Group Blog
All Blog
|
► Step 5 : ขอ Visa อเมริกามหาโหด Step 5 : ขอ Visa อเมริกามหาโหด บล็อกนี้ถูกแก้ไขเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2556 (ขอบคุณรูปภาพจาก : //www.ukthaivisa.com/other/how-to-make-thai-passport-and-birth-certificate-in-england-for-child) สืบเนื่องจากว่า nakoze ได้ผ่านการสัมภาษณ์วีซ่าเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา แล้วก็ได้ทราบว่ามีเพื่อนๆอีกจำนวนหนึ่งที่ยังไม่ได้สัมภาษณ์ ก็เลยอยากมาแชร์ความรู้ ความลุ้น ความระทึกและตื่นเต้นให้ทุกคนได้รับทราบ เป็นไกด์ไลน์แบบละเอียดยิบชนิดก้าวต่อก้าว จะเสียเวลาอยู่ใย มาเริ่มกันเลยดีกว่า ก่อนอื่นโปรดแน่ใจว่า Passport ที่อยู่ในมือของทุกท่านมีอายุเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือน งงไหม? ง่ายๆค่ะเปิด Passport ไปดูที่ปกแข็งหน้าแรก หาคำว่า Date of expiry/วันที่หมดอายุค่ะ แล้วนับย้อนหลังไป 6 เดือน เช่น สมมุตินับย้อนหลังแล้วได้เป็นเดือนเมษายน แสดงว่าหลังเดือนเมษายน ท่านจะไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ค่ะ เอาล่ะค่ะในเมื่อ Passport พร้อมแล้ว ณ ตอนนี้เอกสารทุกอย่างเอเจนซี่ก็จะคืนมาอยู่ในมือของเราแล้วค่ะ เริ่มแรกก็ไปตามวันเวลานัดหมาย ควรไปก่อนเวลานัดเพื่อตรวจดูความถูกต้องของเอกสารด้วยค่ะ และเพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรอันแสนจะมีสภาพคล่องของกรุงเทพ (ประชด ) nakoze จะเดินทางโดยรถไฟฟ้า BTS ให้ก้าวเท้าซ้ายลงสถานีเพลินจิต [ถือเคล็ดแบบมั่วนิ่มค่ะ] พอถึงสถานีเพลินจิต ให้สอดส่ายสายตาดูที่ป้ายทางลงค่ะ จะมีเขียนไว้ว่า สถานทูตอเมริกา ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะเป็นทางออกที่ 2 นะคะ หลังจากเดินลงบันไดมาให้เรียก Taxi เลือกสีได้ตามใจผู้อ่าน (จะบอกทำไมวะเนี่ย) บอกว่าไปสถานทูตอเมริกา ราคามิเตอร์จะไม่เกิน 40-50 บาท พอถึงแล้วอาจจะเจอแถวโล่งไม่มีคน หรืออาจจะเจอหางแถวอยู่ไกลไปอีก 200 เมตร อันนี้แล้วแต่ดวง ในกรณีหลัง แนะนำว่าเอาร่มไปด้วยเถอะค่ะ รับรองได้ประโยชน์ ถ้าหางแถวอยู่ไกลก็ต้องยืนต่อแถวอยู่ข้างนอกกลางแดดนั่นแหละค่ะ เค้าจะเรียกเข้าไปครั้งละประมาณ 4-10 คน ในขั้นตอนแรกก็จะมีเจ้าหน้าที่ผู้หญิง ดูเอกสาร หน้าพาสปอร์ต แล้วทำเครื่องหมายว่าเรามาแล้วตามเวลานัดในกระดาษของเค้า ขั้นต่อมา ให้ยื่นบัตรประชาชน พร้อมทั้งปิดอุปกรณ์สื่อสารทุกชนิด