If I am an angel, paint me with black wings.
 
เมื่อแอร์เก่าสมัครเป็นแอร์ใหม่


หลังจากลาออกมาจาก Qatar Airways ตั้งแต่ปี 2009 หลังจากบินมา 4 ปีครึ่ง ซึ่งมันก็ผ่านมานานเกือบ 6 ปีแล้ว แต่ไม่น่าเชื่อว่าในเวลาที่เราฝัน บ่อยครั้งที่จะมีความฝันแปลกๆเช่นฝันว่าเรากำลังทำงานอยู่บนเครื่อง หรือบ่อยครั้งที่เราฝันว่าเรากำลังเป็นน้องใหม่เข้าไปเทรน เพื่อรอบินอยู่ ความฝันชัดเจน บางครั้งก็ลืมบ้างเมื่อตื่นนอนมาได้ไม่กี่ชั่วโมง ...


    หลังจากที่เราเลิกเป็นแอร์ ชีวิตก็มีรสชาติใหม่ๆ มีเหตุการณ์สำคัญๆเกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการที่ได้เรียนจบปริญญาโทตามที่ตั้งใจ ได้เปิดร้านเป็นของตัวเอง  มีอะไรอะไรเป็นของตัวเองอย่างที่เคยฝันไว้ ... จนกระทั่งวันนึงด้วยเหตุผลประการต่างๆรวมๆกัน ในวัย 33 ปี เราก็ลุกขึ้นมาสมัครแอร์ค่ะ 


    เราขอข้ามกระบวนการความคิดและเหตุผลในการกลับไปเป็นมาณ ที่นี้ เอาเป็นว่าเพื่อนสนิทหลายคนไลน์มา โทรมา ถามเหตุผลด้วยความเป็นห่วง จนเราต้องอธิบายให้ทุกคนเข้าใจ และพวกนางก็บอกว่าเอ่อ เห็นด้วย ไปเห๊อะ ทุกคนก็เข้าใจดีค่ะ งานทุกงานมีทั้งข้อดีข้อเสีย ใช่ว่าเราจะไม่รู้ว่ามันมีข้อเสีย ยิ่งกับวัยขนาดเรา แต่เราก็ตัดสินใจแล้วและคิดว่าเราไม่ได้อยากไปเป็นแอร์เหมือนตอนเราเด็กๆ เหตุผลเพราะแค่อยากจะเป็นนางฟ้า เรารู้ละว่างานมันหนักนะ มันเหนื่อยนะ มันอดนอน มันห่างบ้าน แต่เราก็อยากจะกลับไปบิน และการสมัครครั้งนี้เราก็ตั้งใจมากๆแม้ว่าเรารู้ว่ามันยากกว่าตอนเรายังสดใสๆเอ๊าะๆอยู่ 


ขั้นตอนและลำดับการเตรียมตัวสมัคร

1. เข้าไปดูตามเวบ เช่น thaicabincrew.com ว่าตอนนี้มีสายการบินไหนเปิดรับสมัครบ้าง และสายที่รับสมัคร สายไหนรับคนที่คุณสมบัติตรงกะเรา พอสแกนปั๊บเราก็เจอกับสายการบินแห่งหนึ่ง  ที่นี่ไม่จำกัดอายุ และเบสที่ Bangkok ด้วยคือไม่ต้องห่างบ้าน นอนบ้านได้ เราเลยดูต่อว่าเค้าต้องการเอกสารอะไรในการสมัครบ้าง มีอะไรที่ต้องไปทำก็ไปทำเช่น ภาพถ่ายในการสมัคร มีเอา TOEIC ด้วย เราก็ไปสมัครสอบซะ

2. ไปถ่ายรูป เราก็หาในเนตอีกว่าที่ไหนเค้าถ่ายรูปไว้สมัครแอร์สวยๆบ้างและราคาไม่แพง สรุปเราก็ไปถ่ายที่ Photolista เพราะใกล้บ้านและไม่เกินงบ และเค้าก็มีชุดให้ยืมถ่าย มีแต่งหน้าทำผมให้ด้วย พร้อม ก็นั่ง BTS ไปถ่าย รูปสวยกว่าตัวจริงเชียว 

3. สมัครสอบโทอิค เนื่องจากที่เคยสอบไว้มันหมดอายุนานแล้ว โทรไปจองที่ศูนย์สอบที่ตึก BB แถวอโศก ตอนไปนี่เดินไปเลยเพราะคอนโดเราอยู่แถวนั้น สะดวกมากมาย สมัยก่อนค่าสมัคร 700 เดี่ยวนี้ 1500 แล้วเน้อ เราก็ลองทำแบบฝึกหัดในเนตไปคร่าวๆสักรอบนึง ส่วนเรื่องฟังเราว่าเราได้แล้ว ก็ไม่ได้ฝึกอะไรไป ถึงเวลาก็ไปสมัคร แล้วก็อีกวันก็ไปรับคะแนน โล่งใจมากคะแนนอยู่ในเกณฑ์พอใจ ได้ 820 สายการบินเอา 600 up ทำให้อันนี้หายห่วง

4. เตรียมเอกสารที่สำคัญ โดยเฉพาะ Resume สำคัญมาก เราจะให้เค้าเห็นว่าเรามีอะไรที่เค้าสนใจ มันก็อยู่ตรงนี้ เราเน้นมากเรื่องที่เราเคยบินมาก่อน ดังนั้นใน Resume เขียนให้เคลียร์ๆ และเอกสารอื่นๆเช่น สำเนาทะเบียนบ้าน บัตรประชาชน transcript สำเนาคะแนน TOEIC ภาพถ่ายทุกอย่างส่งแนบไปค่ะ 


จากนั้นเราก็รอนานพอสมควร ยังเงียบไร้วี่แววที่จะเรียกไป Interview จากสายการบิน แต่ระหว่างนั้นเราก็เข้าไปเชคตามเพจ หรือ Group ต่างๆว่าเพื่อนๆที่สมัครมีใครโดนเรียกหรือยัง ก็ยัง ... จนกระทั่งมีคนตั้ง status ว่ามีการส่งเมลมาเรียกแล้ว เราก็เลยเข้าไปเชคเมล ซึ่งเค้าก็เรียกเราด้วย 


เราชอบการสมัครที่มีการ Screen ผู้สมัครออกก่อนจากใบสมัคร เราไม่ชอบการสมัครที่ให้ walk in เพราะเวลาคนเยอะๆเราว่ามันท้อและเหนื่อยใจมากมาย แบบนี้ถ้าคุณสมบัติหรืออะไรก็ตามเราไม่เข้าตาเค้า ก็ขอให้คัดออกไปเลยเราจะได้ไม่เสียเวลาไป สำหรับครั้งนี้หลังจากเค้าคัดแล้วเค้าก็เรียกไปประมาณ 300 คนในรอบแรกค่ะ ซึ่งในวันแรกเป็นวันที่สำคัญมากสำหรับการสมัคร เพราะถ้ารอบแรกผ่าน ความน่าจะเป็นในการได้ มันก็จะมีมากขึ้น 


1st Interview

ขนาดว่าเราเคยผ่านสนามมาแล้วทั้งหมด ครั้งนี้ครั้งที่ 3 ในชีวิต ( ครั้งแรก EK ตกรอบ ร้องไห้หนักมาก)  เราก็ยังคงตื่นเต้น แต่เราก็สะกดจิตตัวเองว่าอย่าตื่นเต้นสิ เรามาขำขำนะ ถึงเราไม่ได้เราก็ยังดำเนินชีวิตต่อไป ยังมีร้านค้าที่น่ารักรอเราอยู่ เราก็รักร้านของเรานี่ แต่ถ้าได้ก็ดี ใจร่มๆ คิดแบบนี้ใจเราก็สบายขึ้นเยอะค่ะ  


