bloggang.com mainmenu search


Title : Karamazofu no Kyoudai
Episode : 11 Network: Fuji TV January 12, 2013
Air time 23.10 Sunday viewership rating : 6.3%



คุณความดีของซีรีย์เรื่องนี้ ขอมอบแด่

Fyodor Dostoyevsky ฟีโอโดร์ ดอสโตเยสกี ผู้เขียนวรรณกรรม The Brothers Karamazov

Ouki Shizuka นักเขียนผู้ดัดแปลงวรรณกรรมรัสเซียเรื่องนี้สู่การเป็นซีรีย์ญี่ปุ่น

Tsuzuki Junichi , Sato Kenta และ Murakami Shosuke ผู้กำกับทั้งสาม ที่กำกับได้ใจในความมืดหม่น

Habuka Yuri ความยอดเยี่ยมของดนตรีประกอบ ที่น้อยนักจะเป็นประเด็นที่มีแก่ใจให้นึกถึง

Ichihara Hayato , Saito Takumi , Hayashi Kento สามนักแสดง สามคาแรคเตอร์ ในบทบาทสามพี่น้องคุโรซาวะ

และ .. เมื่อนักแสดงดี ก็ต้องเป็นความดีของผู้มีหน้าที่แคสติ้ง



ในเมืองคาราสุเมะ , ที่ดินส่วนใหญ่ถูกครอบครองโดย คุโรซาวะ บันโซ หัวหน้าตระกูลคุโรซาวะ ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้าง Kurosawa Estate แม้บันโซจะเป็นที่เกลียดชังของชาวคาราสุเมะเพราะความโลภและวิถีทางการค้าที่สกปรก แต่ก็ไม่มีใครสักคนจะกล้าต่อกรกับอิทธิพลมืดของคนผู้นี้ ซึ่งหากพูดถึงคุโรซาวะ ชาวเมืองจะรู้จักประโยคที่เป็นดั่งคำนิยามของสกุลนี้ "คุโรซาวะ รักสุรา เงินตราและนารี"

บันโซมีลูกชาย ๓ คน



คุโรซาวะ มิตสึรุ ลูกชายคนโตที่ปัจจุบันเป็นคนตกงาน ไม่เป็นโล้เป็นพายและเต็มไปด้วยหนี้สิน จึงต้องใช้ชีวิตแบบพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนรัก เอนโดะ คานาโกะ (แถวบ้านจะเรียกว่า 'เกาะผู้หญิงกิน')



คุโรซาวะ อิซาโอะ ลูกชายคนที่สอง สำเร็จการศึกษาด้านกฏหมายจากมหาวิทยาลัยในโตเกียวด้วยผลการเรียนดีเยี่ยมและสอบผ่านการเป็นทนายความ ทำงานให้กับสถาบันด้านกฏหมายที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง



คุโรซาวะ เรียว ลูกชายคนที่สาม นักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่สี่ กำลังสนใจจะเลือกเรียนเฉพาะทางด้านจิตแพทย์ และพักอยู่ในหอพักใกล้ๆ กับเมืองคาราสุเมะ

มิตสึรุเป็นลูกชายเกิดจากภรรยาคนแรก ส่วนอิซาโอะและเรียวเกิดจากแม่เดียวกันที่เป็นภรรยาคนที่สองของบันโซ





"บ้าน" คือนรกของความกดดัน หากอยู่ในนั้น กับคนผู้นั้นที่ได้ชื่อว่าเป็น "พ่อ" มันเหมือนจะหายใจไม่ออก ความกักขฬะ ความหยาบช้าที่ทำให้เห็นกับสายตาอย่างโจ่งแจ้ง เพราะคนที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกนั้นไม่เคยมีความหมายหรือความสำคัญใดจะต้องนึกถึงจิตใจให้ต้องยับยั้งชั่งใจ



โยชิดะ โคทาโร่ ผู้รับบทพ่อ "บันโซ" เล่นน้อย แต่ให้บรรยากาศกับเรื่องมากโข พ่อผู้ปราศจากความรักและไร้ซึ่งความเมตตา เขาคือผู้เป็นใหญ่ที่กุมอำนาจและไม่ว่าใครหน้าไหน ก็ต้องศิโรราบลงให้

บ้านจึงเป็นที่ที่ทุกคนดิ้นรนจะออกไป เพื่อหาที่สูดอากาศหายใจจากโลกภยนอก แต่การอยู่ห่างไกล ไม่ได้หมายความถึง "อิสรภาพ" ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน พวกเขายังคงติดอยู่ในกรงขัง ในเบื้องลึกของจิตใจยังคงถูกควบคุมทั้งจากอิทธิพลของผู้เป็นพ่อ และจากความมืดมนในจิตใจของตัวเอง



มันเป็นธรรมเนียมที่ต้องมีวันพบปะครอบครัว พวกเขาถูกเรียกตัวกลับบ้าน

สองอาทิตย์หลังจากนั้น บันโซถูกพบเป็นศพอยู่ในห้องของตัวเอง

รอยเลือดน่าสงสัย และสภาพศพนอนที่แปลกประหลาด



เมื่อสามพี่น้องถูกเรียกตัวไปสอบสวน การล้วงลึกเข้าไปในรายละเอียดชีวิตของแต่ละคน ตำรวจพบว่าทั้งสามพี่น้องล้วนมีมูลเหตุจูงใจที่อาจนำไปสู่การฆาตกรรมพ่อของตัวเอง

ณ ช่วงเวลาเกิดเหตุ พวกเขากำลังทำอะไรอยู่ที่ไหน

แต่ละคนไม่มีพยานยืนยันที่อยู่ของตัวเองที่เชื่อถือได้

สามคนจึงตกเป็นผู้ต้องสงสัย ใครคนหนึ่งอาจเป็นฆาตกร
หรืออาจเป็นพวกเขาทั้งหมดที่รวมหัวกัน..ฆ่าพ่อ
เพื่อจะปลดปล่อยตัวเองสู่ความเป็นอิสระ



เมื่อมีพ่อที่โสโครก บ้านหลังนั้นที่พวกเขาเติบโตขึ้นมาจึงเป็นโลกที่โสมม

มิตสึรุ คือลูกไม่เอาไหน ไอ้คนขี้แพ้ ไร้ค่าเหมือนนังแม่สารเลวที่บันโซสุดชิงชัง เขาจึงมักพูดว่าไม่นับมิตสึรุเป็นลูก แต่มิตสึรุก็เติบโตขึ้นมาในบ้านหลังนี้ได้เพราะการเลี้ยงดูด้วยความรักและความเมตตาของ คุโรซาวะ ชิโอริ แม่เลี้ยงที่เป็นแม่แท้ๆ ของน้องชายอีกสองคน แต่ความอบอุ่นในโลกอ้างว้างก็มีอยู่แค่ในช่วงเวลาแสนสั้น เมื่อแม่ด่วนจากไปด้วยการฆ่าตัวตาย



คำสัญญาของพี่ชายคนโต .. สักวันหนึ่งจะพาน้องๆ ไปจากบ้านหลังนี้
พากันหลบหนีไปให้ไกลจากปิศาจที่ชั่วร้าย

แต่มิตสึรุไม่เคยทำได้ เมื่อเขาจากไป เขาไม่เคยกลับมาเพื่อรักษาคำสัญญาของตัวเอง

อิซาโอะผู้น้อง จึงต้องหาทางออกด้วยตนเอง เมื่อไม่มีใครจะช่วยได้ เขาจึงขอเจรจาเพื่อทำข้อตกลงกับปิศาจ การจากไปคือการลงทุน และสัญญาร่างที่ลงนามไว้ คือสิ่งที่อิซาโอะจะต้องกลับมาเพื่อชดใช้มันพร้อมดอกเบี้ย



