|
|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | |
|
|
|
11 กุมภาพันธ์ 2550
|
|
|
|
สะบายดี...หลวงพระบาง ตอนที่ 8 สะบายดี วันสุดท้ายของทริปนี้
วันที่ 3 ม.ค. 2550 วันนี้ถือว่าเป็นวันเก็บตกหลวงพระบางของพวกเรา คุณโจ้ออกไปตักบาตรข้าวเหนียวตั้งแต่ยังไม่ 6โมงเช้า ส่วนผมนอนตื่นสายสบายอารมณ์ คุณโจ้กลับมาก็บ่นว่าผมไม่ยอมตื่นไปใส่บาตรด้วยก็เลยไม่มีใครช่วยถ่ายภาพของคุณโจ้ตอนใส่บาตรข้าวเหนียว ซ้ำยังบอกว่าข้างนอกอากาศหนาวมากหายใจออกเป็นควันตลอดเวลาเลย
แม่เฒ่ามารอใส่บาตร(ภาพจากคุณโจ้ครับ)
แถวของพระเณร(ภาพจากคุณโจ้ครับ)
อากาศเย็นสบาย คิดดูสิครับจะสิบโมงอยู่แล้วทั้งเมฆและหมอกยังบดบังดวงตะวันไม่เห็นแดด ยิ่งทำให้ผมขี้เกียจมาก ใจหนึ่งอยากนอนต่ออีกใจก็อยากออกไปรับกับบรรยากาศนอกที่พัก แต่อย่างไรก็ตามคืนนี้เราก็ต้องขึ้นรถบัสเพื่อกลับไปเวียงจันท์ เราจึงต้องลุกขึ้นเก็บของแพ็คใส่เป้ไว้ จากนั้นก็อาบน้ำเพื่อจะเที่ยวเก็บตก ทั้งนี้เนื่องจากตื่นสายกว่าจะเก็บของอาบน้ำเสร็จก็เกือบเที่ยงแล้ว อาหารเช้าควบเที่ยงของเราวันนี้เป็นแหนมเหลือง ซึ่งเป็นภาษาลาว ที่จริงแล้วมันก็ล้ายๆกับขนมเบื้องญวนบ้านเราจะต่างกันหน่อยคือแป้งเขาจะหนากว่าและจะใส่ไข่ไก่สองฟองต่อหนึ่งจาน ข้างในเป็นไส้ผักมีถั่วงอกและต้นหอมเป็นอาทิ ห่อเข้าเป็นรูปสี่เหลี่ยมโรยหน้าด้วยถั่วลิสงป่นและหอมกระเทียมทอด กินกับน้ำจิ้มรสหวาน เปรี้ยว เค็ม ใครชอบเผ็ดก็เติมพริกป่น พริกตำได้ตามชอบใจ เสร็จแล้วก็ชำระเงิน จานละ 5000 กีบ แล้วเราก็ออกเดินทาง
แหนมเหลืองข้างในเป็นไส้ผัก
วันนี้เราไปที่วัดป่าไผ่ซึ่งมีคนบอกว่ามีลายเขียนทองที่ยังสมบูรณ์อยู่มาก จะว่าไปวัดนี้เป็นวัดที่เราลืมแวะเข้าเที่ยวชม เมื่อไปถืงผมสังเกตุเห็นว่าตัวภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนังด้านนอกนั้นลบเลือนไปมากแล้ว แต่ไม่เป็นไรหรอกครับเพราะที่ผมต้องการดูก็คือภาพเขียนลายทองที่ด้านในโบสถ์
ก่อนอื่นขอพูดถึงซุ้มประตูนิดหนึ่งครับ ซุ้มประตูที่นี่เป็นลายปูนปั้นกระดับกระจกมีรายละเอียดสวยงาม
ซุ้มประตูเข้าโบสถ์วัดป่าไผ่
ลวดลายปูนปั้นและประดับกระจกซุ้มประตู
เมื่อเข้าไปดูด้านในก็เห็นภาพเขียนทองไม่รู้จะเรียกว่าลงรักปิดทองได้หรือไม่ แต่ทางลาวเรียกว่าลายพอกคำ บางส่วนแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับนรกสวรรค์คล้ายในเรื่องไตรภูมิ ลายพอกคำในผนังด้านในโบสถ์คล้ายเล่าเรื่องนรกภูมิ
