คณะกรรมการจัดงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าภคนีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี มอบหมายให้กรมศิลปากรเป็นผู้รับผิดชอบออกแบบก่อสร้างพระเมรุและอาคารประกอบ
กรมศิลปากรเชิญ พล.อ.ต.อาวุธ เงินชูกลิ่น อดีตอธิบดีกรมศิลปากรและศิลปินแห่งชาติ สาขาสถาปัตยกรรมไทย เป็นผู้ออกแบบ เป็นที่ปรึกษาและควบคุมการก่อสร้างพระเมรุและอาคารประกอบ ตลอดถึงการจัดสร้างพระโกศจันทน์ การบูรณะซ่อมแซมราชรถ และพระยานมาศทุกองค์ เพื่อใช้ในพระราชพิธีครั้งนี้
ในการนี้ พล.อ.ต.อาวุธ ศึกษาและร่างแบบพระเมรุทรงปราสาทยอดมณฑป นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รูปแบบพระเมรุแล้ว พระราชทานกำหนดการพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพในวันที่ 9 เม.ย. 2555
สำหรับพระเมรุเจ้าฟ้าเพชรรัตนฯ เป็นอาคารทรงปราสาทยอดมณฑป หลังคาจัตุรมุขซ้อนสองชั้น สร้างขึ้นบนฐานชานชาลาใหญ่ จากฐานชานชาลาถึงยอดฉัตรสูง 35.59 เมตร
มุขด้านหน้าทิศตะวันตก เป็นทางเสด็จพระราชดำเนิน มุขด้านทิศเหนือ มีสะพานเกรินสำหรับอัญเชิญพระโกศขึ้นประดิษฐานเหนือพระจิตกาธาน
ภายในพระเมรุ มุขหลังด้านทิศตะวันออก เป็นพื้นที่วางเตาเผาพระศพ บริเวณฐานชานชาลาทุกด้าน มีบันไดทางขึ้นลง รายล้อมด้วยรั้วราชวัติ ฉัตร โคม และเทวดาอัญเชิญฉัตรประกอบพระอิสริยยศ
เครื่องยอดพระเมรุเป็นทรงมณฑปมีชั้นเชิงกลอน 5 ชั้น แต่ละชั้นมีซุ้มบันแถลงซ้อน 2 ชั้น
มุมหลังคามีนาคปัก ส่วนบนเป็นองค์ระฆังรับบัลลังก์ เหนือบัลลังก์เป็นชุดบัวกลุ่ม 5 ชั้น ปลียอดแบ่งสองส่วนคั่นด้วยลูกแก้ว บนยอดมีเม็ดน้ำค้าง เหนือสุดปักเบญจปฎลเศวตฉัตร หน้าบันทั้ง 4 ด้านประดับอักษรพระนาม "พร"
โครงสีของพระเมรุโดยรวมเป็นสีทองและสีชมพู ตามสีวันพระราชสมภพ คือวันอังคาร
ภายในพระเมรุตั้งพระจิตกาธาน ประดิษฐานพระโกศไม้จันทน์ ส่วนบนสุดประดับฉัตรผ้า 5 ชั้น
การตกแต่งพระเมรุใช้งานศิลปกรรมแบบซ้อนไม้แทนการแกะสลักไม้จริง เป็นลักษณะพิเศษที่ใช้ในงานพระเมรุ อันถือเป็นงานลำลองสำหรับอาคารใช้งานชั่วคราว
งานพระเมรุครั้งนี้ มีแนวคิดที่ลดการใช้ไม้ จึงเสริมบางส่วนที่เป็นงานซ้อนไม้ ด้วยวิธีการปั้นหล่อถอดพิมพ์ไฟเบอร์กลาส การประดับตกแต่งส่วนอื่นๆ ใช้การปิดผ้าทองย่นสาบสีสอดแววแทนการปิดทองประดับกระจก
การดำเนินการสร้างพระเมรุ กรมศิลปากรเขียนแบบ ขยายแบบพระเมรุและอาคารประกอบ ตามขั้นตอนงานช่างไทย เริ่มปรับพื้นที่บริเวณท้องสนามหลวงฝั่งทิศใต้และเตรียมการเบื้องต้น เพื่อการก่อสร้างอาคารประกอบพระเมรุหลังต่างๆ ที่ใช้ในงานพระราชพิธีดังกล่าว ให้เสร็จสมบูรณ์อย่างสมพระเกียรติทันตามกำหนดการพระราชพิธี
เมื่อวันที่ 16 ม.ค. ที่ผ่านมา กรมศิลปากร กำหนดให้มีพิธียกเสาพระเมรุขึ้น ใช้ฤกษ์ 11.59 น. ซึ่งเป็นมหัทธโนฤกษ์ โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีปิดทอง ผูกผ้าที่เสา ถือสายสูตร และยกเสาพระเมรุขึ้นตั้ง
การยกเสาพระเมรุดังกล่าว เพื่อบวงสรวงบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายบริเวณสนามหลวง ขออนุญาตปลูกสร้างพระเมรุ และเพื่อความเป็นสิริมงคลของงานการก่อสร้างพระเมรุ คณะทำงาน ตลอดจนผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งปวง