หากคำสัญญาที่ไม่อาจรักษาคือความขมขื่นที่มิตสึรุแบกไว้ อิซาโอะ ยิ่งขมขื่นหนักกว่าเป็นสองเท่า หนึ่งคือความผิดหวังในตัวพี่ชาย และสองคือสิ่งที่เขาทำก็ไม่ต่างกัน นั่นคือการทอดทิ้งเรียวไว้ลำพังกับปิศาจ



หากอิซาโอะคือลูกเลือดพ่อที่บันโซจะภูมิใจ เรียวก็เป็นลูกที่เลือดแม่แรง อิซาโอะรู้จักเก็บงำความรู้สึก เผชิญหน้าขอเจรจาต่อรองข้อแลกเปลี่ยน วิธีที่อิซาโอะโน้มน้าวพ่อ นั่นแสดงถึงเขาเป็นคนรู้วิธีที่จะเอื้อมคว้าให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ การปล่อยอิซาโอะไปไม่ใช่ความเมตตา แต่เป็นความพึงพอใจหนึ่งที่ได้เห็นเงาของตัวเองอยู่ในตัวอิซาโอะ ให้บันโซได้รู้สึกว่ามิเสียเปล่าที่สายเลือดตนได้สืบทอดไป ส่วนเรียวผู้น้องเป็นคนใจดีมีเมตตาเหมือนแม่ มีความรักความอ่อนโยนต่อผู้คนรอบข้างไม่เว้นแม้แต่กับพ่อที่น่ารังเกียจ

พี่ชายคนโตมิตสึรุจากไป และพี่ชายคนรองอิซาโอะก็จากไปอีกคน

มันอาจจะเหงา แต่เรียวก็เข้าใจ

ไม่มีปากเสียงจะเรียกร้องขอให้ใครคอยอยู่เป็นที่พึ่ง



เพราะเรียวยังเล็กเกินกว่าจะจดจำเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับแม่ เขาจึงไม่อาจเข้าถึงความเจ็บปวดที่พี่ชายทั้งสองต้องแบกรับเกี่ยวกับการตายของเธอ เพื่อที่จะปกป้องหัวใจอันอ่อนโยนของเรียว มิตสึรุและอิซาโอะไม่เคยปริปากถึงสาเหตุที่แม่ฆ่าตัวตายและเกิดอะไรขึ้นบ้างในวันนั้น

หากการหลุดพ้นไปจากกรงขัง จะทำให้ความเจ็บปวดเหล่านั้นได้บรรเทา ทำให้ความกดดันที่บีบคั้นอยู่ในบ้านหลังนี้ได้ผ่อนคลาย เรียวไม่เป็นไรกับการต้องติดค้างอยู่กับพ่อเพียงคนเดียว



ในวันพบปะครอบครัว พวกเขาจำใจต้องกลับมาเพราะการปฏิเสธคำสั่งของบันโซ เป็นเรื่องที่ทำได้แค่คิด

มิตสึรุ ยังคงเป็นไอ้ขี้แพ้เสเพลที่ไร้ค่าและอ่อนแอเกินกว่าจะแก้ไข ประโยชน์อย่างเดียวที่มีอยู่คือความโง่บรมที่ทำให้บันโซหัวเราะได้

อิซาโอะ ลูกชายคนเก่งผู้หลักแหลม ขากลายเป็นผลประโยชน์สุกงอมที่พร้อมแล้วสำหรับการเก็บเกี่ยวผลกำไร ตามหนังสือสัญญาทำกันไว้ ตอนนี้อิซาโอะถึงเวลาต้องใช้คืน (ทั้งต้นทั้งดอก)

เรียว แม้ไม่ชอบใจนักในความอ่อนโยนของลูกชายคนนี้ แต่เพราะเขายังเด็กนั่นจึงเป็นเหตุผลที่บันโซพอจะยอมรับได้ และหวังอยู่เหมือนกันว่า หากเมื่อเขาตาย เรียวจะเป็นคนเดียวที่ร้องไห้เพื่อเขา




