หนังที่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้---Pay It Forward
นานมากแล้วเกือบจะปีแล้วที่ฉันไม่ได้เขียน Blog นี้ กลับมาแตะอีกทีก็เพราะว่าช่วงสงกรานต์นี้หยุดยาวมากๆๆ ฉันนั่งอ่านโคนันยอดนักสืบจิ๋ว ที่คุณต่ายเอามาให้ไปประมาณ 40 เล่มแล้วก็เกิดอาการแพ้ฝุ่นจากโคนันโบราณเหล่านั้นก็เลยหยุดดีก่า... ตอนแรกกะว่าจะตกแต่ง Blog ก่อน แต่ว่าไปๆมาๆก็ไม่สำเร็จเหมือนเดิม พยายามถ่ายรูปจะลง Blog แต่แล้วก็นะ..เหอๆๆความสามารถหรือว่าความพยายามของฉันมันต่ำกันแน่หว่า..
สิ่งที่ฉันเริ่มคิดว่าจะทำอะไรต่อไปก็คือเก็บกวาดห้องดีก่า..เพราะว่าปีใหม่(ไทย)ก็อยากทำอะไรในชีวิตใหม่ๆบ้าง...แหมเสียดายได้จังไม่ได้ถ่ายรูป before กับ after ไว้หนิว่าทำแล้วสะอาดแค่ไหน..แล้วสิ่งที่ฉันเจอก็คือหนังที่ฉันชอบมากๆเรื่องนึง...มันคือเรื่อง "Pay It Forward" มันเป็นหนังที่เกี่ยวการทำความดีต่อๆกันไป เป็นเรื่องของความเชื่อมั่นว่าคนเราถ้าทำความดีแล้วโลกมันจะเปลี่ยน "เรื่องของความกล้าหาญที่เราจะเปลี่ยนบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ดีที่เราเคยทำจนเคยชินจนมันเป็นนิสัย" คือว่าอาจจะเล่าเรื่องไม่ได้ดีเท่าไหร่ เอาเป็นว่าไปดูกันเองดีกว่ามันจะ In กว่าหล่ะ ตอนนี้ฉันทำงานเครือข่ายผู้บริโภคที่บางคนอาจจะรู้จักในนามของขายตรงนั้นแหละ...(แล้วมันเกี่ยวอะไรกับ Pay It Forward) ฉันทำอยู่ที่ Aimstar มันใช่ความลับนี่นาแล้วก็ไม่ใช่เรื่องน่าอายด้วย แต่ว่าถ้าใครอ่านถึงตรงนี้แล้วจะไม่อ่านต่อก็ไม่เป็นไรหรอก...ไม่อยากได้ยินคำว่าขายตรงก็เลิกอ่านกันได้ฉันไม่ว่ากัน...เพราะว่าแต่ก่อนนั้นฉันก็ไม่ชอบธุรกิจแบบนี้เหมือนกัน เข้าขั้นเกลียดก็คงได้ แต่ว่าชีวิตฉันป่วยมากมีโลกประจำตัวมากมาย 1.ไมเกรน ชนิดที่เรียกว่า อาเจียนมาราธอนเลยหล่ะ วิธีสุดท้ายที่รักษาก็คือ ฉีดยาแวเลี่ยมหรือว่ายานอนหลับเข้าเส้นเลือดเลยนั้นแหละ ฉันไม่สามารถทำประกันชีวิตแบบที่คุ้มครองสุขภาพได้ คือว่าทำได้แต่ว่าเค้าจะเก็บเบี้ยประกันเพิ่ม แต่ว่าที่บ้านฐานะปานกลางก็เลยไม่ได้ทำ ฉันไม่สามารถเดินผ่านแดดร้อนนานๆได้ เพราะฉะนั้นฉันจึงไม่เคยไปทะเล เพราะว่าไมเกรนจะขึ้น ฉันไม่สามารถทานช็อคโกแล็ตและกล้วยหอมได้เพราะว่ามันทำให้การไหลเวียนของเลือดเปลี่ยน ฉันไม่สามารถเดินในห้างสรรพสินค้าได้เพราะว่าฉันแพ้แสงสปอตไลท์ที่ส่องในตู้กระจกได้ ฉันมีชีวิตเป็นมนุษย์ถ้ำอย่างแท้จริง ฉันจะเป็นไมเกรนทุกครั้งที่ประจำเดือนจะมา 2.