จาก The Letter ถึง Timeline งานของ อุ๋ย นนทรีย์
TimeLine จดหมาย-ความทรงจำ หนัง โรแมนติค-ดราม่าโดยฝีมือ อุ๋ย-นนทรีย์ นิมิบุตร
ชื่อของอุ๋ย-นนทรีย์ นิมิบุตร ในวงการภาพยนตร์ถือว่าเป็นผู้กำกับแนวหน้าของเมืองไทยเป็นแรงบันดาลใจให้หลายๆคนฝันและอยากเดินตามแบบเขา ด้วยผลงานอย่าง 2499 อันธพาลครองเมือง,นางนาก,จันดารารวมถึงหนังรักระดับคลาสิคในยุคหลังของวงการหนังไทย เดอะ เลตเตอร์ จดหมายรัก ที่ทำให้คนที่เข้าไปชมกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เป็นอีกหนึ่งปรากฎการณ์ของหนังไทย9 ปัผ่านไปของเดอะเลตเตอร์ จดหมายรัก มาถึงวันนี้ อุ๋ย-นนทรีย์นิมิบุตรในนาม ซีเนมาเซีย และสหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนลได้สร้างผลงานอบอวลหัวใจด้วยรักอีกครั้งกับภาพยนตร์รักจากงานกำกับภาพยนตร์ลำดับที่ 8 TimeLineจดหมาย-ความทรงจำ โดยได้ 4 นักแสดงคุณภาพระดับแถวหน้าของเมืองไทย เจมส์ จิรายุ ตั้งศรีสุข ,ป๊อก ปิยธิดาวรมุสิก, เต้ย จรินทร์พร จุนเกียรติ และ ปีเตอร์ นพชัย ชัยนาม เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ 13 กุมภาพันธ์ 2557ต้อนรับวาเลนไทน์
อุ๋ย-นนทรีย์ นิมิบุตร พูดถึงหนังรักเรื่องล่าสุด TimeLine จดหมาย-ความทรงจำ ที่หลายคนอาจจะสงสัยว่านี่คือ เดอะเลตเตอร์ จดหมายรัก หรือไม่ ก็ไม่ได้ตั้งใจจะเป็นภาคต่อเดอะเลตเตอร์ จดหมายรัก อยู่แล้ว ไม่มีไอเดียต่อจากเรื่องนั้นเลยไอเดียแรกก็คือว่า เราอยากจะพูดถึงความรัก อะไรดีที่เราจะนึกถึง เราก็ไปเอาเดอะเลตเตอร์จดหมายรัก มาดูตอนนั้นเราคุยไว้ว่ายังไงบทเป็นยังไงเสร็จแล้วเราก็ตัดสินใจว่ามันเป็นคนละแบบกัน อันนั้นเป็นความรักระหว่างคน 2คนจริงๆ อันนี้เราอยากพูดถึงความรักในวงกว้าง พูดกับวัยรุ่นพูดกับเด็ก พูดกับน้องๆเพราะฉะนั้นแล้วเนี่ย มันเป็นหนังคนละแบบก็เลยตั้งต้นไหมแต่ว่าเมื่อจะตั้งต้นจะทำยังไงให้ง่ายที่สุดเราเอาตัวละครที่รู้จักอยู่แล้วเอากลับมา การที่แม่คนหนึ่งเลี้ยงลูกคนเดียว ซึ่งเดี๋ยวนี้มีเยอะแยะมากมายมันเป็นเรื่องยากลำบาก เขาดิวยังไงกับลูกกับธุรกิจกับทุกอย่างที่มันเกิดขึ้นในชีวิตเขาเนี่ย เขาสามรถเอามันอยู่ได้ยังไงอันนี้เป็นอันตั้งต้นที่รู้สึกว่าดี เอาอันนั้นมาดีกว่าแล้วไม่ได้คิดว่ามันเป็นภาค 2 คิดว่ามันเป็นหนังใหม่ ของเราอยู่ดีเพราะมันจะเป็นการเปรียบเทียบ มันคนละแบบกัน