เกิดอะไรขึ้นในสองสัปดาห์นั้น ที่ผลักดันไล่ต้อนลูกชายแต่ละคนให้จนมุม และกลายเป็นข้อสันนิษฐานของตำรวจว่าภาวะการณ์เหล่านั้นคือมูลเหตุจูงใจสู่การฆาตกรรม

เรื่องราวสับสนสลับไปมาระหว่างอดีตวัยเยาว์ อดีตสองสัปดาห์ก่อน และปัจจุบันที่กำลังสอบปากคำกันอยู่ในห้องสอบสวนพร้อมการสำรวจจิตวิทยาของสามพี่น้อง บาดแผลที่ถูกสะกิด ความคลางแคลงใจ ที่สับสนปนเปไปกับความเชื่อมั่น แม้ใจหนึ่งสงสัยใคร่รู้กับสิ่งที่กำลังระแวงกันอยู่ลึกๆ แต่ใจหนึ่งก็หวาดกลัวที่จะสูญเสียบางสิ่งบางอย่างไปหากความเป็นจริงได้ปรากฏ และความผูกพันที่เคยใช้ชีวิตพี่น้องและเติบใตในบ้านหลังนั้นมาด้วยกันมันมีบางสิ่งที่ยังต้องการเชื่อใจกันอยู่




มิตสึรุ หมาขี้แพ้ที่ที่ถูกความสิ้นหวังและโทสะเข้าครอบงำ เมื่อจนตรอกก็แว้งกัด

อิซาโอะ
แม้จะเก็บงำความรู้สึก แต่ก็ดูเหมือนว่าคนรอบข้าง (และคนดู) จะสัมผัสได้ถึงความเกลียดชังที่รุนแรง ความเก็บกดขั้นสาหัสที่ส่งผลต่อร่างกายให้เกิดอาการกระตุกเกร็งที่ไหล่อยู่ทุกครั้งเมื่อสถานการณ์บางอย่างเกิดขึ้น ในความอัดแน่นของจิตใจที่มืดดำได้ถูกถ่ายทอดสู่งานเขียนที่เก็บซ่อนจากสายตาพี่น้อง

และแม้แต่ เรียวผู้อ่อนโยน ก็มีช่วงเวลา'เสียศูนย์'ที่รู้สึกว่า พ่อแบบนั้นสมควรตาย

แล้วใครล่ะคือฆาตกร ?




ไม่เคยอ่านหนังสือ The Brothers Caramazov มาก่อน แต่ดูซีรีย์เรื่องนี้แล้วก็ขวนขวายหามาไว้เรียบร้อย เพราะคิดว่าถ้าซีรีย์ดัดแปลงมาแล้วยังได้ประมาณนี้ ต้นฉบับหนังสือย่อมต้องมีความลึกล้ำทางอารมณ์ที่สนุกน่าสนใจเหนือกว่านี้มากแน่ๆ แม้ว่าจะรู้ตัวแล้วฆาตกรเป็นใคร แต่ไม่คิดว่านั่นจะเป็นประเด็นให้หนังสือสนุกน้อยลงไปมากนัก

แต่ถึงจะไม่เคยอ่านก็เกิดความเชื่อขึ้นมาจากการดูซีรีย์เรื่องนี้ว่า ผู้เขียนบทและผู้กำกับคงจะเข้าใจหนังสือเล่มนั้นได้ลึกซึ้ง การดัดแปลงมาเป็นซีรีย์เรื่องนี้จึงเล่นกับความซับซ้อนทางจิตใจได้ดี และเพื่อจะยืนยันความเชื่อนั้นจึงต้องหาหนังสือมาอ่านไงล่ะ เล่มตั้ง ๖๕๐.- Baht หวังว่าค่าของมันจะคุ้มราคา (ตามประสาคนงก)




