มกราคม 2568

 
 
 
1
2
3
4
5
6
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
เที่ยวไทยในเมืองจีน สิบสองปันนา
สวัสดีค่ะ บล็อคนี้จะพาไปเที่ยวเมืองจีนที่ใก้ลไทยมาก เมืองจิงห่ง สิบสองปันนา
การเดินทางเรานั่งเครื่องบินไปจากเชียงใหม่ ถึงเมืองจิงห่ง ด้วยสายการบินรุ่ยลี่ แอร์ไลน์ ค่าเครื่องไม่ว่าช่่วงเทศกาลหรือไม่จะอยู่ที่ราคาประมาณ 5,000 - 5,500 บาท เดินทางวันที่ 27 - 30 ธันวาคม 2567 โปรแกรมการเดินทางของเราเป็นแบบนี้ค่ะ

27/12/67
13.00 น. ถึงสนามบินสิบสองปันนา / 15.00 น. เรียก didi ไปส่งที่โรงแรม Jinghong Youyi hotel / 16.00 น. dajinta temple / Night Market / Gaozhuang Xishuangjing

28/12/67
วัดหัวเมืองลื้อ Mengle Buddhist Temple   /วัดป่าเจย์ Sipsongpanna Zongfosi / ช็อปปิ้งห้าง RT-mart

29/12/67
อาหารเช้าบะหมี่จองหงวน / สวนป่าดงดิบ Xishuangbannan Primitive Forest Park  / ช็อปปิ้งห้าง Walmart

30/12/67
6.30 น. เดินทางไปสนามบิน / 9.30 น. เดินทางกลับเชียงใหม่  / 10.00 น. ถึงเชียงใหม่โดยสวัสดิภาพ

27/12/67
เราเดินทางไปสนามบินเชียงใหม่ตั้งแต่เช้าเพราะเริ่มเข้าสู่เทศกาลหยุดยาวปีใหม่แล้วกลัวคนเยอะ แต่ผิดคาดคนไม่เยอะอย่างที่คิด 9.30 น. เครื่องออกตรงตามเวลา บนเครื่องจะมีน้ำเปล่าแจกให้ 1 ขวด แอร์สายการบินนี้ชุดแอร์คล้ายๆ กับชุดชนกลุ่มน้อยประมาณ สาวอาข่าเลยค่ะ


13.00 น. เดินทางมาถึงสนามบินสิบสองปันนา อาคารต่างประเทศหลังนิดเดียว เราใส่เมสเข้าไปในอาคารโดยแยกตัวไปตรวจโควิดด้วย ถามหาใบตม.ตั้งแต่บนเครื่องแอร์บอกว่าให้ไปเขียนที่เคาว์นเตอร์เองเลยไม่มีแจก สรุปโดนกันตัวไปตรวจโควิดเลยไม่ได้เขียนต่อแถวตม.ตั้งนานโดนแยกให้ไปเขียนใบตม.ใหม่เรียบร้อย เจ้าหน้าที่ตม.ถามรายละเอียดเยอะมาก ได้โชว์ใบจองโรงแรมด้วย พี่สาวที่ไปด้วยตอนแรกก็เข้าแถวเดียวกันอยู่ พอจะถึงแกโดนเรียกให้เข้าช่องใหม่ พี่สาวก็โดนถามยืดยาวเหมือนกัน ดีที่เราไม่ออกไปรับกระเป๋าก่อนเพราะพี่สาวไม่ได้เตรียมเอกสารอะไรมา เราต้องโชว์ใบจองโรงแรมให้แกอีกที เรากับพี่สาวเป็นสองคนสุดท้ายที่ได้ออกมาข้างนอก ผ่านตม.ปุ๊บ เป็นประตูทางออกปั๊บ อาคารเล็กมาก