มีเรื่องราวของจดหมาย เข้ามามีส่วนในหนังเรื่องนี้ จดหมายมันเป็นเรื่องของความทรงจำมันพูดถึงอดีตที่คนเรามีความทรงจำกับจดหมายที่สามีเขียนให้เขาไว้เขาจะเอามาให้ลูกอ่านทุกวันอ่านจนลูกก็จำได้โดยที่ไม่ต้องอ่าน เพื่อที่จะบอกว่าเขามีความฝังใจแม่เขามีความฝังใจกับสามีเขายังไง เราพยายามผ่องถ่ายความรักความฝังใจของสามีเขาเนี่ยไปให้ลูก นั่นคือประเด็นเท่านั้นเองความเชื่อมโยงประเด็นมันอยู่ตรงนั้นเอง แต่ตัวละคร จูน ของเต้ย เนี่ยเมื่อเจอจดหมายเขาก็รู้สึกประทับใจ เพราะเด็กเดี๋ยวนี้เขาไม่เขียนจดหมายกันเพราะงั้นก็เป็นแรงบันดาลใจ จดหมายนี่คือแรงบันดาลใจไม่ได้มีความสำคัญที่เขียนจดหมายส่งถึงกันแบบเดอะเล็ตเตอร์ ไม่ใช่จดหมายเป็นเพียงแรงบันดาลใจที่ทำให้คนเราลุกขึ้นมาทำอะไรที่ดีๆต่อกัน ทำไมเลือกเรื่องราวนี้มาทำเป็นหนังในยุคที่จดหมายแทบไม่มีใครเขียนแล้ว ผมรู้สึกว่ายุคปัจจุบันนี้ มีสังคมที่เราไม่รู้จักกันมาก่อน ทุกคนจะมีไทม์ไลน์เป็นของตัวเองมีการบรรยายความรู้สึกต่างๆเกิดขึ้นในเฟสบุ๊คผมเห็นหลายครั้งที่เกิดความรักขึ้นในหน้าเฟสบุ๊คกับคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนจากคนรอบๆตัวของผม แล้วเราไม่ได้มีหนังรักในการพูดถึงความรักในลักษณะจริงจังมานานแล้วเมื่อก่อนนี้ความรักที่มันเติมเต็มกัน ไปยืนดูหลังคาบ้านเขานี้มันเป็นยังไงแล้วมันอาจจะทำให้น้องเขาฉุกคิดได้นิดหนึ่ง ว่าความรักที่มันรวดเร็ว แบบปัจจุบันนี้มันดีจริงหรือเปล่าสามารถสร้างความรักนี้อย่างที่มันยืนยาวได้จริงๆหรือ ความรักใน เรื่อง ไทม์ไลน์จดหมาย ความทรงจำ มีในสองมุมนะครับคือมุมหนึ่งก็คือพูดถึงความรักในปัจจุบันของคนวัยรุ่นอีกมุมหนึ่งก็พยายามจะเปรียบเทียบให้เห็นถึงความรู้สึกของความรักในอีกแง่มุมหนึ่งในสิ่งที่เขาเคยทำกันมามีความลึกซึ้ง มันมีความละเอียดอ่อนยังไงแล้วคนเดี๋ยวนี้ใช้สื่อโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คอะไรบ้างที่จะสื่อสารในด้านความรักว๊อทแอป ไลน์ วีแชท สารพัดที่จะมีการสื่อสาร บางครั้งเราไม่ได้โทรศัพท์คุยกัน ความรู้สึกอารมณ์ของเสียงมันไม่เกิดขึ้นบางทีเราอ่านไทม์ไลน์บนเฟสบุ๊คมันขาดความรู้สึกลึกๆภายในการถ่ายทอดความรู้สึกในแง่ของอารมณ์มุมของความรักนะครับ
