ชีวิตและกรรม
เรื่องชีวิตและกรรม มีความสลับซับซ้อนมากดังพรรณนามา คนที่มองชีวิตและกรรมในสายสั้น จึงไม่อาจเข้าใจชีวิตและกรรมอย่างแจ่มแจ้งโดยตลอดได้


แม้ผู้ได้ญาณระลึกชาติหนหลังได้ (ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ) และได้ญาณรู้อนาคต (อนาคตตังสญาณ) แต่ได้ระยะสั้นเพียง ๑ ชาติ หรือ ๒ ชาติ ก็ยังหลงเข้าใจผิดได้ เพราะเห็นผู้ประกอบกรรมชั่วในปัจจุบันบางคนตายแล้วไปบังเกิดในสวรรค์ เห็นผู้ทำกรรมดีบางคนตายแล้วเกิดในนรก เขาไม่มีญาณที่ไกลกว่านั้น จึงไม่อาจเห็นกรรมและชีวิตตลอดสายได้ ส่วนผู้มีญาณทั้งในอดีตและอนาคตไม่มีที่สิ้นสุด เช่นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สามารถเห็นกรรมและชีวิตได้ตลอดสาย ทรงสามารถชี้ได้ว่าผลอย่างนี้ๆ มาจากกรรมอย่างใด


มีตัวอย่างแห่งกรรมมากมายที่ปรากฏในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ว่า บุคคลนั้นๆ ได้ประสบผลดีผลชั่วอย่างนั้นๆ อันแสดงถึงผลกรรมที่สามารถให้ผลข้ามภพข้ามชาติ จะขอนำบางเรื่องมาประกอบพิจารณาในที่นี้


๑. ภิกษุรูปหนึ่ง ชื่อ จักขุบาล ท่านทำความเพียรเพื่อบรรลุมรรคผลจนตาบอดทั้ง ๒ ข้าง พร้อมกับสำเร็จเป็นพระอรหันต์ พระพุทธเจ้าทรงแสดงว่าเป็นผลของกรรมที่เมื่อชาติหนึ่ง พระจักขุบาลเป็นหมอรักษาโรคตา ประกอบยาให้คนป่วยตาบอดโดยเจตนา เพราะคนป่วยทำทีบิดพลิ้วจะไม่ให้ค่ารักษา เรื่องนี้ปรากฏในอรรถกถาธรรมบทภาค ๑ เรื่องจักขุบาล

เรื่องที่เกี่ยวข้อง : //www.oknation.net/blog/bunruang/2008/05/01/entry-1


๒. ชายคนหนึ่ง ชื่อจุนทะ มีอาชีพทางฆ่าหมูขาย คราวหนึ่งป่วยหนัก ลงคลาน ๔ ขา ร้องครวญครางเสียงเหมือนหมู ทุกข์ทรมานอยู่หลายวันจึงตาย เรื่องนี้ปรากฏในอรรถกถาธรรมบท ภาค ๑ เรื่องจุนทสูกริก


๓. ชายคนหนึ่ง มีอาชีพทางฆ่าโคขายเนื้อ วันหนึ่งเนื้อที่เก็บไว้เพื่อบริโภคเอง เพื่อนมาเอาไปเสียโดยถือวิสาสะ จึงถือมีดลงไปตัดลิ้นโคที่อยู่หลังบ้านมาให้ภรรยาทำเป็นอาหาร ขณะที่เขากำลังบริโภคอาหารอยู่นั้นลิ้นของเขาได้ขาดหล่นลงมา เขาคลาน ๔ ขา เหมือนโค ร้องครวญครางทุกข์ทรมานแสนสาหัส และสิ้นชีพพร้อมกับโคหลังบ้าน เรื่องนี้ปรากฏในอรรถกถาธรรมบทภาค ๗ เรื่องบุตรของนายโคฆาต


๔. ภิกษุรูปหนึ่ง ชื่อ ติสสะ เป็นแผลเปื่อยพุพองรักษาไม่หาย พระพุทธเจ้ากับพระอานนท์ไปช่วยดูแลให้อาบน้ำอุ่น แสดงธรรมให้ฟัง พระติสสะได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์พร้อมกับนิพพานในวันนั้น พระพุทธเจ้าทรงแสดงว่าที่เป็นแผลพุพองนั้น เพราะชาติก่อน พระติสสะเป็นพรานนก จับนกขายเป็นอาหาร ที่เหลือก็หักปีกหักขาไว้เพื่อไม่ให้มันบินหนี เรื่องนี้ปรากฏในอรรถกถาธรรมบท ภาค ๒ เรื่องปูติคัตตติสสะ


