คนไทยส่วนใหญ่คงไม่คุ้นกับดอกไม้ของชาวโรมาเนียที่เขาเรียกว่า ต้น เอลเดอร์ (Elderflower) ดอกจิ๋วๆ สีขาวพุ่มเล็กๆ ที่ดูจากสภาพภายนอกไม่ค่อยงาม เสน่ห์ชวนมองแห้งแล้ง แต่คุณค่าภายในกลับเลอล้ำเกิดคุโณปการใหญ่หลวงต่อประเทศนัก
ต้นสมุนไพรที่คุณภาพคับดอก สารพันประโยชน์ ปรุงแต่งได้ทั้งอาหารการกิน (แยม, น้ำเชื่อม, ชัทนีย์ เครื่องปรุง เครื่องเคียงชนิดหนึ่ง, ชา) ไปถึงกรุ่นกลิ่นกายและเครื่องดื่ม เพราะความหอมหวาน นุ่มละมุน
เศรษฐกิจท้องถิ่นที่เลี้ยงปากเลี้ยงท้องชาวบ้าน จนลืมตาอ้าปากได้บ้าง ต้องขอขอบพระทัยในคำชื่นชมของ เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ราชวงศ์แห่งอังกฤษ ที่เคยตรัสว่า ทรานซิลวาเนีย (ถิ่นกำเนิดท่านเคานต์แดร๊กคิวล่า) เป็นแคว้นที่มีทัศนียภาพงดงาม อุดมไปด้วยดอกไม้และกสิกรรมเก่าแก่นายจิม เทิร์นบูลล์ ผจก.บริษัท ทรานซิลวาเนีย ฟู้ด คอมปานี (ทีเอฟซี) ซึ่งตั้งอยู่ที่หมู่บ้านซาซชิส (เป็นของนักธุรกิจ 3 ชาติ โรมาเนีย อเมริกันและออสเตรเลีย ตั้งขึ้น พ.ศ.2553 ด้วยเงินลงทุน 350,000 ยูโร วัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมช่วยเหลือพัฒนาแคว้นด้วยการกระตุ้นเกษตรกรรมดั้งเดิมผ่านโครงการระดับกลาง) บอกว่า บริษัท จะคอยรับดอกเอลเดอร์ที่ชาวบ้านเก็บมาขายทุกเดือนพฤษภาถึงเดือนมิถุนา เพื่อนำไปผลิตแยมกับชัทนีย์ ให้ราคากิโลละ 2 เลย์ หรือ 2 โรม=18.30 บ.
มากกว่าหอบไปขายให้พ่อค้ายาสมุนไพร หากขยันหน่อยวันนึงได้ถึง 20 กิโลฯ ก็มีเงินใส่เป๋าตุงๆ แล้ว 40 เลย์=366 บ. เทียบกับรายได้เฉลี่ยต่อเดือนของชาวโรมาเนียไม่ถึง 6,000 บ. ก็ยังถือว่ารวย แม้เป็นแค่เศรษฐีฤดูกาลก็เถอะ
ส่วน บริษัทบัทเทิ่ลกรีน ก็จะช่วยกลายสภาพดอกเอลเดอร์ จากน้ำดื่มสมุนไพรเบสิกๆ ให้เป็นสุรา & น้ำอัดลม ส่งออกอังกฤษ แคนาดา ออสเตรเลีย ฮ่องกงและญี่ปุ่น
การกอบกู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น+หาวิธีเพิ่มมูลค่า ส่งขายต่างชาติได้เงินบึ้บบั่บยิ้มปีติกันถ้วนหน้าอย่างนี้ไม่ใช่เรื่องยาก...
หากรู้ช่องและไม่มัวเกี่ยง-โกง-กิน!!