รายละเอียดในเรื่องTimeLine จดหมาย-ความทรงจำ พูดถึงอะไร เป็นความรักของคู่แม่ลูกความรักของแม่กับลูกซึ่งแม่ก็รู้สึกรักลูกเหลือเกิน แต่ไม่เคยรู้ว่าลูกรู้สึกยังไงลูกก็อยู่ในกรอบของแม่ตลอดเวลา จนกระทั่งลูกก็ไม่ไหวเขาอยากไปหาโลกของเขาเองส่วนตัวที่เขาเป็นอย่างที่ในวัยที่เขาเป็น เมื่อไปแล้ว เขาก็ไปผจญความรักหลากรูปแบบจนกระทั่งเจอกับนางเอกเขาก็ไม่ได้รักผู้หญิงคนนี้ เพียงแต่ว่านางเอกรู้สึกว่าไอ้เนี่ยไม่รู้เรื่องอะไรเลย มาจากต่างจังหวัด ก็จะคอยสอนในขณะที่ตัวนางเอกเองมีความอิสระก็พยายามบอกว่าชีวิตมันเป็นอย่างนี้ คุณควรรู้ว่าจะฝันเป็นอะไรซึ่งไม่เคยรู้อยากทำอะไรก็ไม่เคยรู้ก็เป็นการเติมซึ่งกันและกัน ก็เป็นความรักในอีกฝั่งหนึ่งจนกระทั่งไอ้นี่ค่อยๆรู้ว่าอ๋อ
นี่คือความรักที่แท้จริงซึ่งตัวพระเอกเองก็ไปชอบคนอื่นไปชอบผู้หญิงอื่น ไปชอบคนที่เป็นไอดอลของเขาชอบจังเลยผู้หญิงคนนี้เก่ง แต่ไม่เคยมองคนที่อยู่รอบข้างว่าใครปรารถนาดีใครไม่ปรารถนาดี ก็เป็นความรักแบบเด็กๆ ความรักซื่อๆของวัยรุ่นไป
ต้องการสะท้อนปัญหาสังคมในยุคนี้ด้วย? ถ้าบอกถึงปัญหาเลยผมว่าคงทำไม่ได้ ตั้งแต่ตอนทำบทคิดแล้วคิดอีก คิดว่าอย่าเลยหนังเรื่องหนึ่งไม่ควรสอนใครขนาดนั้น แต่ว่าเราทำตัวอย่างให้ดูอันนี้คือตัวอย่างมันจะมี sub-plot ต่างๆเล็กๆน้อยๆเรื่องของเพื่อนเรื่องของอะไรที่เป็นตัวอย่าง พวกนี้จะปลอมเผสบุ้คไปแอบจีบหญิง ให้แฟนไม่รู้ อะไรพวกนี้เป็นsub-plot อยู่ในหนัง อยากให้คนดูรู้สึกเองโดยเฉพาะวัยรุ่นที่ดูให้รู้สึกเองว่าเขาก็เป็นแบบนี้เคยรักคนอื่นข้างเดียวแล้วเขารู้สึกยังไงอะไรอย่างเนี้ยผมว่าหนังเรื่องนี้ผมไม่ได้ตั้งใจสอนใครหรอกเพียงแต่ผมทำตัวอย่างให้ดูว่าเมื่อเป็นแบบนี้ๆแล้ว ผลจะเป็นยังไงคุณจะรับผลมันไปด้วย หากเทียบกับเดอะเลตเตอร์จดหมายรัก แล้ว แตกต่างกันไหม ถ้าถามถึงอารมณ์มันแตกต่างอยู่ระดับหนึ่ง คือ เดอะเล็ตเตอร์เป็นอารมณืที่เล่นกันอยู่ 2 คน มันเป็นอารมณ์บีบคั้นความรักที่มันหายไปจากกันเดี๋ยวนั้น แต่อันนี้ (TimeLineจดหมาย-ความทรงจำ)มันคือความรู้สึกตัวละครที่มันค่อยๆรู้สึกกันไปๆจนกระทั่งไปถึงบทสรุปมันถึงจะฟีลได้เต็มที่ ที่ต่างคนต่างรู้สึกกันยังไงจริงๆ
ได้ยินว่าเรื่องนี้ระหว่างถ่ายทำ ทีมงานก็น้ำตาซึมกันทั้งกอง คือนักแสดง เขาจะเล่นกันเต็มก้อนไง ทั้งซีน แล้วพลังการแสดงของแต่ละคนมันพุ่งออกมาๆ จนทำให้เรารู้สึกไม่ไหว หลายๆครั้งที่เป็นเรื่องของแม่พูดกับลูกเราก็เป็นพ่อคน เพราะงั้นเราก็จะทัชชิ่งได้ อินกับมันได้มากกว่า อย่างลูกหายไปไม่มีใครอยู่เหงาจังเลย ทำไมไม่โทรศัพท์กลับมาบ้าง เขาพูดไปน้ำตาก็ไหลแค่นี้เราก็รู้สึกว่ามันจริง ถ้าบ้านเราเป็นอย่างนี้มันจะเป็นยังไงแล้วมันมีหลายดอก ตลอดเวลา ตัวละครที่ป๊อกเล่นเขาไม่ได้ออกทุกฉากแต่ทุกครั้งที่ออกมามันโดนทุกครั้งมันทัชชิ่งความรู้สึกเรา ทีมงานเองหันไปทีไรก้มหน้าก้มตาเช็ดน้ำตากันทุกคนเพราะไม่ใช่แค่ป๊อก ทั้งเต้ยเอง ก็ทำให้เราอดทนไม่ได้