ลายพอกคำในผนังด้านในโบสถ์
พระประธานในโบสถ์วัดป่าไผ่
บานหน้าต่างแกะสักประดับกระจกสี
ถ่ายรูปและนั่งเล่นสักพักเราก็ออกเดินทางกันต่อไปยังวัดเชียงม่วนและวัดจูมค้อง ปิดท้ายที่วัดโพนชัย ต่อด้วยบรรยากาศตลาดม้งแล้วกลับไปนั่งเล่นที่วัดปากคานดูแม่น้ำคาน พอบ่ายคล้อยคุณโจ้ชวนผมไปที่ร้านแถวริมโขงจิบเบียร์ชมทิวทัศน์ของเย็นวันอำลา ตลาดม้ง
เด็กที่มาวิ่งเล่นที่วัดโพนชัย
ดื่มเบียร์พอสบายตัว เราออกไปเดินเล่นแถวตลาดมืดซึ่งร้านรวงเริ่มทยอยกันมาตั้งแล้ว เรากินอาหารเย็นเป็นข้าวผัดผัก เจอเพื่อนคนรู้จักที่เป็นคนไทยจึงพูดคุยกันนิดหน่อยเกี่ยวกับการเดินทางมาและกลับ คุณโจ้นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ซื้อของฝากบางอย่างจึงขอตัวแยกไปให้ผมล่วงหน้ามาก่อน แล้วจะรีบตามมา สักพักเขาก็กระหืดกระหอบมาพร้อมกับโคมไฟในมือที่ซื้อจากสาวขายโคม
สาวขายโคมน่ารัก(ภาพโดยคุณโจ้) ท่ารถที่หลวงพระบางชื่อทางการคือสถานีจอดรถบ้านาหลวง(ภาพจากคุณโจ้ครับ)
เราเดินทางไปสถานีขนส่งด้วยรถสามล้อ สองทุ่มเมื่อถึงขนส่งมีเรื่องวุ่นวายนิดหน่อย(แต่น่าหงุดงิดชะมัด) เราต้องเปลี่ยนจากรถวีไอพี ที่จองไว้เป็นรถธรรมดา โดยทางขนส่งจะคืนค่าตั่วให้หนึ่งหมื่นกีบตามราคาค่าตั๋วที่ต่างกัน ทั้งนี้เนื่องจากว่ารถวีไอพีมีผู้โดยสารไม่เต็มรถจึงไม่เอารถออกซะงั้น โหย! กำลังคิดว่าจะได้นั่งสบาย ๆ สักหน่อยมีเรื่องให้เสียอารมณ์ขนาดหนัก แล้วรถบัสก็ออกเดินทางมาเรื่อย ๆ อย่างค่อนข้างทุลักทุเล ในที่สุดรถที่เรานั่งมันก็มาถึงเวียงจันท์ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 ชั่วโมง ตอนถึงเวียงจันท์มันยังไม่หกโมงเช้าเลยครับ
เช้ามืดวันใหม่ที่เวียงจันท์ เช้ามืดของวันที่ 4 ม.ค. 2550 เรานั่งรถสองแถวออกจากสถานีสายเหนือ เข้ามายังกลางใจเมือง แล้วเราก็เดินเท้าต่อไปยังประตูชัยเพื่อถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
ภายในประตูชัยแหงนมองขึ้นด้านบน
ใจหนึ่งก็อยากเที่ยวดูวัดวาดูเมืองในเวียงจันท์ต่อ แต่ด้วยว่าเงินทองร่อยหรอและค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวมักจะแพงมาก(ต่อรองราคากันให้ตายก็ยังโดนทั้งโขกทั้งสับ)จึงตัดสินใจข้ามกลับมาฝั่งไทย แล้วเช้านั้นเองเราก็มายืนที่หนองคาย มากินข้าวเช้าที่หนองคาย
พิราบขาวที่หนองคายแถวตลาดท่าเสด็จ(ภาพโดยคุณโจ้)
