bloggang.com mainmenu search
 

ใครชอบกินมะม่วงต้องอ่าน!!!
เปิดอนาคตวงการแพทย์
คิดไม่ถึงว่า "มะม่วง" จะส่งผลต่อร่างกายขนาดนี้
ถ้าไม่อ่าน ระวังคุยกับคนทั้งโลกไม่รู้เรื่อง!!!
 
 


มะม่วง ชอบมาก ทั้งแบบดิบและสุก
ที่ชอบมากๆ เวลามาเมืองไทยต้องซื้อประจำเลยคืะ
มะม่วงเขียวเสวย มะม่วงมันขุนศรี มะม่วงอกร่องทอง
ส่วนมะม่วงแรด สมัยก่อนมีขายทั่วไป เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเห็นมีขาย






















ถ้าพูดถึงผลไม้ที่คนไทยนิยมทานกันอย่างแพร่หลาย เชื่อว่าหนึ่งในตัวเลือก
ของคุณต้องมี "มะม่วง" อยู่อย่างแน่นอน ทั้งมะม่วงเปรี้ยว มะม่วงมัน
มะม่วงน้ำปลาหวาน แต่ละเมนูทำเอาเปรี้ยวปากทั้งนั้น แต่ความเด็ด
ของมะม่วงไม่ได้มีดีแค่รสชาติเท่านั้น แต่มะม่วงยังมีประโยชน์ต่อ
ร่างกายชนิที่คุณคาดไม่ถึงเลยทีเดียว

มะม่วงนั้นไม่ว่าจะกินตอนดิบหรือสุกแล้วก็อร่อยไม่แพ้กัน แต่ก็มีหลายคน
ไม่ชอบทาน เพราะเชื่อว่ามะม่วงมีแป้งเยอะ ทานแล้วจะทำให้อ้วน
หารู้ไม่ว่ามะม่วงนี่ล่ะคือผลไม้มากคุณประโยชน์ที่รู้แล้วต้องกรี๊ด
วันนี้กระปุกดอทคอมจะพาไปพบกับข้อมูลคุณประโยชน์ของมะม่วง
อันน่าตื่นตาตื่นใจ ว่าจะดีจริงหรือไม่ รับประทานแล้วจะอ้วนหรือเปล่า
ต้องอ่านไม่งั้นเดี๋ยวคุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่องนะ

มะม่วง เป็นผลไม้ที่มีไขมันอิ่มตัว คอเลสเตอรอล และโซเดียมต่ำ
และยังเป็นแหล่งอาหารที่อุดมด้วยไฟเบอร์ วิตามินบี 6 วิตามินเอ
และวิตามินซี รวมทั้งโพแทสเซียม แมกนีเซียม และสังกะสี
นอกจากนี้ก็ยังมีเควอซิทิน (Quercetin) เบต้าแคโรทีน
(Beta Carotine) กรดโฟลิก และ แอสตรากาลิน (astragalin)
ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีทรงพลัง ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดโรคหัวใจ
ริ้วรอยก่อนวัย โรคมะเร็ง หรือภาวะเสื่อมของอวัยวะต่าง ๆ
ที่เกิดจากสารอนุมูลอิสระ

ลองมาดูกันสิว่ามะม่วง มีแร่ธาตุและวิตามินที่มีประโยชน์ขนาดนี้
แล้วคุณประโยชน์จะมีมากขนาดไหนกัน บอกได้เลยว่าเพียบ !

1. ช่วยควบคุมระดับความดันโลหิต มะม่วงเป็นผลไม้ที่สามารถลด
ระดับความดันโลหิตได้ เพราะในมะม่วงมีสารอาหารที่สำคัญ
ต่อระบบการไหลเวียนของเลือดอย่ างโพแทสเซียมและแมกนีเซียม
ทำให้ระดับความดันโลหิตถูกควบคุมให้อยู่ในระดับที่ปกติ
นอกจากนี้มะม่วงยังมีวิตามินอีที่ช่วยเสริมสร้างฮอร์โมนเพศอีกด้วย

