ถึงจะเป็นภาพเก่า แต่ก็ยังพอจะเข้ากับบรรยากาศปลายฝนต้นหนาวนี้ เผื่อใครยังไม่มีแผนจะเดินทางไปเที่ยวไหนสิ้นปี ขอแนะนำทริปนี้ค่ะ

เป็นทริปขับรถไปเอง 4 วัน 3 คืน

22 ธันวา 54 (พฤหัส)

ออกเดินทางจากสิงห์บุรีตอน ตี 2:42 ขับรถขึ้นเหนือแต่เช้าตรู่ อากาศเย็นสบาย รถน้อย ขับสบายๆ

แวะเซเว่นที่ตาก เพื่อพักเหนื่อย ตอน 6 โมงเช้า หาอะไรรองท้องด้วย หันไปมองท้องฟ้า สวยจริงๆ

ตลอดทางก็แวะพักเป็นระยะๆ เพราะหนทางยังอีกไกล ชมบรรยากาศสองข้างทางก็เพลินไปอีกแบบ

รถติดไฟแดงตรงแยกหลักกิโลนี้พอดี

วัดนี้สวยดี น่าเสียดายที่ไม่ได้แวะเข้าไปไหว้พระ

แล้วก็มาถึงทางแยกเข้าไปสู่ดอยแม่สลอง บรรยากาศสองข้างทางก็ยิ่งชวนมอง ธรรมชาติจริงๆ

บ่ายโมง ในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงที่หมาย ดอยแม่สลอง หมู่บ้านสันติคีรี ก็มุ่งหน้าไปยังที่พักก่อนเลย คืนนี้เราจองห้องพักไว้ที่ คุ้มนายพลรีสอร์ท เพราะศึกษามาเยอะเหมือนกันว่าที่นี่คุ้มค่าที่สุดแล้ว เข้ามาไกลหน่อยแต่ก็ใกล้แหล่งท่องเที่ยว ใกล้ตลาดด้วย และแอบหวังว่าจะได้เจอซากุระเมืองไทยบาน แต่น่าเสียดายที่ยังไม่ถึงเวลา หลังจากเช็คอินแล้ว ก็ขับรถขึ้นเนินไปยังบ้านพักกันได้เลยค่ะ

บ้านพักสวยดีค่ะ บ่ายๆ อย่างนี้แดดแรงนะคะ แต่ก็ยังหนาว 

บ้านพักอยู่ตามแนวเนินเขาค่ะ มีแนวด้านบนและแนวด้านล่าง บ้านเราอยู่แนวล่างค่ะ มองเห็นหลังคานั่นล่ะ

จอดรถไว้แล้วต้องเดินลงบันไดไปบ้านพักค่ะ

ต้นไม้ที่ไร้ใบนี่ น่าจะเป็นต้นนางพญาเสือโคร่งค่ะ ยังไม่แตกดอกเลย

บันไดนำทางสู่บ้านพัก

แอบสงสัยว่าหลังประตูเล็กๆ นี้คืออะไร ก็เลยลองเปิดดู .. เครื่องทำน้ำอุ่น ..

ภายในบ้านค่ะ เปิดประตูเข้าไปก็เจอเตียงนอนเลย

ดึกๆ ใครชอบลุกมาเข้าห้องน้ำต้องระวังนะคะ น่ากลัวค่ะ เพราะพื้นมันเล่นระดับ ก้าวดีๆ ระวังทรุดฮวบลงไปกองกับพื้นด้านล่างได้ ^^

และผ้าห่มบางๆ ผืนเล็กๆ อย่างนี้ แทบจะต้านทานความหนาวไม่ได้เลยล่ะค่ะ หนาวจับใจจริงๆ

เครื่องใช้ภายในห้องก็มีแค่โต๊ะเครื่องแป้ง โต๊ะเล็กๆ ตัวนึง ทีวี

ภายในห้องน้ำก็ไม่ได้มีอะไรมาก แค่ฝักบัว น้ำอุ่น ค่ะ แค่น้ำอุ่นเท่านั้นที่ต้องการ เพราะคงจะไม่สามารถอาบน้ำเย็นๆ ได้