ตอนที่เราจองโรงแรมกับ trip.com แจ้งว่ามีรถโรงแรมมารับฟรี แต่รอจนแล้วจนรอดก็ไม่มีคนมารับ โทรหาโรงแรมก็คุยกันไม่รู้เรื่องให้คุยกันผ่าน we chat ยอมแพ้เราต้องเรียก didi ไปโรงแรมเองค่ารถ 18.80 หยวนกับระยะทางประมาณ 6 กม. ถือว่าไม่แพงเลย 
พอมาถึงโรงแรมก็เจอด่านที่สอง โรงแรมอยู่ชั้นไหนหว่า ข้อมูลในแอปบอกอยู่ชั้น 4 ขึ้นไปชั้น 4 ปรากฎว่าเป็นอีกโรงแรมนึง ถามพนักงานบอกโรงแรมคุณอยู่ชั้น 9 พอขึ้นไปชั้น 9 ไม่มีฟร้อน เลยเอะใจเคาว์เตอร์น่าจะอยู่ที่ชั้น 1 เลยลงลิฟท์ไปเดินหาเคาว์เตอร์ของโรงแรม น้องพนักงานรีบวิ่งมาโชว์แอฟแปลภาษาฉันเพิ่งวิ่งขึ้นไปหาคุณที่ชั้น 4 มา



เช็คอินเรียบร้อย ห้องพักสภาพดีมากกับราคาคืนละ 600 กว่าบาท ไม่รวมอาหารเช้า เสียอยู่อย่างเดียวคือกลางคืนเสียงค่อนข้างดังเพราะอยู่ใจกลางตลาดกลางคืนทั้งเสียงรถ เสียงดนตรี ทำเอานอนไม่ค่อยหลับเลย


จัดการสัมภาระเรียบร้อยไปหาอาหารกลางวันกินกันค่ะ เรากินเป็นเกี๊ยวน้ำ สั่งกันก็ไม่รู้เรื่องชี้รูปแล้วก็ยังไม่เข้าใจกัน และวุ่นวายอยู่กับการสแกน Alipay ไม่ผ่านซักที แอปถามหา otp แต่เราไม่ได้เปิดโรมมิ่งมา เลยต้องใช้ ทรูมั่นนี่สแกนไปก่อน ได้มาเป็นเกี๊ยวหมาล่า 1 ชาม และเกี๊ยวซ่า 1 จานราคาชามละ 20 หยวน


ไปเดินเล่นที่เจดีย์ชเวดากองกันค่ะ ถ้าหาข้อมูลในกูเกิ้ลให้ใช้ชื่อว่า Dajinta temple มาถึงละวัดห้วยปลากั้ง เหมือนวัดห้วยปลากั้งที่เชียงรายมากๆ 


ที่นี่จะมีร้านข้างผลไม้แปลกๆ เยอะแยะ ตื่นตาตื่นใจมากและราคาก็แรงมากๆ เช่นกันค่ะ รวมทั้งร้านน้ำชงที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเมืองไทย ราคาถุงละ 18 หยวน เกือบร้อยบาท

ตอนกลางคืนเราออกมาถนนคนเดินอีกรอบ อาหารการกินเยอะมากมาย เรากินเป็นเต้าหู้ ย่างราคา 2 หยวน ในการจ่ายเงินถ้าร้านเล็กๆ ส่วนใหญ่จะรับ we chat ถ้าร้านใหญ่ๆ เป็น Alipay ค่ะ

วันที่ 28/12/67
ด้วยความที่โรงแรมไม่มีอาหารเช้าพวกเราเลยเตรียมโจ๊ก ขนมไปจากไทยมื้อเช้าก็กินกันง่ายๆ ที่โรงแรม ประมาณ 9 โมงเช้าเราก็เรียกรถแท็กซี่ที่จอดอยู่หน้าโรงแรมเดินทางไปที่วัดหัวเมืองลื้อ Mengle Buddhist Temple ค่ารถประมาณ 30 หยวน คนที่นี่เค้าไม่เปิดแอร์กันนะ แล้วกลิ่นบุหรี่เหม็นมากก็เลยขอลดกระจกรับลมเย็นๆ เดินทางออกไปนอกเมืองใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึงลานจอดรถ คนขับขอไปซื้อตั๋วให้จากที่ศึกษามาที่วัดจะคิดราคาคนจีน 80 หยวน ราคาคนต่างชาติ 130 หยวน ก็เลยให้เค้าไปซื้อให้เผื่อเค้าลดราคาให้ สรุปเค้าคิดราคาเราคนละ 120 หยวนก็ดีลดไปประมาณ 50 บาท แล้วเราก็ไปซื้อตั๋วรถรางเองไปกลับคนละ 40 หยวน แต่เราแนะนำขาไปเดินขึ้นขากลับนั่งรถลงดีกว่าค่ะ เพราะยังไงก็ต้องเดินเที่ยวตามรายทางอยู่แล้วถ้าซื้อรถรางไปกลับจุดจอดรถจะเป็นที่เดียวกันก็คือจะไม่ได้เที่ยวอะไรเลย รถรางมาส่งเราด้านบนสุดเป็นเจดีย์นี้ค่ะ