2. ป้องกันโรคมะเร็ง สารประกอบฟีนอล ที่พบในมะม่วงอย่างเช่น
เควอซิทิน (Quercetin) ไอโซเควอซิทริน (isoquercitrin)
แอสตรากาลิน (astragalin) ไฟเซติน (fisetin)
เมทิลแกทเลท (methylgallat) มีฤทธิ์เป็นสารต้านนุมูล
อิสระที่ทำหน้าที่ในการตอต้านการเกิดโรคมะเร็ง
นอกจากนี้ในมะม่วงก็ยังมีเพคติน (pectin) สูง
และมีผลการวิจัยพบว่าสารเพคตินนี่ล่ะที่มีผลต่อ
การป้องกันการเกิดมะเร็งในระบบทางเดินอาหารได้

3. ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น ใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบ
ย่อยอาหารขอแนะนำให้รับประทานมะม่วง เลยล่ะ เพราะ
ในมะม่วงนั้นมีเอนไซม์ที่ช่วยย่อยสลายโปรตีนให้ง่ายต่อการ
ดูดซึมของร่างกาย ขณะที่ไฟเบอร์ในมะม่วงก็สามารถช่วย
ในการย่อยอาหารได้อีกด้วย

4. ป้องกันโรคหัวใจ วิตามินเอและวิตามินอีในมะม่วง
รวมทั้งซีลีเนียม (Selenium) สามารถช่วยป้องกันโรคหัวใจได้
ไม่เพียงเท่านั้นในมะม่วงยังมีวิตามินบี 6 ที่ช่วยป้องกันโรคหัวใจ
ด้วยการลดระดับโฮโมซิสเตอีน (Homocysteine) เพราะเจ้าโฮโมซิสเตอีนนี่
เป็นกรดอะมิโนที่สามารถสร้างความเสียหายให้กับผนังหลอดเลือดได้
อันเป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจนั่นเอง

5. ลดระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL) ในร่างกาย เพคตินและวิตามินซี
ในมะม่วงเป็นพระเอกที่ขาดไม่ได้เลย เพราะสารอาหารทั้ง 2 ชนิดนี้
สามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดที่ไม่ดีในร่างกายได้ แต่ทั้งนี้ผู้ที่ป่วย
ด้วยโรคไข่มันในเลือดสูงก็ควรจะปรึกษาแพทย์ก่อนจะรับประทานจะดีกว่า

6. บำรุงสมอง วิตามินบี 6 ในมะม่วงนอกจากจะช่วยป้องกันโรคหัวใจแล้ว
ก็ยังช่วยป้องกันและสร้างเสริมการทำงานของสมอง เพราะเจ้าวิตามินบี 6
นี้มีส่วนสำคัญในการทำงานของสารสื่อประสาทที่มีส่วนช่วยในการ
กำหนดอารมณ์และรูปแบบในการนอนหลับ การเติมมะม่วงลงไปใน
อาหารจะช่วยให้ร่างกายได้รับกลูตาไมน์ (Glutamine) ซึ่ง
เป็นสารที่ช่วยให้สมองสามารถจดจำและมีสมาดีขึ้น และยังทำให้
เซลล์สมองตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย

7. รักษาโรคเบาหวาน โรคเบาหวาน วิธีการดูแลตัวเองที่ดีที่สุด
คืออการไม่รับประทานของหวาน ซึ่งมะม่วงก็เป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง
แต่ขอบอกไว้เลยว่ามะม่วงนี่ล่ะช่วยรักษาโรคเบาหวานได้ เ
พียงแค่นำใบมะม่วง 10-15 ใบแช่ลงในน้ำอุ่นและปิดฝาให้สนิททิ้ง
ไว้ข้ามคืน จากนั้นในตอนเช้านำน้ำนี้มาดื่มในขณะที่ท้องว่าง
จะสามารถช่วยลดปริมาณน้ำตาลในเลือดได้ วิธีนี้สามารถ
รับประทานได้ทั้งคนที่เป็นเบาหวานหรือไม่เป็นก็ได้หากผู้ที่มีสุขภาพ
ปกติดื่มน้ำแช่ใบมะม่วงก็จะยิ่งช่วยป้องกันโรคเบาหวานได้ดียิ่งขึ้น

