นกำลังใจให้เขียนต่อไปนะคะ ^^//
โดย: aumche IP: 1.1.238.63 วันที่: 18 เมษายน 2557 เวลา:15:18:11 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

nakoze
Location :
  United States

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 60 คน [?]



New Comments