ระหว่างทางเจอคนจีนถ่ายรูปกับต้นมะละกอ อารมณ์คงประมาณคนไทยถ่ายรูปกับต้นแอปเปิ้ลก็ไม่เคยเห็นนินา

ที่ด้านบนจะมีสกายวอล์คด้วยนะคะ เสียค่ารองเท้า 10 หยวนเราไปสกายวอล์คที่ไทยบ่อยละเลยขอบาย เดินลงบันไดไปต่อจะเจอพระใหญ่ค่ะ

เรารีบเดินลงไปข้างล่างเพราะมีโชว์นกยูงตอน 11 โมง เข้าใจว่าการแสดงอยู่ด้านหน้าแต่ไม่ใช่การแสดงจะอยู่ด้านในหลังอาคารนี้ค่ะ แต่เราไปถึงช้าเจอขบวนคนเดินสวนออกมาแล้ว

เข้าไปข้างในจะเป็นสวนนกยูงและลานที่เค้าเล่นสงกรานต์กันค่ะ ที่นี่เค้าเล่นสงกรานต์กันทุกวันนะ เดินไปถึงสวนนกยูงก็จะเจอลานโล่งๆ แบบนี้และถ้าจะให้อาหารนกยูงก็เสียค่าอาหาร 10 หยวน แล้วก็มีของที่ระลึกขายพอกรุบกริบไม่เยอะมากค่ะ



เที่ยงแล้วไปกินอาหารกลางวันกันค่ะเราฝากท้องกันที่นี่เลยจะมีร้านอาหารหลายๆ ร้านอยุ่แถวลานจอดรถ เราเลือกกินเป็นผักพริกหยวกใส่หมูสับ ส่วนพี่สาวเป็นข้าวผัดกุนเชียง ผักพริกหยวกอร่อยส่วนข้าวผัดเลี่ยนน้ำมันแล้วกุนเชียงแข็งมาก ราคาชามละ 20 หยวน

เสร็จจากที่นี่เรียก didi ไปต่อที่วันป่าเจย์ Sipsongpanna Zongfosi ค่าแท็กซี่ประมาณ 18 หยวนวัดนี้เข้าฟรี แต่จะมีในส่วนของสวน Manting เสียค่าเข้า 40 หยวนซึ่งเราไม่ได้เข้าไปค่ะ

เดินเข้าไปในอุโบสถจะเจอพระประธานที่ทำมาจากไม้สานสวยงามมาค่ะ พระที่นี่ดุมากนะคะเขาให้ถอดรองเท้าเข้าไปไหว้พระมีเจ๊คนนึงไม่ถอดท่านตะโกนด่าเลยค่ะ