8. บำรุงสายตา มะม่วงมีวิตามินเอสูง ดังนั้นจึงช่วยบำรุงสายตา
ให้ยังใสปิ๊งปั๊งอยู่เสมอ นอกจากนี้ยังสามารถช่วยป้องการการเสื่อม
ของจอประสาทตาเมื่ออายุมากขึ้นได้อีกด้วยค่ะ

9. บำรุงผิวพรรณ ต้องยกความดีความชอบให้กับวิตามินเออีกครั้ง
เพราะวิตามินเอในมะม่วงนั้นมีคุณประโยชน์เพียบพร้อมจริง ๆ
แม้แต่ในเรื่องผิวพรรณ การรับประทานมะม่วงทำให้เราได้รับวิตามินเอ
ที่ช่วยกระตุ้นการให ลเวียนของเลือดในเนื้อเยื่อและผิวหนัง
ช่วยให้การอุดตันของรูขุมขนลดลงส่งผลให้ผิวพรรณเรียบเนียนได้

10. รักษาสิว หากใครไม่ชอบทานมะม่วงแต่ก็อยากรักษาสิวให้หาย
โดยไม่พึ่งยาละก็ลองหันมาใช้มะม่วงในการรักษาได้ค่ะ เพราะ
เนื้อมะม่วงนี้แม้เราจะไม่ได้รับประทานแต่ก็สามารถใช้บำรุงผิวพรรณ
ลดสิวบนใบหน้าที่กวนใจได้ เพียงฝานมะม่วงบาง ๆ
วางใบหน้าทิ้งไว้ 30 นาที จากนั้นล้างออก วิตามินเอในมะม่วง
ก็ช่วยลดการเกิดสิวได้เป็นปลิดทิ้งเลย

11. รักษาโรคโลหิตจางในหญิงที่ตั้งครรภ์ มะม่วงเปรี้ยว ๆ ถือเป็น
ของที่ถูกใจว่าที่คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์เป็นอย่างมาก เพราะช่วย
รักษาอาการแพ้ท้องได้เป็นอย่างดี แต่อย่าเพิ่งคิดว่ามะม่วงมีดี
เพียงแค่นั้น เพราะมะม่วงก็มีธาตุเหล็ก ซึ่งเป็นสารอาหารที่
สำคัญต่อหญิงที่กำลังตั้งครรภ์เช่นเดียวกันเพราะหญิงตั้งครรภ์
นั้นมักจะเกิดภาวะโลหิตจางได้ง่าย และการรับประทานมะม่วง
ก็จะช่วยให้ธาตุเหล็กอันเป็นสาเหตุของโรคโลหิตจางมี
ระดับสูงขึ้นอยู่ในเกณฑ์ปกติ

12. สร้างเสริมภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย มะม่วงมีสารเบต้าแคโรทีม
เช่นเดียวกับผักผลไม้มีสีส้มและสีเหลือ งอื่น ๆ เช่น แครอท
เป็นต้น โดยสารเบต้าแคโรทีนนั้นเป็นสารแคโรทีนอยด์อันมี
คุณสมบัติในการสร้างเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง
ฉะนั้นถ้าไม่อยากป่วยง่ายก็ควรจะรับประทานมะม่วงเป็นประจำ
จะทำให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับสารพิษและแบคทีเรียต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น

โอ้โห! ประโยชน์ดีเพียบพร้อมขนาดนี้ จะให้เมินมะม่วงก็คงจะไม่ใช่
เรื่องแล้วใช่ไหมล่ะ แต่จะเลือกมะม่วงดิบหรือมะม่วงสุกก็ว่ากันไป
ที่สำคัญคือห้ามลืมว่ามะม่วงสุกมีน้ำตาลสูง ไม่อยากอ้วนละก็อย่า
รับประทานจนเกินพอดีละ ไม่อย่างนั้นจะได้รอบเอวหนา ๆ
มาเพิ่มด้วยจะร้องไม่ออกนะจะบอกให้

ขอบคุณ siamnwes , tnews.co.th
ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เนต
 



 
Health blog
 
newyorknurse 
Create Date :01 มิถุนายน 2564 Last Update :7 มิถุนายน 2564 4:58:06 น. Counter : 1555 Pageviews. Comments :10