ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดภายใต้กฎหมายประเทศสวีเดน โจทก์มอบอำนาจให้นายวรชัย และ/หรือ บริษัทวิคเคอรี่ แอนด์ วรชัย จำกัด ฟ้องและดำเนินคดีแทน ตามหนังสือมอบอำนาจพร้อมคำแปลและหนังสือมอบอำนาจช่วงเอกสารหมาย จ.2 และ จ.1 โจทก์ประกอบกิจการจำหน่ายเครื่องจัดระบบคิว เครื่องคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ และกระดาษพิมพ์บัตรคิว ใช้เครื่องหมายการค้าว่า Q-MATIC ซึ่งได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในประเทศไทย สำหรับสินค้าจำพวก รายการสินค้าคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ เครื่องพิมพ์ใช้กับคอมพิวเตอร์ เป็นต้น เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2544 ตามเอกสารหมาย จ.3 และ จ.4 ส่วนจำเลยที่ 1 จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2534 โดยมีจำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อพร้อมประทับตราสำคัญของบริษัทมีผลผูกพันจำเลยที่ 1 ได้ ตามหนังสือรับรองเอกสารหมาย จ.5 ดวงตราสำคัญของจำเลยที่ 1 ตามเอกสารหมาย จ.5 แผ่นที่ 3 และเอกสารหมาย จ.8, จ.10 ด้านล่างซ้ายมือ โจทก์เคยอนุญาตให้จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าต่าง ๆ ของโจทก์ในประเทศไทยตั้งแต่จำเลยที่ 1 ก่อตั้งบริษัท ต่อมาโจทก์เพิกถอนการอนุญาตให้จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนจำหน่าย และห้ามมิให้จำเลยที่ 1 ใช้เครื่องหมายการค้าที่โจทก์จดทะเบียนไว้ มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันกระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ โจทก์นำสืบว่า จำเลยทั้งสองกระทำผิด 5 กระทง โดยการใช้และแสดงออกซึ่งเอกสารตามเอกสารหมาย จ.8 ถึง จ.12 รวม 5 ชุด อันเป็นความผิดตามฟ้องข้อ 3.1 ถึง 3.5 โดยการเอาชื่อ รูป รอยประดิษฐ์หรือข้อความใด ๆ ในการประกอบการค้าของโจทก์มาใช้หรือทำให้ปรากฏที่รายการแสดงราคา จดหมายเกี่ยวกับการค้า หรือสิ่งอื่นทำนองเดียวกัน เพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่าสินค้า บริการ หรือการค้าของจำเลยที่ 1 นั้น เป็นสินค้าหรือการค้าของโจทก์อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 272 (1) และเป็นกรณีที่จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันเลียนเครื่องหมายการค้าของโจทก์ซึ่งได้จดทะเบียนแล้วในราชอาณาจักรเพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นเครื่องหมายการค้าของโจทก์ อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 274 และตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 109 เห็นว่า สำหรับความผิดฐานเลียนเครื่องหมายการค้าของโจทก์ที่จดทะเบียนไว้แล้วในราชอาณาจักร ตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้าพ.ศ.2534 มาตรา 109 นั้น โจทก์ในฐานะเจ้าของเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนไว้แล้วเป็นผู้มีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในอันที่จะใช้เครื่องหมายการค้านั้นสำหรับสินค้าที่ได้จดทะเบียนไว้แล้วเท่านั้น เมื่อโจทก์เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าซึ่งจดทะเบียนไว้สำหรับสินค้าจำพวก 9 รายการสินค้า คอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์ เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องพิมพ์ใช้กับคอมพิวเตอร์ เครื่องปลายทางคอมพิวเตอร์ จอภาพคอมพิวเตอร์เครื่องเซ็นเซอร์บัตร ส่วนจำเลยทั้งสองใช้ตราประทับของจำเลยที่ 1 อันมีเครื่องหมายอักษรโรมัน Q และคำว่า Q-MATIC ประกอบอยู่ด้วยเป็นหัวกระดาษจดหมายที่จำเลยทั้งสองมีถึงลูกค้าของจำเลยทั้งสองตามเอกสารหมาย จ.8 และ จ.10 กับเป็นหัวกระดาษใบสั่งงานตามเอกสารหมาย จ.9 และ จ.11 และใช้ลงโฆษณากิจการของจำเลยทั้งสองทางอินเทอร์เน็ตในเว็บไซต์ของจำเลยทั้งสองตามเอกสารหมาย จ.12แม้จะตรงกับเครื่องหมายการค้าพิพาทอยู่ด้วย แต่เมื่อจำเลยทั้งสองไม่ได้ใช้เครื่องหมายต่อสินค้าตามรายการสินค้าที่โจทก์จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าไว้ และไม่ใช่ในลักษณะที่เป็นการใช้อย่างเครื่องหมายการค้าแล้ว การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงไม่เป็นความผิดฐานเลียนเครื่องหมายการค้าของผู้อื่นที่จดทะเบียนไว้แล้วในราชอาณาจักร ตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 109 ส่วนความผิดฐานเลียนเครื่องหมายการค้าของผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 274 นั้น เมื่อมาตรา 3 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 ให้ใช้ มาตรา 109 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวแทนบทบัญญัติในส่วนที่เกี่ยวกับการเลียนเครื่องหมายการค้าที่ได้จดทะเบียนภายในราชอาณาจักรตามมาตรา 274 แห่งประมวลกฎหมายอาญาแล้ว จึงไม่จำต้องวินิจฉัยความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 274 อีก สำหรับความผิดฐานเอาชื่อ รูป รอยประดิษฐ์ หรือข้อความใด ๆ ในการประกอบการค้าของผู้อื่นมาใช้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 272 (1) นั้น เห็นว่า การกระทำที่จะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 272 (1) นั้น จะต้องได้ความว่า ผู้กระทำมีเจตนาพิเศษในการเอาชื่อ รูป รอยประดิษฐ์ หรือข้อความใด ๆ ในการประกอบการค้าของผู้อื่นมาใช้ หรือทำให้ปรากฏที่สินค้า หีบ ห่อ เพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นสินค้าหรือการค้าของผู้อื่น แต่ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติแล้วว่า เดิมโจทก์อนุญาตให้จำเลยที่ 1 ซึ่งมีจำเลยที่ 2 เป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าโดยใช้เครื่องหมายการค้าและชื่อทางการค้าคำว่า Q-MATICการที่จำเลยทั้งสองใช้คำดังกล่าวในการประกอบการค้าของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการใช้ตามสิทธิที่จำเลยทั้งสองได้รับอนุญาตจากโจทก์ ไม่ใช่เป็นการกระทำอันมีลักษณะเป็นการเอาชื่อ รูป หรือรอยประดิษฐ์ในการประกอบการค้าคำว่า Q-MATIC ของโจทก์ไปใช้กับการประกอบการค้าของจำเลยที่ 1 โดยไม่มีสิทธิหรือโดยไม่ได้รับอนุญาตจากโจทก์ โดยมีเจตนาพิเศษเพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นสินค้าหรือการค้าของโจทก์แต่อย่างใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติต่อไปว่า จำเลยที่ 1 จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลโดยใช้ตราประทับดังที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งมีคำว่า Q-MATIC ประกอบอยู่ด้วย ตั้งแต่ก่อนที่โจทก์จะจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของตนในราชอาณาจักรหรืออนุญาตให้จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าของโจทก์ในราชอาณาจักรแล้ว ย่อมแสดงให้เห็นว่า จำเลยที่ 1 ดำเนินกิจการโดยแสดงออกว่าเป็นสินค้าและการค้าของจำเลยที่ 1 เองมาโดยตลอด หาได้มีเจตนาพิเศษเพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นสินค้าหรือการค้าของโจทก์แต่อย่างใด แม้ต่อมาโจทก์จะได้แจ้งยกเลิกการอนุญาตให้จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าของโจทก์ และไม่ประสงค์จะให้จำเลยที่ 1 ใช้คำว่า Q-MATIC ประกอบการค้าของจำเลยที่ 1 ต่อไป หากจำเลยทั้งสองยังคงใช้คำดังกล่าวต่อไปอีกก็ย่อมเป็นเพียงความรับผิดทางแพ่งของจำเลยทั้งสอง หากมี ทั้งการที่จำเลยที่ 1 ใช้ตราประทับตามที่จดทะเบียนนิติบุคคลโดยใช้ชื่อและตราประทับที่ประกอบด้วยคำว่า Q-MATIC มาก่อนที่โจทก์จะอนุญาตให้จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าของโจทก์ในราชอาณาจักรนั้นก็ยังมีข้อโต้แย้งอยู่ว่า โจทก์มีสิทธิห้ามจำเลยที่ 1 ใช้ดังกล่าวในการประกอบการค้าของจำเลยที่ 1 หรือไม่ การกระทำของจำเลยทั้งสองยังไม่มีเจตนาอันเป็นองค์ประกอบของการกระทำความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 272 (1) และเมื่อการกระทำของจำเลยทั้งสองไม่เป็นความผิดอาญาทั้งสองฐานความผิดที่โจทก์ฟ้อง โจทก์จึงไม่อาจขอให้บังคับจำเลยทั้งสองตามคำขอทางแพ่งท้ายคำฟ้อง ซึ่งเป็นคำขอที่เป็นผลต่อเนื่องจากความผิดอาญาที่โจทก์ฟ้อง ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษายกฟ้องมานั้น ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศเห็นพ้องด้วยในผล อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.