สิ่งที่ยากพอๆกับการลดน้ำหนัก หรือเอาเข้าจริงอาจจะยากกว่า คือ การคงสภาพน้ำหนักที่เหมาะสมอยู่ตลอดเวลา ช่วงนี้ผมเองเข้าสู่วัยเลขสามต้นๆแล้ว เพื่อนที่เรียนมหาลัยกลายเป็นหุ่นอาเสี่ยกันไปหมด ใครที่เคยหุ่นดีสมัยเรียนก็มาไว้พุง ใครที่เคยอ้วนก็อ้วนขึ้น เรียกได้ว่าหาคนที่หุ่นดีใน 10 คนจะเจอสัก 1-2 คนแค่นั้น ทั้งๆที่สมัยเรียนแต่ละคนฟิต และเฟิร์มกันมาก เลยมาสู่คำถามว่าอะไรทำให้แต่ละคนเปลี่ยนไปในทางอ้วนขึ้น ทุกคนแทบจะเพราะอาการเดียวกันคือ การใช้ชีวิตแบบคนอ้วน เราทุกคนรู้ดีว่าการใช้ชีวิตแบบคนอ้วน คือ กินอาหารตามใจปาก ของหวาน ของมัน ของเค็ม ไม่ต้องออกกำลังกายเพราะเหนื่อยจากการทำงานมามากแล้ว ปาร์ตี้ต้องไม่ขาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นอนดึกเป็นกิจวัตรเพราะกว่าจะกลับบ้านก็ดึกแล้ว นั่นทำให้ทานข้าวเย็นดึกไปด้วยอีก ส่วนอาหารเช้ารีบเร่งกินแบบด่วนๆ สะดวกซื้อสิแน่นอน ขยับตัวน้อยนั่งหน้าคอมจนปวดไหล่บ่าแล้ว เรียกได้ว่านี่คือชีวิตปกติของคนทำงานออฟฟิสนี่นะ ถ้าเรายอมรับกับทั้งหมดนี้ ในอนาคตเมื่ออายุ 50-60 ปีขึ้นไป เราจะเป็นคนสูงอายุที่มีโรคประจำตัว 1 อย่างเลือกเอา เบาหวาน หรือความดัน หรือ ไขมันสูง ต้องควบคุมอาหารตลอดเวลา นั่นไม่รวมอาการปวดเข่า ขา ที่เกิดจากน้ำหนักที่มาก และที่เห็นชัดคือ ผู้หญิงจะมีหุ่นเถ้าแก่เนี้ย หรือผู้ชายก็มีหุ่นอาเสี่ย อ้วนท้วนน่ารัก

แต่เดี๋ยวก่อน เราเลือกได้นี่นะ มาเริ่มจากวันนี้ก่อนครับ เราไม่อยากได้ผลอย่างไร กำจัดเหตุพวกนั้นให้หมด วิธีต่อไปนี้พนักงานออฟฟิสก็ทำได้ เพราะ เราทำอยู่ และได้ผลดีเสียด้วยนะ

1.       จำกัดเครื่องดื่มรสหวาน หรือเลิกไปเลย สำหรับใครติดหนักๆแบบผมเช่นกาแฟ ขอวันละแก้วพอ ขอกาแฟเย็นเท่านั้น และอย่าลืมคำว่าหวานน้อย ไขมันต่ำถ้าทำได้ด้วยนะครับ วิธีที่จะทำให้กินแก้วเดียวทั้งวันคือ หาแก้วส่วนตัวไปใส่กาแฟ เอาแบบเก็บความเย็นแล้วค่อยๆจิบนะ ได้ทั้งวันแน่นอน ลดโลกร้อนจากแก้วพลาสติกได้ด้วย