ที่นี่น่าจะเป็นสถานที่บรรจุอัฐิของเจ้าเมืองสิบสองปันนา ท่านทรงหล่อมากมาย

เสร็จจากตรงนี้ประมาณบ่ายสามโมง เราก็เรียก didi ไปเดินห้างกันที่ห้าง RT-Mart ที่ห้างก็จะมีในส่วนของร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ต แต่เราไม่เห็นแบรนด์เนมนะ เดินช็อปเลือกซื้อของกันพอจ่ายตังค์สรุปของไม่ได้ชั่งแล้วเราเอาขวดน้ำเปล่าที่เรากินแล้วใส่ไปในตะกล้าด้วย พอเราเอาออกไม่ให้เขาคิดตังค์พนักงานถามว่าขวดนี้ซื้อมาจากที่ไหน กว่าจะอธิบายได้ว่าไม่ได้ซื้อมาจากที่นี่อาศัยแอปแปลภาษากันวุ่นเลย เพราะคนที่นี่สื่อสารภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ค่ะ
เราซื้อ KFC ไปกินตอนเย็นเข้าใจว่าเป็นเบอร์เกอร์แต่ไม่ใช่นะ เป็นแป้งขนมปังอร่อยดีเสียดายไม่ได้ถ่ายรูปมาด้วย กลับโรงแรมไปเดินถนนคนเดินเก้าจอมสิบสองเชียง แต่เราไม่มีแอป douyin แสกนเข้าไม่ได้ก็เลยอาศัยเดินตลาดกลางคืนบริเวณใก้ลๆ โรงแรมเอา จบวันที่สองค่ะ

29/12/2567
เมื่อคืนเราเจอร้านขายบะหมี่เปิดตลอด 24 ชม. 7 โมงเช้าวันนี้เราจะไปกินบะหมี่จองหวนกันค่ะ เดินออกจากโรงแรมฟ้ายังไม่สว่างเลย อากาศหนาวมาก เราสั่งเป็นชุดเล็กสุด 38 หยวน
เขาจะเสริฟมาเป็นจานเล็กจานน้อยมีหมู ไก่ ผักต่างๆ นานา และเส้นบะหมี่ที่เหมือนกับเส้นขนมจีนและมีน้ำซุปร้อนๆ ถ้วยใหญ่มาให้ เราก็เอาทุกสิ่งอย่างใส่ลงไปในน้ำซุป รสชาติดีมากอร่อยค่ะ

เก้าโมงเช้าเราเรียกรถไปส่งที่สวนป่าดงดิบ Xishuangbannan Primitive Forest Park ค่ารถประมาณ 33 หยวน เดินทางออกไปนอกเมืองประมาณ 30 นาที เช้านี้อากาศหนาวยิ่งออกนอกเมืองยิ่งหนาวเข้าไปใหญ่ ถึงที่หมายแล้วไปซื้อตั๋วเข้าและรถราง ค่าตั๋วคนละ 18 หยวน ค่ารถรางไปกลับคนละ 60 หยวนค่ะ 

เดินเข้าไปด่านแรกเราจะเจอในส่วนของลานการแสดงชุดพระสุธน มโนราห์ และการแสดงนกยูง โชว์อลังการและสนุกดีนะคะ ใช้เวลาประมาณไม่เกิน 20 นาที ถ้าจะเข้าไปถ่ายรูปกับนกยูงก็ 10 หยวนค่ะ

จากนั้นเรานั่งรถรางต่อไปที่นี่จะมีจุดจอด 2 จุด จุดแรกเป็นในส่วนของหมู่บ้านชนเผ่าจำไม่ผิดน่าจะอาข่านะคะ มีการแสดงเหมือนลาวกระทบไม้บ้านเรา แต่เราคนเชียงใหม่ เห็นมาเยอะแล้วเลยไม่ได้ลงค่ะ

จุดที่สองจะเป็นในส่วนของน้ำตก สวนดอกไม้ฤดูร้อน และ ฟาร์มลิงค่ะ เราเดินเข้าไปดูลิงจ๋อ น่ารักเชียว


จากนั้นก็มาซื้อน้ำกินอาหารกลางวันค่ะ ชานมไข่มุก 7 หยวน น้ำเลม่อน 5 หยวนแอบราคาแพงกว่าที่ไทยนะเนีย

เสร็จจากตรงนี้ก็นั่งรถรางกลับไปด้านล่าง เก็บตั๋วรถรางไว้ให้ดีนะคะ ขากลับเขามีฉีกบัตรด้วยรอบแรกดูโชว์ไม่สะใจขอกลับไปดูโชว์อีกซักรอบเถอะ คราวนี้ขออยู่ตรงกลางเอาชัดๆ เลย