มองจากที่นอนออกไปนอกห้อง จะเห็นวิวเนินเขา สบายตาดีค่ะ

วิวมองจากระเบียงบ้านค่ะ

เก็บของเรียบร้อยแล้ว พักเหนื่อยสักพักนึงก็ออกไปสำรวจข้างนอกกันค่ะ เดินลงมาจากบ้านพักไม่ไกลนักก็จะลงมาถึงถนนแล้ว มีร้านค้าและแผงขายของของชาวเขาอยู่ข้างทางค่ะ

เดินมาอีกนิดนึงก็ถึงหลัก กม.0 แล้วค่ะ เก็บภาพเป็นที่ระลึกซะหน่อย

ซอยข้างๆ หลัก กม. ค่ะ เป็นแผงขายของและร้านชา มีร้านอาหารด้วย ด้านหลังในภาพรู้สึกว่าจะเป็นลานกว้าง เขากำลังเตรียมสถานที่ไว้จัดงานประจำปีของดอยแม่สลองค่ะ วันที่ไปยังไม่ถึงช่วงวันงาน

อืมม กลางวันนี้ยังไม่ได้กินอะไรเลยนี่นา มองๆ หาร้านดีๆ สักร้านก่อน แต่ยังไม่สั่งอะไรมาก แค่สั่งมาลองชิมก่อนค่ะ เลือกร้านเล่าซางโภชนาค่ะ อยู่ในซอยข้างหลัก กม. ใครผ่านไปแถวนั้นลองแวะไปสั่งเมนูนี้ดูนะคะ เมนูคิดเองค่ะ กะเพราหมูใส่เห็ดหอม

อร่อยมากค่ะ ไม่แพงด้วย ซื้อกลับไปนั่งกินที่ระเบียงหน้าบ้าน รับลมเย็นๆ วิวสวยๆ ^^

ไปเยือนถิ่นชาทั้งที เมนูนี้ก็ห้ามพลาด ต้องลองให้ได้ค่ะ หมั่นโถชาเขียว ทานเข้ากันได้ดีกับข้าวผัดกะเพราเลย (แปลกไปไหมเนี่ย ^^)

อิ่มแล้วก็พักผ่อน ตอนเย็นๆ ก็ออกชมอีกสถานที่นึงที่มาถึงที่นี่แล้วต้องแวะไป นั่นก็คือ พระบรมธาตุเจดีย์ศรีนครินทราสถิตมหาสันติคิรี บนยอดดอยแม่สลองค่ะ

ขอแนะนำหน่อยนึงนะคะ สำหรับใครที่คิดจะไปช่วงเย็นๆ ถ้าจะเดินหรือปั่นจักรยานขึ้นไป ให้เผื่อเวลาไว้ให้ดีนะคะ เพราะถ้ามืดแล้วมืดเลยค่ะ แทบไม่มีแสงไฟ

วิวยามเย็น ท้องฟ้าสีสวย

มองเห็นแนวถนนที่มุ่งหน้าขึ้นสู่ยอดดอย

อ่อ.. ข้างบนพระธาตุจะปิดตอนเย็นด้วยนะคะ เลยไม่ได้เข้าไปไหว้พระธาตุด้านใน และเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้เปิดไฟสปอตไลท์รอบๆ พระธาตุด้วยค่ะ เว้นแต่ว่าจะเป็นวันสำคัญๆ ที่เขาจัดงาน