2.       จัดสรรเวลาออกกำลังกายให้ได้ 150 นาที ใน 1 สัปดาห์ ขอวันละ 30 นาที 5 วัน คราวนี้สำหรับใครที่เลิกงานดึกวันทำงาน ถ้าไม่อยากออกกำลังตอนดึกก็ขอเป็นช่วงเช้าตื่นเช้ากว่าเดิมสัก 45 นาที 3 วันครับแล้วก็เสาร์ อาทิตย์ อีก 2 วันที่ทุกคนต้องมีเวลาออกกำลังแน่ๆใช่มั้ย ส่วนการออกกำลังกายแบบไหนก็ T25 ไปเลย ไม่ใช้พื้นที่มาก เวลาน้อย ที่บอกว่าไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่มาก เพราะผมเล่นเองใช้พื้นที่แค่ 2 x2 เมตรเองก็เล่นได้แล้ว

3.       การนอน ใครว่าไม่สำคัญ บริหารเวลาใน 1 วัน 24 ชั่วโมงให้ดีนะครับ พยายามนอนอย่าเกินเที่ยงคืนจะดีมากๆ จริงๆตามหลักควรก่อน 4 ทุ่มแต่ผมเองก็ไม่เคยจะทำได้ครับ จะนอนสัก 23.30 น. ส่วนมาก หรือบางทีก็แอบนอนดึกบ้างตามสมควร

4.       อาหารการกิน เรื่องสำคัญเลย อันนี้ขอนำเสนอวิธีในแบบผมนะครับ คือ น้ำเปล่าคู่ใจอย่าให้ขาด พยายามจิบน้ำ ทานน้ำ ให้ได้วันละ 2 ลิตรอย่างต่ำ ตามหลักการเค้าให้ 3 ลิตร แต่เข้าใจว่าสำหรับคนไม่ชอบทาน คงทานยาก เอาวิธีผมไปใช้ครับ น้ำ 1 แก้วในที่นี้คือ 350 CC นะ แก้วปกติทั่วไป หรือ ครึ่งขวดเล็กขายตาม7-11 นั่นแหละ ตอนเช้าตื่นมาใหม่ๆเลย 1 แก้ว อาบน้ำ แต่งตัวเสร็จ หาผักสลัดมาทานก่อนไปทำงานครับ ทำง่าย ทานเร็ว ทานสลัดเสร็จต่อด้วยน้ำอีก 1 แก้ว พอไปถึงที่ทำงาน(คาดว่าแต่ละคนคงเดินทางอย่างต่ำๆ 20 นาทีแน่นอนก็พอดีย่อยครับ) ทานข้าวเช้าต่อ ผมจะทานข้าวเหนียวหมูปิ้ง แซนวิช หรือแม้กระทั่งไก่ทอดข้าวเหนียวก็ทาน ต่อด้วยน้ำอีก 1 แก้ว เป็นอันจบมื้อเช้า คราวนี้สำหรับคอกาแฟจัดเลยครับ ใส่แด้วคู่ใจ แล้วจิบไปทั้งวัน เงื่อนไขอย่างเดียวคือ ก่อนมื้อเที่ยง ขอน้ำอีก 2 แก้ว นะ พอมื้อเที่ยงทานให้ตรงเวลานะครับ อยากทานอะไรทานตามใจแต่ขอแค่ จานเดียวนะ อย่าเบิ้ล แล้วตามด้วยน้ำอีก 1 แก้ว ช่วงบ่ายก็จิบกาแฟแก้วเดิมนี่แหละ ตามด้วยน้ำอีก 2 แก้ว พอถึงบ้านออกกำลังกายเลยไม่มีอู้ แล้วต่อด้วยน้ำอีกตามใจเลยเพื่อทดแทนเหงื่อ ช่วงเย็นอย่าเกิน 2 ทุ่มหาอะไรทาน ผมจะทานข้าวกับผัดผัก หรือปลา ไม่ค่อยเน้นอาหารมันๆเลี่ยนๆนะครับ จบด้วยน้ำอีก 1 แก้ว แล้วจบครับ ถ้าทำทุกวันต่อเนื่อง 30 วัน ชีวิตแบบสุขภาพดีไม่เครียดจนเกินไปก็จะเกิดเป็นนิสัยเอง อีกหน่อยเราก็จะติดกินน้ำเปล่าไปเอง

หวังว่าการแชร์ประสบการณ์ใช้ชีวิตแบบสุขภาพที่ดีจะช่วยให้เพื่อนๆมีกำลังใจและแนวทางในการเริ่มต้นกันนะครับv