ยามสายไปเดินเที่ยวตลาดท่าเสด็จ ได้สักพักก็กลับมานั่งเล่นนอนเล่นที่สถานีรถไฟ เป็นช่วงเวลาที่ค่อนข้างน่าเบื่อแต่ก็ไม่แย่เกินไปนัก เรารอจนกระทั่งสองทุ่มเศษรถไฟจึงมา ครานี้เราจองตั๋วรถไฟเป็นรถนั่งพัดลมชั้นสองไว้ ขากลับนี้นั่งสบายกว่าขามามาก ๆ เรียกว่าตกกลางคืนก็นอนหลับเหยียดแข้งเหยียดขาได้สบายตัว(แม้จะมีเรื่องขลุกขลักนิดหน่อยซึ่งผมไม่ขอเล่ารายละเอียด) ไม่อยากเชื่อเลยครับว่าผมจะนอนหลับได้บนรถนั่งพัดลมชั้นสองได้สนิทขนาดนั้น
รุ่งขึ้นฟ้าสว่าง เป็นเช้าวันใหม่ของวันที่ 5 มกราคม ผมตื่นขึ้นดูรถราและทิวทัศน์ผ่านหน้าต่างรถไฟไปเรื่อย ๆ พอเข้าเขตกรุงเทพฯ รถไฟเหมือนจะวิ่งช้าลง ครั้นถึงสถานีบางซื่อผมกับโจ้ก็ลงและแบ่งสมบัติกัน
ก่อนแยกย้ายกันกลับบ้านคุณโจ้ถามผมว่า " คราวหน้าไปเที่ยวเวียดนามกันมั้ยพี่ " ผมยิ้มแทนคำตอบ ก่อนจากลา
สะบายดี... แล้วเจอกันใหม่
ขอขอบคุณคู่มือเที่ยวหลวงพระบาง ชุดนายรอบรู้ เขียนโดย ศรัณย์ บุญประเสริฐ ที่ให้ข้อมูลดีๆ ในการเที่ยวมากมาย
ไปตอนที่ 1 / 2 / 3 / 4 / 5 / 6 / 7 / 8
Create Date : 11 กุมภาพันธ์ 2550 |
Last Update : 23 มิถุนายน 2552 13:32:18 น. |
|
10 comments
|
Counter : 1393 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: ชิงดวง วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:19:30:06 น. |
|
|
|
โดย: กะได วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:21:21:40 น. |
|
|
|
โดย: ไม้หอม (Maihom ) วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:22:29:47 น. |
|
|
|
โดย: bite25 วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:12:33:34 น. |
|
|
|
โดย: ไผ่ IP: 99.140.232.93 วันที่: 1 ตุลาคม 2551 เวลา:10:00:14 น. |
|
|
|
โดย: bite25 วันที่: 3 ตุลาคม 2551 เวลา:16:42:56 น. |
|
|
|
โดย: Innovation IP: 96.255.16.241 วันที่: 30 พฤษภาคม 2552 เวลา:4:05:38 น. |
|
|
|
โดย: bite25 วันที่: 4 มิถุนายน 2552 เวลา:16:38:38 น. |
|
|
|
โดย: JingJo IP: 124.120.176.214 วันที่: 14 กรกฎาคม 2552 เวลา:10:42:34 น. |
|
|
|
โดย: bite25 วันที่: 15 กรกฎาคม 2552 เวลา:11:46:53 น. |
|
|
|
| |
|
|
bite25 |
|
|
|
|
ชอบซุ้มประตูโบสถ์วัดป่าไผ่ สวยมากเลยนะ
ทำไมไม่ไปตักบาตรข้าวเหนียวล่ะคะ อิ่มบุญดีออก(อิ่มอากาศหนาวด้วย)
ทริปหน้าจะไปเวียดนามเหรอคะ เราไปมาแล้วแต่ยังเที่ยวไม่ทั่วเลย ไม่ได้ไปเวียดนามเหนือ
ไปแค่เว้ ดานัง ฮอยอัน
เวียดนามก็น่าเที่ยวนะคะ ไปเถอะค่ะ ไม่ผิดหวัง
ถ้าไปเที่ยวเองยิ่งดี