grooming*

ในการมาวันนี้เค้าแบ่งเป็นหลายๆรอบซอยย่อย เราได้รอบ 9 โมงเข้า ซึ่งเวลาแบบนี้เราไม่สามารถไปทำผมที่ร้านทำผมทันเลย เราเลยจำต้องจ้างช่างแต่งหน้าทำผม จริงๆหน้าเราอยากแต่งเองเพราะเราก็แต่งได้ แต่ติดที่ผม เราเลยหาช่างที่ราคาไม่แพงและใจดี ได้มาชื่อพี่อิ๋ว พี่เค้านัด 6 โมงเช้า เราง่วงมากขอบอก แต่งเสร็จประมาณ 8 โมงเช้า ชุดที่ใส่เค้าให้ใส่เป็น blouse สีขาว กระโปรงดำแค่เข่า เราก็จัดไปตามนั้นเป๊ะ เตรียมถุงน่องไว้ทั้งที่ใส่ไปและสำรองเผื่อขาด เล็บก็ทาสีเดียวกะปากคือสีชมพู ขนตาก็ติดแบบไม่เวอร์มาก เอาธรรมชาติๆหน่อย แต่ไม่ติดไม่ได้เดี๋ยวไม่สวย รองเท้าก็เค้าให้ไม่เกิน 3 นิ้วเราก็จัดไปเต็มที่ที่เค้าให้สูงได้ เพราะมันจะได้ทำให้เราสูงและระเบียบร่างกายสวย คือยิ่งสูงยิ่งสวยนั่นแหละ แฟ้มเอกสารหาแบบเรียบร้อยสีดำ กระเป๋าเลือกสีดำเรียบๆไป 


ไปถึงโรงแรมก็เจอผู้สมัครท่านอื่นมากันละ พอนั่งได้พักเดียวก็เรียกเข้าห้องไปส่งเอกสาร ไปเอื้อมแตะ และชั่งน้ำหนัก จากนั้นก็เข้าไปนั่งรอเรียกเข้าพบกรรมการ ตอนนี้ก็คุยโม้กับเพื่อนข้างๆให้หายเครียด แต่ในใจก็แอบตื่นเต้นเหมือนกัน 


พอก่อนถึงเข้าห้อง พี่ๆก็มายืนบริฟให้ฟังว่าต้องทำอะไรบ้าง เข้าไปทีละ 5 คน พอเปิดประตูเราเป็นคนแรกใน 5 คนนั้น เดินตามเส้นที่เค้าทำไว้ ตอนนี้เราพยายามเดินให้ดีสุด ทั้งที่ปกติเดินห่วยมาก จากนั้นยืนเรียงกัน แอร์หนาวมากจนเราสั่นแต่ก็ยืนยิ้ม ที่สังเกตได้คือเค้าเอาไฟสปอร์ตไลท์มาวางในห้อง เราว่าเค้าคงดูผิวหน้า ถ้าใครสิวเยอะเราว่าเค้าจะเห็นได้ง่ายมาก ดังนั้นก่อนการไปสัมภาษณ์ใครมีสิวควรจัดการให้เรียบร้อยไปหาหมอล่วงหน้าไว้เลย ... 


กรรมการให้แนะนำตัวทีละคน คนละ 1 นาที กรรมการเป็นคนไต้หวัน เราก็แนะนำตัว และบอกว่าเคยมีประสบการณ์การบินมาก่อน และลาออกมาเรียนต่อปริญญาโท ตอนนี้ทำงานอะไรก็บอกไป จากนั้นก็ต้องตอบคำถามที่กรรมการยิงมา ใครโดนคำถามไหนก็แล้วแต่ เราก็โดนถามเกี่ยวกับการเล่น social network ในที่ทำงานว่ามันสมควรไหม เราก็บอกว่าไม่สมควรเพราะมันจะทำให้เราไม่มีสมาธิในการทำงาน (ได้ข่าวว่าอยู่ร้านนั่งเล่นประจำ)  และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง งานให้การบริการอย่างงาน cabin crew ยิ่งไม่ควร เพราะเราต้องให้ความปลอดภัยแก่ผู้โดยสาร มือถือนั้นก็ไม่ควรเปิดบนเครื่องด้วย อะไรประมาณนี้ที่ตอบไป ทุกอย่างผ่านไปไวมาก จากนั้นก็เสร็จ ไปนั่งรอที่อีกห้องนึง 


นาทีที่เค้าจะประกาศคนที่ได้ผ่านเข้ารอบในวันถัดไป มันตื่นเต้นมาก นึกถึงตอน Qatar เลย เราคิดว่าเราคงไม่ได้แน่ๆ เพราะทุกคนก็ตอบได้กันอย่างดี แต่สุดท้าย ชื่อที่ประกาศมาก็มีเบอร์ของเรา รู้สึกว่าโชคดีจัง พอเสร็จ คนที่ไม่ผ่านก็เดินออกไปจากห้อง ส่วนคนที่ผ่านก็ไปรับใบที่ให้รายละเอียดว่าใน 2nd Interview นั้นเราต้องมารอบกี่โมง และแต่งตัวยังไงอะไรบ้าง 



