GTH ทุ่มทุนสร้างหนังผีตลก “พี่มาก...พระโขนง”

หวังทุบสถิติรายได้ 150 ล้านบาท ของหนัง “ATM”

ในธุรกิจภาพยนตร์ไทยต้องบอกว่าค่าย GTH ถือเป็นค่ายที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดแม้ว่าจะไม่ใช่หนังทุกเรื่องที่ทำรายได้มหาศาลแต่ก็ถือเป็นหนังคุณภาพน่าสนใจ หลังจากเรื่อง “เคาท์ดาวน์” ที่เข้าฉายในช่วงเทศกาลปีใหม่จะทำรายได้ไม่ได้มากมายนักแต่ทาง GTH ก็ยังทำหนังในระดับที่เชื่อว่าคุณภาพแล้วล่าสุดก็กำลังส่ง “พี่มาก...พระโขนง” เข้าฉายในวันที่ 28 มีนาคมนี้โดยฝีมือผู้กำกับโต้ง-บรรจง ปิสัญธนะกูล ที่ทำหนังที่ทำรายได้สูงให้บริษัทมาหลายเรื่องอาทิชัตเตอร์ หรือล่าสุดกับ กวนมึนโฮแล้วเชื่อว่า“พี่มาก...พระโขนง”จนทำรายได้ทะลุสถิติหนังอย่าง “ATM เออรัก...เออเร่อ”ของค่าย GTH เองที่ทำไว้ 152.5ล้านบาท

คุณ วิสูตร พูลวรลักษณ์ผู้บริหารค่าย จีมีเอช พูดถึงการลงทุนสร้าง “พี่มาก...พระโขนง”

“ผมว่าเรื่องนี้จุดขายเยอะมากเลยนะแค่พี่โต้งเสนอไอเดียบอกจะทำเรื่องพี่มาก..พระโขนง แค่นี้เราก็หูผึ่งแล้วคือผมเคยทำนางนากมาก่อนก็จริงแต่ไม่ใช่ประเด็นมันคือว่า เขารู้จักเลือกมุมมองก่อนหน้านี้เขามาบอกผมว่าอยากทำเรื่องคนกลาง(ตอนหนึ่งในหนัง 4 แพร่ง)คนกอง(ตอนหนึ่งในหนัง5แพร่ง) ให้เป็นหนังขนาดยาวเพราะว่าจากที่เขาทำมาในสี่แพร่งและห้าแพร่งคนชอบมากแล้วมีคนบอกว่าอยากจะดูแบบยาวๆแต่ผมไม่คิดว่าเขาจะเอาตัวละคร 4 ตัวนี้มาบวกใส่ในเรื่องนี้ไงซึ่งอันนี้ผมว่ามันเป็นไอเดียที่ฉลาดมากหนังเรื่องนี้มันเป็นมันเป็นหนังแบบนั้นครับเป็นหนังผีที่มีตลก ถามว่าน่ากลัวไหมน่ากลัว ถามว่าตลกไหมตลกมันมีสองรสชาติอยู่ในเรื่องเดียวกัน เป็นหนังพีเรียดครั้งแรกของเขาถึงมีประโยคที่ว่า หนังผีน่ากลัวตลกย้อนยุคครับ”

ถือว่าเป็นหนังที่ลงทุนสูงเรื่องหนึ่ง

“ก็พอสมควร เรื่องนี้ก็อยู่ปานกลางถึงสูงค่อนข้างไปทางสูง ประมาณ 30 ล้านกว่า เพราะฉากก็ต้องมีการเซ็ตขึ้นมาใหม่ต้องทำใหม่หมด บ้าน 2 หลัง ต้องสร้างขึ้นมาใหม่เลยและก็มีฉากอีกเยอะแยะในหนังที่ต้องเซ็ตใหม่หมดเลยอย่างฉากสงคราม ฉากงานวัด แต่ก็ถือว่าลงทุนประมาณนึ่งครับ ขณะที่ค่าโฆษณาเดี๋ยวนี้นะไม่เคยต่ำกว่า16 ล้าน อยู่ประมาณ 16-20ล้าน ตีไปซะว่าเรื่องนี้โฆษณาอีก 20 ล้าน