ยังมีตัวละครอีกสองนางและสองนายที่เกี่ยวพันกับครอบครัวนี้
คานาโกะ ผู้หญิงระหว่างพี่น้องคุรุมิ ผู้หญิงระหว่างพ่อลูก
พ่อบ้านหนุ่ม สุเอะมัตสึ และพ่อบ้านอาวุโสโอกุริ ผู้จงรักภักดีครอบครัวของบันโซ



ในครึ่งแรกของซีรีย์คิดว่าพระเอกทั้ง ๓ คนได้ไกล่เกลี่ยบทบาทและมีความสำคัญอย่างเท่าเทียมกัน เพราะแต่ละตอนก็ได้ลงละเอียดเรื่องราวชีวิตของแต่ละคนที่ได้รับอิทธิพลไปจากสภาพครอบครัวที่เติบโตขึ้นมา รวมถึงการแสดงเรื่องราวที่อาจเป็นมูลเหตุจูงใจสู่การฆาตกรรมพ่อของตัวเองด้วย เรียกว่าผลัดกันนำซีนตอนต่อตอนแบบกินกันไม่ลง



แต่เมื่อเรื่องเข้าสู่ครึ่งหลัง บทบาทก็เป็นไปตามคาด อิซาโอะ คือผู้แบกรับความกดดันที่หนักหนาที่สุด ทั้งในวัยเด็กตอนที่เรียวน้องเล็กยังจำความไม่ได้ ภาพความรุนแรงที่ได้เห็นแม่ถูกกระทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า เลือดของแม่ที่หลั่งริน ศพของแม่ที่นอนตายอยู่ข้างๆ น้องชายที่หลับสนิท น้ำตาและความเจ็บปวดของแม่ยังคงชัดอยู่ในความทรงจำ คำสัญญาของพี่ชายที่เรียวอาจจำไม่ได้ แต่กับอิซาโอะมันได้หยั่งรากลงหัวใจ แม้คำสัญญานั่นไม่จำเป็นสำหรับอิซาโอะอีกต่อไปแล้ว แต่เขาก็ยังมีภาพดีๆ ของพี่ชายที่เคยปกป้องและตั้งใจจะตั้งตนเป็นที่พึ่ง อิซาโอะจึงอยากเห็นมิตสึรุได้ยืดหยัดเอาตัวรอด แต่ไม่ว่าจะผ่านไปนานสักเท่าไร มิตสึรุก็ยังคงเป็นแค่คนที่ล้มเหลว



กับเรียว การเป็นพี่ชายแท้ๆ จากแม่คนเดียวกัน ย่อมทำให้อิซาโอะใกล้ชิดและเอาใจใส่กับเรียวมากกว่าพี่ชายคนโต อิซาโอะเป็นคนที่อยู่ในโลกของความเป็นจริง การตั้งอยู่ในเหตุและผลจะทำให้เข้มแข็งและอยู่รอดเหนือความอ่อนแอทางอารมณ์ที่เกิดขึ้นมาจากความรู้สึกนึกคิด ความอ่อนโยนเกินไปของเรียวจึงเป็นเรื่องขัดแย้งกับสภาพความเป็นจริงอย่างน่าเป็นห่วง แต่เมื่อเรียวเริ่มยอมรับความจริงที่แฝงอยู่ในจิตใจดังที่อิซาโอะชักนำไป กลับยิ่งทำให้อิซาโอะเป็นห่วงยิ่งกว่า เมื่อน้องชายของเขาผู้เป็นตัวแทนแห่งความดีงามได้เอ่ยปากออกมาว่าเขาอยากให้พ่อตาย