หมอนรองกระดูกสันหลังทับเส้นประสาท ไม่สามารถเดินได้เกิดว่า 1 ชม. ไม่สามารถขับรถได้ confirm ความเป็นมนุษย์ถ้ำ 3.ริดสีดวง 4.ภูมิแพ้ แบบว่าต้องพกผ้าเช็ดหน้าไว้เช็ดขี้มูกตลอดเวลา 5.ไม่มีภูมิต้านทานเชื้อรา 6.ซีดที่รังไข่ เกิดจากการติดเชื้อ แล้วพี่สาวฉันก็นำพาฉันมารู้จักน้ำมันรำข้าวจมูกข้าวของ Aimstar ซึ่งมาทำให้ชีวิตดีขึ้นอย่างน่าใจหาย มันเหมือนสิ่งมหัศจรรย์สำหรับฉันเลยทีเดียว (หยุดก่อนฉันไม่ได้มาขายของนะ ฉันแค่เล่าความจริงในชีวิตฉัน เพราะฉะนั้นฉันจะไม่เล่าสรรพคุณของมัน) ตอนนั้นพออาการฉันเริ่มดีขึ้น พี่สาวฉันก็บอกว่าเค้าจะสมัครสมาชิก เพราะว่าพ่อซึ่งเป็นเบาหวานทานแล้วก็ดีขึ้น แล้ววินาทีนั้นฉันก็คิดเลยว่าความหายนะจะต้องมาสู่พี่ฉันแน่ๆถ้าพี่ฉันสมัครสมาชิก พี่ฉันนัดกับคนที่เค้าจะมาสมาชิกให้ฉันบอกว่าฉันไปด้วยเพราะว่าฉันกลัวพี่โดนหลอก กลัวโดนให้ขายของ กลัวว่าต้องเสียเงินเยอะเหมือนอย่างที่บางคนโดนหลอกเอา แต่ว่าพอไปนั่งฟังจริงๆแล้วฉันกลับสมัครซะเอง แล้วฉันก็ลองไปเข้าห้องประชุมที่คุณหมอพนินทร์ผู้ก่อตั้งบริษัทเป็นคนบรรยายเองแล้วฉันประทับใจมาก "งานนี้ไม่ยากแค่ให้ความปรารถนาดีกับคนอื่นก่อน อย่าหวังว่าจะไปเอาอะไรจากใคร ถ้าเราหวังว่าเราจะได้อะไรจากใครเราจะไม่ได้อะไรเลย แค่เราใช้สินค้าดีแล้วบอกต่อ จาก 2 ก็เป็น 4 ต่อไปเรื่อยๆ" นี่คือสิ่งที่ผู้บริหารที่นี่ปลูกฝัง เฮ้ย..วินาทีนั้นฉันรู้สึกคุ้นๆมากเลยว่าเออ..ไอ้ slogan เนี่ยมันมาจากหนังเรื่องนี้นี่นา หลังจากที่ฉันเริ่มลงมือทำฉันก็ได้เรียนรู้ว่าอือ...มันเป็นไปได้นะ มันสามารถเปลี่ยนชีวิตคนเราได้นะ มันทำให้คนจนสามารถมีรายได้โดยที่ฉันไม่ต้องลอกให้ใครซื้ออะไรไม่ได้โกหกใคร (o.k. มันอาจจะไม่ฟังแล้วเว่อร์ ฟังแล้วเหมือนลัทธิอะไรสักอย่าง ฟังแล้วเหมือนๆกับที่ทุกๆธุรกิจเคยทำกันมา) แต่ว่าวันนี้ฉันก็มีรายได้เสริมอยู่เดือนละ 3 หมื่น ซึ่งมันทำให้ฉันสามารถนำเงินนี้ไป Pay It Forward หลังจากที่ผู้บริหาร Aimstar ให้เงินนี้ฉันมา ฉันใช้ความรู้ความสามารถที่ได้มา(จากการที่ไม่ได้โกงใคร) ไปช่วยเหลือคนอื่นๆที่ขาดโอกาสให้มีรายได้เหมือนฉันบ้าง บางครั้งฉันก็ทำไม่สำเร็จบางครั้งก็ท้อว่าเอ๋..