บรรยากาศสองข้างทางขาลงค่ะ พระอาทิตย์ตกไปแล้ว ความมืดเริ่มเข้ามาเยือน

ลงมาถึงหมู่บ้านแล้วก็แวะหาอาหารเย็นทานกันค่ะ เลือกร้านเดิมเพราะอร่อยถูกใจ

เด็กน้อยคนนี้ไม่ใช่เด็กดอยนะคะ เป็นนักท่องเที่ยววัยเยาว์ น่ารักมากๆ เลยค่ะ

เมนูอาหารร้านนี้ค่ะ แอบมีเบอร์โทรโชว์ไว้ด้วย ^^

เลือกสั่งตามรูปนี้มาค่ะ

ตบแต่งซะหน่อย หน้าตาน่าทานไหมคะ

ทั้งหมดนี้แค่ 370 บาทเองค่ะ อร่อยทุกอย่างเลย แต่สั่งมาเยอะไปหน่อย เลยกินไม่หมด T^T 

ทานเสร็จแล้วก็แวะร้านชาซะหน่อย ต้องหาของฝากให้คุณแม่ แนะนำร้านนี้ค่ะ จำชื่อร้านไม่ได้ เลยเอารูปแม่ค้ามาโชว์แทนค่ะ แม่ค้าน่ารัก อัธยาศัยดี ลดราคาให้เยอะเลย แล้วก็ยังชงชานานาชนิดมาให้ชิมมากมายหลายเบอร์หลายเกรดเลยล่ะค่ะ และแบบว่าไม่ใช่นักชิมชา ก็เลยไม่รู้ว่าอย่างไหนเรียกว่าอร่อย หมดกับร้านชาไปเกือบสองพัน อิอิ

อ่อ.. เห็ดหอมที่นี่ราคาถูกดีนะคะ ดอกใหญ่ๆ โลละ 380 บาทค่ะ

ได้ของฝากแล้วก็กลับเข้าที่พักกันค่ะ บรรยากาศยามค่ำคืนก็สวยไปอีกแบบนะคะ อากาศเย็นกว่าตอนบ่ายมาก 

ที่เห็นแสงไฟในภาพเป็นบ้านพักแนวบนค่ะ

รถเหนื่อยมาทั้งวัน ต้องให้เขาพักหน่อยค่ะ

คืนนี้อากาศหนาวมากๆ เชียวล่ะค่ะ เหมือนกับว่าผนังบ้านไม่ได้กั้นลมหนาวไว้ได้เลย ขนาดนี่ยังไม่ใช่ช่วงหนาวสุดๆ นะเนี่ย (แต่ก็ยังไม่หนาวเท่าที่ภูทับเบิก)

23 ธันวา 54

เช้าวันนี้อากาศดีมากๆ และยังคงหนาว ประมาณ 9 โมงเช้าก็ลงไปทานอาหารเช้ากันค่ะ

บรรยากาศภายในห้องอาหาร

ข้าวต้มเห็ดหอมและหมั่นโถทอด รวมอยู่ในค่าที่พักค่ะ

ด้านหน้ารีสอร์ทติดถนนค่ะ เป็นตลาดชาวเขาเล็กๆ ช่วงนี้อาจจะไม่ค่อยคึกคักนักเพราะเป็นวันธรรมดา

เด็กดอยของแท้ค่ะ น่ารักน่าเอ็นดูเชียว

ร้านชาริมถนน

ฟ้าใสๆ ยามเช้าค่ะ

ซอยข้างหลัก กม. ร้านที่ซื้อชาเมื่อคืนค่ะ

นี่ก็ร้านเล่าซางโภชนา

แผงขายของชาวดอย ช่วยๆ กันอุดหนุนหน่อยนะคะ ของที่นี่รับรองว่าถูกกว่าที่ดอยตุง และคุณภาพก็ดีมากค่ะ (ถั่วชนิดต่างๆ ค่ะ หลังจากที่ซื้อมาแล้ว คุณแม่บอกว่า คุณภาพดีและยังราคาถูกอีก น่าเสียดายที่ไม่ได้ซื้อมาเยอะๆ คราวหน้าไปอีก จะเหมากลับมาเลยค่ะ)

ถ้วยละ 10 บาทค่ะ กระป๋องใหญ่ก็ 30 มีสารพัดถั่วเลย แม่ค้าบางคนก็เป็นชาวเขามากๆ แบบว่าคุยกันแทบไม่รู้เรื่องเลยค่ะ ต้องให้แม่ค้าร้านข้างๆ ช่วยแปลให้