๕. พระนางโรหิณี ๑ พระขณิษฐาของพระอนุรุท พระญาติของพระพุทธเจ้า ทรงเป็นโรคผิวหนังอย่างแรง ทรงละอายจนไม่ปรารถนาพบผู้ใด เมื่อพระอนุรุทเถระมาถึงเมืองกบิลพัสดุ์ พวกพระญาติต่างก็มาชุมนุมกัน เว้นแต่พระนางโรหิณี พระอนุรุทจึงถามหา ทราบความว่าพระนางเป็นโรคผิวหนัง พระเถระให้เชิญพระนางออกมา แล้วทรงแนะนำให้ทำบุญโดยให้ขายเครื่องประดับต่างๆ เท่าที่มีอยู่ แล้วนำทรัพย์มาสร้างศาลาโรงฉัน ท่านขอแรงพระญาติที่เป็นชาย ให้ช่วยกันทำโรงฉัน


พระนางโรหิณีทรงเชื่อ เมื่อสร้างโรงฉัน ๒ ชั้นเสร็จแล้ว ทรงปัดกวาดเอง ทรงตั้งน้ำใช้น้ำฉันสำหรับพระภิกษุสงฆ์เอง ถวายขาทนียะโภชนียาหารแก่ภิกษุสงฆ์เป็นประจำทุกวัน โรคผิวหนังของพระนางค่อยๆ หายไปทีละน้อยจนเกลี้ยงเกลา โรคนี้เป็นโรคที่เกิดแต่กรรม ต้องเอาบุญมาช่วยรักษา ลดอิทธิพลแห่งกรรม จนไม่มีอานุภาพในการให้ผลอีกต่อไป เหมือนคนกินยาเข้าไปปราบเชื้อโรค


วันหนึ่ง พระพุทธเจ้าเสด็จมาเสวยที่โรงฉันของพระนางโรหิณี แล้วตรัสให้พระนางทราบว่าโรคนั้นเกิดขึ้นเพราะกรรมของพระนางเอง


ในอดีตกาล พระนางโรหิณีเป็นอัครมเหสีของพระเจ้ากรุงพาราณสี มีจิตริษยาหญิงนักฟ้อนคนหนึ่งของพระราชา ได้ทำเองด้วย ให้คนอื่นทำด้วย คือการเอาผลเต่าร้างหรือหมามุ่ยโรยลงบนสรีระของหญิงนักฟ้อนคนโปรดของพระราชา นอกจากนี้ยังให้บริวารเอาผงเต่าร้างไปโปรยบนที่นอนของหญิงนักฟ้อนคนนั้นอีกด้วย หญิงนักฟ้อนคันมาก เป็นผื่นพุพองขึ้นมา ได้รับทุกขเวทนาแสนสาหัส นี่คือบุพกรรมของพระนางโรหิณี พระพุทธเจ้าตรัสเตือนว่าพึงละความโกรธความถือตัวเสีย เรื่องนี้ ปรากฏในอรรถกถาธรรมบท ภาค ๖ เรื่องพระนางโรหิณี


๖. ในอรรถกถาสาราณียธรรมสูตร ภาค ๓ หน้า ๑๑๐–๑๑๒ เล่าไว้ว่า ในพุทธกาลมีภิกษุรูปหนึ่ง มีนิสัยชอบเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ได้ปัจจัยอะไรมาก็แบ่งปันแก่ภิกษุอื่นเสมอๆ ด้วยอานิสงส์นี้ ท่านกลายเป็นผู้มีโชคดีในเรื่องลาภอย่างประหลาด ในที่บางแห่ง ภิกษุอื่นไปบิณฑบาตไม่ได้อาหารอะไรเลย แต่พอภิกษุรูปนั้นไป ปรากฏว่ามีคนมีจิตคิดทำบุญใส่บาตรให้ท่านจนเต็ม ท่านได้นำอาหารเหล่านั้นมาแบ่งให้ภิกษุอื่นๆ จนหมด