นี่ฉันทำทำไมนะอาชีพแบบนี้ทำอาชีพที่ให้ใครๆ เค้าดูถูกดูแคลนเอาอยู่แบบเดิมๆทำงานเช้าชามเย็นชามก็ได้ตังค์แล้วง่ายกว่าอีก (งานหลักของฉันคือพนักงานรัฐวิสาหกิจ ฉันเป็นนักเรียนทุน แต่ว่าตอนนี้หมดทุนแล้ว) บางวันฉันต้องเหนื่อยอยากกลับบ้านแต่ก็กลับตี1ตี2ทุกวัน แล้วฉันหนังดูหนังเรื่องนี้ก็ทำให้ฉันเข้าใจว่าการที่เราต้องการจะเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่างที่มันเลวที่มันแย่ให้ดีขึ้นมันเป็นเรื่องที่ยากมาก หนังเรื่องนี้บอกตลอดว่ามัน 'Hard' จริงด้วย ฉันบอกตัวเอว่าจะทำให้ธุรกิจของฉันมันดูสวยงามมีแต่การ"ให้" แต่ว่านะภาพลักษณ์เก่าๆ หรือว่าภาพลักษณ์บางอย่างเช่นต้องยัดเยียด ต้องพูดจาไม่รู้เรื่อง เป็นต้น ให้หายไปให้ได้ อิอิ..อย่างน้อยฉันก็อยากอวดว่า ฉันสามารถทำให้คนป่วยมีอาการดีขึ้นได้ ญาติพี่น้องพ่อแม่เค้าก็มีความสุขขึ้น ฉันสามารถทำให้ชาวนาที่ชัยภูมิมีรายได้เดือนละ3พันทุกเดือน เพื่อนๆที่รู้จักก็ไม่เคยรังเกียจตั้งแต่ทำงานนี้ ฉันสัญญากับตัวเองว่าฉันจะไม่เลิก Pay It Forward แน่นอน ถึงแม้ว่าวันนี้ฉันเองอาจจะไม่ได้มีเงินเยอะแยะไม่ได้ตำแหน่งสูงส่งอะไรที่ Aimstar ...แต่ฉันอยากให้ใครบางคนที่ได้อ่าน Blog นี้ลองไปดูหนังเรื่องนี้ดู อยากให้คุณลองนึกดูซิว่า ถ้าเราทำอะไรให้ใครสักคนแบบที่เรียกว่าสิ่งที่เราทำนั้นเค้าไม่มีความสามารถทำได้เองได้แน่นอน ทำอย่างนี้กับคนอย่างน้อย 3 คน แล้วให้คน 3 คน ทำดีต่อไปอีก 3 คนเรื่อยๆ โลกของเราจะป็นยังงัย โลกจะเปลี่ยนไหม โลกจะดีขึ้นไหม ฉันอาจจะทำไม่ได้อย่างในหนังแต่ก็หวังว่าเกิดมาทั้งทีถ้าได้ทำอะไรให้โลกมันเปลี่ยนไปทางทีดีขึ้นบ้างก็คงดีนะ ลองไปดูนะคะ บางทีคุณอาจจะได้แรงบันดาลใจให้ทำอะไรที่เราไม่เคยทำมาก่อนเลยก็ได้
Free TextEditor
Create Date : 15 เมษายน 2552 |
|
23 comments |
Last Update : 15 เมษายน 2552 20:21:49 น. |
Counter : 3313 Pageviews. |
|
 |
|