จบการแสดงเดินออกไปเรียกรถด้านหน้าถนนเลยนะคะ didi ไม่สามารถมารับผู้โดยสารด้านในได้แต่ก็มีแท็กซี่ให้เรียกด้านในอยู่นะ คือเรากลัวคุยกับเค้าไม่รู้เรื่องไงเลยขอปักหมุด didi สบายใจกว่าแต่ดันไปเจอคนขับพูดมาก ขอเบอร์ ขอ we chat ทำเป็นฟังไม่รู้เรื่องไปจนสุดทาง


ไปช็อปปิ้งกันต่อที่หน้า walmart ห้างนี้จะเป็นซุปเปอร์มาเก็ตอยู่ชั้นใต้ดินที่น่าจะเป็นบ้านของคนท้องถิ่น ราคาอาหารย่านนี้จะถูกกว่าที่เก้าจอมสิบสองเชียงค่ะ



30/12/2567
ตามกำหนดการเครื่องจะบินกลับไทยเวลา 9.30 น. 6.30 น.เราเลยกด didi ปักหมุดสนามบิน International แล้วนะซึ่งค่ารถขึ้นมา 37 หยวนแพงกว่าขามาเท่าตัวแต่เราคิดว่าคงเพราะมันเช้ามาก พอมาถึงสนามบินคนขับไปส่งเราที่ Domistic ซึ่งเราคิดว่าไม่เป็นไรคงเป็นอาคารเดียวกันนั่นแหละเดี๋ยวก็เดินหาเอา เข้าไปถาม information สรุปต้องเดินไปอีกประมาณ 770 เมตร โชคดีที่มีคนท้องถิ่นมาผิดที่เหมือนกัน เดินกันมา 4 คนทั้งมืดทั้งหนาว ทางก็เปลี่ยว ถ้าไม่ได้คนท้องถิ่นมีร้องไห้อ่ะ สื่อสารกันก็ไม่รู้เรื่องเค้าไม่ได้ภาษาอังกฤษกันเลยต้องอาศัยคุยผ่านแอปแปลภาษา พี่สาวลากระเป๋าจนล้อพัง พอเดินมาถึงอาคารตปท. ไม่มีอะไรเลยไม่มีอะไรขายซักอย่างดีที่เราตุนสะเบียงไว้ ก็เลยกินอาหารเช้ามันด้านนอกนี่แหละ เพราะไม่ถึงเวลาเขาก็ไม่ให้เข้าอาคาร
7.30 เปิดให้เข้าอาคารได้ อ๋อจำได้ละที่เดียวกับที่เรามาถึงวันแรกไง ดูหน้าจอไฟล์ทอินเตอร์มีไฟล์ทเชียงใหม่ ไฟล์ทเดียว

ปิดทริปสิบสองปันนา เปิดประสบการณ์เที่ยวจีนแบบไม่ต้องทำวีซ่าครั้งแรก และเที่ยวจีนครั้งแรกหลังโควิด ที่จริงสิบสอบปันนายังมีที่เที่ยวอีกเยอะแยะแต่ส่วนใหญ่ไปกับทัวร์ ทัวร์ก็จะตั้งชื่อสถานที่ท่องเที่ยวเป็นภาษาไทย เราก็ไม่รู้ว่าจะต้องปักหมุด didi เป็นภาษาอังกฤษยังไง ก็เลยขอลงสถานที่เที่ยวอื่นไว้เผื่อใครจะตามรอยนะคะ








ตลาดเช้าไทลื้อ ตลาดม่านก้ง จะมีของขายอาหารไทยลื้อและของสดต่างๆ เปิด 6.00 นถึง 11.00 นให้ปักหมุดไปที่ 景洪农贸市场

Galanba หมู่บ้านวัฒนธรรมไทลื้อ ตรงนี้มีค่าเข้าประมาณ 100 หยวน

หมู่บ้านไทลื้อหัวนา วัดหัวนา Manhena ให้ปักหมุดไปที่ 曼贺纳自然村寨 ไม่เสียค่าเข้า


ขอบคุณที่เข้ามาชมรีวิวค่ะ





 

 














 



Create Date : 07 มกราคม 2568
Last Update : 10 มกราคม 2568 15:04:04 น.
Counter : 448 Pageviews.

0 comments
(โหวต blog นี้) 

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

kumyotha
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]