เรื่องเลวร้ายอะไรที่บีบคั้นให้แม่ยอมทิ้งลูกชายที่รักสามคนแล้วหลบหนีไปสู่ความตาย คำตอบที่พี่ชายไม่มีให้ และเรียวต้องการจะค้นหา หนี้ที่อิซาโอะต้องชดใช้ให้พ่อ ก็ส่อแววจะไม่มีการสิ้นสุด บันโซย่ำยีและถีบหัวส่งมิตสึรุได้เพราะนั่นคือสิ่งมีชีวิตที่ไม่ต่างอะไรกับขยะ แต่กับหัวคิดอันมีราคาและความแข็งกร้าวของอิซาโอะจะเป็นเครื่องมือหากินชั้นดีที่เขาไม่มีวันจะปล่อยไป อิซาโอะพยายามจะต่อสู้เพื่ออิสระ แต่บันโซจะไม่มีวันปล่อยให้เขาชนะเพื่อได้มัน สัญญากระดาษที่อิซาโอะทำไว้มันไม่สำคัญ เพราะสัญญาสายเลือดนั้น ดูเหมือนว่าอิซาโอะจะต้องตกเป็นทาส



ดังนั้นในเรื่องของบทบาท พ่อขนตายาว- อิชิฮาระ ฮายาโตะ จึงกลายเป็นพระเอกตัวจริงของซีรีย์เรื่องนี้ ถือเป็นการรับบทที่โตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากอย่างน่าใจหาย (เพราะนั่นหมายถึงว่าอีกไม่นานเขาก็จะแก่) และยังเป็นการแสดงฝีมืออีกขั้นให้ได้เห็นว่าฮายาโตะ จะเล่นเป็นตัวร้าย หรือไอ้บ้าโรคจิตได้ หากในอนาคตจะมีใครจ้างวาน

เพราะไม่เคยอ่านหนังสือมาก่อน ดูซีรีย์แล้วจึงชวนติดตามและมีข้อระแวงสงสัย "ใครฆ่า" อยู่ตลอดจิต ในความค้างคาใจระหว่างกัน ก็ทำเอาหวั่นๆ อยู่ด้วยว่ามันจะกลายเป็นคำให้การที่บิดเบือนเหมือนอย่างเรื่องราวของสองพี่น้องในหนังเรื่อง Sway (Yureru) รึเปล่า

เป็นเรื่องที่สนุกดี แต่ก็มีคาใจอยู่เรื่องเดียวว่าทำไมเรตติ้งมันต่ำต้อยเสียจริงๆ



ไซโต้ ทาคุมิ ผู้รับบทพี่ชายคนโต เพิ่งเคยเห็นเล่นเป็นพระเอกของ อายะ อุเอโตะ ในซีรีย์ Itsuka Hi no Ataru Basho de บทนั้นเขาเล่นได้แสนจะจืดชืด ไร้ชีวิตชีวา จึงไม่คิดว่าไซโต้จะเล่นบทนนี้ได้โอเคมาก มิตสึรุเป็นพี่ที่เหมือนจะชื่นชมได้ว่าเป็นคนดีหากได้ดูกันที่เจตนารมณ์ แต่ก็ยังติดอยู่ตรงที่เขาไม่เอาไหนเกินไปนั่นแหละ จะว่าเป็นพี่ชายที่ดีก็เลยพูดไม่ออก เหมือนอิซาโอะยามถูกตั้งคำถามแทงใจ

"นายเกลียดฉัน ใช่มั้ย!"
"นายพูดได้หรือเปล่า ว่านายไม่ได้เกลียดฉัน"

เพราะเรื่องระหว่างกัน มันไม่ได้มีแค่คำสัญญาเพียงเรื่องเดียว

คำตอบที่มีให้ จึงบอกไม่ได้ว่าอิซาโอะจริงใจหรือโกหก



ส่วนเคนโตะ ปกติเขาเล่นเรื่องไหน ขอปิดหน้าจอหนี แต่เรื่องนี้บุคลิกหน้าตาเหมาะกับการเป็นเรียว น้องเล็กผู้โอนอ่อนเป็นอย่างดี (ขอชมการแคสติ้ง)



แม้บันโซจะตายไปแล้ว แต่มันไม่ง่ายกับการจะหลุดพ้น การได้ค้นพบความรู้สึกแท้จริงของตนเองเกี่ยวกับการตายของพ่อ ทำให้เกิดความเคว้งคว้าง และเริ่มต้นจะหลงทาง หรือคนเราจะเลวโดยสายเลือด ?