credit : khaosod
กรมศิลปากรเชิญ พล.อ.ต.อาวุธ เงินชูกลิ่น อดีตอธิบดีกรมศิลปากรและศิลปินแห่งชาติ สาขาสถาปัตยกรรมไทย เป็นผู้ออกแบบ เป็นที่ปรึกษาและควบคุมการก่อสร้างพระเมรุและอาคารประกอบ ตลอดถึงการจัดสร้างพระโกศจันทน์ การบูรณะซ่อมแซมราชรถ และพระยานมาศทุกองค์ เพื่อใช้ในพระราชพิธีครั้งนี้
ในการนี้ พล.อ.ต.อาวุธ ศึกษาและร่างแบบพระเมรุทรงปราสาทยอดมณฑป นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รูปแบบพระเมรุแล้ว พระราชทานกำหนดการพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพในวันที่ 9 เม.ย. 2555
สำหรับพระเมรุเจ้าฟ้าเพชรรัตนฯ เป็นอาคารทรงปราสาทยอดมณฑป หลังคาจัตุรมุขซ้อนสองชั้น สร้างขึ้นบนฐานชานชาลาใหญ่ จากฐานชานชาลาถึงยอดฉัตรสูง 35.59 เมตร
มุขด้านหน้าทิศตะวันตก เป็นทางเสด็จพระราชดำเนิน มุขด้านทิศเหนือ มีสะพานเกรินสำหรับอัญเชิญพระโกศขึ้นประดิษฐานเหนือพระจิตกาธาน
ภายในพระเมรุ มุขหลังด้านทิศตะวันออก เป็นพื้นที่วางเตาเผาพระศพ บริเวณฐานชานชาลาทุกด้าน มีบันไดทางขึ้นลง รายล้อมด้วยรั้วราชวัติ ฉัตร โคม และเทวดาอัญเชิญฉัตรประกอบพระอิสริยยศ
เครื่องยอดพระเมรุเป็นทรงมณฑปมีชั้นเชิงกลอน 5 ชั้น แต่ละชั้นมีซุ้มบันแถลงซ้อน 2 ชั้น
มุมหลังคามีนาคปัก ส่วนบนเป็นองค์ระฆังรับบัลลังก์ เหนือบัลลังก์เป็นชุดบัวกลุ่ม 5 ชั้น ปลียอดแบ่งสองส่วนคั่นด้วยลูกแก้ว บนยอดมีเม็ดน้ำค้าง เหนือสุดปักเบญจปฎลเศวตฉัตร หน้าบันทั้ง 4 ด้านประดับอักษรพระนาม "พร"
โครงสีของพระเมรุโดยรวมเป็นสีทองและสีชมพู ตามสีวันพระราชสมภพ คือวันอังคาร
ภายในพระเมรุตั้งพระจิตกาธาน ประดิษฐานพระโกศไม้จันทน์ ส่วนบนสุดประดับฉัตรผ้า 5 ชั้น
การตกแต่งพระเมรุใช้งานศิลปกรรมแบบซ้อนไม้แทนการแกะสลักไม้จริง เป็นลักษณะพิเศษที่ใช้ในงานพระเมรุ อันถือเป็นงานลำลองสำหรับอาคารใช้งานชั่วคราว
งานพระเมรุครั้งนี้ มีแนวคิดที่ลดการใช้ไม้ จึงเสริมบางส่วนที่เป็นงานซ้อนไม้ ด้วยวิธีการปั้นหล่อถอดพิมพ์ไฟเบอร์กลาส การประดับตกแต่งส่วนอื่นๆ ใช้การปิดผ้าทองย่นสาบสีสอดแววแทนการปิดทองประดับกระจก
การดำเนินการสร้างพระเมรุ กรมศิลปากรเขียนแบบ ขยายแบบพระเมรุและอาคารประกอบ ตามขั้นตอนงานช่างไทย เริ่มปรับพื้นที่บริเวณท้องสนามหลวงฝั่งทิศใต้และเตรียมการเบื้องต้น เพื่อการก่อสร้างอาคารประกอบพระเมรุหลังต่างๆ ที่ใช้ในงานพระราชพิธีดังกล่าว ให้เสร็จสมบูรณ์อย่างสมพระเกียรติทันตามกำหนดการพระราชพิธี
เมื่อวันที่ 16 ม.ค. ที่ผ่านมา กรมศิลปากร กำหนดให้มีพิธียกเสาพระเมรุขึ้น ใช้ฤกษ์ 11.59 น. ซึ่งเป็นมหัทธโนฤกษ์ โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีปิดทอง ผูกผ้าที่เสา ถือสายสูตร และยกเสาพระเมรุขึ้นตั้ง
การยกเสาพระเมรุดังกล่าว เพื่อบวงสรวงบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายบริเวณสนามหลวง ขออนุญาตปลูกสร้างพระเมรุ และเพื่อความเป็นสิริมงคลของงานการก่อสร้างพระเมรุ คณะทำงาน ตลอดจนผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งปวง
credit : khaosod