คราวหนึ่ง พระเจ้าแผ่นดินมีพระประสงค์จะถวายผ้าแก่พระทั้งวัด มีผ้าเนื้อดีที่สุด ๒ ผืน (คงจะเป็นผ้านุ่งคือผ้าสบงผืนหนึ่ง ผ้าห่มคือจีวรผืนหนึ่ง) พระรูปนั้นทราบเข้าจึงพูดไว้ล่วงหน้าว่า ผ้าเนื้อดี ๒ ผืนนั้น จะต้องตกมาถึงท่านอย่างแน่นอน อำมาตย์ได้ทราบเรื่องนี้ จึงนำเรื่องไปทูลกระซิบพระราชา พระราชาเป็นผู้ถวายผ้าเอง ก็ทรงสังเกตผ้าที่วางซ้อนๆ กันอยู่ พอมาถึงลำดับภิกษุหนุ่มรูปนั้น ก็เป็นผ้าเนื้อดีทั้ง ๒ ผืน ทั้งอำมาตย์และพระราชาต่างมองหน้ากันเป็นเชิงประหลาดใจ

เมื่อทำพิธีถวายผ้าเสร็จแล้ว พระราชาเสด็จเข้าไปหาภิกษุหนุ่มรูปนั้น ด้วยเข้าพระทัยว่าพระรูปนั้นเป็นพระอรหันต์มีญาณวิเศษอย่างแน่นอน จึงตรัสถามว่าพระคุณเจ้าได้บรรลุโลกุตรธรรมตั้งแต่เมื่อไร ภิกษุหนุ่มถวายพระพรว่ายังไม่ได้บรรลุอะไรเลย แต่ที่รู้ว่าผ้าเนื้อดีจะต้องตกแก่ตนนั้น ก็เพราะท่านเป็นผู้บำเพ็ญสาราณียธรรม คือการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่อยู่เป็นนิตย์

ตั้งแต่เริ่มบำเพ็ญมาก็ได้ผลอย่างประหลาดอยู่เสมอ คืออะไรที่ดีที่สุด ถ้ามีการแจกกันโดยไม่เจาะจง สิ่งนั้นก็ต้องตกมาถึงท่าน พระราชาทรงชื่นชมยินดีและทรงอนุโมทนา


๗. ในคัมภีร์อปทาน (อันเป็นพระประวัติที่พระพุทธเจ้าตรัสเล่าถึงเรื่องในอดีตของพระองค์) พระไตรปิฎก เล่ม ๓๒ ตั้งแต่หน้า ๔๗๑ พระองค์ได้ทรงเปิดเผยถึงอดีตกรรมของพระองค์ อันเป็นเหตุบันดาลให้เกิดผลแก่พระองค์ในปัจจุบันมากเรื่องด้วยกัน ขอนำมากล่าวเพียงบางเรื่องดังนี้ ๒


๗.๑ ชาติหนึ่ง พระพุทธองค์เป็นนักเลงชื่อ ปุนาสิ กล่าวใส่ความพระปัจเจกพุทธเจ้าพระนามว่า สุรภี ผู้ไม่ประทุษร้ายพระองค์เลยแม้แต่น้อย ผลของกรรมนั้นทำให้พระองค์ต้องตกนรกอยู่นาน ในพระชาติสุดท้ายถูกนางสุนทรีใส่ความว่าพระองค์ได้เสียกับนาง เป็นเรื่องอื้อฉาวมากเรื่องหนึ่งในพุทธกาล


๗.๒ ชาติหนึ่ง พระพุทธองค์ได้ใส่ความสาวกของพระพุทธเจ้าพระนามว่า สัพพาภิภู (พระนามของพระพุทธเจ้าไม่ใช่ชื่อสาวก) สาวกนั้นชื่อ นันทะ ด้วยผลกรรมนั้น พระองค์ต้องตกนรกอยู่นาน ในพระชาติสุดท้ายที่เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว จึงถูกนางจิญจมาณวิกาใส่ความว่าได้เสียกับนางในพระคันธกุฎี จนนางมีครรภ์ เป็นเรื่องอื้อฉาวที่สุดในพุทธกาล


๗.๓ ชาติหนึ่ง พระพุทธองค์ทรงฆ่าน้องชายต่างมารดาเพราะอยากได้ทรัพย์เพียงผู้เดียว โดยผลักน้องชายลงซอกเขา เอาหินทุ่ม ด้วยผลแห่งกรรมนั้น ในพระชาติสุดท้ายที่เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว จึงถูกพระเทวทัตปองร้ายเอาศิลาทุ่ม แต่เพราะกรรมนั้นเบาบางมากแล้วจึงไม่ถูกอย่างจัง ถูกเพียงสะเก็ดเล็กน้อยที่นิ้วพระบาทเท่านั้น