จิตใจที่ดำมืดระเบิดคำพูดดั่งหนามแหลม พุ่งเป้าเข้าทิ่มแทง

ที่รู้ตัวเองกันดีอยู่แล้วลึกๆ (แต่ไม่อยากยอมรับ) มันไม่เจ็บเท่าที่ได้ฟังจากปาก

จะใช่ความรักหรือ หากพี่น้องไม่เชื่อใจและทำร้ายกัน
ละทิ้งตัวตนที่ดีๆ หลงลืมช่วงชีวิตเคยมีกันในวันเก่า

หรือแท้จริงตลอดมา มันมีเหลือแค่ความเกลียดชัง ที่ฝังลึกกินใจมาช้านาน

นั่นอาจเป็นเพราะตัวเราก็ไม่ต่างจากพ่อ เป็นปิศาจที่ชั่วร้าย
และจำเป็นต้องก้าวล่วงต่อไป บนเส้นทางที่เลวทราม



ในความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้อง

จึงมีทั้งความปรองดองคอยเหนี่ยวรั้ง
และมีทั้งความร้าวฉานคอยผลักไส

(มันเป็นเรื่องราวของจิตใจที่..ซับซ้อน จริงๆนะ)

แต่สำนึกถึงเลือดอีกครึ่งหนึ่งของแม่ผู้แสนดี จะเตือนใจให้ตั้งสติ

ในค่ำคืนหนึ่งแม่เคยบอกไว้ ในความมืดมิดยังมีแสงดาว ดาวดวงนั้นยังส่องสกาวสุกใส แม่อยากให้ลูกๆ เป็นเหมือนดาวดวงนั้น หากใครคนหนึ่งกำลังหลงทาง ขอให้ลูกจงส่องแสงนำทางให้แก่กัน





และต้องขอเอ่ยถึงสิ่งหนึ่งที่ช่วยบิ๊วอารมณ์ดำมืดของหนังเรื่องนี้ได้ดีสุดๆ นั่นก็คือโทนสีของภาพที่ใช้เทา ดำ และ น้ำตาลอยู่ตลอดทั้งเรื่อง ช่วง ๓-๔ตอนแรก ความกดดันในบ้านหลังนั้นในช่วงวันพบปะครอบครัวและแต่ละคนได้รำลึกถึงอดีต ภาพมันดำมากจนรู้สึกมึนหัว ตอนแรกคิดอยู่ว่าทำไมต้องทำภาพหม่นมืดซะขนาดนั้น แต่พอชินแล้วก็เริ่มจะรู้สึกว่า เออนะ ..มันเข้าท่าดีแฮะ โดยเฉพาะการเน้นอากัปกริยาของตัวละคร ( ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นภาพของฮายาโตะ) มันช่วยบิ๊วบรรยากาศและส่งเสริมคาแรคเตอร์ของตัวละครได้อย่างมาก แล้วอย่างภาพอีกาตัวดำ ตุ๊กตาฝรั่งอะไรพวกนั้น มันไม่ได้มีอะไรเกี่ยวพันกับเนื้อเรื่องหรอก แต่มันช่วยสร้างบรรยากาศได้ดีทีเดียว ขอยกเรื่องภาพและดนตรีประกอบฉากแต่ละช่วงจังหวะให้เป็นจุดเด่นที่สุดของซีรีย์เรื่องนี้เลย

ด้วยความชื่นชมไอเดียเป็นอย่างสูง

หมายเหตุ : อ่านข้อมูลหนังสือ The Brothers Karamazov "พี่น้องคารามาซอฟ"
































ขอบคุณข้อมูลจาก Dramawiki
Create Date :31 มีนาคม 2556 Last Update :18 เมษายน 2556 23:36:48 น. Counter : 9420 Pageviews. Comments :5