ได้ของฝากอีกหน่อยแล้วก็เตรียมตัวลงดอยกันค่ะ

อ่อ.. เกือบลืม.. ก่อนกลับต้องแวะไปที่สุสานนายพลต้วนก่อนค่ะ ตอนแรกหาทางขึ้นไปไม่เจอ ที่แท้ก็ทางเดียวกันกับทางเข้ารีสอร์ทเรานั่นแหละค่ะ แค่ขึ้นเนินสูงขึ้นไปอีก

ระยะทางไม่ไกลค่ะ แต่ถ้าเดินขึ้นไปก็คงเสียเหงื่อและหมดแรงไปเยอะแน่ๆ

ขึ้นมาสูงเชียวล่ะค่ะ

ถึงเวลาต้องกลับแล้วจริงๆ ค่ะ เก็บภาพวิวจากหน้าบ้านพักมาอีกหน่อยนึง (จริงๆ หน้าบ้านมีร่องรอยของไร่ชาหลงเหลือให้เห็นด้วยค่ะ แต่คงไม่มีใครดูแล หญ้ารกไปหน่อยค่ะ)

ขาลงจากดอย ก็ต้องแวะที่นี่ก่อนค่ะ ดอกหมอกดอกไม้รีสอร์ท เข้าไปเก็บภาพสวยๆ กัน เข้าได้ฟรีค่ะ แต่อาจจะหาที่จอดรถยากนิดนึง เพราะคนแวะกันเยอะมากๆ สวนเขาสวยจริงๆ

ถ่ายรูปตอนเช้าอาจจะย้อนแสงสักหน่อย ต้องหามุมกล้องดีๆ ค่ะ แต่ก็สวยจริงๆ ค่ะ ยกนิ้วให้เลย

จากนั้นก็เดินทางต่อค่ะ แวะอีกที่ ที่ไร่ชาดัง ไร่ชา 101 ค่ะ เข้าไปถ่ายรูปไร่ชาก่อน แต่ต้องแอบกระซิบบอกว่าไร่ชาฝั่งร้านค้าสวยกว่าค่ะ

ห้ามเก็บยอดชานะคะ แต่ตอนนี้ไม่มีคนเฝ้าเลยค่ะ ถึงอยากจะเก็บก็ไม่มีให้เก็บค่ะ เพราะเขาเก็บยอดชาไปหมดแล้ว เหลือแต่ต้นชาเขียวๆ ค่ะ

ต้นชาตลอดแนวเนินเขาด้านนี้

ยอดชาอ่อนหลงเหลืออยู่หน่อยนึง เก็บไว้ให้หนอนชาเขียวกินค่ะ อิอิ

เดินข้ามถนนไปยังส่วนร้านค้ากันบ้างค่ะ จะได้เดินผ่านโรงอบชา ได้กลิ่นชาหอมๆ ลอยมาด้วย

ร้านขายชาก็มีค่ะ แต่ก็อย่างที่บอกว่าไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องชา ก็เลยไม่รู้ว่าระหว่างชาที่ตลาดบนดอยกับชาของไร่นี้ ชาที่ไหนจะดีกว่ากัน

เขาแนะนำให้ลองชิม ไข่ต้มชาเขียวสมุนไพร ก็ลองดูค่ะ ฟองละ 10 บาท รสชาติเหมือนไข่พะโล้

แล้วก็ซาลาเปาชาเขียว (แต่นี่ชอบของเซเว่นมากกว่าค่ะ)

และก่อนจะลงจากดอยแม่สลองจริงๆ เก็บภาพวิวไร่ชา 101 (ฝั่งร้านค้า) สวยๆ มาฝากค่ะ

อำลาแล้วนะ ดอยแม่สลอง มีโอกาสอีกเมื่อไหร่จะกลับไปแน่นอนค่ะ

แต่การเดินทางของวันนี้ยังไม่จบนะคะ ที่หมายต่อไปคือดอยตุงค่ะ