2nd Interview


ในรอบนี้ อย่างที่บอกคือความลุ้นมันลดลงกว่ารอบแรก อาจจะเพราะมีการคัดคนออกไปแล้วเกินครึ่ง ดังนั้นความน่าจะเป็นในการได้ของเราก็มีมากขึ้น แต่ทั้งนี้ ผู้สมัครคนอื่นๆในรอบนี้ก็คือคนที่ถูกใจกรรมการทั้งสิ้น ถึงได้ผ่านเข้ารอบมา มันเลยเข้มข้นกว่ารอบแรกแน่นอน และที่สำคัญ ทุกคนน่าจะภาษาดีกันทั้งนั้น จะเฉือนกัน ก็จะตรงจุดขาย และโดนใจกรรมการ ซึ่งเราพยายามจะดึงมันออกมาให้มากที่สุด 


15.00 คือรอบที่เราได้ มีคนผ่านมาในรอบนี้ประมาณ 180 คนได้เท่าที่นั่งนับดู คราวนี้เราานั่ง MRT ไปทำผมแถวตึกฟอร์จูน หมดไปแค่ 200 กว่าบาท ได้ทรงกล้วยหอมที่ถูกใจมาก เรียบๆดี จากนั้นกลับบ้านไปแต่งหน้าเอาแบบหวานๆใสๆซึ่งจริงๆไม่ใช่สไตล์เราเล้ย เสื้อกระโปรงตัวเดิมจากวันก่อน (แต่ซักแล้วนะ)  จนพร้อมและมั่นใจละ





เล็บกับสีลิปสีเดียวกันเป๊ะพอดี





ไปถึงโรงแรมก็เข้าไปนั่งรอเหมือนกับวันแรก คราวนี้เค้าให้เข้าไปทีละ 4 คน แต่ข้างในมีกรรมการ 5 คนนั่งรอสัมภาษณ์อยู่ คราวนี้คงจะได้คุยเยอะหน่อย ซึ่งเราชอบนะการที่ได้คุยเยอะๆมันทำให้เค้ารู้จักเราดี และเราจะได้ขายสิ่งที่เรามีด้วย ดีกว่าคุยไม่กี่ประโยคแล้วมาตัดสินเลย ... ก่อนที่จะเข้าห้องไป ก็มีการถ่ายภาพทีละกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน ซึ่งเราก็แบบว่าแขม่วพุง หันหน้ามุมประจำเราให้แบบว่าไม่อ้วนไรงี้ บิดตัว พอเสร็จก็นั่งรอเข้าสัมภาษณ์ ก่อนเข้าไปก็พบว่าเพื่อนอีก 3 คนทุกคนเคยเป็นแอร์มาก่อนหมดเลย คนนึงบินกับ JAL มาก่อน อีกคน EK อีกคนก็บิน Private Jet แห่งหนึ่งค่ะ 


พอเข้าไปก็เจอกรรมการไต้หวัน 5 คนเลย ดูแล้วน่าจะเป็นระดับผู้บริหาร ส่วนมากเป็นผู้ชาย โดยที่กรรมการให้แนะนำตัว และพอแนะนำตัวเสร็จเค้าก็จะถามจากสิ่งที่เราได้แนะนำตัวไปแล้ว กรรมการถามมาทีละคนจนเราคนที่ 4 ซึ่งเราก็ตอบให้เป็นตัวเรามากสุดคือไม่พยายามที่จะให้ดูดีมากจนเกินไป และแทรกมุกตลอดให้เค้าขำด้วย เช่น เราพูดไปว่าเราเคยบินเครื่องบินมาหลายประเภท ทั้ง Boeing777 AB300 AB340 ไรงี้ เค้าก็ถามว่าชอบบินเครื่องบินไหนมากสุด เราก็บอกว่าชอบโบอิ้ง เพราะมีที่ให้นอนสบายดี กรรมการก็ขำ แต่พอเค้าถามว่าไม่ช่าย ในแง่การทำงาน อ่อ เราก็ปรับโหมดการตอบให้ดูจริงจัง แสดงให้เค้ารู้ว่าเรารู้จริงนะว่าแต่ละเครื่องมันต่างกันอันไหนทำงานสะดวกกว่าเพราะอะไร  จากนั้นเค้าก็ถามแค่เรา กับคนที่นั่งข้างเราว่า ถ้าเค้ารับเรา แล้วสายการบินที่เราเคยบินมาเปิดเบสเมืองไทย เราจะย้ายสายการบินไปหาอันเดิมไหม เราตอบอย่างหนักแน่นพอสมควรว่า ไม่ และก็บอกว่าถ้าคุณให้โอกาสชั้นในวันนี้ แพลนของชั้นก็คือจะทำไปอีกอย่างน้อย3 ปี (คือไปแอบอ่านมาในเนต สัญญาประมาณ 3 ปีพอดี)  และการที่ดิชั้นจะมาถึงวันนี้และได้งานมันไม่ง่ายเลย จึงไม่มีความจำเป็นที่อิช้านจะลาออกไปสมัครที่อื่นใหม่อีก โปรดให้โอกาสให้อิช้านได้ทำงานที่นี่เถอะค่า ประมาณนี้ จบการสัมภาษณ์ ...


