บทความจากนิตยสารรายปักษ์ ขวัญเรือน ฉบับที่ 895 ปักษ์แรก มี.ค. 52คอลัมภ์ เพื่อชีวิตและสุขภาพ : พญ.ลลิตา ธีระสิริใครๆ ก็อยากจะเลื้ยงลูกให้ฉลาด...ที่ควรรู้คือ ความฉลาดของเด็กนั้นขึ้นอยู่กับกลไกการทำงานของสมอง สมองเป็นอวัยวะหนึ่งที่ต้องการสารอาหารพิเศษ หากอยากให้ลูกหลานฉลาด เราจึงจะเริ่มต้นจากตรงนี้คือ ป้อนอาหารให้สมองอย่างเต็มที่ เพื่อสมรรถภาพการทำงานสูงสุดการพัฒนาสมองของเด็กนั้นควรเริ่มต้นตั้งแต่แรกเกิด จะว่าไป อาหารบำรุงสมองที่ดีที่สุดก็คือนมแม่ มีรายงานว่า เด็กกินนมแม่จะมีไอคิวสูงกว่าเด็กที่กินนมวัวประมาณ 10 จุด หากอยากให้ลูกฉลาดก็ต้องเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ซึ่งมีสารอาหารจำเป็นสำหรับพัฒนาการของสมองของเด็กทารก อย่าได้หลงเชื่อโฆษณาของนมผงยี่ห้อไหนว่าดีสำหรับสมอง เพราะสารที่เขาเติมลงไปในนมวัวนั้นแท้ที่จริงแล้วมีพร้อมในนมแม่อยู่แล้วทีนี้เมื่อเด็กเล็กกินนมแม่ เราก็ต้องจัดอาหารให้เขาอย่างเหมาะสม เขาจึงจะฉลาด และฉลาดยิ่งขึ้นอาหารจำเป็นเพื่อพัฒนาสมองของเด็ก มีดังนี้..1. ข้าวกล้อง ข้าวกล้องเป็นข้าวที่ไม่ขัดขาว มีวตามินบีหลายตัว และมีสารตัวหนึ่งชื่อ GABA ซึ่งเป็นสื่อนำประสาทในสมอง เวลาสมองของเด็กต้องทำงานจะขาดสื่อนำประสาทนี้ไม่ได้ วิตามินบีและ GABA ในข้าวกล้อง จึงจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการเรียนรู้ มีผลต่อความนึกคิดและการวิเคราะห์ของสมอง หากอยากให้เด็กฉลาดต้องให้กินข้าวกล้องเป็นประจำทุกมื้ออาหารข้าวกล้องยังเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ย่อยช้ากว่าข้าวขาว แป้งขัดขาว และน้ำตาล ขนมหวาน ด้วยเหตุนี้เวลาเด็กกินข้าวกล้อง น้ำตาลในเลือดจะสูงขึ้นช้าๆแต่ระดับน้ำตาลในเลือดจะคงอยู่สูงเป็นเวลานาน อันนี้ดีสำหรับเซลล์สมอง เนื่องจากสมองต้องการน้ำตาลในเลือดไปหล่อเลี้ยง แต่ระดับนี้จะต้องอยู่สูงประมาณ 80 mg/dl การจะมีระดับน้ำตาลในเลือดขนาดนี้ เด็กจะต้องกินข้าวกล้องเท่านั้นผิดกับการกินน้ำตาลทรายระดับน้ำตาลทรายในเลือดจะพุ่งขึ้นวูบ แล้วลดลงต่ำในแทบจะทันที ทำให้สมองมีน้ำตาลไปใช้ไม่พอ2. ผักสด ผลไม้สด ผัก ผลไม้สด เป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระ เบต้าแคโรทีนและวิตามินซี ซึ่งจะทำให้เด็กมีภูมิต้านทานดี ทำให้เขาแข็งแรงไม่เจ็บป่วย ซึ่งจะได้ไม่บั่นทอนสุขภาพและเป็นอุปสรรคแก่การเรียนรู้ นอกจากนี้ผักและผลไม้โดยเฉพาะผักใบเขียว กะหล่ำ แคนตาลูป ยังมีวิตามินบี 6 โคลีน และอินโนซิทอล ซึ่งก็จำเป็นสำหรับใช้เป็นสื่อประสาทในการทำงานของเซลล์สมองทุกวันนี้เด็กอายุระหว่าง 1-5 ปีของเราที่กินผักทุกวันมีเพียงร้อยละ 36 เท่านั้น การที่เด็กไม่กินผักจึงเป็นปัญหาร่วมกันของผู้ปกครองส่วนใหญ่3. โปรตีนพอสมควร แต่ก็ไม่ใช่ต้องกินมากมาย และไม่ต้องดื่มนมวัว โปรตีนมีความจำเป็นในการสร้างเครือข่ายเชื่อมต่อของเซลล์ประสาท หากเซลล์ประสาทเชื่อมต่อกันได้หลายๆเซลล์ ก็จะส่งผลเพิ่มพลังในการเรียนรู้ของเด็กได้มากกว่าเด็กปกติ จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่เด็กจะขาดไม่ได้ สำหรับเด็กทุกอายุหากได้เนื้อสัตว์ปริมาณเท่ากับไก่ 2 น่อง เท่านี้ก็เพียงพอสำหรับสมองแล้ว นมวัวไม่ได้ทำให้เด็กของเราฉลาดขึ้น จะเห็นได้จากการส่งเสริมให้เด็กดื่มนมวัวกันยกใหญ่ แต่ไอคิวของเด็กไทยกลับต่ำลงเหลือเพียง 88.8 เท่านั้น การดื่มนมวัวในเด็กที่เป็นภูมิแพ้กลับทำให้ป่วยเรื้อรังไม่เป็นอันเรียนรู้อะไร ในทางตรงข้าม หากงดนมวัวเสีย สุขภาพของเด็กกลุ่มนี้จะดีขึ้น และจะมีความสามารถทางสมองเพิ่มมากขึ้นด้วยสำหรับโปรตีนที่ดีสำหรับเด็กคือ ปลา นอกจากปลาจะย่อยง่ายแล้ว ปลายังมีน้ำมันโอเมก้า3(EPA,DHA) และทอรีน ซึ่งสารอาหารทั้งสองตัวนี้มีผลต่อพัฒนาการของสมอง โดยเฉพาะจะมีผลต่อการเชื่อมโยงเครือข่ายของเซลล์สมอง4. ออกซิเจน สมองต้องการออกซิเจน การออกกำลังกายสม่ำเสมอ จะทำให้เลือดฉีดแรง สมองได้ออกซิเจนมากขึ้น ก็จะมีความสดชื่น มีความกระปรี้กระเปร่า พร้อมที่จะรับรู้สิ่งใหม่ๆได้ดี 5. งดอาหารขยะมีรายงานว่า เด็กที่กินแต่อาหารขยะจะมีผลการเรียนต่ำกว่าเด็กที่กินอาหารที่มีคุณค่าสูง ข่าวดีคือ เพียงแต่งดอาหารขยะและปรับเปลี่ยนอาหารเสียใหม่ดังที่กล่าวมาข้างต้น ผลการเรียนของเด็กๆก็จะดีขึ้นได้ตัวอย่างอาหารของเด็กฉลาด...เมี่ยงปลาสำหรับเด็ก...แซนวิชไข่นกกระทา...โจ๊กปลาเค็ม...ไก่ขมิ้นทอดกระเทียม...แวะไปชมภาพสวยๆ สูตร วิธีทำ ได้ที่ //www.balavi.com/content_th/nanasara/Con00371.asp
เพราะช่วงนั้น สาวน้อยต้นฝน ไม่ค่อยชอบทานนมเท่าไหร่
นมวัว นี่แทบไม่ทานเลย แต่น้ำเต้าหู้ นมถั่วเหลืองนี่ พอไหว
เคยไปหาหมอ หมอก็บอกให้กินอาหารทดแทน พวก ปลาตัวเล็กตัวน้อย เพิ่มแคลเซียม
ส่วนผัก ผลไม้สดนี่ กินแยะจนกลัวได้รับสารอาหารพวกโปรตีนไม่พอ
แอบกังวลเล็กน้อย พอได้อ่านพอคลายกังวลได้บ้าง...
แต่จริงๆ น่าจะเป็นวัย แล้วก็เป็นช่วงๆด้วย
ตอนนี้กินหมู กินปลา แต่ไม่กินผัก