ลงทุนขนาดนี้คาดหวังรายได้เท่า ATM เออรัก...เออเร่อที่ราวๆ 150 ล้าน

“ก็หวังอยู่ครับ เพราะคิดว่าหนังอย่างนี้คงแลกได้และมีศักยภาพถ้าถามผม ผมก็หวังนะครับ(หัวเราะ) มีลุ้นๆ ผมเชื่อมือโต้งผมมั่นใจในโต้งเขา โต้งเขาเป็นผู้กำกับที่ทำการบ้านมาเยอะแล้วก็เตรียมงานนานก็ไม่ใช่อยู่ดีๆพอจบปีนี้ปีหน้าก็อยากทำอีก นี่เขาเว้นไป 2 ปี แล้ว เขาสะสมไอเดียหลายๆอย่างเยอะมาก”

ถามถึง “เคาท์ดาวน์” ดูว่ายอดรายได้ไม่ดีเท่าไหร่

“เคาท์ดาวน์ 28 ล้านครับถ้าถามว่าเป้ามันก็คงสูงกว่านี้ครับแต่ว่ามันก็ไม่ได้เป็นหนังที่เรารู้สึกผิดหวังอะไร เพราะเราก็เข้าใจมันนะรู้คำตอบแล้วว่ามันไม่ถึงเป้าเพราะอะไร”

“เคาท์ดาวน์” เองสามารถไปขายในตลาดต่างประเทศได้

“ขายได้ครับ ก็คือประมาณนึ่งตอนนี้ตั้งแต่ที่บอกเราเริ่มไปเปิดตลาดหนังไว้ หนังรัก หนังวัยรุ่น ที่ประเทศเพื่อนบ้านเราไว้โดยเฉพาะอาเซียนนี่ คือตอนนี้ อินโด ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ มาเลย์ฯ 4ประเทศนี้เป็นประเทศที่ซื้อแน่ๆ คือฉายแน่ๆ ตอนนี้เคาท์ดาวน์กำลังฉายอยู่ที่จากาต้าจังหวะไม่ค่อยดีเท่าไหร่พอดีน้ำท่วม ตอนนี้กำลังฉายอยู่อินโดนีเซีย”

ถึงรู้ว่าหนังไม่ใช่หนังที่แมสมากนักแต่ก็ยังลงทุนทำต่อ

“จริงๆเราอยากทำหนัง Mass อยากทำหนังให้คนดูดูเยอะๆ ชอบมากๆ แต่ว่าหลายๆ Concept มันทำไม่ได้ไงมันไม่ใช่ว่าเราคิดทุกครั้งแล้ว Concept มันจะ Mass ทุกครั้ง คือบางเรื่องเกิดผู้กำกับเสนอมาแล้วเราจะชอบเรื่องนั้น ความรู้สึกเรามันไม่ได้ Mass มากแต่เราชอบ Story เราก็ทำครับโดยหน้าที่ของคนทำหนังผมว่ามันต้องมีไอเดียมันต้องมีความกล้าคิดกล้าทำบ้างในบางครั้ง คือถ้าผมจะย่างอยู่ที่เดิมจะเดินตามรอยหรือว่าเรามองว่าเอทีเอ็มประสบความสำเร็จแล้วเราจะทำตามเอทีเอ็มอยู่เรื่อยๆหรือเรามองว่ารถไฟฟ้าประสบความสำเร็จแล้วเราจะทำตามอยู่เรื่อยๆผมว่าวันข้างหน้าจีทีเอชก็จะกลายเป็นบริษัทที่น่าเบื่อแล้วคนก็จะไม่ดูหนังจีทีเอชสิ่งที่เรากำลังทำอยู่เนี่ยคือ1. เราพยายามรักษาตัวคุณภาพของงาน 2.เราพยายามใส่ไอเดียที่มันมีความสดใหม่เข้าไปทุกครั้งแต่ไม่ว่ามันจะประสบความสำเร็จหรือไม่ประสบความสำเร็จอันนั้นไม่ใช่ปัญหาหน้าที่ของเราคือมันต้องทำครับ เพื่ออย่างน้อยตลาดหนังไทยจะได้โตขึ้นเราต้องยกระดับมัน ไม่งั้นเราจะโดนหนังฝรั่ง....แบบนั้นเลยครับ”

Create Date : 16 มีนาคม 2556
Last Update : 16 มีนาคม 2556 1:34:29 น.		1 comments
Counter : 5218 Pageviews.
Share Tweet