ฉันนี่แหละSinglemom บทที่ 13 ตัดใจ
บทที่ 13 ตัดใจ หลังจากไปเจาะเลือดเพื่อตรวจหลายๆอย่าง ฉันก็มานั่งยิ้ม เอามือลูบท้องเบาๆอยู่คนเดียวตอนรอที่ช่องชำระเงินของโรงพยาบาล ดีใจจังเลย ฉันเป็นแม่คนแล้ว มีหัวใจอีกดวงเต้นตุบๆอยู่ในร่างกายของฉัน ฉันรู้สึกเข้มแข็งมากขึ้น เด็กดีของแม่ แม่จะดูแลหนูเองนะ รออยู่ไม่นานพยาบาลก็เรียกชื่อฉัน ฉันเดินยิ้มร่าไปที่ช่องชำระเงิน แหมอยากจะบอกใครต่อใคร ว่าฉันเป็นแม่แล้วนะ คุณเมลดานะคะ ชื่อถูกต้องนะคะ พูดพลางพลิกชื่อที่ติดอยู่ข้างหลอดยาให้ฉันดู ชำระเงินทั้งหมด สี่พันเจ็ดร้อยยี่สิบบาทค่ะ ฉันหุบยิ้มทันใด มือก็ไม้อ่อนขึ้นมาทันที ความเข้มแข็งที่เต็มเปี่ยมมาแต่แรกแปรผกผันกับจำนวนเงินที่ต้องจ่าย แต่ก็ควานบัตรเครดิตมายื่นให้นางพยาบาลโดยอัตโนมัติ นี่ นี่คุณพยาบาลคะ ฉันไม่ได้ทำอะไรหักเลยนะ ในห้องหมอน่ะ ทำไม มันแพงจังล่ะ นางพยาบาลคหน้าหวานเหมือนนางงาม แต่งหน้าเข้มเผื่อว่าวันพรุ่งนี้จะได้ไม่ต้องแต่ง ยื่นแผ่นพับสีสวยให้ฉัน พร้อมถุงใส่ยาใบหนาเคลือบเงาเหมือนถุงใส่เครื่องสำอาง สายเป็นเชือกพันเกลียวอย่างดี ในถุงมียาในหลอดทึบแสงเล็กๆ กลิ้งอยู่หลอดเดียวฉันพยายามเทไปเทมา ก็หาทอง หรือของมีค่าอะไรที่จะทำให้ค่ารักษามันแพงขนาดนี้ แต่ก็ไม่ยักกะมี มียาบำรุงนะคะ คุณแม่ทานยาให้สม่ำเสมอนะคะ อันนี้เป็นแพคเกจคลอดของโรงพยาบาลเรานะคะ มีอะไรสงสัยสอบถามได้ที่เบอร์นี้ค่ะ ขอบพระคุณค่ะ ฉันยิ้มแบบรักษามาด แล้วถือบิลมาอ่านอย่างละเอียด แบบที่ไม่เคยทำมาก่อนตอนไปช็อปปิ้ง แล้วเปิดแผ่นพับออกอ่านด้วยมืออันสั่นระริก PACKAGE คลอดปกติ 39,000 บาท PACKAGE ผ่าตัดคลอด ราคา 59,000 บาท เอ้อ แพคเกจคลอดนี่รวมอะไรบ้างคะ ฉันถามเบาๆแบบกลัวคำตอบ ก็ทุกอย่างค่ะคุณแม่ ยกเว้นถ้าคุณแม่เป็นพาหะไวรัสบี จะมีการฉีดยาให้น้องเพิ่ม แล้วถ้าคุณแม่อยากได้วีดีโอตอนผ่าตัด หรือ รอยเท้าน้องใส่กรอบ ก็จะเพิ่มอีกเล็กน้อย ถ้ามีการตรวจกรุ๊ปเลือดของน้อง หรือตรวจความสามารถในการฟังของน้อง จริงๆแล้วยังไงก็ไม่เกินเจ็ดหมื่นบาทหรอกค่ะ พยาบาลตอบอย่างยิ้มแย้ม เจ็ดหมื่น!!! นี่ฉันแค่จะมาคลอดที่นี่นะ ไม่ได้จะขอซื้อหุ้นของโรงพยาบาลสักหน่อย พอฉันถึงคอนโด ก็เริ่มใคร่ครวญถึงสถานะทางการเงินของตัวเอง ฉันไม่มีภาระอะไรนอกจากคอนโดนี้ นั่นก็ยิ่งเป็นสาเหตุหลักๆที่ทำให้ฉันไม่มีเป้าหมายในการเก็บเงินเลย และรูดบัตรเป็นประจำอีกต่างหากเวลาอยากได้กระเป๋า รองเท้าแพงๆ พอบิลมา บางใบก็จ่ายครึ่งเดียว บางใบก็จ่ายหมด บางเดือนช็อปมันส์ไปหน่อย จ่ายขั้นต่ำก็บ่อยไป แล้วเงินเก็บฉันไม่มีหรอก เอาแค่มีเงินเก็บไว้ในธนาคารเป็นหลักพันฉันก็ว่ามันไม่น่าเกลียดเท่าไหร่ ถ้าเดือนไหนช็อปเพลิน กลายเป็นเหลือหลักพันต้นๆ เวลาไปกดเงิน ฉันก็รีบกด ไม่รับใบบันทึกรายการ อย่างรวดเร็ว ลดโลกร้อนแถมไม่ระคายตาด้วย ดีออกจะตาย เวลาโบนัสออก ฉันก็เคยตั้งใจนะ ว่าจะเปิดดูบิลทวงหนี้แต่ละใบ แล้วเอาเงินไปจ่ายให้มันหมดๆ จบๆไป แต่พอเอาเข้าจริง ก็ อ่ะ ซื้อเครื่องสำอางชุดใหม่ รองเท้า เล็งมานาน ถือว่าให้รางวัลที่ทำงานหนักมาทั้งปี (จริงๆฉันเพิ่งจะมาทำงานหนักนี่แหละ ก่อนหน้านี้ก็เล่นเน็ทเสียครึ่งวัน) จนสุดท้ายก็ยังมีหนี้เหลือบาน ถ้าค่าคลอดใกล้แสน แล้วต้องไปหาหมอทีละสี่พันนี่ เห็นทีฉันจะตายก่อน ไหนยังจะพวกชุดคลุมท้องสวยๆ ครีมทาหน้าท้องอีก อุ๊ย เยอะ จะประหยัดก็แค่ค่าผ้าอนามัยเดือนละไม่กี่ตังเอง โธ่ แต่ เดี๋ยวก่อน ทำไมฉันต้องมากังวลเรื่องพวกนี้คนเดียวแล้วนี่นา ยังมีพี่ทะเลอีกคน ที่จะต้องร่วมรับผิดชอบ ฉันรู้สึกใจชื้นขึ้นนิดหน่อย จะโทรหาพี่ทะเล เขาจะคิดว่าฉันโทรจิกมากไปรึเปล่านะ แต่นี่ก็ลูกเค้านะ เค้าควรจะอยากรู้สิว่าลูกเป็นยังไงบ้าง ทะเลาะกับตัวเองอยู่พักใหญ่ ฉันก็ตัดสินใจโทร ค่ะ มุ่ย พี่ทะเลปล่อยให้สัญญาณโทรศัพท์ดังอยู่นานถึงรับ มุ่ยไปหาหมอมาแล้วค่ะ อ้อ ค่ะ เป็นยังไงบ้างคะ หมอว่ายังไงบ้าง ก็บอกว่าท้องประมาณสองเดือนค่ะ แล้วก็รอผลตรวจเลือด ฉันอยากจะพูดอะไรที่ดูสำคัญกว่านี้ เพราะรู้สึกว่าตัวเองโทรมารบกวน แต่ก็นึกไม่ออก จะบอกว่ามีค่าปั๊มเท้าด้วยค่ะ ก็ดูไร้สาระ เลยถามไปว่า แล้ว พี่ทะเลจะกลับเมื่อไหร่คะ พี่ยังไม่รู้เลยค่ะ ยังไม่แน่ใจ เพื่อนๆว่าจะไปเที่ยวจังหวัดใกล้ๆกันต่อ เดี๋ยวจะกลับแล้วพี่โทรบอกแล้วกัน มุ่ยมีอะไรอีกไหมคะ น้ำเสียงพี่ทะเลพยายามใส่ใจ แต่มันก็ฟังดูห่างเหิน เหมือนคนเพิ่งเลิกกันมากลับมาดีกันใหม่ ก็ มีเรื่องค่าคลอดค่ะ มุ่ยลองดูแล้วมันแพงมากเลย มุ่ยไปโรงพยาบาลไหนมาคะ จริงๆฉันบอกเค้าไปก่อนหน้านี้แล้วล่ะ แต่พี่ทะเลคงจำไม่ได้ พอฉันบอกชื่อโรงพยาบาลไปอีก พี่ทะเลก็บอกว่า โห ที่นี่ก็แพงสิคะ มุ่ยก็เปลี่ยนโรงพยาบาลอื่นที่ถูกกว่า ลองหาดูนะคะ พี่ต้องวางแล้ว จะออกไปทานข้าวกับเพื่อนๆ มุ่ยดูแลตัวเองด้วยนะคะ แล้วพี่ทะเลก็วางสาย ฉันสะกดความน้อยใจเอาไว้ ลองเดินไปเปิดตู้เย็นว่ามีอะไรกินบ้าง เจอสปาเก็ตตี้ของโปรดเลยเอามาใส่ไมโครเวฟ กลิ่นหอมของสปาเก็ตตี้ที่เคยทำให้ฉันน้ำลายสอ คราวนี้กลับทำให้ฉันคลื่นไส้ รู้สึกน้ำลายเอ่ขึ้นมาเต็มปาก เอ่อ แค่เต็มมปากน่ะ ไม่ใช่ฟูมปากหรอกนะ รู้สึกอยากอาเจียนจนแทบทนไม่ไหว ฉันเอามืออุดปาก รีบพุ่งไปที่ห้องน้ำ กอดชักโครกเหมือนเพื่อนรัก แล้าอาเจียนเอาน้ำใสๆออกมาจนหมดแรง
โอ้โห ยังกับหนังไทย จะมีผู้กำกับมาบอก คัท ! ไหมเนี่ย ฉันบ้วนปากแล้วยังยืนเกาะขอบอ่างล้างหน้าแน่น คลานขึ้นเตียงนอนเพดานห้องหมุนติ้ว ฉันพยายามหลับโดยที่แก้มยังเปื้อนน้ำตา ไม่แน่ใจว่าน้ำตาที่ไหลออกมานั้นเกิดจากอาการเวียนหัวหรือความเศร้าในใจกันแน่ ฉันพยายามข่มใจให้สงบจนหลับไปในที่สุด สายแล้วฉันยังไม่มีแก่ใจไปทำงาน ไม่กล้าชะโงกหน้าเข้าไปในห้องครัว รู้สึกขนลุกเมื่อนึกว่าเจ้าสปาเกตตี้ป่านนี้คงเน่าอยู่ในไมโครเวฟ กลิ่นคงสยองกว่าเมื่อวาน แต่ก็ทนหิวไม่ไหวเลยเอาผ้าเช็ดตัวพันรอบหน้าเหมือนจะไปรบ แล้วก็วิ่งไปหยิบนมจากตู้เย็นมากินบรรเทาความหิว ตอนผ่านกระจกในห้องนอน ถึงกับผงะ เพราะภาพที่ปรากฏคือผู้หญิงหัวยุ่งหน้ามัน มีผ้าเช็ดตัวลายคิตตี้พันรอบหน้า ใส่ชุดเมื่อวานยังไม่ได้ซักที่แสนจะยับย่น ฉันทนไม่ไหวแล้วนะ เจ๊...ฉันโทรไปโอดครวญกับพี่ซิม ช่วยมุ่ยด้วย เป็นอะไรแก ป่านนี้ยังไม่มาออฟฟิศอีก เป็นครั้งแรกที่พี่ซิมทำเสียงเป็นห่วงฉัน ปกติคอยจิกกัดฉันตลอด ทำเอาฉันน้ำตาคลอ มุ่ยหิว ฉันสะอื้นเบาๆ ไม่คิดเลยว่าจะต้องมาโอดครวญว่าหิว ดูน่าสงสารที่สุด มันเวียนหัว ออกไปไหนไม่ได้ หิวจะแย่อยู่แล้ว เออ ทนไว้ เดี๋ยวฉันชั้นป หลังจากวางสายไม่ถึงชั่วโมง เสียงเคาะประตูรัวๆก็ดังขึ้น ฉันโผเผไปเปิด เจอหน้าพี่ซิม ฉันก็แทบโผไปกอด อย่าๆ อุ๊ยขนลุก เดี๋ยวจะมาอ้วกใส่ชั้น หยุด เดี๋ยวเอาข้าวต้มปาใส่เลย พี่ซิมดิ้นรนขัดขืน ยื่นถุงข้าวต้มมาบังไว้เป็นเกราะป้องกัน ตอนที่ดิ้นรนขัดขืนนี่แหละ ทำให้ฉันเห็นว่ามีแขกไม่ได้รับเชิญอีกคนยืนทำสีหน้ากังวลอยู่ด้วย ฉันตาค้าง เพราะสภาพตัวเองน่ะไม่เหมาะจะเจอใครทั้งนั้น ก็ฉันไม่มีรถ อยากจะมาไวๆเป็นห่วงแก ก็เลยบอกพี่ธัญญ์ให้ช่วยขับรถมาให้ พี่ซิมรีบแก้ตัว แล้วไล่ฉันไปอาบน้ำ จริงๆไม่ต้องไล่ฉันก็อยากจะไปเต็มทีแล้วล่ะ ตอนอาบน้ำ ฉันก็ชักกังวลว่าพี่ซิมบอกอะไรพี่ธัญญ์ไปแค่ไหน ยังไงก็ยังห่วงหน้าตัวเองอยู่ แต่ก็ตัดใจ ยังไงซักวันพี่ธัญญ์ก็ต้องรู้ ยังไงฉันก็ต้องลาออกไปแต่งงานอยู่ดี (นี่ยังมองโลกในแง่ดีสุดๆ อยู่นะเนี่ย) ฉันย่องเข้าไปในห้องครัวเมื่ออาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย มีข้าวต้มหน้าตาน่ากินตั้งอยู่บนโต๊ะ และมีเกย์ กับผู้ชายอย่างละหนึ่งทำหน้าเป็นห่วงอยู่เป็นของประดับให้ชามข้าวต้ม
มุ่ยไม่สบายเหรอ พี่ธัญญ์เริ่มด้วยคำแสนเชย แน่ล่ะ จะให้เขาถามฉันว่ามุ่ยวันนี้คึกมาเลยหยุดงานเหรอ ก็ยังไงอยู่ พี่ซิมรีบส่งสายตาบอกฉันว่า ปล่าวนะ ฉันไม่ได้บอกอะไร แค่ให้ขับรถพามาเฉยๆ ก็ ค่ะ ไม่ค่อยสบาย พี่ธัญญ์กับพี่ซิมไปนั่งดูทีวีก่อนก็ได้ มุ่ยขอทานข้าวแป๊บนะคะ ฉันรีบไล่ หิวก็แสนหิว แต่จะให้ซดข้าวต้มโฮกๆต่อหน้าทุกคนก็ไม่ไหวนะ แขกของฉันปฏิบัติตามอย่างว่าง่าย ฉันรีบจัดการกับข้าวต้ม แต่ถึงจะแสนหิวก็กินไม่ได้มาก พอหลายๆคำเข้าชักจะไม่ไหว ไม่นานฉันก็โผล่หน้าเข้าำไปในห้องรับแขก อิ่มแล้วค่ะ จริงๆมุ่ยดีขึ้นแล้ว พี่กลับไปทำงานกันก็ได้นะคะ เดี๋ยวมุ่ยก็กินยานอน แป๊บเดียวก็หาย ไม่ได้เป็นอะไรมากค่ะ แล้วไปหาหมอมารึยัง พี่ธัญญ์ถามเสียงเป็นห่วงเป็นใย
ไปมาแล้วค่ะ หมอให้ยามาแล้ว ฉันรีบกวดตามองหาถุงยา พี่ธัญญ์ตาไว มองเห็นถุงยาที่ฉันวางไว้บนชั้นหนังสือตั้งแต่เมื่อคืน แล้วโดยที่ฉันคาดไม่ถึง พี่ธัญญ์ก็เดินไปหยิบมาเปิด นี่เหรอคะ มียาแค่อย่างเดียวเอง หมอตรวจละเอียดรึเปล่า พี่ธัญญ์ยกหลอดยาขึ้นมาอ่าน ยาบำรุงเลือด มุ่ยเลือดจางเหรอคะ แล้วก็สมุดฝาก
.. ฝากครรภ์ ฉันต่อให้ในใจ กลืนน้ำลายเอื๊อก ห้องทั้งห้องเงียบลงไปถนัด พี่ธัญญ์ยกสมุดบางๆเล่มนั้นขึ้นมาจ้องให้ชัด ทำให้ใบอัลตร้าซาวด์เล็กๆหล่นลงมา ชื่อฉันก็หราอยู่บนนั้น ไม่ผิดแน่นอน พี่ธัญญ์เงียบ ไม่พูดอะไร ฉันว่าถึงอยากจะพูดก็คงหาคำมาพูดยากอยู่เหมือนกัน ค่อยๆก้มลงเก็บรูปใบนั้นสอดไว้ในสมุดตามเดิม เก็บทุกอย่างใส่ถุง ยื่นคืนให้ฉัน ดูแลตัวเองดีๆนะ แล้วมีอะไรให้ช่วยก็บอก ซิมพี่รอที่รถนะ แล้วพี่ธัญญ์ก็เดินลิ่วออกจากห้องไป พี่ซิมมองหน้าฉันแล้วยิ้มแหยๆ
ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่ ยังไง เหมือนที่พี่บอก ความจริงก็คือความจริง ไม่นานทุกคนก็รู้อยู่ดี ฉันนั่งลงแล้วถอนใจ พี่ธัญญ์คงสับสนพิลึก ฉันเล่าเรื่องที่กลุ้มใจอยู่ในพี่ซิมฟัง ทั้งเรื่องค่าคลอดและเรื่องที่พี่ทะเลยังไม่กลับมาง่ายๆ ฟังจบพี่ซิมก็หยิบรูปอัลตร้าซาวด์ขึ้นมาอีกครั้งแล้วจ้องตาฉันแน่วแน่ก่อนจะพูด ฟังนะมุ่ย แกควรจะเห็นกับเด็กคนนี้ เข้มแข็ง แล้วหาทางไปต่อให้ได้ ฉันชั้นไม่อยากจะออกความเห็นมาก เพราะมันเป็นชีวิตของแก แต่บางถ้ามีพ่อที่ทั้งนอกใจและไม่ใส่ใจดูดำดูดีแก แกเลิกสนใจเสียดีกว่า ไม่เสียสุขภาพจิต เชื่อชั้นก่อนจะปิดประตูก็ยังสำทับ "ปกติฉันจะเข้าข้างผู้ชายหล่อตลอด แต่ใครจะไปรู้ลูกแกอาจจะเป็นผู้ชายหล่อในอนาคตก็ได้ ยังไงก็ดูแลลูกดีๆล่ะแก" พี่ซิมกับพี่ธัญญ์ไปแล้ว ห้องเงียบสนิท เหลือแต่ฉันที่จ้องมองรูปใบเล็กนั้น ฉันนึกถึงหัวใจที่เต้นตุบๆอยู่หน้าจอ และคำพูดหมอ นี่คือแขน นี่คือหัวใจ
. แล้วฉันก็ตัดสินใจ ยกโทรศัพท์กดหาเบอร์ที่ฉันแทบจะลืมไปแล้ว สัญญาณดังเพียงครั้งเดียว เสียงอบอุ่นก็ดังตอบรับเหมือนปลายสายรอให้ฉันโทรหาตลอด มุ่ยเหรอลูก น้าเองเป็นยังไงบ้าง
Free TextEditor
ขอบคุณทุกคนที่แวะมาอ่านนะคะ คนเขียนท้องอีกแล้วค่า ช่วงนี้แพ้ท้องสนุกสนานเลย หัวปีท้ายปี เห็นลางเหนื่อยมารำไร
Create Date : 02 มิถุนายน 2553 |
|
10 comments |
Last Update : 2 มิถุนายน 2553 16:37:23 น. |
Counter : 2733 Pageviews. |
|
 |
|
เป้นกำลังใจนะคะ