หากเข้าไปดูTimeLine จดหมาย-ความทรงจำ ในโรงหนังจะเป็นหนังที่ทำให้คนดูต้องร้องไห้? ผมพูดเสมอว่าผมไม่ได้พยายามบีบคั้นในหนังไม่ได้ไปพยายามบีบคั้นคนให้อยากร้องไห้ตลอดเวลา ไม่ใช่เลย หนังเป็นเรื่องของคน 2คู่คือแม่กับลูก แล้วลูกกับแฟนเค้าเนี่ยเรื่องของ 2 คนเนี่ยที่เขาก็ดีลกันเรื่องชีวิต เรื่องของความรักไปเรื่อยๆแต่ผมรู้สึกว่าเมื่อเราค้นพบอะไรสักอย่างที่เราไม่เคยรู้สึกเลยวันหนึ่งเมื่อเราค้นพบความรู้สึกเหล่านั้นว่า อ๋อ
จริงๆแล้วมีความรักแบบนั้นจริงๆแล้วนี่แหล่ะคือความรักที่แท้จริง มันก็จะอิ่มเอมไปด้วยตัวของมันเองในหนังเมื่อคนดูซาบซึ้งแล้ว เขาเกิดอารมณ์ความรู้สึกที่อยากร้องไห้ให้ตัวละครตัวนี้เพราะเขารักตัวละครตัวนี้ พอตัวละครตัวนี้เป็นอะไรก็แล้วแต่ จะบอบช้ำจากความรักอะไรก็แล้วแต่ เขาก็จะรักเขาจะเสียใจ เขาจะร้องไห้ทั้งน้ำตา ยิ้มทั้งน้ำตาให้กับตัวละครตัวนี้ คือมันไม่ได้เป็นความตั้งใจในการที่จะบอกว่าไปดูหนังเรื่องนี้แล้วจะร้องไห้ ไม่ใช่เลย ผมว่าหลายคนไม่ร้องไห้ก็ได้แต่ก็ซาบซึ้งกับเรื่องราวของมันไป ถ้าอย่างนั้นTimeLine จดหมาย-ความทรงจำ ก็เป็นหนังที่ครบรส? ผมเชื่อว่าเป็นหนังครบรสมีทั้งความสุข มีความเศร้า มีความสนุกสนานเบิกบาน เฮฮา มีทุกอย่าง
หลายคนอาจจะกังวลและกลัวจะเสียน้ำตาให้กับหนังเรื่องนี้ ปล่อยความรู้สึกออกมาเลยถ้าเรายังมีความรู้สึกเสียใจ หรือดีใจ อิ่มเอมใจ ตื้นตันใจมันแปลว่าเรายังเป็นคนอยู่นะ มันแปลว่าเรายังมีความรู้สึกอยู่นะเพราะฉะนั้นไม่ใช่เรื่องน่าอายเลยที่เราจะมีความรู้สึกแบบนี้คนที่ไม่มีความรู้สึกสิที่น่าเป็นห่วง จิตใจเขาแข็งเกินไปหรือเปล่าถ้าหนังเรื่องนี้ทำให้คุณทัชชิ่งไปกับความรู้สึกต่างๆได้ตลอดเวลนี่นะมันก็จะบอกว่าโอเคคุณเป็นคนที่มีจิตใจดีอยู่ แล้วพร้อมที่จะให้ความรักกับคนอื่นได้ พูดถึงนักแสดงที่ได้ เจมส์ จิรายุ ตั้งศรีสุข พระเอกสุดฮ็อตจากช่อง 3 และ เต้ย จรินทร์พร จุนเกียรติ นางเอกฝีมือดีมาร่วมงานในหนังเรื่องนี้ สำหรับเจมส์ เขาไปแคสติ้งที่ออฟฟิศผม ผมเจอเขาแล้วผมรู้สึกว่า เขาเป็นคนมีออร่าเขามีแสงสว่างคล้ายๆติ๊ก เจษฎาภรณ์ เหมือนตอนผมเจอติ๊กวันแรกตอนผมเจอเจมส์วันแรกผมก็รู้สึกคล้ายกัน แล้วเจมส์ก็เป็นเด็กอายุ 19เท่ากับตัวละครของผม เป็นเด็กต่างจังหวัดเหมือนที่ตัวละครผมเป็นคือมันมีหลายอย่างที่เหมาะสม ผมก็เลยเอาล่ะ เอาเจมส์นี่แหล่ะ พอตัดสินใจเป็นเจมส์พอถึงเต้ยเหมือนกัน ผมชอบความไม่เหมาะสมกัน จริงๆนะชอบแบบว่า เออ