รวมถึงฝากแฮนดี้ไดร์ฟ ร่ม หูฟังซาวเบาท์ ,, สมอทอล์ค ,, ที่ชาร์จแบต ,, กุญแจ กระติกน้ำร้อน หม้อหุงข้าว บลาๆ ๆๆ = = แล้วส่งให้พนักงานรักษาความปลอดภัย (สรุปคือเข้าไปได้แต่ตัวและหัวใจที่หวิวๆ) พนักงานรักษาความปลอดภัย จะยึดบัตรประชาชนและสิ่งของเหล่านั้นไป พร้อมกับให้บัตรเลขฝากของมาคล้องข้อมือแทน ต่อมาด้านขวามือของเคาเตอร์ ให้นำกระเป๋าเข้าสายพาน x-ray แล้วเดินผ่านเครื่องสแกน ตรงนี้เจ้าของบล็อกสามารถยืนยันได้ว่าการต่อผมด้วยไมโครริง ไม่มีผลใดๆต่อการส่งเสียงร้องของเครื่องค่ะ ต่อมาให้นำกระเป๋าเราที่ผ่านเครื่องสแกนเมื่อสักครู่เดินออกนอกประตูไปด่านถัดไป [ถ้าคุณเปิดประตูไม่ออก พนักงานรักษาความปลอดภัยจะพูดด้วยสำเนียงอเมริกันเป๊ะว่า PUSH !! ] แล้วเราก็เดินออกไปทางซ้ายมือ จะเจอบ่อขนาดใหญ่ ให้เข้าแถวตามระเบียบ ด่านต่อมา ณ ตรงจุดนั้นจะมีเจ้าหน้าที่ที่ตรวจแยกเอกสาร เค้าจะดึงเอกสารที่ไม่ใช้คืนให้ และนำเอกสารที่จะใช้ ใส่ซองแยกไว้อีกซองหนึ่ง ที่ผ่านมา 3 ครั้ง พบว่าทางเจ้าหน้าที่เค้าคืน Statement ของผู้ปกครองกลับมาให้ทุกครั้งค่ะ ระหว่างนี้ก็ให้ยืนรอค่ะ เค้าก็จะทยอยเรียกไปตรวจเอกสารและสแกนนิ้วมือ ตรงจุดนี้ก็แค่ยื่นเอกสารให้คนที่อยู่หลังกระจก เจ้าหน้าที่บางท่านอาจชวนคุยให้เราสบายใจขึ้น หรือบางท่านอาจดุใส่ให้เราจิตตกขึ้นก็ตามแต่บุญกรรมทำมาค่ะ จากนั้นแล้วก็จะบอกให้เราวางนิ้วมือ 4 นิ้วลงบนเครื่องสแกนเริ่มจากข้างซ้าย ข้างขวาแล้วตามด้วยนิ้วหัวแม่มือทั้งสองมือ แล้วแต่ว่าเป็นการขอวีซ่าครั้งแรกหรือไม่ เหมือนรอบต่อๆมา nakoze ไม่โดนสแกนนิ้วนะ จากนั้นเค้าจะส่งเอกสารคืน พร้อมกับหมายเลขเอาไว้เรียกสัมภาษณ์ เสร็จจากช่องนี้จะเดินไปช่องฝรั่งอีกช่องนึง[เค้าจะบอกอีกทีว่าช่องไหน] ซึ่งเป็นการสุ่มสแกนลายนิ้วมือ ช่องนี้ก็ยื่นเอกสารทั้งซองเหมือนช่องที่แล้ว แล้วฝรั่งจะบอกเองว่าให้เราสแกนนิ้วไหน ตรงนี้ไม่ต้องกลัวฟังไม่รู้เรื่องค่ะ เค้าจะชูนิ้ว แล้วบอกว่า left หรือ right [เจ้าของบล๊อกเจอนิ้วกลาง = = สะดุ้งเลย] เสร็จแล้วเราก็มานั่งรอเรียกคิวสัมภาษณ์ ถ้าตอนคนเยอะๆ อาจจะโดนเรียกเรียงคิว แต่ถ้าคนเริ่มบางตาลง จะไปต่อแถวไหนก็ได้ เอาตามใจชอบเลย ยืนขาสั่นอยู่ไม่ถึงสิบนาที ท่านกงศุลก็เรียกเข้าไปสัมภาษณ์ กงศุลเจ๊ช่อง 8 : พยักหน้า เรา : แนะนำตัว ชื่อ นามสกุล ,, อายุ ,,ชั้นปี ,, สาขาวิชา/คณะ ,, มหาวิทยาลัย กงศุลเจ๊ช่อง 8 : เรียนอะไรนะ ? เรา : บริหารจ่ะ กงศุลเจ๊ช่อง : จบไปแล้วจะไปทำงานอะไร ? เรา : [คิดในใจ,,นี่กรูเพิ่งปี 1 นะ อนาคตกรู ย๊าง ยาง ยาง ยางมืดมน] Im not sure กงศุลเจ๊ช่อง : how about do the bank job ? เรา : no ,, Id like to have my own business กงศุลเจ๊ช่อง 8 : what kind of business? เรา : คงทำร้านอาหารอ่ะ กงศุลเจ๊ช่อง 8 : แล้วนี่ไปทำงานอะไร เรา : งานแมค กงศุลเจ๊ช่อง : เออดี จะได้มีประสบการณ์ด้านร้านอาหารด้วย และท่านกงศุลก็เอาเอกสารทั้งหมดพร้อม Passport ของเราไป เป็นอันเสร็จสิ้นพิธี เสร็จแล้วก็เดินออกมา ด้วยใบหน้าที่บานเป็นอันดับสองรองจากดาวพฤหัส แล้วเดินกลับไปทางเก่า ระหว่างทางก็แวะจิ จ๊ะ กับคนที่ยังไม่ได้สัมภาษณ์ไปเรื่อยเปื่อย แล้วก็เดินเข้าประตูห้องที่เราผ่านตรวจของครั้งแรก ยื่นบัตรเอาของให้ยาม ยามจะไปหามาให้ เช็คบัตรประชาชนกับสิ่งของให้ครบถ้วน เลยได้ฤกษ์ถามยามว่า พี่ๆ ลุงยามคนนั้น[ยาม PUSH!] เค้าเป็นคนไทยป่ะ พี่ยามก็บอก อ๋อ ลุงแกเคยทำงานที่โรงแรมมาก่อน เนี่ยเป็นติวเตอร์พี่เลยเชียว กร๊ากๆ เฮฮากันไป แล้วก็เดินออกจากสถานทูต เรียกรถกลับบ้าน ด้วยประการฉะนี้แล PS : คำถามที่เพื่อนเราโดน 1. จบแล้วจะทำงานอะไร 2. กลับมาจากอเมริกาแล้วจะมาทำอะไร [มาเรียนต่อสิคะ] 3. ใครออกเงินให้ไป 4. เคยไปมาก่อนมั๊ย 5. มีญาติอยู่โน่นหรือเปล่า อะไรแนวๆนี้ค่ะ สำหรับเพื่อนๆที่เคยตกสัมพาษณ์ เราไม่อยากจะพูดว่า แค่คำถามง่ายๆยังตอบไม่ได้ แต่ถึงตรงจุดนั้นคุณจะรู้เองว่ามันตื่นเต้น มันกดดัน มันไม่ใช่แค่คำถามง่ายๆยังฟังไม่รู้เรื่อง แต่มันมีปัจจัยหลายอย่าง บางช่องฝรั่งพูดเสียงดัง ฟังชัด บางช่องพูดเป็นต่อยหอย บางช่องพูดแบบกระซิบให้สยิว อยู่ที่ดวง เราไม่สามารถพูดได้หรอก ว่ามันง่ายหรือมันยาก ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่คุณไปเจอค่ะ ขอให้ทุกคนโชคดีในการสัมพาษณ์นะคะ อวยพรให้ผ่านกันทุกคนค่ะ จุ๊บ คลิกเพื่ออ่านต่อ Step 6 :: ตามล่าหาตั๋วเครื่องบิน คลิกเพื่อย้อนกลับไป Step 4 : สัมภาษณ์ part II [ กับนายจ้าง, US Sponsor ] กำลังจะไปทำ visa เหมือนกัน แต่ไปอังกฤษนะคะ ได้ข่าวว่าตอนนี้สัมภาษณ์ยากทุกที่ :) แต่ยังไง...ก้อจะไปหละนะ
โดย: ตีลังกาเขียน วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:20:30:25 น.
ขอบคุณมากนะ ^^
โดย: I - Poy IP: 113.53.176.232 วันที่: 22 ตุลาคม 2553 เวลา:12:45:44 น.
|
nakoze
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 60 คน [?]
Link |