จากนั้นเค้าก็จะประกาศผลทางอีเมลค่ะ ในอีกประมาณ 1 สัปดาห์ ระหว่างในก็จิตใจว้าวุ่น มากๆๆๆ ดีที่ไม่ว่าจะได้หรือไม่ได้ เค้าก็จะส่งเมล ซึ่งเอาจริงๆ ความที่จะได้นั้นยากเหมือนกันเพราะ รอบนี้ผ่านเข้ามาร้อยกว่าคน แต่ที่สุดแล้วเค้ารับเพียง 42 คนเท่านั้น ซึ่งทุกคนก็เก่งๆสวยๆดีๆทั้งนั้น หลายคนพูดจีนได้ เราพูดจีนไม่ได้ด้วย 


พอวันที่เค้าประกาศผลทางอีเมล เรากด F5 รัวๆมาก 

จนกระทั่งได้รับเมลที่ Congratulations ให้กับเราและให้เราไปตรวจสุขภาพและตรวจประวัติอาชญากรรม หากผ่านการตรวจแล้วก็ถือว่าเราผ่านการคัดเลือกที่ Final แล้วจริงๆ 


^^ 



to be continued...






Create Date : 19 เมษายน 2558
Last Update : 9 พฤษภาคม 2558 18:29:24 น. 4 comments
Counter : 5840 Pageviews.  
 
 
 
 
สวัสดีครับ....อ่านไป ลุ้นไปด้วย... เอาใจช่วย
ครับ.. แล้วจะติดตามตอนต่อ..
 
 

โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 19 เมษายน 2558 เวลา:4:21:18 น.  

 
 
 
ยินดีด้วยนะคะ
จะติดตามตอนต่อไปค่ะ
 
 

โดย: เนินน้ำ วันที่: 19 เมษายน 2558 เวลา:10:48:03 น.  

 
 
 
ยินดีด้วยจ้ะนุ่น บังเอิญsearch รูปหมอ แต่ไง๋มาเจอบลอคนุ่นได้ เลยได้อ่านซะเลย เห็นใน FB ละล่ะว่าเป็นนางฟ้าอีกครั้ง :) ยินดีด้วยน้า อ่านแล้วรู้สึกว่ายากจริงๆ คัดจากคนเยอะมากเลย เก่งๆๆ
 
 

โดย: mod supatchaya IP: 171.96.179.11 วันที่: 21 เมษายน 2558 เวลา:23:24:16 น.  

 
 
 

น้องนุ่นไม่ได้เขียนในไดอารี่คลับแล้วเหรอคะ พอดีเสิรชแล้วเจอแต่ที่บล็อคแก๊งค์ค่ะ ยินดีด้วยนะคะกับงานใหม่
ตามมาตั้งแต่อยู่โดฮาโน่นแล้ว อิอิ ตามน้องนุ่นกับน้องเหมียวค่ะ

 
 

โดย: touch the sky วันที่: 25 พฤษภาคม 2558 เวลา:16:31:15 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

กำแพงมหัศจรรย์
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ให้ทิปเจ้าของ Blog [?]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




my old blog * http://wonderwall.diaryclub.com


[Add กำแพงมหัศจรรย์'s blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com