ข้อสังเกตของสำนักข่าวชาวพุทธ


๑. กรณีนางโรหิณีที่ในอดีตชาติเคยประทุษร้ายผิวพรรณผู้อื่น และเมื่อผลของกรรมตามมาในชาติปัจจุบัน ทำให้นางเป็นโรคผิวหนัง ต่อมานางได้ใช้วิธีทำบุญกุศลเพื่อลดอิทธิพลของผลกรรมชั่วที่ตามมา จนต่อมาได้หายจากโรคผิวหนัง เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่า คนเราสามารถสร้างกุศลกรรมเพื่อทำให้สิ่งที่ร้ายกลายเป็นดี หรือทำให้วิบากกรรมชั่วที่ตามมาสนองให้ทุเลาเบาบางลงไปได้ ไม่ใช่ว่าคนเราจะต้องยอมรับผลของบาปกรรมที่ทำไว้ในอดีตอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ อย่างที่มีการเชื่อกันผิด ๆ กันมาแต่อย่างใด


๒. ผลกรรมชั่วที่พระพุทธองค์เคยได้ประกอบไว้ในอดีตชาตินานแสนนาน เมื่อวิบาก (ผลกรรม) นั้นตามมาถึงในชาติที่พระพุทธองค์ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ท่านจะสังเกตได้ว่ามันกลายเป็นเพียงแค่เหตุปัจจัยที่ส่งผลสืบทอดมาเพื่อให้พระพุทธองค์ได้รับรู้ด้วยปัญญาและกรุณาเท่านั้นเอง และ พระพุทธองค์ก็ทรงสามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ให้ลุล่วงไปด้วยดี นี้เป็นตัวอย่างที่ชี้ให้เห็นว่าผลกรรมชั่วในอดีต แม้จะเคยกระทำมาร้ายแรงเพียงใด แต่ถ้าชาวพุทธหมั่นฝึกฝนพัฒนาตนจนกลายเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ดังเช่นพระพุทธองค์แล้ว ผลของกรรมชั่วต่าง ๆ ก็ไม่สามารถจะทำอันตรายผู้นั้นได้เลย.


*****


บทความนี้คัดมาจากหนังสือ “หลักกรรม และ การเวียนว่ายตายเกิด”

เขียนโดย วศิน อินทสระ

จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ธรรมดา โทร ๐๒-๘๘๘ ๗๐๒๖-๗

//www.budpage.com/vasin02.htm

ขอขอบพระคุณ ...

ที่มา : //www.oknation.net/blog/tocare/2008/07/07/entry-1





Create Date : 21 กรกฎาคม 2551
Last Update : 21 กรกฎาคม 2551 22:27:05 น.
Counter : 524 Pageviews.

2 comments
봄 처녀(Virgin spring) by 홍난파(NanPa Hong) ปรศุราม
(17 เม.ย. 2567 10:09:12 น.)
เรื่องนี้ไม่ง่าย แต่คนมักชอบอะไรที่มันง่ายๆ 121 235 เขาถาม - ตอบกัน 450 > คำถาม : ทำอย่างไ สมาชิกหมายเลข 7881572
(16 เม.ย. 2567 09:58:49 น.)
: หยดน้ำในมหาสมุทร 34 : กะว่าก๋า
(12 เม.ย. 2567 05:52:40 น.)
: หยดน้ำในมหาสมุทร 33 : กะว่าก๋า
(11 เม.ย. 2567 05:15:42 น.)
  
แวะมาเจิมคนแรก....กรรมชั่วที่เคยทำมาแล้วในอดีต กลับไปแก้ไขไม่ได้...ทำได้อย่างเดียวก็คือต้องทำกรรมดีให้มากเข้าไว้...ผลกรรมชั่วจะได้ตามไม่ทัน หรือผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ค่ะ.....
โดย: VICT วันที่: 21 กรกฎาคม 2551 เวลา:13:44:54 น.
  
ขอบคุณค่ะ
โดย: npmail วันที่: 21 กรกฎาคม 2551 เวลา:18:37:23 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Zeri.BlogGang.com

npmail
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด