CCNA: หน้าที่ของ ROM และขั้นตอนการ boot ของ Cisco Router
บทความนี้จะต่อจากบทความ "CCNA: องค์ประกอบภายในของ Cisco Router" ซึ่งท่านสามารถเข้าไปศึกษาได้ก่อนตาม link นี้ครับ Link: //www.bloggang.com/mainblog.php?id=likecisco&month=17-08-2014&group=3&gblog=19
สำหรับการอ่านบทความนี้ หากท่านได้ดู Clip VDO Vol. 3 "CCNA Vol3 - การ recovery password ของ Cisco Router" ตาม link ข้างมาก่อน จะทำให้ท่านอ่านได้อย่างง่ายดายมากขึ้น (ใน Clip VDO Vol. 3 จะไม่ได้กล่าวอย่างละเอียดมากนัก แต่ในบทความนี้จะมีรายละเอียดที่มากกว่านะครับ ดังนั้นผมขอแนะนำให้อ่านบทความนี้หลังจากที่ท่านดู Clip VDO Vol. 3 แล้ว)
Link: //www.bloggang.com/viewblog.php?id=likecisco&date=31-05-2014&group=8&gblog=3
1. หน้าที่ของ ROM ใน Cisco Router
ROM จะมี microcode หรือ firmware ไว้สำหรับการทำงานขั้นพื้นฐานของ Cisco router
โดยทั่วไปแล้ว ROM จะมีส่วนที่สำคัญอยู่สามส่วนของ microcode หรือ firmware ดังนี้:
Bootstrap code: - Bootstrap code จะถูกใช้ในการทำให้ router ขึ้นมาอยู่ในขั้นตอนถัดไปของการ boot ในระหว่างการเริ่มต้น - Bootstrap code จะไปอ่าน "configuration register" เพื่อที่จะกำหนดว่า "จะให้ router ทำการ boot อย่างไร?" และจากนั้นก็จะ load Cisco IOS Software (หากได้รับคำสั่งให้ทำการ load Cisco IOS Software)
POST: POST (Power-On Self-Test) จะเป็น microcode ที่ถูกใช้ในการทดสอบ "function การทำงานขั้นพื้นฐาน" ของ hardware ของ router และกำหนดว่า "องค์ประกอบ (component) ไหนบ้างที่มีอยู่"
ROM monitor (rommon): - ในส่วนนี้จะรวมไปถึง low-level Operation System (หรือ OS ระดับล่างๆ ซึ่งจะคล้ายๆ กับ BIOS ใน Computer) ที่ซึ่งโดยปกติแล้วจะถูกใช้สำหรับ การสร้าง (manufacturing), การทดสอบ (testing), การแก้ไขปัญหา (troubleshooting), และการกู้คืน password (password recovery) - ใน ROM monitor mode (rommon mode) นั้น router จะไม่มีความสามารถทางด้าน IP และการ routing
2. ขั้นตอนของลำดับการ boot Router ลำดับของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในระหว่างการ boot ของ router เป็นสิ่งที่สำคัญ โดยความรู้ที่เกี่ยวกับลำดับขั้นตอนของการ boot นี้ จะช่วยให้ประสบความสำเร็จในหน้าที่ของการทำงาน และการแก้ไขปัญหาของ router
เมื่อ router ได้เปิดระบบไฟขึ้นมาแล้ว เหตุการณ์ต่างๆ จะเกิดขึ้นเป็นลำดับดังต่อไปนี้:
1. ดำเนินการ POST: - เหตุการณ์นี้เป็นลำดับของการทดสอบ hardware ที่จะทำการตรวจสอบว่า "องค์ประกอบทั้งหมดของ Cisco router มีการทำงานอยู่หรือไม่" - ในระหว่างการทดสอบนี้ router จะกำหนดด้วยว่า "hardware ไหนที่มีอยู่บ้างในตอนนี้" - POST จะประมวลผล หรือดำเนินการ (execute) จาก microcode ที่ถูกฝังอยู่ใน system ROM
2: Load และ run bootstrap code: - Bootstrap code จะถูกใช้ในการดำเนินการกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นตามมา อย่างเช่น การค้นหา Cisco IOS Software ว่าถูกติดตั้งเอาไว้อยู่ที่ไหน, การ loading Cisco IOS Software เข้าไปไว้ใน RAM, และจากนั้นก็ทำการ running มัน - เมื่อ Cisco IOS Software ถูก load และถูก running แล้ว bootstrap code จะไม่ได้ถูกใช้อีกแล้ว จนกว่า router จะถูก reload หรือถูกปิด/เปิด power อีก ในครั้งถัดไป
3. ค้นหา Cisco IOS Software: - Bootstrap code จะกำหนดสถานที่ติดตั้งของ Cisco IOS Software ที่จะถูก run ว่าถูกติดตั้งไว้อยู่ที่ไหน - โดยปกติแล้ว Cisco IOS Software image จะถูกติดตั้งเอาไว้อยู่ใน flash memory แต่มันก็ยังสามารถที่จะถูกเก็บเอาไว้ในสถานที่อื่น ๆ ได้ อย่างเช่น เก็บเอาไว้ที่ TFTP server - Configuration register และ configuration file จะเป็นตัวกำหนดว่า "Cisco IOS Software images ถูกติดตั้งไว้อยู่ที่ไหน? (อยู่ใน flash memory หรือว่าอยู่ที่ TFTP server?)" และจะเป็นตัวกำหนดว่า "จะใช้ image file ไหน? (ในกรณีที่มี image file มากกว่า 1 file)" - ถ้า Cisco IOS image ที่สมบูรณ์แบบ ไม่สามารถถูกค้นหาได้แล้ว Cisco IOS Software ที่มี version ที่ต่ำลงมาจะถูก copy จาก ROM เข้าไปไว้ใน RAM แทน โดย version นี้ของ Cisco IOS Software จะถูกใช้เพื่อที่จะช่วยในการวินิจฉัยปัญหาใด ๆ และยังสามารถที่จะถูกใช้ในการ load version ที่สมบูรณ์แบบของ Cisco IOS Software เข้าไปไว้ใน RAM ได้อีกด้วย
4. Load Cisco IOS Software: หลังจากที่ bootstrap code ได้พบ image ที่ถูกต้องแล้ว จากนั้นมันจะ load image นั้นๆ เข้าไปไว้ใน RAM และทำการ start Cisco IOS Software
5. ค้นหา Configuration: หลังจากที่ Cisco IOS Software ได้ถูก load เข้าไปไว้ใน RAM แล้ว bootstrap program จะทำการค้นหา "startup configuration file (startup-config)" ที่อยู่ใน NVRAM ต่อไป
6. Load Configuration: - ถ้า "startup configuration file" ถูกค้นพบอยู่ใน NVRAM แล้ว Cisco IOS Software จะทำการ load มันเข้าไปไว้ใน RAM กลายเป็น "running configuration file" และดำเนินการ executes หรือ run command ที่อยู่ใน file แบบ หนึ่งบรรทัด ต่อหนึ่งครั้ง - "running configuration file" จะประกอบไปด้วย address ของ interface, starts routing processes, configure router password, และกำหนดลักษณะอื่น ๆ ของ router
- แต่ถ้าไม่มี "startup configuration file" อยู่ใน NVRAM แล้ว router จะเข้าสู่ setup utility หรือ พยายามที่จะใช้ autoinstall ในการมองหา "configuration file" จาก TFTP server แทน
Note: setup utility หมายถึง เมื่อ router ไม่พบ "startup configuration file" อยู่ใน NVRAM แล้ว มันจะขึ้น "System Configuration Dialog" (ดังตัวอย่างข้างล่าง) มาถาม/ตอบกับเราว่า เราต้องการ configure hostname มั๊ย และอื่นๆ มากมาย ทุกๆ อย่าง ซึ่งการ configure แบบนี้ค่อนข้างจะเสียเวลา และ network administrator โดยส่วนใหญ่แล้วจะไม่นิยมใน dialog แบบนี้ เพราะส่วนใหญ่นิยา configure ด้วยตัวเองแบบ manual ซึ่งสะดวกและรวดเร็วกว่า ดังนั้น ถ้าไม่ต้องการใช้ dialog นี้ให้ตอบ "no" หรือกดปุ่ม "Ctrl + C" เพื่อยกเลิก dialog และเข้าไป configure router แบบ manual เอง
ตัวอย่าง "System Configuration Dialog" ============================================= --- System Configuration Dialog ---
Would you like to enter the initial configuration dialog? [yes/no]: =============================================
7. Run Cisco IOS Software ที่ได้ถูก configure ไว้: เมื่อ prompt ได้ถูกแสดงแล้ว นั่นหมายความว่า router กำลัง running Cisco IOS Software ที่มี current "running configuration file" อยู่ ซึ่ง network administrator จะสามารถเริ่มต้นการใช้ Cisco IOS command บน router ได้แล้วในตอนนี้
เอาล่ะจบเสียทีครับ
ขอบคุณมากครับ โก้-ชัยวัฒน์ www.likecisco.bloggang.com
Create Date : 18 สิงหาคม 2557 |
Last Update : 20 มกราคม 2559 0:31:24 น. |
|
0 comments
|
Counter : 9987 Pageviews. |
|
|
|