ตัวไม่เท่ากัน ดูไม่น่าเป็นแฟนกันได้ ไม่น่าเป็นคู่พระเอก-นางเอก แต่นั่นแหล่ะมันเวิร์ค มันเวิร์คๆตรงนั้นแหล่ะ ให้คนดูลุ้นตามไปให้กำลังใจกันไป
นักแสดงสำคัญอีกคนในบทแม่ที่ได้ ป๊อก-ปิยธิดา วรมุสิก มาแสดง ป๊อกไม่ต้องพูดถึงกับพลังการแสดงอันทรงพลังของน้องคือผมต้องการแม่ที่มีความเข้าใจโลก เข้าใจตัวละครตัวนี้ ซึ่งผมรู้สึกว่า ป๊อกนี่แหล่ะ เหมาะสมที่สุด แล้วก็ไม่ผิดหวังเลยครับคือป๊อกทำหน้าที่นั่นได้เต็มที่จริงๆ ระหว่างที่ถ่ายทำกันป๊อกเองเขาก็บอกว่าเขาอินมากกับบทแม่ อินมากกับเจมส์ที่มารับบทเป็นลูกเขาเขามีความรู้สึกอย่างนั้นตลอดเวลา แม้กระทั่งเขามายืนอ่านจดหมาย ให้เจมส์ฟังในซีนไม่ได้เข้าไปในซีนนะ แต่อ่านเป็นว้อยซ์โอเวอร์ให้ฟังเขายังอ่านไปร้องไห้ไปหมือนกับถูกคนถูกคู่ อะไรอย่างเนี่ย มันก็ทำให้ทุกอย่างสมบูรณ์ คาดหวังอย่างไรกับTimeLine จดหมาย-ความทรงจำ ถ้ามันจรรโลงสังคมกลุ่มหนึ่งเล็กๆได้ให้คนเรามีแต่เรื่องดีๆต่อกันแค่นี้ก็ดีใจแล้ว ส่วนเรื่องของการค้าขายผมเชื่อว่าหนังอย่างนี้เหมาะกับญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน อะไรอย่างนี้ผมเชื่อว่าหนังอย่างนี้น่าจะทัชชิ่งกับคนในเอเซียได้ สรุปถึง TimeLine จดหมาย-ความทรงจำ ให้กับนักดูหนัง ผมว่าหนังเรื่องนี้ก็เป็นหนังที่พูดถึงความรักในหลายๆแง่มุมผมก็เชื่อว่ามันจะเป็นตัวอย่างบทเรียนให้กับคนที่เข้ามาดูได้ความรักมันมีหลายรูปแบบ คุณได้เข้ามาแล้วได้รู้ว่า ความรักแบบนี้ตรงกับเราไหมเหมือนกับเราไหม หรือไม่เหมือนอย่างไรแล้วจากบทภาพยนตร์เองผมก็อยากบอกว่าใครมาดูหนังเรื่องนี้ ผมก็เชื่อว่ามันเป็นการส่งมอบความรักของเราของคนทำหนังทุกคน ของหนังเรื่องนี้ให้กับคนดูทุกๆคนในเมื่อเราตั้งใจให้ความรักเข้าไปหล่อเลี้ยงหัวใจทุกคนเพื่อจะให้ทุกอย่างคลี่คลายความรุนแรงอะไรต่อมิอะไรลงก็อยากเชิญให้มาดูหนังเรื่องนี้รับรองคุณไม่ผิดหวังกับเรื่องนี้แน่นอน
Create Date : 12 กุมภาพันธ์ 2557 |
Last Update : 14 กุมภาพันธ์ 2557 3:59:59 น. |
|
0 comments
|
Counter : 2890 Pageviews. |
|
|